Blessing Cursed พรวิเศษต้องสาป - ตอนที่ 8 คลุ้มคลั่ง
ท่ามกลางความวุ่นวายภายในหมู่บ้าน สายตาคู่หนึ่งเฝ้ามองการต่อสู้อยู่ในเงามืด ทุกเหตุการณ์ ทุกความเคลื่อนไหวนับตั้งแต่ไลฟ์เริ่มต้นก่อกองไฟไล่เรียงไปจนถึงการปะทะกันของทั้งสองฝ่ายภายใต้ลูกไฟขนาดมหึมาที่ลอยเด่นอยู่เหนือหมู่บ้าน ก่อนที่เจ้าของสายตาคู่นั้นจะหลบหายเข้าไปในเงามืดของป่า ขณะเดียวกันโลริกซ์ที่รีบกลับไปแจ้งสถานการณ์กับกำลังเสริมของลีซเนปก็เพิ่งมาถึงจุดที่พักซึ่งแม่ทัพแคสเซียลกำลังรออยู่
“องค์ชาย!! ท่าน…”
ทัพแคสเซียลตื่นตระหนกกับอาการบาดเจ็บของโลริกซ์ แต่องค์ชายยกมือขัดเอาไว้เพื่อจะส่งต่อคำสั่งของผู้เป็นพ่อ
“เราไม่เป็นไร ตอนนี้ท่านพ่อรออยู่ที่จุดสังเกตการณ์ ให้ท่านนำกำลังพลห้าสิบนายมุ่งหน้าไปที่นั่นเดี๋ยวนี้เลย อ้อ…มีหมออยู่ที่นี่กี่คน”
“สี่คนครับ”
“ดี..ให้หมอสามคนตามเราไปดูแลชาวบ้านที่อพยพไปยังวิหารศักดิ์สิทธิ์นะ แล้วก็ท่านแคสเซียลรีบเคลื่อนพลด่วนเลย”
“น้อมรับคำสั่ง”
สิ้นสุดคำสั่งการจากองค์ชายโลริกซ์กองทหารของลีซก็เริ่มเคลื่อนพลทันที ส่วนองค์ชายก็แยกตัวมุ่งหน้าไปยังวิหารของเทพเฟอัสก์เช่นกัน
ขณะเดียวกันความยุ่งยากในการลอบสังหารจากเงามืดก็ไม่สามารถทำได้แล้ว แต่การแฝงตัวเข้าไปก็น่าจะมีโอกาสอยู่ อย่างน้อยๆ ก็อาจจัดการกับพวกเกราะหนักได้สักสองสามนาย ไลฟ์จึงย้อนกลับไปที่ร่างของนักรบเกราะหนักที่นอนไร้ลมหายใจอยู่ในบ้านหลังหนึ่ง จัดแจงสวมเกราะเหล็กไปพลางครุ่นคิดถึงพละกำลังมหาศาลและความเร็วความคล่องตัวที่เขามีไปพลาง
‘ถ้าแค่ก้อนหินยังซัดคนสวมเกราะเหล็กได้ขนาดนั้น มันต้องมีวิธีที่ทำให้ใช้แรง ใช้ความเร็วเต็มที่กว่านี้สิ หรือว่าต้องค่อยๆ ทำความคุ้นเคยแล้วหาวิธีใช้มันให้ได้ดังใจกันแน่วะ’
สุดท้ายเขาก็หยิบโล่ขึ้นมาถือก่อนจะมุ่งหน้าไปรวมกลุ่มกับกองกำลังสโจรกาดที่เหลือ
เมื่อมาถึงที่รวมพล เมอร์เซเดสก็ออกคำสั่งเตรียมรับมือกับเหตุร้ายที่อาจจะเกิดขึ้นต่อจากนี้ทันที
“หน่วยเกราะหนักอย่าแยกตัวไปไหนไกล กระจายกำลังอยู่บริเวณรอบๆ บ้านหลังนี้ก็พอ อย่าเคลื่อนไหวหรือเดินไปตรวจสอบอะไรก็ตามที่ผิดปกติเด็ดขาด”
