Bringing Culture to a Different World - ตอนที่ 143
ตอนที่ 137 คนรุ่นใหม่..
ลุงต้านเป็นผู้มีประสบการณ์น้อยมากหรือไม่ก็ไม่มีสําหรับการผ่าตัดแบบนี้ ดังนั้นเขาจึงต้องรับผิดชอบพื้นที่น่องส่วนบนที่งานเบาหวองดุจปุยนุ่น ในขณะที่กู้จวินที่เพิ่งทําการผ่าตัดแบบเดียวกันเมื่อวันก่อนมีหน้าที่ดูแลน้องและเท้าส่วนล่างที่ยากกว่า
และการผ่าตัดทั้งสองอย่างได้เกิดขึ้นในเวลาเดียวกัน และน้ํามีค่ามาก แต่ยังไงก็ต้องทําความสะอาดบาดแผลก่อนการผ่าตัด ดังนั้นหมอทั้งสองจึงพยายามใช้น้ําให้น้อยที่สุด
“สาลีก้อน!” กู้จวินรับผ้าฝ้ายปลอดเชื้อจากจางฮ่าวฮาว จากนั้นเขาก็ก้มลงเช็ดแผลที่เปื้อนเลือด
เมื่อใช้แสงและตะขอแบบส่องแสงได้ เขาก็สามารถมองเห็นปรสิตตัวเล็กที่มีลักษณะคล้ายหนอนอยู่ภายในกล้ามเนื้อโซลลัส พวกมันเกาะเกี่ยวเข้ากับเนื้อเยื่อของหลินมอเหมือนหนอนที่แฝงอยู่ในเนื้อสัตว์ ร่างของพวกมันกระดิกเล็กน้อย แค่มองก็รู้แล้วว่าพวกมันเจาะเข้าไปในขาข้างนี้ได้ราวๆครึ่งหนึ่งแล้ว
ฉากนี้ทําให้สมาชิกทั้งหมดที่ถือไฟฉายขมวดคิ้ว ฉากการผ่าตัดที่หน้าขนลุกนี้ กําลังปรากฏขึ้นต่อหน้าและมันจะสลักไว้ในหัวใจของพวกเขาตลอดกาล
“ ปรสิตพวกนี้เป็นลูกของหนอนยักษ์ใต้ดิน” กู้จวินพูดด้วยความดีใจที่ได้เห็นสิ่งที่น่าเกลียดเหล่านี้ นี่เป็นการพิสูจน์ว่ามันเป็นหนอนยักษ์ใต้ดินที่ซุ่มโจมตีหลินมอจริงๆปรสิตตัวเล็กเหล่านี้กระเซ็นออกมาจากปากของหนอน
ต้องขอบคุณความรอบคอบที่กันไว้ทัน ทําให้กู้จวินไม่จําเป็นต้องกังวลว่าจะพบพวกมันในเนื้อเยื่อที่ลึกกว่านี้ และปรสิตเหล่านี้ทั้งหมดยังไม่ได้ก่อตัวเป็นถุง ดังนั้นเขาจึงเพียงแค่ทําความสะอาดปรสิตเหล่านี้บนพื้นผิวให้หลุดลอกออกไปก็เป็นพอ
“เอากรรไกรผ่าตัดมาหน่อย…” กู้จวินรับเครื่องมือมา จากนั้นก็เอื้อมมือเข้าไปในบาดแผล และดึงหนอนออกมาทีละตัว…เมื่อจับได้เขาก็เอาไปวางไว้ในภาชนะสแตนเลสที่ด้านข้าง
ความรู้สึกลื่นๆ ขณะปล่อยปรสิตลงบนภาชนะสแตนเลสบอกเขาว่าปรสิตไม่ได้จมลง ไปในเนื้อใน และส่วนใหญ่สามารถดึงออกได้โดยตรงโดยไม่ต้องใช้แรงมาก นี่เป็นสิ่งที่ดีอย่างมาก กู้จวินดึงปรสิตเหล่านี้ออกด้วยความง่ายดายราวกับกําลังใช้ตะเกียบคีบลูกแก้ว พอคีบอันหนึ่งเสร็จก็มาคืบอีกหนึ่งอัน ยังดีที่ปรสิตพวกนี้เข้าไปในเนื้อได้ไม่ไกล ไม่งั้นกู้จวินอาจจะต้องฉีกเนื้อก้อนนี้ไปพร้อมกับกล้ามเนื้อของหลินต่อก็ได้
สมาชิกคนอื่นๆที่อยู่รอบๆ จับตาดูพวกเขาอย่างใกล้ชิด พวกเขาเห็นกู้จวินดึงและตัดปรสิตออกจากบาดแผลอย่างเชี่ยวชาญ แล้วพวกเขาก็หันไปสังเกตลุงต้านของพวกเขาต่อ…และพวกเขาก็สับสนทันที ทําไมกู้จวินถึงเคลื่อนที่ผ่าตัดเร็วกว่าลุงต้าน? มีอะไรขัดขวางลุงต้านอยู่หรือเปล่า?
