Bringing Culture to a Different World - ตอนที่ 114
ตอนที่ 114 ชื่อเสียง
โจชัวค่อนข้างประทับใจเอลฟ์น้ําแข็งคนนี้มาก แม้ว่านางจะเล่นเป็นตัวละครรองที่ไม่ระบุอยู่ในบท แต่ทัศนคติที่มองโลกในแง่ดีเกินไปของนางในระหว่างการคัดเลือกนั้นแตกต่างอย่างมาก จากเผ่าพันธุ์ของนาง เอลฟ์น้ําแข็ง
ความประทับใจของโจชัวที่มีต่อพวกเอลฟ์คือพวกเอลฟ์เป็นเผ่าพันธุ์ที่สงวนตัวและรักสงบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสําหรับเอลฟ์น้ําแข็งที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ที่ปกคลุมไปด้วยหิมะและน้ําแข็ง
แต่จากสามเอลฟ์ที่โจชัวพบมาจนถึงตอนนี้ นอกจากดาร์คเอลฟ์แล้ว… เอลฟ์อีกสองคนดูเหมือนจะไม่ตรงกับคําว่า “สงวนตัว” เลยแม้แต่น้อย
ดูเหมือนว่าเอลฟ์น้ําแข็งไทลืนจะวิ่งมาทางนี้ นางหอบอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะปรับการหายใจของนาง นางหันมามองโจชัวที่กําลังเก็บอุปกรณ์อาร์คาโนเทคอยู่
“ท่านโจชัว…”
น้ําเสียงของนางก็เปลี่ยนไปค่อนข้างจริงจังและเข้มงวด โจชัวรู้สึกว่าถ้านางพูดว่า “ช่วยสอนวิธีเล่นบาสเก็ตบอลให้ข้าหน่อย” มันจะไม่รู้สึกแปลกเลย
แต่สิ่งที่เอลฟ์น้ําแข็งต้องการจะพูดกลับถูกขัดจังหวะด้วยเสียงกีบม้า รถม้าจอดอยู่ด้านนอกโรงเตี้ยม คนคุมรถม้ามีความสามารถที่ยอดเยี่ยม เขาสามารถทําให้ม้าที่วิ่งมาหยุดที่หน้าโรงเตี้ยม
โจชัวจํารถม้าคันนั้นได้ มันเป็นหนึ่งในรถม้าที่นํานักแสดงของคณะละครห่านดํามาที่นี่ นักแสดงที่รับบทเป็นศัตรูของลีออง เฒ่าเมิร์คลงมาจากรถม้า
นักแสดงคนอื่นๆ อีกหลายคนจากคณะละครห่านดําก็ออกมาจากรถม้าด้วย
“ไทลีน! ถ้าไม่ใช่เพราะเอลฟ์ผู้คุ้มกันของคุณหนูแกลโลลี่บอกข้าเกี่ยวกับเรื่องนี้ ข้าคงไม่รู้ด้วยซ้ําว่าเจ้าหายตัวไป”
เฒ่าเมิร์คเดินเข้าไปในโรงเตี้ยมอย่างรวดเร็ว ในไม่ช้าเขาก็เห็นโจชัว
“ข้าขออภัย เอลฟ์น้ําแข็งนี้เพิ่งเข้าร่วมคณะละครห่านดําไม่นานมานี้ นางไม่เข้าใจ…”
“นางต้องการจะคุยบางอย่างกับข้า ถ้าเจ้าไม่ว่าอะไร กรุณารอข้างนอกก่อน”
โจชัวชี้ให้นักแสดงของคณะละครห่านดําสงบสติอารมณ์ นักแสดงของคณะละครห่านดําดูเหมือนจะดูถูกเอลฟ์น้ําแข็งเป็นอย่างมาก เมื่อพวกเขาเห็นนางโต้ตอบกับโจชัว พวกเขาทําเหมือนนางทําให้คณะละครของพวกเขาอับอาย
“นั่น… ไม่มีปัญหาอย่างแน่นอน ไทลีน อย่าทําเกินไปล่ะ!”
