Blessing Cursed พรวิเศษต้องสาป - ตอนที่ 15 เรื่องสำคัญ
รุ่งเช้าวันใหม่มาพร้อมกับเสียงจอแจของผู้คนที่รู้ข่าวชัยชนะของอาณาจักรก็พากันกลับเข้ามาถิ่นฐานของตน ไลฟ์ตื่นมาพบกับเฮสต์ที่นั่งรออยู่ที่โต๊ะกลางห้องพัก
“นี่พี่สาว เป็นมือสังหารรึไงเนี่ย ย่องเข้ามารอเงียบๆ ในห้องได้ทุกครั้งแบบนี้ ฉันเริ่มกลัวนะ”
เฮสต์ลุกขึ้นค้อมศีรษะเล็กน้อยก่อนจะเดินไปที่ข้างเตียงนอน
“องค์ราชาทรงเรียกตัวท่านไลฟ์ค่ะ หากเตรียมตัวพร้อมแล้วลงไปพบดิฉันที่บาร์ข้างล่างนะคะ”
ไลฟ์ยังไม่ทันตอบรับเสียงเปิดประตูเข้าก็ดังขึ้นพร้อมเสียงเรียกของเมอร์เซเดส
“นี่นายตื่นได้แล้ว…..เหรอ”
ภาพของเฮสต์ที่ยืนอยู่ข้างเตียงนอนกับไลฟ์ที่ยังไม่ลุกจากที่นอนทำให้เมอร์เซเดสตกใจและงุนงงอย่างมาก หนำซ้ำอยู่ๆ คำพูดที่ไลฟ์เคยบอกว่า เขาเอ่ยปากขอตัวนางกับฝาแฝดเป็นรางวัลเพียงเพราะต้องการปล่อยให้ทั้งสามเป็นอิสระทำให้นางเปลี่ยนสีหน้าและท่าทางไปอย่างรวดเร็ว ความรู้สึกอึดอัดในอกอย่างน่าประหลาด ณ เวลานี้มันท่วมท้นออกมาจนแทบจะไม่สามารถเก็บอาการร้อนรนเอาไว้ได้
เมอร์เซเดสพยายามสงบสติอารมณ์ก่อนก้มหน้าพูดด้วยเสียงเรียบเฉยแต่ก็เบาจนแทบจับใจความไม่ได้ ก่อนจะหันหลังเดินออกจากห้องไป
“ถ้าตื่นแล้วก็ไปหาอะไรกินซะนะ”
เฮสต์ยิ้มออกมาบางๆ ก่อนจะหันไปคุยกับไลฟ์ที่นั่งมึนอยู่บนเตียง
“ไม่คิดจะอธิบายอะไรกับนางสักหน่อยเหรอคะ”
“อธิบาย? เรื่องอะไรล่ะนั่น”
หญิงสาวหัวเราะกับความไม่เข้าใจอะไรเลยชายหนุ่มออกมาเบาๆ “ไม่มีอะไรค่ะ รบกวนท่านไลฟ์ทำธุระส่วนตัวตามสะดวกนะคะ ดิฉันขอตัวไปรออยู่ด้านล่างก่อนค่ะ”
“เอ้อนี่พี่สาว…คราวหน้าน่ะ”
“ทำไมเหรอคะ”
“ไม่ต้องย่องมานั่งรอในห้องเงียบๆ ก็ได้นะ ขอล่ะมันน่ากลัว”
เฮสต์ยิ้มออกมาบางๆ ก่อนจะตอบรับคำขอของเด็กหนุ่ม แล้วออกจากห้องไปอย่างรวดเร็ว
“รับทราบค่ะ”
เฮสต์เดินลงบันไดอย่างช้าๆ เพื่อรอให้ไลฟ์จัดการแต่งตัวให้เรียบร้อยก่อนออกเดินทาง นางแวะกล่าวทักทายสามสาวที่กำลังเพลิดเพลินกับมื้อเช้าอยู่ที่บาร์ชั้นล่างของโรงแรม และยังสังเกตเห็นเมอร์เซเดสที่กำลังอยู่ในอาการขุ่นมัว นั่งครุ่นคิดอะไรบางอย่างไปพร้อมกับทานมื้อเช้า