เมื่อสั่งการกองกำลังชุดเกราะเหล็กเรียบร้อยแล้วนางก็หันไปสั่งการคนสนิทต่อทันที
“ลอร่ากับลอเรนคอยสอดส่องหาสิ่งผิดปกติจากระยะไกลนะ ถ้าเห็นอะไรเคลื่อนไหวให้ใช้เวทมนตร์จัดการซะ ห้ามเข้าไปใกล้เด็ดขาด”
ฝาแฝดคนสนิทของท่านหญิงแห่งสโจรกาดพยักหน้ารับคำสั่งและแยกตัวออกไปประจำตำแหน่งทันที ส่วนตัวนางเองก็ย้อนกลับเข้าไปดูอาการคนเจ็บภายในบ้าน
เมื่อกระจายกำลังล้อมบ้านพักเอาไว้ไลฟ์ก็เริ่มลงมือจัดการกับกลุ่มนักรบในเกราะเหล็กทันที เขาเตรียมหอกเอาไว้ ใต้ชายคาของบ้านสองเล่ม โดยใช้ชายคาบ้านนี้เป็นสิ่งบดบังสายตาของฝาแฝด ขว้างหอกใส่หนึ่งในทหารชุดเกราะที่อยู่ใกล้ตัว
ปัง!! เสียงดังสนั่นราวกับฟ้าฝ่า ไลฟ์รู้ทันทีว่าหากไม่ทำอะไรสักอย่างแผนต้องพังแน่ๆ เขารีบชักดาบออกมาแล้วพุ่งตัวกระแทกผนังทะลุเข้าไปนอนนิ่งอยู่ภายในชั้นหนึ่งของบ้านราวกับว่าถูกโจมตีจากจุดที่มองไม่เห็น ดาบและโล่หลุดมือกระจายออกไปอย่างไร้ทิศทาง
กองกำลังเกราะเหล็กวิ่งกรูกันเข้ามาดูที่ร่างของไร้วิญญาณของพรรคพวก บางส่วนแยกตัวมาดูอาการของเด็กหนุ่มในชุดเกราะรวมถึงเลดี้เมอร์เซเดสที่วิ่งลงมาจากชั้นบนอย่างตื่นตระหนก
“คัลลัมน์เกิดอะไรขึ้น!!”
“ถูกลอบโจมตีครับท่านหญิง”
คัลลัมน์หัวหน้ากองกำลังเกราะเหล็กรายงานสถานการณ์ต่อนายกองสาวทันทีก่อนจะเสนอความคิดเห็นของเขาออกไปบ้าง
“ท่านหญิง สถานการณ์เข้าขั้นวิกฤตแล้ว ผมว่าเราควรใช้ลูกไฟยักษ์นั่นถล่มหมู่บ้านนี้ให้ราบไปซะน่าจะดีกว่านะครับ”
“ก็อยากจะทำแบบนั้นอยู่หรอก แต่กองกำลังของลีซกำลังเคลื่อนพลมาในเร็วๆ นี้แล้ว ฉันยังไม่มีเรี่ยวแรงมากพอจะเรียกลูกไฟลูกใหม่ที่มีขนาดใหญ่เท่านั้นได้ ถ้ายังคงไม่ได้พักผ่อนอยู่แบบนี้”
“แล้วเราจะเอายังไงต่อครับท่านหญิง”
“อย่าแยกตัวกันไปไกล ให้อยู่ประจำตำแหน่งใกล้กันกว่าเดิม”
“รับทราบ”
หลังรับคำสั่งหัวหน้ากองกำลังเกราะเหล็กก็ออกไปสั่งการลูกน้องทันที เช่นเดียวกันเมื่อรับรู้แผนการคร่าวๆ แล้วเด็กหนุ่มแสร้งทำทีขยับตัวลุกขึ้นอย่างยากลำบาก
“พักผ่อนก่อนเถอะ อย่าฝืนเลย”