หลังจากพูดคําเหล่านั้นแล้ว เฒ่าเมิร์คก็ผลักประตูโรงเตี้ยม และออกไปรอข้างนอก
ในขณะนี้มีเพียงโจชัวและเอลฟ์น้ําแข็งเท่านั้นที่ยังคงอยู่ในโรงเตี้ยม
“เจ้าไม่จําเป็นต้องสงวนท่าที อยากจะพูดอะไรก็พูดมาเลย ข้ารอฟัง”
โจชัวเอนกายลงบนเก้าอี้ และจ้องมองเอลฟ์น้ําแข็ง
เมื่อเทียบกับตัวตนของนางในฐานะสมาชิกของคณะละครห่านดํา โจชัวสนใจในตัวตนของนางในฐานะเอลฟ์มากกว่า
ดูเหมือนพวกเอลฟ์จะมีผลึกออริจินั่มชนิดพิเศษ ยกตัวอย่างแมวดําที่โจชัวพบในสวนของคฤหาสน์มาดามโครเดอร์
แมวดําตัวนั้นสามารถเก็บอักษรรูนได้ไม่จํากัด ด้วยเหตุนี้จึงกลายเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมที่สุดสําหรับเซิร์ฟเวอร์อินเทอร์เน็ต
น่าเสียดายที่เอลฟ์ที่อยู่รอบๆแกลโลลี่ระมัดระวังตัวเป็นอย่างมาก นางไม่ยอมให้โจชัวเข้าใกล้นางภายในระยะสิบเมตร
แต่เนื่องจากผู้คุ้มกันเอลฟ์ของแกลโลลี่สามารถเรียกสัตว์พิเศษดังกล่าวได้ จะเกิดอะไรขึ้นหากเอลฟ์น้ําแข็งตรงหน้าเขาสามารถทําเช่นเดียวกันได้? ด้วยเหตุนี้โจชัวจึงกําลังไตร่ตรอง ว่าจะครอบครองเอลฟ์น้ําแข็งคนนี้ได้ยังไง
“ข้าต้องการใช้อุปกรณ์อาร์คาโนเทคนั้นบันทึกอะไรบางอย่าง”
ไทลีนลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยคําขอของนาง
“นั่นไม่ใช่ปัญหา ข้าช่วยเจ้าได้ แต่ข้าจําเป็นต้องรู้ว่าเจ้าต้องการบันทึกอะไร”
เมื่อได้ยินคําถามนั้น เอลฟ์น้ําแข็งก็วางนิ้วลงบนคางและครุ่นคิดอยู่นานกว่าหนึ่งนาที ในที่สุดนางพูดว่า “บันทึกที่จะทําให้คนอื่นจําชื่อของข้าได้”
คําตอบของนางไม่ต่างจากการไม่ตอบ โจชัวมีหลายวิธีเพื่อให้คนอื่นจําชื่อเอลฟ์น้ําแข็งนี้ได้ วิธีที่ง่ายที่สุดคือการถ่ายทําภาพยนตร์เรื่องอื่นให้นางเป็นนักแสดงนํา แต่โจชัวยุ่งมากกับงานของเขาในตอนนี้ หลังจากการถ่ายทําภาพยนตร์เรื่อง “ลีออง เพชฌฆาตมหากาฬ” จบลง เขาไม่ได้ตั้งใจจะถ่ายทําภาพยนตร์เรื่องที่สาม
นอกจากการถ่ายทําภาพยนตร์ อาจจะเป็นการถ่ายทําสุนทรพจน์ ยกตัวอย่างสุนทรพจน์ “ผม มีฝัน (I have a dream)” ของมาร์ติน ลูเธอร์ คิง จูเนียร์ ผู้คนนับไม่ถ้วนจําเขาได้หลังจากฟังสุนทรพจน์อันยิ่งใหญ่นั่น น่าเสียดายที่ไม่มีใครในนอร์แลนด์กล้ากดขี่พวกเอลฟ์
อีกวิธีหนึ่งจะเป็นวิธีที่ง่ายที่สุด แต่ก็เป็นวิธีที่หยาบคายที่สุดด้วย แต่โจชัวไม่ได้วางแผนที่จะทําขนาดนั้น อย่างไรก็ตาม ด้วยรูปลักษณ์และรูปร่างของเอลฟ์หญิงผู้นี้ นางมีพรสวรรค์โดยธรรมชาติสําหรับ ”ภาพยนตร์” ประเภทนั้น
“พูดอีกอย่างก็คือ เจ้าต้องการที่จะมีชื่อเสียง?”
