Blessing Cursed พรวิเศษต้องสาป - ตอนที่ 7 บุกเดี่ยว
ท่ามกลางค่ำคืนที่เงียบงันไลฟ์ที่เดินทางมาถึงหมู่บ้านชายป่าอย่างราบรื่น แต่เขายังไม่มีแผนอะไรเป็นพิเศษจึงลอบเร้นไปตามเงาชายคาบ้านเรือนต่างๆ แม้สำรวจจนทั่วหมู่บ้านแล้วแต่เขาก็ยังคิดแผนในการจัดการกับกองกำลังสโจรกาดไม่ออก ครั้นจะลอบเข้าไปในบ้านที่ถูกใช้เป็นที่พักแล้วจัดการทีละคนมันเห็นที่จะเป็เรื่องที่ยากเกินไป เขาจึงรวบรวมไม้ฟืนมากองไว้ที่กลางหมู่บ้านแล้วเริ่มจุดไฟเพื่อดึงความสนใจของผู้รุกรานแล้วดักซุ่มอยู่ในเงามืดของชายคาบ้านเรือนระหว่างกองไฟกับที่พักของกองกำลังสโจรกาดและรอเวลา
ซึ่งวิธีนี้ดจะได้ผลดีอย่างยิ่ง เหล่านักรบผู้รุกรานพากันแตกตื่นส่งเสียงโหวกเหวกโวยวาย กุลีกุจอสวมชุดเกราะคว้าอาวุธของตัวเองแล้วกรูกันออกมาจากที่พัก แต่ดูเหมือนผลจากการดึงความสนใจครั้งนี้จะได้ผลดีเกินคาด อาการแตกตื่นของนักรบสโจรกาดสร้างความยุ่งยากให้กับการลอบเร้นของเขาเสียอย่างนั้น แต่ก่อนที่เหล่านักรบสโจรกาดจะพากันมุ่งหน้ามาที่กองไฟกันจนหมด แต่เลดี้เมอร์เซเดส ผู้นำของกองกำลังชุดนี้ก็ได้ออกคำสั่งให้ลูกน้องของนางสงบสติอารมณ์แล้วไปดับไฟ ก่อนจะเพิ่มเวรยามคอยสอดส่องหาตัวผู้บุกรุก
แม้จะไม่เป็นอย่างที่เขาคิดไว้แต่เมื่อสถานการณ์เริ่มคลี่คลายก็ถึงเวลาที่ไลฟ์จะลงมือเสียที เขาอ้อมไปจัดการกับทหารยามสามนายที่เฝ้าอยู่ที่ชายป่าอย่างรวดเร็วและเด็ดขาด เริ่มจากขว้างหินขนาดเหมาะมือสองก้อนเข้าใส่พุ่มไม้ใหญ่ เมื่อเหยื่อรายแรกเดินไปเข้าระยะที่พอจะซ่อนร่างของเหยื่อได้เขาก็กระโจนออกจากที่ซ่อนแล้วพุ่งเข้าชาร์จพร้อมปักดาบสั้นเข้าที่กลางหลังแล้วอาศัยแรงจากการเข้าชาร์จผลักร่างเหยื่อลอยข้ามพุ่มไม้หายไปกับเงามืดพร้อมกับตัวเขา
เหยื่อรายที่สองและสามก็ถูกสังหารจากเงามืดเบริเวณใกล้เคียงกับรายแรก ไลฟ์จัดการกับพวกเวรยามจากในเงามืดจากโดยโยกสลับไปมาระหว่างท้ายหมู่บ้านกับบริเวณใกล้ที่พักของผู้รุกรานทีละคน จนนักรบสโจรกาดเริ่มแตกตื่นอีกครั้ง ต่างคนต่างวิ่งพล่านควานหาตัวของศัตรูอย่างไม่เป็นระเบียบ เมื่อนายกองสาวที่กำลังพักผ่อนรับรู้ถึงสถานการณ์ร้ายแรงไร้ที่มาที่ไปก็ออกจากที่พักทันที นางเริ่มสั่งให้นักรบสโจรกาดเข้าประจำตำแหน่งของตัวเองไม่ต้องเดินตามหาตัวผู้บุกรุกอีกต่อไปแล้ว