น้ำเสียงอ่อนโยนของนายกองสาวทำให้เด็กหนุ่มชะงักไปชั่วขณะ ความรู้สึกที่ไม่คุ้นเคยแทรกเข้ามาในใจของเขา ก่อนที่ไลฟ์จะสลัดความรู้สึกประหลาดนี้ออกไป ลุกขึ้นยืนและโค้งคำนับนายกองสาวก่อนจะเดินออกไปข้างนอกอย่างช้าๆ
‘ต้องเร่งมือแล้ว ถ้าปล่อยเอาไว้แบบนี้กองกำลังของลีซเนปต้องเจอกับหายนะครั้งใหญ่แน่ๆ’
ไลฟ์คว้าหอกแล้ววิ่งเข้าชาร์จพวกนักรบเกราะที่กำลังรวมตัวกันอยู่ทันที เขาแทงหอกออกไปสุดกำลัง นักรบเกราะนายหนึ่งที่มองเห็นการเคลื่อนไหวของเด็กหนุ่มจึงเอาตัวเข้ามาขวางพร้อมยกโล่ขึ้นมาป้องกัน ทว่าหอกที่แทงออกมาปักทะลุโล่และเกราะเหล็กไปได้อย่างน่าเหลือเชื่อ
แม้แรงมหาศาลของไลฟ์จะทำให้นักรบเกราะนายนั้นได้รับบาดเจ็บ แต่โล่และเกราะเหล็กก็ลดแรงปะทะไปได้มากทีเดียวทำให้แผลจากหอกตื้นเกินกว่าจะเป็นอันตรายร้ายแรงถึงชีวิต แต่สิ่งเดียวที่อยู่ในความคิดของเด็กหนุ่ม ณ เวลานี้คือต้องจัดการกับพวกเกราะเหล็กให้หมด สัญชาตญาณดิบที่อยู่ในตัวถูกปลดปล่อยออกมา ความบ้าคลั่งที่มีตอนนี้แม้แต่นักรบเจนสงครามอย่างคัลลัมน์ยังไม่เคยได้พบเจอ
เด็กหนุ่มกระโดดเข้าใส่คู่ต่อสู้อย่างไม่กลัวอันตราย แม้คมดาบจากเหล่านักรบเกราะจะฟาดฟันใส่นับไม่ถ้วน เขาก็ไม่แม้แต่จะยกโล่ในมือขวาขึ้นมาป้องกัน ดาบในมือซ้ายทั้งเหวี่ยงทั้งแทงอย่างไม่มีเป้าหมาย แม้ดาบในมือหักไปแล้วเขาก็ยังเหวี่ยงหมัดเหวี่ยงโล่ใส่คู่ต่อสู้อย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ความชุลมุนที่เกิดขึ้นทำให้ฝาแฝดคนสนิทของเมอร์เซเดสไม่กล้าตัดสินใจที่จะใช้เวทมนตร์ขัดขวางเพราะเกรงว่าจะทำให้นักรบเกราะเหล็กคนอื่นๆ ถูกลูกหลงไปด้วย ลอเรนถามความเห็นของนายกองสาวและรอคำสั่งจากนาง
“ท่านหญิงเราจะทำยังไงกับไอ้ปิศาจคลุ้มคลั่งนี่ดี ถ้าปล่อยเอาไว้แบบนี้คนของเราคง”
“ไม่ต้องทำอะไร แค่รอเวลาเพราะเราทำอะไรไม่ได้จริงๆ ระยะแสดงผลของเวทมนตร์กว้างเกินไป คงต้องหวังให้พวกเขาแสดงฝีมือให้เต็มที่เท่านั้น”
เมอร์เซเดสรู้ดีว่ายิ่งพวกนางสอดมือเข้าไปยุ่งอาจทำให้โอกาสรอดชีวิตของเหล่านักรบเกราะเหล็กลดลง จึงได้แต่นั่งบีบมือด้วยความหวังว่าคนของนางจะสามารถรอดพ้นจากการโจมตีอันบ้าคลั่งนี้และหยุดยั้งตัวอันตรายเอาไว้ได้