“ เอ๊ะ?” ลุงต้านเองก็เหลือบไปเห็นกู้จวินเช่นกัน เขาก็ตกใจมากกว่าคนอื่นๆอีก “เด็กคนนี้ ฝีมือการผ่าตัดของเขาดีขนาดนี้ได้ยังไง?”
ต้องรู้ว่าที่นี่คืออุโมงค์ที่เต็มไปด้วยกลิ่นอับและอันตราย พื้นที่ก็ไม่ได้กว้างอะไรนัก ในสภาพแวดล้อมและบรรยากาศที่เป็นเช่นนี้ มีหมอคนใดบ้างที่จะขยับตัวได้อย่างสบาย โดยเฉพาะหมอที่ไม่มีประสบการณ์! จะถือว่าน่าประทับใจมากถ้าเขาสามารถทรงตัวได้
ทว่า!
กู้จวินคนนี้ลุงต้านดูอยู่นาน เขาจึงได้เข้าใจว่าจุดเด่นของกู้จวินคนนี้คือความแม่นยําและความเร็วในการผ่าตัด อีกอย่าง…เขามีจุดแข็งที่พลังข้อมือและความมั่นคงของมือที่ยอดเยี่ยม ทั้งสองอย่างนี้ไม่ใช่อยู่ๆจะเกิดขึ้นมาได้…มันจําเป็นต้องหล่อหลอมจากประสบการณ์ที่หนักหน่วงและตั้งใจ! ดังนั้นกู้จวินไม่ได้ดูเหมือนว่าเขาเพิ่งเคยผ่าตัดเอาปรสิตออกเพียงแค่ครั้งเดียว
ลุงต้านมองเขาและรู้สึกเหมือนกับว่ากู้จวินผ่านการฝึกฝนและผ่าตัดแบบนี้ทุกวัน สิ่งนี้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าการสะสมประสบการณ์ของกู้จวินมาถึงมาตรฐานที่เหนือมนุษย์ นี่ไม่ใช่สิ่งที่สามารถอธิบายได้ว่าเป็นพรสวรรค์ที่ยอดเยี่ยม…แต่เป็นพรสวรรค์สะท้านฟ้าที่ไม่หยิ่งผยองและหมั่นฝึกฝนจนคมกริบ
ไม่น่าแปลกใจเลยที่เด็กคนนี้จู่ๆ ก็แนะนําวิธีแก้ปัญหาที่กล้าหาญแบบนี้ออกมา เขามีความสามารถในการผ่าตัดและทําอย่างที่พูดได้จริงๆ!
