Blessing Cursed พรวิเศษต้องสาป - ตอนที่ 19 ฝึก
อากาศสดชื่น และแสงแดดอ่อนๆ ยามเช้า ผสมกับกลิ่นหอมของอาหารบางอย่างปลุกให้ไลฟ์ตื่นจากพักผ่อน สะโหลสะเหลพาตัวเองออกจากห้องนอน ที่ชั้นล่างเฮสต์กับเมอร์เซเดสนั่งคุยกันอย่างออกรสตามประสาหญิงสาว พร้อมอาหารที่เรียงรายอยู่เต็มโต๊ะ
“ตื่นแล้วเหรอ” คำทักทายของเมอร์เซเดสดูเหมือนจะไม่ได้ลอยเข้าโสตของคนที่ค่อยๆ ก้าวลงบันไดแม้แต่น้อย ชายหนุ่มพาตัวเองมานั่งนิ่งอยู่ที่โต๊ะอาหาร เมอร์เซเดสหยิบแก้วน้ำผลไม้ยื่นให้ ไลฟ์ก็รับมาดื่มเงียบๆ อาการแปลกๆ ของไลฟ์ทำให้เฮสต์ประหลาดใจจนต้องเอ่ยปากถาม
“ท่านไลฟ์เป็นอะไรรึเปล่าค่ะ”
ไลฟ์ส่ายหน้าเบาๆ “ไม่คุ้นกับคำว่าบ้านน่ะ เลยนอนไม่ค่อยหลับ”
“ถ้างั้นก็รีบๆ ทานมื้อเช้าเถอะค่ะ จะได้เริ่มฝึกกันเลย”
ไลฟ์จัดการกับมื้อเช้าตรงหน้าอย่างรวดเร็ว ก่อนจะยกแก้วน้ำในมือขึ้นมาดื่มอึกใหญ่ แล้วลุกออกจากโต๊ะอย่างรวดเร็ว หยิบผลไม้ติดมือมาด้วยผลหนึ่ง และกระซิบข้างหูแม่ครัวเบา ก่อนจะเดินทำหน้ามึนออกประตูบ้านไป
“ขอบคุณนะ” เฮสต์ที่เห็นไลฟ์ลุกออกจากโต๊ะก็รีบเก็บจานอาหารของตนเข้าไปเก็บในครัวแล้วบอกลากับเมอร์เซเดส ก่อนจะออกจากบ้านไปอีกคน
ลานกว้างหลังอาคารเดี่ยวที่แม้จะแยกตัวออกมาไกล แต่ก็ถือว่ายังอยู่ในเขตรั้วของกองอัศวินที่สองซึ่งจะเป็นสถานที่ฝึกของไลฟ์นั้นอยู่ไม่ไกลจากบ้านของเขานัก แต่การเดินทางต้องอ้อมลำน้ำใหญ่เพื่อไปขึ้นสะพานข้ามฝั่งทำให้ต้องใช้เวลาพอสมควร แต่ก็ไม่ถือว่านานมากจนต้องพูดคุยกันเพื่อฆ่าเวลา ความร่มรื่นของลานกว้างนั้นถือเป็นเรื่องน่าประหลาด ทั้งที่เป็นลานกลางแจ้งแต่แสงแดดกลับไม่สาดส่องจนเจิดจ้าเหมือนกับสถานที่กลางแจ้งทั่วไป
“นี่พี่สาว ทำไมที่นี่แดดไม่แรงเหมือนที่อื่นล่ะ”
“เพราะเวทมนตร์ค่ะ”
“เวทมนตร์?”