ท่ามกลางความโกลาหลที่เกิดจากการจับต้นชนปลายไม่ถูกของเหล่านักรบสโจรกาดไลฟ์ที่ซ่อนตัวอยู่ในหมู่บ้านต้องเจอกับอุปสรรคใหญ่ เมื่อลูกไฟขนาดมหึมาลอยขึ้นเหนือหมู่บ้าน สาดแสงสว่างส่องไปจนทั่วพื้นที่ แน่นอนว่านี่เป็นหนึ่งในวิชาศาสตร์ลึกลับที่เรียกว่าเวทมนตร์ที่เลดี้เมอร์เซเดสใช้เพื่อให้ลดความตื่นตระหนกของลูกน้อง ทั้งยังเป็นการบังคับให้ไลฟ์ต้องเผยตัว
ในเมื่อไม่สามารถซ่อนตัวได้อีกต่อไปแล้วก็มีแต่ต้องลุยเข้าไปตรงๆ เท่านั้น ไลฟ์ตัดสินใจแสดงตัวกางแขนออกทั้งสองข้างพร้อมเดินเข้าไปหาเหล่านักรบสโจรกาดอย่างช้าๆ ฝ่ายผู้รุกรานเองก็ส่งพลหอกสามนายออกมาต้อนรับโดยมีเลดี้ผู้รับหน้าที่สั่งการยืนประเมินสถานการณ์อยู่เบื้องหลัง
“เอาล่ะใจเย็นๆ ฉันมาเพื่อส่งคำเตือน”
ไลฟ์ส่งเสียงดึงความสนใจของเมอร์เซเดสเพื่อไม่ให้นางได้ใช้ความคิดเท่าที่ควร
“คำเตือนเหรอ…ล้อเล่นกันแรงจริงๆ เลยนะ ลืมไปรึเปล่าว่าตอนนี้หมู่บ้านตกเป็นของเราแล้ว”
“เธอสินะคือผู้นำของกองรบนี้”
ไม่มีการต่อปากต่อคำอีกต่อไป มอร์เซเดสออกคำสั่งให้สังหารชายปริศนาคนนี้ทันที
“จัดการมันซะ”
ไลฟ์เร่งฝีเท้าก่อนจะพุ่งตัวเข้าหาพลหอกทั้งสามอย่างรวดเร็ว เขาย่อตัวมุดลงต่ำเพื่อหลบหอกทั้งสามเล่มที่แทงเข้ามาหมายจะสังหารเขา ช่วงเวลาเพียงอึดใจที่ย่อตัวหลบการโจมตีนั้นไลฟ์ดึงมีดสั้นคู่เก่าของเขาออกมาจากข้อเท้าทั้งสองข้างพร้อมดีดตัวขึ้นสุดแรงใช้หัวไหล่ขวากระแทกร่างหนึ่งในพลหอกแห่งสโจรกาดลอยลิ่วตามแรงปะทะไปร่วมสามเมตร ก่อนจะหมุนตัวเหวี่ยงมีดในมือปักเข้าที่คอของพลหอกอีกสองคนที่ยืนตะลึงอยู่ข้างๆ
“คุ้มกันท่านหญิง!!”
หนึ่งในคนสนิทของเมอร์เซเดสตะโกนสั่งการทันทีที่ร่างของพลหอกตกกระแทกพื้น สิ้นเสียงคำสั่งนักรบเกราะหนักหกนายพร้อมโล่เหล็กก็เคลื่อนพลเรียงแถวมาขวางหน้าหน้าไลฟ์เอาไว้ บัดนี้กำแพงโล่เหล็กของนักรบสโจรกาดได้บดบังเลดี้เมอร์เซเดสจนมองไม่เห็นอีกต่อไปแล้ว ไลฟ์ที่กำลังประเมินสถานการณ์อยู่ก็ต้องกระโดดถอยหลังสุดแรงเมื่อเขาได้ยินเสียงวัตถุหลายชิ้นลอยแหวกอากาศเข้ามายังจุดที่เขายืนอยู่
ลูกศรกว่าสิบดอกลอยดิ่งปักลงกับพื้นเบื้องหน้าของไลฟ์ พลธนูที่เข้าประจำที่น้าวคันศรรอคำสั่งยิงชุดต่อไปแล้ว ไม่มีเวลาให้เด็กหนุ่มได้ประเมินสถานการณ์มากเท่าที่ควร ไลฟ์ได้ยินเสียงของมวลสารบางอย่างกำลังรวมตัวอัดแน่นอยู่เบื้องหน้า เพียงแต่ว่าเขาไม่สามารถมองเห็นได้ชัด แถมยังไม่ทันได้ตอบโต้อะไรเสียงที่ว่าก็พุ่งเข้าหาตัวเขาอย่างรวดเร็ว ภาพที่เขาเห็นคือผิวดินเบื้องหน้าถูกผ่าเป็นเส้นตรงพุ่งเข้าหาตัวเขาอย่างรวดเร็ว เด็กหนุ่มรับรู้ได้ทันทีว่าท่านหญิงแห่งสโจรกาดลงมือแล้ว