ลุงต้านเห็นกู้จวินก็รู้สึกมีแรงบันดาลใจทันที และเขาก็เคลื่อนไหวเร็วขึ้นด้วยพลังใจที่ได้รับการกดดันจากเด็กรุ่นหลัง นี่ไม่ใช่เพียงเพราะทัศนคติที่เปลี่ยนไปต่อเด็กหนุ่มกู้จวินเท่านั้น เพราะเขาเองก็เริ่มมองเห็นความหวังในการผ่าตัดที่ประสบความสําเร็จเช่นเดียวกัน ด้วยความเร็วและความเชี่ยวชาญระดับกู้จวิน…ลุงต้านนั้นเห็นอนาคตอย่างชัดเจนว่าทุกอย่างจะต้องสําเร็จและผ่านพ้นไปได้ด้วยดี
“ อาม่อเอ๊ย!” ในขณะที่ลุงต้านกําลังคืบหนอนออก เขาก็พูดกับหลินม่อที่กําลังนอนร้องครางเบาๆ ด้วยน้ําเสียงที่สงสารและให้กําลังใจ “ รออีกหน่อยนะ ขานี้ข้างของเธออาจจะได้รับการรักษาไว้ได้จริงๆ”
เมื่อสมาชิกหน่วยนักล่าอสูรคนอื่นๆ ได้ยินเช่นนั้นพวกเขาก็รู้สึกสับสนกันเกือบหมด เสี่ยป้าและคนอื่นๆ มองลุงต้านและกู้จวินทันที พวกเขาเริ่มสงสัยว่าทําไมลุงต้านถึงพูดอะไรแบบนั้น
คนอื่นไม่รู้แต่จางฮ่าวฮาวและสมาชิกอีกสี่คนที่ถือไฟผ่าตัดชั่วคราวเข้าใจว่าทําไมถึงเป็นอย่างนั้น นี่เป็นเรื่องที่น่าตื่นตาตื่นใจสําหรับพวกเขาเลยทีเดียว แม้แต่ผู้ที่ไม่คุ้นเคยกับความรู้ทางการแพทย์อย่างพวกเขาก็สามารถมองเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ หากจะคิดเป็นแผนภาพที่ชัดเจนกู้จวินก็เป็นเหมือนซูเปอร์แมนที่พุ่งไปข้างหน้าด้วยความเร็วสูงและกําจัดเหล่าร้ายได้อย่างว่องไว ในขณะที่ลุงต้านก็เหมือนคนปกติที่ขี่มอเตอร์ไซค์และพยายามไล่ตามอดีตอันแสนหวานของตน….การเปรียบเทียบแบบนี้ทําให้พวกเขาอดไม่ได้ที่จะไม่อยากจะเชื่อ!!
และนี่คือการเปรียบเทียบในขณะที่กู้จวินกําลังจัดการกับน่องส่วนล่างซึ่งได้รับบาดเจ็บสาหัส กว่าเขาทํางานเร็วกว่าลุงต้านเสียอีก…ทั้งๆที่ยากกว่าและเยอะกว่าด้วยซ้ํา! เขาทําการแกะหนอนออกได้เร็วมาก เมื่อคืบหนอนเสร็จจากแผลนี้เขาย้ายจากแผลที่ผ่านการทําความสะอาดแล้วไปยังอีกแผลหนึ่ง โดยรีบจิกปรสิตเหมือนนกหัวขวานที่กําลังจิกหนอน
“ หืม?” เสี่ยป้าขยับขึ้นจากบันไดที่สิบและมายืนพิงกําแพงเพื่อมองดูการผ่าตัดด้วยความสงสัย แม้แต่ลู่เสี่ยวหนิงเองก็เช่นกัน เธอรีบเดินตามมาใกล้ๆด้านหลังของเขา จากนั้นไม่นานพวกเขาก็เห็นสิ่งที่เกิดขึ้น
“ แม่งเอ๊ย!!” ลู่เสี่ยวหนิงเห็นภาพเบื้องหน้าก็ได้แต่อ้าปากค้างตามไปอีกคน ใบหน้าสวยๆของเธออดไม่ได้ที่จะบิดเบี้ยวและสบถออกมาอย่างรุนแรง “ให้ตายสิ! หมอประจําทีมตกแล้วคือใคร??”
