Bringing Culture to a Different World - ตอนที่ 120
ตอนที่ 120 ศาลนอกรีต
เมสซากําลังกวัดแกว่งดาบไม้ในมือในสวนหลังโบสถ์
วันนี้นางตื่นเร็วกว่าปกติ นอกจากนี้วันนี้เป็นหนึ่งในไม่กี่ครั้งที่นางเหวี่ยงดาบไม้ของนาง ด้วยเจตนาฆ่าตั้งแต่มาถึงนอร์แลนด์
เมืองนอร์แลนด์เฟื่องฟูเกินไป มันเฟื่องฟูมากจนเมสซาเกือบลืมเกี่ยวกับสนามรบที่โหดร้าย และชีวิตอันโหดร้ายของนางในค่ายทหาร
เมื่อเร็วๆนี้ เพื่อติดตามปีศาจบาปนางใช้เวลาทั้งหมดไปกับเกม “ใจหิน”
เมสซาได้หาเหตุผลมากมายที่จะพิสูจน์การกระทําของนาง นางเอาแต่บอกตัวเองว่านางจะไปโรงเตี้ยมเพื่อจับตาดูปีศาจตัวนั้น
แต่เหตุผลนั้นจะไม่มีอีกต่อไปในอีกไม่กี่วันข้างหน้า
เหตุผลนั้นก็เพราะว่า…. ศาสนจักรกําลังวางแผนที่จะจัดการ
วันนี้ผู้สอบสวนจากศาลนอกรีตมาถึงนอร์แลนด์ผ่านประตูมิติจากประเทศเพื่อนบ้านของนอร์แลนด์
พวกเขาแตกต่างจากเหล่านักรบเทมพลาร์อย่างสิ้นเชิง ถ้าเหล่านักรบเทมพลาร์เป็นดาบที่จะทําลายทุกสิ่งด้วยแสงศักดิ์สิทธิ์ ศาลนอกรีตจะเป็นเงาที่อยู่ใต้แสงอันรุ่งโรจน์
เมสซาไม่ชอบทํางานร่วมกับศาลนอกรีต เนื่องจากผู้สอบสวนส่วนใหญ่นั้นแปลกและสับสนมาก บางครั้งพวกเขาก็ทําตัวเหมือนคนบ้า
แต่ศาลนอกรีตนั้นทรงพลังมาก นอกเหนือจากการทําธุระของศาสนจักรแล้ว พวกเขายังเป็นผู้เชี่ยวชาญในการลอบสังหารอีกด้วย
มีข่าวลือว่ามีกษัตริย์จากประเทศเล็กๆที่ถามถึงหลักคําสอนของศาสนจักรอย่างเปิดเผย นอกจากนี้ เขาได้ประหารชีวิตผู้เผยแพร่คําสอนของศาสนจักรในประเทศของเขา
ศาสนจักรไม่ได้ส่งเหล่านักรบเทมพลาร์ไปทําสงครามครูเสดอย่างเปิดเผยต่อประเทศ ที่กบฏนั้นกษัตริย์กลับพบกับความตายอันน่าสลดใจบนเตียงของเขาเอง
ทุกคนมั่นใจว่าจะต้องเป็นฝีมือของศาลนอกรีต
เมสซาไม่รู้ว่าผู้สอบสวนเหล่านั้นจะสามารถฆ่าปีศาจโกลาหลได้สําเร็จหรือไม่
ไม่ เมสซาควรจะอธิษฐานว่าพวกเขาจะสามารถฆ่าปีศาจได้ แต่ด้วยเหตุผลบางอย่างส่วนลึกในหัวใจนางบอกกับนางว่านางไม่ต้องการที่จะเห็นปีศาจตัวนั้นหายไปจากโลกนี้
ถ้าเขาหายไป ใจหินก็จะหายไปจากโลกนี้ด้วย
อย่างไรก็ตาม ในไม่ช้าความคิดของนางก็ถูกแทนที่ด้วยความคิดที่ว่า “เขาต้องตายเพื่อความรุ่งโรจน์ของพระองค์! จากนั้น เมสซาก็เริ่มกวัดแกว่งดาบไม้ของนางอย่างรุนแรงอีกครั้ง นางยังคงฟาดฟันจนกระทั่งดาบไม้หักครึ่งจากพลังที่มากเกินไปของนาง
“ท่านหญิงเมสซา! ท่านเหล่านั้นมาแล้ว! พวกเขากําลังรอท่านอยู่!”