“อรุณสวัสดิ์ค่ะทุกท่าน”
สามสาวทักทายตอบรับก่อนลอร่าจะชักชวนให้เฮสต์ร่วมโต๊ะทานมื้อเช้าด้วยกันอย่างเป็นมิตร
“ทานมื้อเช้าด้วยกันก่อนสิคะคุณเฮสต์”
“ขอบคุณนะคะแต่ไม่เป็นไรค่ะ ดิฉันมาเชิญท่านไลฟ์ตามพระบัญชาของท่านกิลเลียน อีกสักครู่ก็จะออกเดินทางแล้ว”
เมอร์เซเดสที่ได้ยินสาเหตุการปรากฏตัวของเฮสต์ก็ใจชื้นขึ้นมาทันที และหันไปสอบถามถึงแผนการของวันนี้
“องค์ราชาทรงเรียกตัวเขาเหรอคะ”
“ใช่ค่ะ”
“แล้ว…พอจะรู้มั้ยคะว่าจะใช้เวลานานแค่ไหน”
“อันนี้ดิฉันไม่ทราบจริงๆ ค่ะ”
“ถ้างั้น…ฉันอยากให้คำตอบกับท่านฟรีเซียค่ะ”
“ท่านฟรีเซียยังไม่ทรงเสด็จกลับเมืองหลวงค่ะ คาดว่าหากเดินทางไปพร้อมกันอาจได้เข้าเฝ้าค่ะ”
เมอร์เซเดสยิ้มให้เฮสต์ก่อนจะหันไปทานมื้อเช้าต่อด้วยสีหน้าที่สดใสขึ้น แต่เหมือนเฮสต์จะยิงคำถามที่ทำให้นางใจเต้นรัวขึ้นมาอีกครั้ง
“ท่านหญิงคะ…ไม่คิดจะบอกให้ท่านไลฟ์ทราบจริงๆ เหรอคะ เรื่องสำคัญนั่น”
หญิงสาวหน้าแดงขึ้นมาเล็กน้อยเพียงแค่ได้ยินชื่อของผู้ชายที่กำลังเปลี่ยนชุดอยู่ในห้องพัก
“ก็ไม่รู้ว่าเขาจะคิดยังนี่คะ บอกออกไปก็ไม่รู้ว่าคนหัวทึบแบบนั้นจะเข้าใจรึเปล่า”
“แต่ต้องห่างกันถึงสามปีเลยนะคะ ไม่คิดจะบอกให้เขาได้รับรู้ก่อนจะไปเข้าเฝ้าเลยแบบนี้จะดีจริงๆ เหรอคะ”
เมอร์เซเดสดูจะไม่เข้าใจกับสิ่งที่เฮสต์กำลังจะสื่อออกมาก็ทำหน้างง
“หมายความว่ายังไงกันคะนั่นน่ะ”
ลอเรนที่พอจะรับรู้การกระทำของชายหนุ่มที่ผ่านมาและเดาออกได้ว่าเฮสต์จะสื่ออะไรก็ถอนหายใจออกมาดังๆ
“เฮ้อ…ท่านหญิง…นี่ยังไม่รู้ตัวจริงๆ เหรอเนี่ย”
ในหัวของเมอร์เซเดสตอนนี้รู้แค่ว่าเฮ สต์ยังเข้าใจว่านางคือคนในปกครองของไลฟ์เท่านั้น แถมยังไม่รู้ตัวจริงๆ ว่าผู้ชายคนนั้นเองก็มีใจให้กับนางอยู่ไม่น้อย เพียงแต่การที่บอกว่าให้อิสระของเขาความหมายก็คือให้นางเป็นคนเลือกเองว่าจะใช้ชีวิตอยู่ที่ ไมเอ ลศึกษาดูใจทำความรู้จักกันต่อไป หรือเลือกที่จะเดินออกไปจากชีวิตของเขา อีกทั้งเฮส ต์ก็พอจะมองพฤติกรรมของไลฟ์ออกบ้างแล้วว่าเขารู้สึกอย่างไรกับจอมเวทสาว ชาวคาลา มัคคนนี้เช่นกัน แต่การสนทนาก็หยุดอยู่แค่นั้นแล้วทุกคนก็ตั้งหน้าตั้งตาทานมื้อเช้ากันต่อไปด้วยรอยยิ้มปล่อยให้เมอร์เซเดสที่กำลังสับสนนั่งหน้ามุ่ยสงสัยในสิ่งที่เฮ สต์และลอเรนพูดต่อไป