เธออดไม่ได้ที่จะสงสัยเกี่ยวกับภูมิหลังของกู้จวิน เธอไม่รู้เลยว่าผู้ชายที่ดูยิ้มๆคนนี้จะกลายร่างเป็น “เทพเจ้า” ทันทีที่ยืนอยู่ใกล้โต๊ะผ่าตัด
แม้แต่เสวี่ยป้าที่ใบหน้านิ่งและเต็มไปด้วยพิธีการในหัวยังมองด้วยความตื่นเต้น กล้ามเนื้อของเขาเริ่มตึงขึ้นตามความรู้สึกที่ดูภาพแล้วก็ยิ่งสึกเหิม เขาเคยได้ยินมาว่ากู้จวินเป็นสมาชิกสํารองของ “หน่วยปฏิบัติการเคลื่อนที่” แต่เขาไม่รู้ว่าผู้ชายคนนี้มีค่าแค่ไหน! ก่อนหน้านี้เมื่อเขาได้ยินว่าชายหนุ่มกําลังทําการผ่าตัดเป็นเวลาสิบสามชั่วโมง เสี่ยป้ายังคิดว่ากู้จวินเป็นเพียงผู้ช่วยในการผ่าตัดครั้งนั้นเท่านั้นเอง แต่ใครจะรู้! บางทีเผลอๆเขาอาจจะมีความสามารถถึงขั้นเป็นหัวหน้าทีมผ่าตัดได้
“ นี่เป็นความสามารถที่สุดยอดอย่างหนึ่ง” ลูเสี่ยวหนิงบอกกับเสี่ยป้าทันที “ หน่วยนักล่าอสูรจําเป็นต้องมีเขา”
“อ้าว! หลินม่อยังไม่ตายและคุณได้เลือกคนมาแทนที่เขาแล้วหรือ?” เสี่ยป้าพูดติดตลก ในฐานะหัวหน้าทีมเขามีความรับผิดชอบที่จะต้องช่วยลูกทีมทุกคนให้อารมณ์ดีด้วยการสร้างขวัญและกําลังใจ ขนาดเหล่าผู้บัญชาการที่ได้ยินผ่านสายสื่อสารของพวกเขาก็เริ่มหัวเราะและอารมณ์เคร่งเครียดก็เบาลงมาก ทันใดนั้นทุกคนก็รู้สึกว่หลินม่อน่าจะมีโอกาสรอดชีวิตแล้ว
กู้จวินและลุงต้านกําลังผ่าตัดอยู่ พวกเขาไม่ได้เข้าร่วมในวงสนทนาที่เต็มไปด้วยความสบายใจตอนนี้
พวกเขาไม่กล้าเสียเวลาแม้แต่วินาทีเดียว เพราะพวกเขาเป็นคนที่รู้ว่าเวลามีค่าสําหรับผู้ป่วยแค่ไหน การดําเนินการผ่าตัดแบบนี้จําเป็นต้องเสร็จสิ้นโดยเร็วที่สุด พวกเขาไม่เพียงแต่แข่งกับปรสิตตัวน้อยเท่านั้นแต่ต้องแข่งกับเวลาด้วย
อีกทั้งหากเลือดหยุดไหลนานเกินไปในระหว่างการผ่าตัด ก็อาจทําให้เกิดเส้นเลือดตีบในหลอดเลือดดํา หรือเส้นเลือดอุดตันในปอด ซึ่งเป็นสิ่งที่พบได้บ่อยเมื่อทําการผ่าตัดที่ร่างกายส่วนล่างและมันอาจจะทําให้ถึงแก่ชีวิตได้
พวกเขาไม่สามารถป้องกันความเสี่ยงนี้ได้ เนื่องจากครั้งนี้เป็นการผ่าตัดภาคสนามและพวกเขากําลังจัดการกับปรสิตที่อยู่ภายในเนื้อเยื่อเนื้อ ดังนั้นพวกเขาจึงต้องเคลื่อนย้ายและทําการผ่า ตัดอย่างรวดเร็ว หลังจากทําความสะอาดบาดแผลแล้วพวกเขาก็ข้ามขั้นตอนการเย็บและย้าย ไปยังจุดถัดไปทันที