ผู้ช่วยเมสซาเดินเข้าไปในสวนหลังโบสถ์ นับตั้งแต่การพบปะพูดคุยของโจชัว เขาไม่กล้าเผยแพร่คําสอนที่กล่าวหาเบลล์บนถนนอีกต่อไป
เขาได้รวบรวมความกล้าที่จะทําเช่นนั้นก่อนหน้านี้เพียงเพื่อจะปาด้วยลูกไฟและลูกบอลน้ําใส่กลุ่มผู้วิเศษ ในท้ายที่สุด ผู้วิเศษเหล่านั้นก็ตะโกนออกมาว่า “หยุดขว้างลูกไฟใส่ข้าเสียที! ข้าเป็นแฟนของเบลล์เหมือนกัน!
ด้วยเหตุนี้ เมื่อเขาได้ยินว่าผู้สอบสวนจากศาลนอกรีตกําลังมา เขาก็กลัวมากจนแทบจะเดินไม่ได้ เขากลัวมากว่าคนบ้าพวกนั้นจะจับเขาในฐานะพวกนอกรีตและตัดสินเขา
“ข้าเข้าใจแล้ว”
เมสซาโยนดาบไม้ที่หักของนางไปที่ชั้นวางอาวุธ จากนั้นนางก็เดินเข้าไปในโบสถ์อย่างรวดเร็ว
นางมาถึงห้องโถงที่อยู่ในบริเวณที่ลึกที่สุดของโบสถ์ แสงส่องผ่านหน้าต่าง แสงส่องลงบนประติมากรรม
ที่นี่คือโถงสวดมนต์ สถานที่ที่ใครๆ ก็เข้าใกล้ความรุ่งโรจน์ของพระองค์ได้มากที่สุด
เมสซาเข้าไปในห้องสวด และได้ยินเสียงบางอย่างกระทบผนัง
“เชอริล พอแล้ว! ใจเย็น ๆ!”
“ข้าได้ยินอีกแล้ว เสียงบ้าๆพวกนั้น ไอ้บ้าเอ๊ย! ออกไปจากหัวข้าซะ!”
เมสซาเห็นร่างที่คลุมชุดคลุมโบสถ์สีดําเอาหัวโขกกําแพงอย่างไม่หยุดหย่อน
แม้ว่าจะมีรอยแตกปรากฏบนผนัง แต่นางก็ยังทุบหัวของนางไปที่มัน แม้แต่เลือดก็ปรากฏบนเสื้อคลุม
“เกิดอะไรขึ้นกับนาง
เมื่อเห็นท่าทางคลุ้มคลั่งของบุคคลนั้น เมสซาก็วางมือบนด้ามดาบสั้นที่เอวของนางโดยไม่รู้ตัว บุคคลนั้นไม่ได้ทําตัวเหมือนผู้ที่ได้รับการคุ้มครองจากความรุ่งโรจน์ของพระองค์
“เราไปไม่ทันคําอวยพรก่อนออกเดินทาง นางทําแบบนั้นเพราะนางปรารถนาเสียงร้องของนัก บุญเฮโรเลียมากเกินไป”
บุคคลอื่นจากศาลนอกรีตได้ที่ผู้หญิงคนนั้นที่หลังคอของนาง ผู้หญิงคนนั้นเอาหัวโขกผนังหมดสติและล้มลงกับพื้น แต่ถึงแม้นางจะล้มลงกับพื้น นางก็ยังกระตุกไม่หยุด
เมสชารู้สึกว่าการกระทําของพวกเขานั้นรุนแรงและโหดเหี้ยม นอกจากนี้น้ําเสียงของคนที่พูดกับนางก็ฟังดู… ค่อนข้างไร้เหตุผล
“เจ้าไม่เป็นไรจริงๆหรอ?”
