Bringing Culture to a Different World - ตอนที่ 68
อัศวินสามคนและผู้ช่วยของนาง รวมถึงเมสซากลับไปที่พักของพวกเขา
ที่พักของพวกเขาคือโบสถ์เล็ก ๆ ที่ตั้งอยู่ในทางตะวันตกของนอร์แลนด์ โบสถ์แห่งนี้เป็นหนึ่งในอาคารที่เก่าแก่ที่สุดในนอร์แลนด์ มิชชันนารีผู้ยิ่งใหญ่เป็นคนสร้างขึ้น
นอกจากนี้ยังเป็นโบสถ์แห่งเดียวในนอร์แลนด์ที่ใช้เพื่อสวดภาวนาต่อเทพเจ้าแห่งแสงสว่างและความชอบธรรม โมนิการ์
จากสิ่งนี้จะเห็นได้ว่าศาสนจักรไม่มีอิทธิพลมากนักในนอร์แลนด์ ในประเทศอื่น ๆ เมืองใหญ่ ๆ ทุกแห่งจะมีมหาวิหารหนึ่งหรือสองแห่ง
“เจ้าจะปล่อยให้ปีศาจตัวนั้นไปจริงๆเหรอ? ข้าจำได้ว่าคนแคระของเมืองนี้ต้องทำงานในตอนกลางวัน พวกเขาจะไปโรงเตี๊ยมในช่วงบ่าย และตอนกลางคืน บางทีเราควรใช้ประโยชน์จากช่วงเวลานั้น…”
เหล่าอัศวินที่ติดตามเมสซามีหน้าตาบูดบึ้งบนใบหน้าของพวกเขา สิ่งที่น่าอัปยศอย่างการถูกคนแคระขับไล่ออกจากโรงเตี๊ยมเป็นสิ่งที่พวกเขาไม่เคยสัมผัสมาก่อน
“ไม่ได้เด็ดขาด!”
ผู้ช่วยของเมสซารีบปฏิเสธโดยไม่คิดหน้าคิดหลังทันที
“ เกือบครึ่งหนึ่งของผู้มีอำนาจในนอร์แลนด์อยู่ภายใต้การปกครองของคนแคระ นอกจากนี้ในบรรดาคนแคระที่เราพบในโรงเตี๊ยมแห่งนั้น คนหนึ่งเป็นผู้อาวุโสของตระกูลฟรอสแอ็ก…ถ้าความทรงจำของข้าไม่ผิดพลาดท่านคาร์ดินัลของเรามีข้อตกลงการค้าผลึกออริจินัมกับกลุ่มคนแคระนั้น ดังนั้นท่านอัศวินโปรดสงบสติอารมณ์ก่อน”
แม้ศาสนจักรจะมีเหมืองผลึกออริจินัมของตนเอง พวกเขายังคงต้องซื้อผลึกออริจิเนียมคุณภาพสูงจากคนแคระโดยเฉพาะคนแคระที่อาศัยอยู่ในนอร์แลนด์
แร่ที่อยู่ใต้เมืองนอร์แลนด์มีผลึกออริจิเนียมคุณภาพสูงจำนวนนับไม่ถ้วน!
หลังจากฟังคำพูดของผู้ช่วย เหล่าอัศวินหน้าใหม่ก็เข้าใจว่าอารมณ์หุนหันพลันแล่นของเขาอาจทำให้เกิดเรื่องร้ายแรงหากพวกเขาไปยั่วยุคนแคระของนอร์แลนด์
“ แต่ผู้บัญชาการ ท่านไม่รู้สึกว่าคนแคระพวกนั้นตอบสนองแปลก ๆ เกินไปหรอ?”