ด้วยเวลาที่จํากัดที่หนึ่งชั่วโมงใกล้จะสิ้นสุดลงแล้ว ภาชนะผ่าตัดสี่เหลี่ยมทั้งสองใบเต็มไปด้วย เลือด เนื้อเยื่อที่เสียหายและปรสิตที่มีลักษณะคล้ายหนอนจํานวนมาก พวกมันขดตัวเป็นลูกบอล และกระดิกขยับไปเรื่อยๆด้วยท่าทางที่น่าเกลียด
ถึงมันจะดูร้ายกาจแต่พวกมันก็เปราะบางมาก พวกมันสามารถตายได้ถ้าใครบังเอิญไปเหยียบ มันยากที่จะเชื่อว่าหนอนตัวเล็กๆเช่นนี้สามารถเติบโตเป็นหนอนยักษ์ใต้ดินที่ดุร้ายและน่ากลัวได้
ดังนั้นไม่ต้องเดาเลยว่าต้องมีกี่ชีวิตที่ถูกเผาผลาญและย่อยสลายกลายเป็นอาหารเพื่อให้หนอนตัวเล็กๆเหล่านี้พัฒนาเป็นสัตว์ประหลาดที่น่ากลัวเหล่านั้น?
แม้ว่าความคิดเหล่านี้จะครอบงําจิตใจของกู้จวิน แต่เขาก็โยนมันทิ้งไปอย่างรวดเร็ว เขาจําเป็นต้องให้ความสําคัญกับการดําเนินการผ่าตัดฉุกเฉินก่อน เพราะเมื่อเวลาผ่านไปหนอนบางตัวอาจจะคลานลึกเข้าไปในเนื้อเยื่อ…และมันก็ไม่ทัน ตอนนี้เริ่มมีหนอนบางตัวเจาะเนื้อเยื่อแล้ว ในที่สุดกู้จวินก็ต้องใช้มีดผ่าตัดเพื่อตัดพวกมันออก แต่เขาก็ต้องคํานึงว่าบาดแผลจะต้องมีขนาดเล็กที่สุด ด้วยวิธีนี้เลือดจะไหลลดลงและการรักษาจะเร็วขึ้นมาก บอกตามตรง…กว่าจะมาถึงขั้นนี้ ทักษะการผ่าตัด การเฉือด และเทคนิคการใช้มีด เขาได้ทดลองกับผิวผลไม้มานับครั้งไม่ถ้วนประกอบกับความรู้เชิงปฏิบัติของเขาในห้องผ่าตัด….ทุกอย่างได้รวมกันจนมาเป็นความสามารถในระดับนี้
ลุงต้านล้างและทําความสะอาดน่องส่วนบนเรียบร้อยแล้ว เขารีบมาเข้าร่วมกับพื้นที่เขตรับผิดชอบของกู้จวินทันทีและช่วยเหลือในการผ่าหนอนออกอย่างรู้งาน
และการกระทําแบบนี้ทําให้เกิดการเปรียบเทียบโดยตรงอีกครั้ง
นั่นก็เพราะตอนนี้ลุงต้านก็อายุมากแล้ว การงอตัวก้มอย่างต่อเนื่องจะต้องสร้างแรงกดบนเอวของเขาเป็นอย่างมาก ทําให้มือของเขานั้นเริ่มเชื่องช้าราวกับเต่า อย่างไรก็ตามกู้จวินยังคงเร็วเหมือนเดิม โดยรวมแล้วกู้จวินดูเป็นมืออาชีพมากกว่าลุงต้านมหาศาล…การที่คนรุ่นใหม่เอาชนะคนรุ่นก่อนนั่นเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้เลย
สมาชิกบางคนเหลือบมองนาฬิกาของพวกเขา และก็พบว่าตอนนี้เกือบหนึ่งชั่วโมงแล้ว!
ในไม่ช้าเสียงดังของเสวี่ยป้าก็เดินทางผ่านช่องทางการสื่อสาร “ เวลาหนึ่งชั่วโมงหมดแล้ว”