เมสซาไม่ต้องการพาคนบ้าไปที่โรงเตี้ยม หากพวกเขากระทําโดยประมาท คนแคระของนอร์แลนด์อาจลงบัญชีดําศาสนจักร
“เราเรียกเจ้ามาที่นี่เพื่อเป็นคนนําทาง ไม่ใช่ให้เจ้ามาถามเรา อัศวินเมสซาบอกตําแหน่งของปีศาจนั้นให้เราทราบ” บุคคลอื่นจากศาลนอกรีตกล่าว ทัศนคติของเขานั้นแย่มาก
เมสซาสูดหายใจเข้าลึกๆ เพื่อระงับความโกรธในหัวใจของนาง จากนั้นนางก็หันหลังกลับและออกจากห้องสวด
นอกจากหญิงที่หมดสติแล้ว ผู้สอบสวนอีกสามคนที่เหลือก็ตามหลังเมสซา
เมื่อเมสซาเดินออกจากโบสถ์แล้วหันกลับมามอง นางพบว่าผู้สอบสวนสามคนสวมชุดคลุมสีดําของโบสถ์หายตัวไป
เมสซาไม่เชื่อว่าทั้งสามคนเพียงแค่เปลี่ยนชุดเท่านั้น
นี่เป็นอํานาจที่พระองค์ประทานให้ด้วยหรือ เมสซาไม่มีทางรู้ว่าจะเป็นอย่างนั้นหรือไม่ นางทําได้เพียงทําหน้าที่ต่อไปและทําหน้าที่ของนางให้เสร็จ ในฐานะผู้นําทาง นางจะเป็นผู้นําอาวุธเงาของศานจักรเพื่อปลิดชีพปีศาจตนนั้น
คงจะดีไม่น้อยถ้าโจชัวไม่อยู่ในโรงเตี้ยมตอนนี้ ใจหินจะไม่มีแพ็กเสริมใหม่ๆใช่ไหม
ความคิดแปลกๆหลายอย่างแวบเข้ามาในหัวของเมสชา นางจับดาบสั้นที่เอวของนาง และพยายามอย่างเต็มที่เพื่อขับไล่ความคิดแปลกๆเหล่านั้นออกจากจิตใจของนาง
แต่ทุกย่างก้าวของนางรู้สึกหนักกว่าเคย มันแตกต่างอย่างสิ้นเชิงจากความสุขที่นางรู้สึกในอดีตเมื่อนางรู้ว่ามีปีศาจร้ายน้อยกว่าหนึ่งตัวในโลกนี้
“ทุกคนอยากพักก่อนไหม?”
เมสซาหันหัวไปด้านข้างและมองไปที่ผู้สอบสวนสามคนที่ปลอมตัวเป็นสามัญชน
หนึ่งในนั้นดูเหมือนจะมีสีหน้าเจ็บปวดอย่างมากบนใบหน้า เมสซาสามารถมองเห็นหมอกสีเทาจางๆบนร่างกายของเขาได้ แต่หมอกสีเทาก็แวบผ่านสายตาของนางไปอย่างรวดเร็ว
“น่าเสียดายอัศวินเมสซา นอกเหนือจากนักบุญเฮโรเลียและการร้องเพลงศักดิ์สิทธิ์ของคณะนักร้องประสานเสียงแล้ว ไม่มีใครสามารถระงับความปั่นปวนของพวกเราได้ ได้โปรดพาพวกเราไปหาอสูรร้ายนั้นเถิด เมื่อเราจัดการกับเขาเสร็จแล้ว เราจะสามารถกลับไปยังเมืองแสงศักดิ์สิทธิ์เพื่อดื่มต่ํากับความรุ่งโรจน์ของพระองค์”
ในบรรดาผู้สอบสวนสามคน คนหนึ่งทําตัวสงบมาก เขาเป็นคนที่อ่อนน้อมถ่อมตนที่สุดในสา มคน เขาขอให้เมสซาทําตามคําแนะนําด้วยน้ําเสียงที่จริงใจมาก
“พวกเรามาถึงแล้ว ข้าไม่ต้องการให้พวกเจ้าทุกคนเปิดเผยตัวเอง ปีศาจบาปนั้นฉลาดแกมโกงอย่างมาก”
เมสซาชี้ไปที่โรงเตี้ยมใจหินที่ถนนฝั่งตรงข้าม แต่ก่อนที่พวกเขาจะเข้าไปได้ ทันใดนั้นก็มีเสียงอันเงียบสงบแต่ก็ดังมาจากโรงเตี้ยมซึ่งน่าจะมีเสียงดังมาก