“ ใช่ มันเหมือนกับว่าพวกเขาถูกปีศาจชักนำให้หลงทาง”
พวกเขาไม่ได้คาดหวังว่าคนแคระเหล่านั้นจะเสนอตัวเข้ามาช่วยโรงเตี๊ยม
อัศวินทุกคนที่พบเห็นคนแคระที่โรงเตี๊ยมใจหินต่างตระหนักดีว่าคนแคระเหล่านั้นดูเหมือนจะบ้าคลั่งไปแล้ว ราวกับว่าการทำลายโรงเตี๊ยมจะทำให้พวกเขาถึงแก่ความตาย
“อย่าพูดอีกเลย ทั้งหมดนี่เกิดจากความหุนหันพลันแล่นของข้า ข้าตัดสินใจใช้โอกาสนี้สำรวจโรงเตี๊ยมนั้นสักระยะ ข้าจะให้หัวหน้าโรงเตี๊ยมตระหนักว่าปีศาจร้ายเป็นยังไง ข้าจะพยายามเปิดโปงแผนการของพวกปีศาจ”
สายตาของเมสซาจับจ้องไปที่รูปปั้นที่อยู่ตรงกลางโบสถ์ตลอดเวลา นางรู้สึกราวกับว่านี่เป็นบททดสอบที่พระเจ้าประทานให้นาง
ในอดีตเมสซาจะจัดการปัญหาทั้งหมดด้วยดาบของนาง ไม่ว่าจะขัดแย้งกับมนุษย์คนอื่น หรือขัดแย้งกับปีศาจ ดาบของนางคือทางออก
แต่การเป็นอัศวินที่มีคุณสมบัติเหมาะสม การมีความสามารถในการต่อสู้ที่ทรงพลังเพียงอย่างเดียวนั้นยังไม่เพียงพอ เราต้องมีจิตตานุภาพที่น่าเกรงขาม และหัวใจที่แน่วแน่ด้วย
ด้วยเหตุนั้นเมสซาจึงตั้งใจที่จะกำจัดปีศาจตัวนั้นโดยไม่ใช้ดาบของนาง
“ ผู้บัญชาการข้าคิดว่าเราควรไปโรงเตี๊ยมด้วยกัน การจัดการปีศาจนั้นไม่ง่ายอย่างแน่นอน” เทมพลาร์เปล่งเสียง เขากังวลที่เมสซาจะเข้าไปในที่ซ่อนของปีศาจด้วยตัวนางเอง
“ ข้ามีภารกิจที่สำคัญยิ่งกว่าสำหรับพวกเจ้าทุกคน”
เมสซาหันไปมองผู้ช่วยของนาง นางหยิบเหรียญสามเหรียญที่ใช้เป็นตั๋วของโรงละครไวเซนาสเซ่ออกมา
“ เราต้องประกาศการมีอยู่ของปีศาจให้โลกรู้ โรงละครแห่งนี้อาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับปีศาจ ด้วยเหตุนี้ข้าจึงอยากให้เจ้าทุกคนรีบแจ้งสมาคมทั้งหมดว่าที่โรงละครแห่งนั้นมีปีศาจ”
ศาสนจักรดำรงอยู่มานานกว่าสหัสวรรษ ในช่วงเวลานั้นพวกเขาได้เผยแพร่คำสอนของตนไปทั่วโลก แม้เมสซาจะไม่สามารถมั่นใจได้ว่ามีผู้เชื่อในคำสอนของตนในประเทศอื่น ๆ มากแค่ไหน แต่ความพยายามของศาสนจักรของพวกเขาทำให้หลายคนกลายเป็นศัตรูกับปีศาจอย่างแน่นอน
“ครับ!”
ผู้ช่วยของนางรับเหรียญไป
“ เราจะทำบททดสอบนี้ให้เสร็จสิ้น ก่อนที่หัวหน้าบาทหลวง ดีไซเลสจะมาจะมาถึง ขอให้ความรุ่งโรจน์ของพระองค์ปรากฏขึ้นท่ามกลางพวกเรา”
อัศวินหญิงผู้ไม่หวั่นไหวแสดงความศรัทธาของนางที่มีต่อรูปปั้น ด้วยเหตุนี้ผู้ช่วยของนาง และอัศวินทั้งสามจึงรีบออกจากโบสถ์เพื่อทำงานที่ได้รับมอบหมาย
……
“ ทำไมเจ้าไม่สอนบทเรียนให้กับพวกเทมพลาร์?”