แต่ด้วยสัญชาตญาณและปฏิกิริยาตอบสนองที่ว่องไว ร่างกายของเขาขยับไปก่อนที่สมองจะสั่งการ ไลฟ์กระโจนหลบมวลสารลึกลับออกไปทางซ้ายมืออย่างสุดตัว จากนั้นก็กลิ้งเข้าไปหลบที่หลังกำแพงของบ้านหลังหนึ่ง
ดูเหมือนอุปสรรคใหญ่ที่สุดของไลฟ์จะไม่ใช่นักรบเกราะหนักที่เป็นเหมือนกำแพงเหล็กขวางหน้าเขาอยู่เสียแล้ว หากแต่เป็นเวทมนตร์ของหลานสาวท่านแม่ทัพที่ทำให้เขาหมดหนทางสู้ แถมยังมีพลธนูที่คอยขัดจังหวะเขาอีก แต่ก็ถือว่ายังเป็นเรื่องดีที่ท่านหญิงผู้ใช้เวทย์ไม่ดึงลูกไฟยักษ์ลงมาถล่มเขาจนมอดไหม้ไปพร้อมกับหมู่บ้าน
แม้เวลาจะผ่านไปครู่ใหญ่ แต่ก็ยังไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆ จากทั้งสองฝ่าย ฝั่งผู้รุกรานเองก็ยังหยุดนิ่งประเมินสถานการณ์เพื่อรอรับมือกับชายปริศนา ส่วนไลฟ์เองก็กำลังอึดอัดกับสถานการณ์วิกฤตเพราะยังไม่มีแผนการแก้ไขใดๆ ในหัวเลยแม้แต่น้อย เด็กหนุ่มหยิบก้อนหินขนาดเท่ากำปั้นขึ้นมาแล้วขยับออกจากที่กำบังเหวี่ยงแขนขว้างก้อนหินออกไปสุดแรง
ตูม!! เสียงก้อนหินกระแทกเข้ากับโล่เหล็กดังสนั่น แต่แทนที่ก้อนหินจะหมดกำลังและตกลงบนพื้น แต่กลับซัดร่างของหนึ่งในนักรบเกราะหนักที่ยืนเป็นกำแพงคุ้มกันเลดี้เมอร์เซเดสลอยละลิ่วผ่านหน้าคนสนิทของหลานสาวแม่ทัพใหญ่ไปอย่างน่าอัศจรรย์ ท่ามกลางความตื่นตะลึงของฝ่ายสโจรกาดแม้แต่ตัวของไลฟ์เองก็ยังตกใจกับพละกำลังของตัวเองเหมือนกัน ตอนนี้เขาเริ่มรู้สึกตัวแล้วว่า ณ เวลานี้ตัวเขามีกำลังรวมถึงความคล่องตัวที่เพิ่มขึ้นกว่าเคยอย่างมากจริงๆ เพียงแต่จะจดจ่อกับเรื่องนี้นานไม่ได้เพราะตอนนี้ฝ่ายตรงข้ามเองก็ยืนนิ่งตะลึงงันกับเหตุเหนือธรรมชาติที่เพิ่งเกิดขึ้น เขาจึงก้มลงไปหยิบหินขึ้นมาอีกสองก้อน และฉวยโอกาสขว้างไปใส่พลธนูสองนายที่ประจำตำแหน่งบนระเบียงบ้านใกล้ตัวเขาที่สุด
ก้อนหินที่ลอยแหวกอากาศซัดเขาปลายคางใส่พลธนูมือดีสองนายลอยตกลงจากตำแหน่งประจำการอย่างแม่นยำ เสียง ตุ๊บ ของพลธนูที่ร่วงหล่นลงบนพื้นเป็นเหมือนสัญญาณให้พลธนูที่เหลือกระหน่ำยิ่งใส่เด็กหนุ่มอย่างไม่ยั้งมือจนเขาต้องถอยร่นกระโจนเข้าหลบหลังที่กำบังอีกครั้ง