“ค่ะ เวทมนตร์”
“ที่นี่มีจอมเวทด้วยเหรอ”
“ท่านผู้บัญชาการสตราซน่ะค่ะ ท่านเป็นจอมเวทจากลัทสริคค่ะ เป็นพระสหายกับราชากิลเลียน แล้วตอนนี้…ท่านก็กำลังยืนมองมาจากหน้าต่างบานซ้ายมือสุดของชั้นสองโน่นน่ะค่ะ”
“แล้วผมต้องทำตัวยังไงเนี่ย คนใหญ่คนโตมองอยู่แบบนี้”
“ก็ไม่ต้องทำอะไรแปลกๆ หรอกค่ะ แต่ตั้งใจฟังและทำความเข้าใจกับสิ่งที่ฉันจะบอกต่อจากนี้ให้ดีก็พอค่ะ”
“เหมือนจะง่ายแฮะ แต่คงไม่ใช่อย่างที่คิดใช่มั้ย” ไลฟ์หันไปทางอาคาร โค้งคำนับก่อนหันกลับมาหาเฮสต์และนั่งลงกับพื้น “พร้อมแล้วคร้าบ”
หญิงสาวยิ้มออกมาบางตอบรับคำพูดของเด็กหนุ่ม “ถ้างั้นจะเริ่มอธิบายแล้วนะคะ”
เด็กหนุ่มพยักหน้าตอบรับ “อย่างที่เคยบอกเอาไว้แล้วนะคะ หลักของการฝึกก็คือการเข้าใจร่างกายของตัวเองก่อน แล้วก็ช่วยรับเจ้านี่ไปด้วยนะคะ”
เฮสต์ยื่นผ้าหนาขนาดไม่ใญ่นักมาให้กับไลฟ์ผืนหนึ่งโดยที่ไม่พูดอะไร ทำให้เด็กหนุ่มต้องเอ่ยปากถถาม “แล้วต้องทำยังไงกับมันล่ะเนี่ย”
“ก็แค่คาดตาเอาไว้ แล้วก็ตั้งสมาธิค่ะ เคลื่อนไหวโดยพยายามรับรู้ถึงการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อแต่ละมัดทั่วร่างกายค่ะ ถ้าจะพูดให้เข้าใจง่ายๆ ก็คือเป็นการฝึกประสาทสัมผัสกับการสมดุลร่างกายค่ะ”
“ถ้าผ่านขั้นตอนนี้ไปล่ะ”
“หนึ่งสัปดาห์ค่ะ ฝึกประสาทสัมผัสกับสมดุลร่างกายจนเข้าใจ และซึมซับความรู้สึกให้ร่างกายจดจำทุกอย่างให้ได้ภายในหนึ่งสัปดาห์นะคะ แล้วขั้นต่อไปฉันจะแจ้งให้ทราบที่ครั้งว่าจะต้องฝึกอะไรต่อไปค่ะ”
“แบบนี้ฝึกที่บ้านก็ได้มั้งเนี่ย”
“ลองทำตามที่บอกก่อนเถอะค่ะ แล้วจะรู้ว่าฝึกที่นี่จะสะดวกกว่า”
ไลฟ์ผูกผ้าปิดตาเอาไว้แล้วลุกขึ้นเดินไปมาอย่างยากลำบาก “ตั้งสมาธิค่ะ”
“ยากเหมือนกันแฮะแต่เอาเถอะ” แม้จะเคลื่อนไว้อย่างยากลำบาก แต่ไลฟ์ก็ตั้งสมาธิรับรู้ถึงความรู้สึกจากกล้ามเนื้อทั่วร่างได้ทีละนิด แม้ช่วงพักเที่ยงเขาก็ไม่ยอมถอดผ้าปิดตาออก เพราะเริ่มรู้สึกสนุกกับการได้ทำอะไรที่ไม่เคยคิดว่าจะได้ลองทำมาก่อน
ตะวันใกล้ลับฟ้า พลังสมาธิและรับรู้ของไลฟ์เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้เขาเคยชินกับการเคลื่อนไหว จนสามารถวิ่งและกระโดดได้แล้ว ทั้งที่ยังคงปิดตาอยู่ “ดูเหมือนท่านไลฟ์จะคุ้นเคยกับการเคลื่อนไหวแล้ว พรุ่งนี้เราเพิ่มระดับการฝึกนะคะ แต่ยังคงต้องปิดตาเอาไว้อยู่นะคะ”