ร่างกายที่ยังอ่อนล้าแม้จะผ่านการพักผ่อนมาแล้วหลายวันทำให้ไลฟ์เคลื่อนไหวอย่างอ้อยอิ่งราวกับต้องการพักผ่อนต่ออีกหลายวัน และขณะที่เขากำลังสวมเสื้ออยู่นั้น เด็กหนุ่มก็สัมผัสได้ถึงสายลมที่พัดผ่านหน้าต่างเข้ามา สายลมประหลาดที่ทั้งอบอุ่นและเย็นสดชื่นในเวลาเดียวกัน ทำให้เขาเองก็รู้สึกถึงกระปรี้กระเปร่าขึ้นอย่างน่าประหลาด ทั้งอาการเหนื่อยล้าที่มีก็หายเป็นปลิดทิ้ง นอกจากนี้สายลมยังพาใครบางคนเข้ามาอยู่ในห้องของเขาอีกด้วย
“ไงไอ้หนู ทำไมหน้าตาเหมือนไม่อยากตื่นอย่างงั้นล่ะ”
“ว่างเหรอลุง”
เฟอัสก์ปรากฏตัวขึ้นพร้อมเหยือกน้ำที่หยิบขึ้นมาจากโต๊ะกลางห้อง ก่อนจะนั่งลงบนเก้าอี้ที่อยู่ใกล้ๆ รินน้ำใส่แก้วดื่มอย่างสบายอารมณ์
“เออ ก็ไม่ค่อยว่างหรอก แต่อยากจะแวะมาดูซะหน่อยว่าผู้ดูแลวิหารของข้ายังสบายดีอยู่มั้ย”
“โคตรไม่อยากตื่นเลยล่ะลุง ว่าแต่ไอ้ผลไม้นั่นสีทองๆ นั่น”
“อวาคว็อตน่ะหรอ อร่อยมั้ยล่ะ”
“ก็อร่อยอยู่หรอก รสหวานๆ เปรี้ยวๆ กับกลิ่นหอมเหมือนน้ำผึ้งนั่นยังติดลิ้นฉันอยู่เลย”
“ก็ดีแล้วนี่”
“มันไม่ใช่แค่ช่วยฟื้นฟูร่างกายใช่มั้ย”
“หมายความว่ายังไง”
“ก็หลังจากกินไอ้นั่นเข้าไป อยู่ๆ ฉันก็มีกำลังมากขึ้นแถมยังเคลื่อนที่ได้รวดเร็วขึ้นจนฉันยังรู้สึกกลัวตัวเองเลยน่ะสิ”
“มันก็ช่วยฟื้นฟูร่างกายของแกจริงๆนั่นแหละ เพียงแค่ข้าใส่ของแถมเข้าไปด้วย”
“เอ้าเฮ้ยลุง!!! แล้วพลังของลุงจะไม่ลดลงเหรอ”
“ไม่หรอกเพราะลึกๆ แล้วในใจของแกก็หวาดกลัว ถึงจะฆ่าแกยังไงก็ไม่ตาย แต่แกก็ยังต้องการพลังที่จะสามารถเอาชนะยอดขุนพลอย่างฮาร์ดิลได้อยู่ดี เพียงแต่แกไม่กล้าที่จะร้องขอเพราะแกกลัว…กลัวว่าเศษเสี้ยวของความเป็นมนุษย์ที่เหลืออยู่ในใจของแกมันจะหายไป”
“ก็เลยยัดเยียดให้ฉันมาดื้อๆ แบบนั้นน่ะเหรอ”
“ก็นะ แต่เอาเถอะยังอยู่ดี ไม่คิดมากเรื่องถูกแย่งผลงานก็ดีแล้ว”
“นี่จับตาดูอยู่ตลอดเลยเหรอ”
“เปล่าหรอก เป็นพี่สาวข้าน่ะ นี่แกลืมแล้วเหรอที่เคยบอกเอาไว้น่ะ”
“เออ…นั่นสินะ”