การโจมตีอันบ้าคลั่งของไลฟ์ดูเหมือนจะได้ผลเกินคาด เหล่านักรบเกราะเหล็กของสโจรกาดพากันหมดลมหายใจไปจนหมดแล้ว เหลือเพียงหัวหน้าคัลลัมน์เพียงคนเดียวเท่านั้น การจู่โจมของไลฟ์ยังไม่มีวี่แววว่าจะหยุดลง สภาพของคัลลัมน์อ่อนล้าเพราะต้องตั้งรับการโจมตีอันหนักหน่วง และรวดเร็วของเด็กหนุ่มที่โถมเข้าใส่อย่างต่อเนื่อง ความรู้สึกของหัวหน้ากองกำลังเกราะเหล็กในตอนนี้มีเพียงความหวาดกลัวและสิ้นหวัง
ตูม!! หอกเหล็กเล่มหนึ่งปักเข้าที่กลางหลังของเด็กหนุ่มอย่างจัง
“คาร์ลัจ อย่าเข้ามา!!!”
คัลลัมน์ร้องเตือนพลหอกมือดีที่ฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บซึ่งปรี่เข้ามาสมทบกับเพื่อนรัก แต่ดูเหมือนการโจมตีสุดแรงของคาร์ลัจจะยิ่งกระตุ้นให้เด็กหนุ่มที่ ณ เวลานี้ไม่สามารถควบคุมตัวเองได้แล้วคลุ้มคลั่งยิ่งกว่าเดิม ไลฟ์ถอดโล่ออกจากแขนขวาฟาดเข้าใส่พลหอกสุดแรงก่อนจะขว้างโล่ตามออกไปกระแทกเข้าที่กลางอกของคาร์ลัจ และใช้ความเร็วพุ่งตัวตามไปกระหน่ำถีบซ้ำเข้าที่โล่อีกหลายครั้งก่อนจะหันมารัวหมัดใส่คัลลัมน์ต่อทันที
“ลอร่า ลอเรนจัดการเขาซะ”
หลานสาวท่านแม่ทัพไม่มีทางเลือกแล้วนอกจากออกคำสั่งให้คนสนิทสาดเวทมนตร์เข้าใส่เด็กหนุ่มที่กำลังบ้าคลั่ง
แม้ระหว่างต่อสู้เขาจะถูกเวทมนตร์หลากหลายรูปแบบทั้งหอกน้ำแข็ง ใบมีดอากาศ หรือแม้แต่กระสุนไฟของคู่แฝดซัดเข้าใส่แต่ดูเหมือนปิศาจคลั่งตนนี้ยังคงรัวหมัดใส่นักรบเกราะเหล็กอย่างต่อเนื่อง ณ เวลานี้หมวกเหล็กของหัวหน้าคัลลัมน์บุบบี้จนแทบจะไม่สามารถถอดออกมาได้แล้ว กระทั่งลมหายใจก็หยุดนิ่งไปตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่อาจรู้ได้ แต่เด็กหนุ่มที่สติหลุดไปแล้วก็ยังคงออกแรงกระหน่ำหมัดซ้ายเข้าใส่ร่างไร้วิญญาณที่เขาหิ้วเอาไว้ด้วยมือขวาอย่างต่อเนื่อง จนมีเสียงก่อตัวของมวลสารบางอย่างใกล้ตัว สัญชาตญาณของเด็กหนุ่มสั่งการให้เขาหยุดมือและหันไปมองที่ต้นเสียง แต่ช้าไปเสียแล้วเสาหินสี่เสาพุ่งขึ้นจากพื้นดินกระแทกร่างของเด็กหนุ่มลอยละลิ่วไปอัดเข้ากับผนังบ้านหลังหนึ่ง จนในที่สุดไลฟ์ก็หมดสติไปในที่สุด