“ยังไงก็ได้”
“ถ้างั้น…วันนี้พอแค่นี้ก่อนนะคะ ถอดผ้าปิดตาได้แล้วค่ะ”
ไลฟ์ถอดผ้าปิดตาออก ค่อยๆ ลืมตาขึ้นช้าๆ
“อือออ…มึนหัวเป็นบ้า”
“ค่อยๆ นะคะ ยืนนิ่งๆ แล้วก็ดื่มน้ำก่อนค่ะ” ชายหนุ่มรับน้ำมาดื่มอย่างว่าง่าย
“พักสักเดี๋ยวนะคะ อีกสักครู่รถม้าจะมารับท่านกลับบ้านค่ะ”
“เอาเป็นว่า ขอนั่งนิ่งๆ สักหน่อยแล้วกันนะ”
ไลฟ์ทรุดตัวลงนั่งเหยียดขาเพื่อผ่อนคลายกล้ามเนื้อ เฮสต์เองเห็นว่าควรปล่อยให้เด็กหนุ่มได้พักเงียบๆ จึงแยกตัวออกไป “ถ้างั้น ดิฉันขออนุญาตกลับเข้าข้างในอาคารสักครู่นะคะ”
เฮสต์ค้อมศีรษะเล็กน้อย ก่อนจะหลังกลับเข้าอาคารไป เวลาผ่านไปครู่ใหญ่รถม้าก็มาจอดรอผู้โดยสารอยู่ที่ทางเข้าลานกว้าง ไลฟ์เองก็ค่อยๆ เดินไปขึ้นรถกลับบ้านด้วยความเหนื่อยล้า
หญิงสาวออกแรงผลักประตูบานใหญ่ให้เปิดออกอย่างช้า ภาพชายชราท่าทางเคร่งขรึมนั่งอ่านหนังสืออยู่โต๊ะ
“เขาเป็นยังไงบ้าง”
“เขาทำความคุ้นเคยกับการเคลื่อนไหวโดยปิดตาเอาไว้ได้เร็วกว่าที่คิดค่ะ พรุ่งนี้จะลองเพิ่มตัวถ่วงน้ำหนักที่ข้อมือข้อเท้าของเขาค่ะ ถ้าเขาคุ้นเคยกับการเคลื่อนไหวในสภาพนั้นได้เร็วอาจจะฝึกเสร็จภายในหนึ่งเดือนค่ะ”
ผู้บัญชาการสตราซปิดหนังสือเบาๆ ยิ้มออกมาบางๆ “ถ้างั้นก็คอยรายงานพัฒนาการของเขาเรื่อยๆ ก็แล้วกันนะ”
“รับทราบค่ะ” เฮสต์โค้งคำนับและทำท่าจะหันหลังกลับออกจากห้องไป แต่ผู้บัญชาการกองอัศวินที่สองรั้งตัวหญิงสาวเอาไว้
“เย็นนี้กลับไปกินข้าวที่บ้านด้วยนะ พ่อได้ยินข่าวว่าลูกกลับจากเซเครสตั้งแต่เมื่อวานแล้ว แต่ไม่ยอมกลับบ้าน แม่เขาก็เป็นห่วงนะ”
หญิงสาวพยักพยักหน้าตอบรับ “ถ้างั้นพ่อก็ส่งคนไปบอกแม่ด้วยว่าไม่ต้องทำอาหารเยอะนะคะ เย็นนี้น่ะ หนูเหนื่อยมากเลย คงกินไม่เยอะหรอก”
ผ.บ. สตราซหัวเราะพร้อมส่ายหน้าเบาๆ “รักษารูปร่างรึไง หรือมีหนุ่มมาตามจีบอีกแล้วล่ะ”
“จะไปมีได้ไงล่ะพ่อ เดินทางเกือบตลอดแบบนี้น่ะ”
“ถ้ามีก็บอกพ่อบอกแม่ด้วยล่ะ ลูกน่ะสามสิบกว่าแล้วนะ”
“ถ้ามีก็ดีสิพ่อ หนูไปก่อนนะ เสร็จธุระแล้วจะตรงกลับบ้านเลย”
ผ.บ. สตราซหยิบหนังสือขึ้นมาเปิดอ่านต่อจากที่ค้างเอาไว้
“งั้นเดี๋ยวอีกสักพักพ่อก็กลับบ้านบ้างดีกว่า ลูกก็อย่ากลับดึกนักล่ะ”
“ค่ะ”