เฟอัส์ลุกขึ้นบอกลาเด็กหนุ่มก่อนจะหายวับไปทันทีหลังจากพูดจบ
“ข้าต้องไปแล้วล่ะ อ้อมีผู้คนมากมายมาขอพรและก็รอเจอแกอยู่ที่วิหารมาสองวันแล้วนะ ถ้ากลับไปก็อย่าตกใจถ้าพวกเขาจะคิดว่าแกเป็นร่างจุติของข้าก็แล้วกัน ไปแก้ข่าวซะนะ ไปก่อนล่ะ”
‘เออเว้ย เทพเจ้าพวกนี้…นึกจะมาก็มา นึกจะไปก็ไป ขยันทำอะไรเอาแต่ใจกันดีจังเลยแฮะ’
แม้โรงแรมจะเปิดให้บริการและผู้คนก็เริ่มกลับเข้ามาที่หมู่บ้านกันแล้วแต่ก็ถือว่าค่อนข้างเงียบเหงาสำหรับโรงแรมแห่งนี้ ทันทีที่ไลฟ์เดินลงบันไดมาที่ชั้นล่าง เฮสต์ก็เดินไปสั่งอาหารเอาไว้สำหรับเดินทางหนึ่งชุดเพราะสังหรบางอย่าง ส่วนไลฟ์ก็เดินมายังโต๊ะอาหารด้วยสีหน้าที่ยิ้มแย้มสดใส เมอร์เซเดสที่นั่งครุ่นคิดบางอย่างก็เอ่ยปากบอกเรื่องสำคัญกับเขาทันที
“นี่นาย ฉันมีเรื่องสำคัญจะบอกให้นายได้รู้”
“เรื่องอะไรเหรอ”
“คือว่า…ฉัน…จะกลับไปที่คาลามัคน่ะ”
สีหน้าที่สดใสของชายหนุ่มเปลี่ยนไปเล็กน้อย แววตาแสดงถึงอารมณ์หวั่นไหวออกมาชั่วครู่ก่อนจะกลับมาเป็นปกติ
“อย่างงั้นเหรอ”
ไลฟ์เอื้อมมือไปลูบเรือนผมของเมอร์เซเดสอย่างเบามือ ก่อนจะหยิบน้ำผลไม้ขึ้นมารินใส่แก้วแล้วยกดื่มอย่างรวดเร็ว
“ฉันต้องไปธุระแล้วล่ะนะ คุณเฮสต์ไปกันเถอะ”
เฮสต์หันไปหาเจ้าของโรงแรมหยิบอาหารที่สั่งเอาไว้มาแล้วจ่ายค่าที่พักและอาหารของพวกไลฟ์พร้อมกำชับให้ดูแลแขกกลุ่มนี้เป็นอย่างดี ก่อนจะเดินนำไลฟ์ออกไปจากโรงแรม
“นี่คือค่าที่พักและอาหารของแขกกลุ่มนั้นนะคะ”
“แต่พวกเขาจะพักที่นี่แค่ 2 คืนนะครับ เยอะขนาดนี้”
“พวกเขาเป็นคนสำคัญที่ทำให้สงครามจบลงน่ะค่ะ ช่วยดูแลพวกเขาให้ดีที่สุดด้วยนะคะ”
“รับทราบแล้วครับ”
เมอร์เซเดสตกใจกับท่าทีของชายหนุ่มที่อยู่ๆ ก็จะออกไปทั้งที่ยังคุยกันไม่จบ ก็รีบลุกตามออกไป
“พวกเธอพักผ่อนรออยู่ที่นี่ก่อนนะ ฉันจะไปคุยเรื่องสถาบันเวทมนตร์กับองค์ราชินี”
“ค่าาา, ค่ะท่านหญิง”
“นี่นายน่ะรอฉันด้วยสิ”
“จะไปไหนล่ะนั่นน่ะ”
“ฉันจะไปกับนายด้วย”
“ไปกับฉัน…เหรอ”
“ก็ใช่น่ะสิ…มีปัญหารึไง”
“ก็…”
“ท่านไลฟ์คะ รถม้าพร้อมแล้วค่ะ”
เมอร์เซเดสเดินนำหน้าขึ้นรถม้าไปก่อนปล่อยให้ไลฟ์เดินตามขึ้นรถม้าไปแบบงงๆ