นอกจากเวทมนตร์จะเป็นปัญหาใหญ่แล้ว ธนูก็เป็นอีกหนึ่งอุปสรรคที่ขัดขวางเขาอยู่ ไลฟ์ต้องอาศัยความคล่องตัวออกไปวิ่งล่อให้พลธนูระดมยิ่งใส่เขาจนลูกศรจะหมด รวมถึงหลบเวทมนตร์โจมตีสาดใส่เขาอย่างไม่ยัง จากนั้นก็ใช้ก้อนหินที่เตรียมเอาไว้จัดการกับพลธนูคนแรกก่อนจะวิ่งอ้อมไปข้างบ้านอีกหลังกระโดดเกาะระเบียงปีนขึ้นไปจัดการกับมือธนูที่สอง เหลืออีกเพียงสองคนเท่านั้น แต่เขาต้องชะงักและกระโดดลงจากหลังคาเพราะหอกน้ำแข็งขนาดใหญ่พุ่งเข้าหาตัว
พลธนูสองนายที่ตอนนี้ไม่เหลือลูกศรแล้วเข้ามารวมกลุ่มกองรบที่เหลือ เมอร์เซเดสสั่งการให้นักรบเกราะหนักสามนายกับพลธนูทั้งสองกระจายกำลังค้นตามบ้านเรือนที่อยู่ในรัศมีห้าหลังรอบที่เกิดเหตุ ส่วนที่เหลือให้แบกพลหอก และนักรบเกราะเหล็กอีกนายที่ถูกหินซัดใส่จนหมดสติเข้าไปรักษาตัวในบ้านหลังหนึ่ง ขณะเดียวกันไลฟ์ที่ซ่อนตัวพักเหนื่อยอยู่ในบ้านหลังหนึ่งพบกับพลธนูพร้อมมีดสั้นเข้ามาในบ้าน ด้วยความตกใจเด็กหนุ่มคว้าตำราปกแข็งเล่มหนึ่งขว้างใส่ ตามด้วยหยิบตำราปกแข็งที่หนากว่าฟาดใส่ที่ศีรษะของพลธนูนายนั้น ก่อนจะใช้ตำราเล่มเดิมทาบไปที่ใบหน้าของคู่ต่อสู่ที่กำลังเสียหลักและฟันศอกซ้ายเข้าที่ปกตำราสุดแรงจนคู่ต่อสู้ล้มลงไปกองกับพื้น ไลฟ์หยิบมีดที่หล่นลงบนพื้นขึ้นมาปักเข้าที่กลางอกของพลธนูที่นอนหมดสติอยู่ตรงนั้น
เสียงโครมครามจากการจู่โจมของเด็กหนุ่มเรียกให้นักรบเกราะหนักนายหนึ่งเข้ามาในบ้านหลังนั้น แต่ด้วยน้ำหนักของเกราะและโล่ทำให้การเคลื่อนไหวในอาคารไม่คล่องตัวเท่ากับตอนอยู่ในที่โล่ง ไลฟ์อาศัยข้อได้เปรียบนี้ถีบเข้าไปที่โล่อย่างเต็มเหนี่ยว คู่ต่อสู้เซถอยหลังไปติดผนังบ้านแต่ด้วยความคล่องแคล่วของเด็กหนุ่ม เขาชักมีดที่ข้อเท้าออกมาจากนั้นก็พุ่งตัวเข้าชาร์จทันที
แม้มีดเก่าๆ ขอไลฟ์จะค่อนข้างทื่อ แต่ด้วยพละกำลังมหาศาลของเขาก็ทำให้มีดปักทะลุเกราะเหล็กได้อย่างง่ายดาย แต่ผลจากการใช้งานที่เกินขีดจำกัด มีดสั้นคู่ใจทั้งสองเล่มของเขาที่ใช้งานมาหลายปีก็หักคาร่างของนักรบในชุดเกราะเหล็กนายนี้ไปเสียแล้ว
แม้จะเสียเวลาวิ่งอ้อมไปมาอยู่พักใหญ่แต่ไลฟ์ก็จัดการมือธนูที่เหลือได้สำเร็จ เมื่อเขาขึ้นไปแอบสังเกตการณ์บนหลังคาของบ้านหลังหนึ่ง บังเอิญว่ามือธนูคนนี้กำลังย่องมาค้นด้านหลังของบ้าน ตัวเด็กหนุ่มที่อยู่บนหลังคาตัดสินใจทิ้งตัวลงมารวบตัวของมือธนูโชคร้ายคนนี้เอาไว้ก่อนจะใช้แรงทั้งหมดที่มีรัดคอจนคู่ต่อสู้หมดลมหายใจ ขณะนี้หากไม่นับนายกองสาวกับคนสนิทอีกสองคนก็เหลือเพียงพลหอกหนึ่งนายที่หมดสติไปตั้งแต่โดนไลฟ์กระแทกด้วยไหล่ กับนักรบเกราะหนักอีกห้านายเท่านั้นที่เขาต้องจัดการ