ไม่ว่าจะเลือกทางเลือกใดในสามทางเลือก การกลายเป็นคนดังดูเหมือนจะเป็นเป้าหมายของนาง แต่โจชัวรู้สึกว่าเอลฟ์ไม่ควรเป็นเผ่าพันธุ์ที่แสวงหาชื่อเสียง หรืออย่างน้อยที่สุด พวกเขาไม่ควรสนใจที่จะมีชื่อเสียงในหมู่มนุษย์
“ใช่”
ไทลีนพยักหน้าอย่างมั่นใจ นับตั้งแต่ที่นางเดินไปที่ปาดําและเข้าร่วมคณะละครห่านดํา นางพบวิธีที่จะทําให้ต้นไม้โลกของเผ่าพันธุ์ของนางจะงอกขึ้นใหม่
วิธีนี้คือการทําให้ผู้คนรู้จักชื่อของนางมากขึ้น และรู้สึกรักชื่อของนาง
ก่อนพบแกลโลลี่ ไทลีนคิดว่าสิ่งนั้นเป็นสิ่งที่มีแต่พระเจ้าเท่านั้นที่ทําได้ แต่จากผู้ชมที่นั่นชมดอกไม้แห่งฟารัคซี ไทลืนมองเห็นความหวัง…
น่าเสียดายที่นางเป็นน้องใหม่ของคณะละคร นางจึงไม่มีโอกาสได้ขึ้นแสดงบนเวทีมากนัก
ไม่ว่าคณะละครห่านดําจะเดินทางไปเมืองใด ดอกไม้แห่งฟารัคซี่จะเป็นนักแสดงหลักตลอด แม้แต่ในการถ่ายทําภาพยนตร์เรื่อง “ลีออง เพชฌฆาตมหากาฬ” ก็เหมือนกัน
สิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือเมล็ดพันธุ์ของต้นไม้โลกได้รับผลกระทบจากอิทธิพลชั่วร้ายบางอย่าง และอ่อนแอลงเมื่อเวลาผ่านไป
“สารอาหาร” จํานวนเล็กน้อยที่ไทลีนได้รับนั้นไม่เพียงพอที่จะรับกับอิทธิพลที่อ่อนแอลงได้
แต่ไทลื่นมองเห็นความหวังอีกครั้งในอุปกรณ์อาร์คาโนเทคของโจชัว บางทีนางอาจใช้อุปกรณ์อาร์คาโนเทคนั้น เพื่อได้รับสารอาหารเพิ่มเติมสําหรับเมล็ดพันธุ์ต้นไม้โลก
“อย่างแรก เจ้าโชคดีมาก เจ้าเจอคนที่ใช่แล้ว ข้ามีความสามารถที่จะทําให้ชื่อของเจ้าโด่งดังไปทั่วทั้งนอร์แลนด์ และแม้แต่โลกทั้งใบ มันเป็นไปได้ที่ชื่อเสียงของเจ้าจะแซงหน้าเจ้าแกลโลลี่”
อินอร์และซีนาร์ทเป็นตัวอย่างที่สมจริงที่สุดในความสามารถของโจชัว ก่อนที่พวกเขาจะถ่ายทํา “โฉมงามและเจ้าชายอสูร” พวกเขาเป็นเพียงปีศาจที่อาศัยอยู่ในอาณาจักรปีศาจ แต่ตอนนี้พวกเขาได้กลายเป็นนักแสดงที่คนหนุ่มสาวทุกคนรู้จักในนอร์แลนด์
“แต่นั่นเป็นเงื่อนไขว่าเจ้าต้องเซ็นสัญญากับข้า”
โจชัวไม่ใจดีพอที่จะให้ทรัพยากรกับคนนอก
เมื่อไทลืนได้ยินคําว่า “สัญญา” สีหน้าของนางก็ตื่นตัวในทันที
แม้ว่านางจะเป็นเอลฟ์น้ําแข็งที่เพิ่งออกจากทุ่งน้ําแข็ง และมาที่เมืองต่างๆได้ไม่นาน แม้ว่านางจะมีความคิดที่ค่อนข้างเรียบง่าย แต่นางก็ยังมีสติ
ไทลีนรู้ว่าตัวตนที่แท้จริงของโจชัวคือปีศาจ
ในโลกนี้สัญญาของปีศาจเป็นสิ่งไม่ดี โดยทั่วไปการทําสัญญากับปีศาจหมายความว่าจะต้องจ่ายด้วยราคามหาศาล
“ข้าไม่ต้องการให้เจ้าตอบข้าในทันที เจ้าสามารถพิจารณามันก่อนได้ ไม่ไกลจากโรงละครแห่งชาตินอร์แลนด์ ในย่านธุรกิจมีโรงเตี้ยมชื่อใจหิน ข้าจะรอคําตอบของเจ้าที่นั่น” โจชัวกล่าว