ซิริยืนอยู่หลังเคาน์เตอร์โบกไม้เท้าเวทมนตร์ที่เพิ่งซื้อมา ไม้เท้ายาว 1.5 เมตร มีผลึกออริจินั่มรูปปริซึมถูกฝังอยู่บนหัวของไม้เท้า
ซิริถือไม้เท้าโบกมือไปมาเหมือนหอก
ก่อนที่จะพบกับโจชัว สื่อเวทมนตร์ของซิริและสิ่งประดิษฐ์ล้วนไม่พอ เมื่อนางเจอหมีสีน้ำตาลหรือหมาป่าสีขาวในป่าโดยทั่วไปนางจะหยิบไม้ขึ้นมาจากพื้นเพื่อเผชิญหน้ากับสัตว์ร้ายเหล่านั้น
ด้วยเหตุนี้ในขณะที่ซิริออกไปซื้อไม้เท้าเวทมนตร์โดยใช้เงินเดือนที่โจชัวให้นาง นางจึงเลือกไม้เท้าที่ดูน่าจะ “เก่งในการต่อสู้” ทันที
พลังการต่อสู้ของซิริเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าจากตอนที่นางพบโจชัวครั้งแรก นางมั่นใจด้วยซ้ำว่านางสามารถผ่านการประเมินนักเวทย์ระดับสี่ได้
“ เอาชนะพวกเขา แล้วหาโอกาสกำจัดพวกเขา? ซิริ…เจ้าไม่เชื่อว่ามีทางเลือกอื่นนอกจากการฆ่าศัตรูใช่มั้ย?” โจชัวถาม
“ การกำจัดศัตรูเป็นเรื่องธรรมดาไม่ใช่หรอ? หากอัศวินเหล่านั้นค้นพบตัวตนที่แท้จริงของเจ้า พวกเขาจะพยายามฆ่าเจ้าอย่างแน่นอน อืม…เดี๋ยวก่อนข้ารายงานให้พวกเขาฟังดีไหมนะ?”
แต่นางคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้เพียงชั่วครู่ก่อนที่จะล้มเลิกความคิดนั้น
สาเหตุส่วนใหญ่น่าจะมาจากต้นฉบับของลีออง : เพชฌฆาตมหากาฬที่โจชัวถือไว้ในมือ
“ การฆ่าศัตรูเป็นการตัดสินใจแบบทหาร ข้าเป็นคนทำงานด้านวัฒนธรรม แทนที่จะฆ่าศัตรู ข้าชอบที่จะเปลี่ยนวิธีคิดของพวกเขามากกว่า”
โจชัวส่งต้นฉบับของลีออง : เพชฌฆาตมหากาฬคืนให้กับซิริ
ในตอนท้ายของต้นฉบับมีรูปวาดที่ซิริวาด หนึ่งในนั้นคือการวาดลวก ๆ ของตัวละครนำหญิงมาทิลดา และตัวละครนำชายลีอองที่ยืนอยู่ด้วยกัน
แม้ว่ามันจะเป็นภาพวาดธรรมดา ๆ แต่มันก็เหมือนมีชีวิตจริงๆ โจชัวต้องการทำโปสเตอร์ออกมาจากการเขียนแบบลวก ๆ
“ …”
ท้ายที่สุดคนที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในการปรับเปลี่ยนอุดมการณ์ของโจชัวก็คือนาง ครึ่งเดือนก่อน ซิริกำลังคิดหนักว่าจะหนีจากโจชัวและกำจัดเขาได้อย่างไร
แต่ตอนนี้ซิริต้องอ้อนวอนดวงดาวและดวงจันทร์ในทุกๆวัน ด้วยความหวังว่าโจชัวจะเขียนบทครึ่งหลังสำหรับ ลีออง : เพชฌฆาตมหากาฬได้
“ อัศวินหญิงแห่งกองทัพเทมพลาร์คนนั้นดูเหมือนจะยืนอยู่ข้างนอก ข้าคิดว่านางจะมาพรุ่งนี้ซะอีก”
ซิริเหลือบไปมองทางเข้าของโรงเตี๊ยม ด้วยความสูงถึง 180 ซม. อัศวินหญิงคนนั้นโดดเด่นมากในกลุ่มคนแคระ
เมื่อซิริเปรียบเทียบความสูงของนางกับอัศวินหญิงนางพบว่านางดูเตี้ยไปเลย
“ ดูเหมือนว่า…ถึงเวลาทดสอบความเชื่อมั่นของแม่นางอัศวินคนนี้แล้ว”
โจชัวเดินออกจากเคาน์เตอร์บาร์ ทันใดนั้นเขาก็นึกถึงบทพูดอัญเชิญของการ์ดนักบวชสูงสุดในใจหิน’ให้ข้าเปลี่ยนใจเจ้า’!