Bringing Culture to a Different World - ตอนที่ 75
เมสซาไม่กล้าเชื่อว่าสิ่งที่นางเห็นจะเป็นจริง
คนที่ใกล้ชิดกับทวยเทพสุดในศาสนจักร หัวหน้าบาทหลวงดีไซเลสกลับอยู่ร่วมกับปีศาจ แถม พวกเขายังคุยกันอย่างเริงร่า
ไม่ นั่นไม่ใช่แล้ว เมสซาเชื่อว่าหัวหน้าบาทหลวงต้องกำลังเจรจากับปีศาจอยู่
หัวหน้าบาทหลวงดีไซเลสได้เตือนพวกนางคืนก่อนว่าปีศาจชื่อโจชัวทรงพลังมาก เขายังสั่งเหล่าอัศวินว่าห้ามยั่วยุปีศาจตนนั้น
หัวหน้าบาทหลวงดีไซเลสต้องมาที่นี่เพื่อจับตาดูปีศาจนั่นแน่
ด้วยความคิดนั้นในหัว เมสซานึกถึงว่านางมายังโรงเตี๊ยมเพื่อจัดการกับพวกปีศาจยังไง เพราะเหตุนั้น เมสซาจึงยิ่งมั่นใจ
ดีไซเลสได้พบเมสซาทันทีที่นางเข้ามา
เขาไม่แปลกใจ เขาแค่โบกมือให้นาง
เมสซาที่ถูกพบตัวจึงเดินไปที่โต๊ะของเขาด้วยท่าทางอาย นางถอดหมวกออก
มันเป็นช่วงกลางวัน คนแคระส่วนใหญ่ยังขุดเหมืองอยู่ ดังนั้น ลูกค้าส่วนใหญ่ที่นี่จึงเป็นมนุษย์
“ท่านหัวหน้าบาทหลวง ข้า..”
เมสซาได้พยายามคิดหาเหตุผลอย่างหนักว่าทำไมนางถึงมาที่นี่ มันหายากที่นางจะได้คุยกับอาจารย์นาง สำหรับนาง การโดนจับในหน้าที่ถือเป็นการประณามจากทวยเทพ เพราะเหตุนั้น นางจึงอยากสารภาพกับอาจารย์นาง
“เมสซา เจ้าควรทำตามความปรารถนาของเจ้า”
ไดไซเลสไม่มีเจตนาจะวิจารณ์ศิษย์เขา
ในไม่ช้าเมสซาก็ตระหนักถึงเจตนาของเขา นางหยิบเอาผลึกออริจินั่มสีดำของนางออกมา สอดเข้าช่องบนเครื่องใจหิน ไม่ช้า การแข่งขันระหว่างนางกับดีไซเลสก็เริ่มขึ้น
รอก่อน..นาง…กำลังเล่นใจหินแข่งกับหัวหน้าบาทหลวง?
ตอนเมสซารู้ตัว นางก็รู้สึกไม่อยากเชื่อ
อาจารย์ที่เคารพของนางสนใจเกมการ์ดจริงๆ
“บอกข้าสิ เจ้าเห็นอะไร?”
ดีไซเลสเงยหน้า จ้องศิษย์เขา ถึงแม้เมสซาจะมีความกล้าและเป็นอัศวินที่โดดเด่น นางก็ยังบุ่มบ่ามเพราะอายุนาง
“ข้า..ท่านหัวหน้าบาทหลวง ท่านเลือกสายนักบุญ…ข้ากำลังใช้สายพาลาดิน แถม ท่านหัวหน้านักบวช ท่านเพิ่งใช้เนตรจิตเพื่อคัดลอกการ์ดข้า..จากมือข้า”
เมสซาไม่รู้ว่านางควรพูดประโยคที่ตามมาไหม แต่ เนื่องจากดีไซเลสถาม นางจึงตอบ
“ไม่ นั่นไม่ใช่ที่ข้ากำลังพูดถึง”
ดีไซเลสกดปุ่มจบเทิร์น จากนั้นก็พูดกับศิษย์เขา”ใช้’ตา’ที่เจ้าภาคภูมิใจนักหนาเพื่อดูอุปกรณ์นี้ อย่าสับสนกับรูปลักษณ์ภายนอกมัน”
หลังได้รับคำชี้แนะ เมสซาก็หลับตาเพื่อเสริมสัมผัสของ’ตาที่สาม’ นางเริ่มใช้’ตาที่สาม’เพื่อรับรู้อุปกรณ์
นี่คือสิ่งที่เมสซาเคยพยายามทำมาก่อนในอดีต ผ่าน’ตาที่สาม’ เมสซาสามารถตรวจพบรูนที่สลักบนเครื่องได้
เนื่องจากสิ่งที่พวกนางกำลังใช้เองก็เป็นอุปกรณ์อาคาโนเทค มันจึงต้องทำงานผ่านรูนและพลังเวทย์ แต่ เมื่อเมสซาเริ่มสัมผัสรูนที่ประกอบอุปกรณ์ เมื่อนางเริ่มเพ่งลึกเข้าโครงสร้างมัน…ข้อมูลจำนวนมากก็ไหลเข้าหัวนาง
ความรู้ที่ไม่ได้เป็นของนางทำให้เมสซาเสียสมดุล นางล้มลงกับพื้น
นางกุมหน้าผาก ความรู้สึกเจ็บปวดยังอ้อยอิ่งในหัว รูนจำนวนมากรวมกันเพื่อประกอบเป็นชุดคำอธิบาย คำพูดเหล่านี้เรียงกันด้วยลักษณะซับซ้อน
แม้เมสซาจะรู้ว่าคำพูดที่ประกอบด้วยรูนเป็นภาษาที่นางรู้จัก ภาษาของนอร์แลน มันก็กลายเป็นยากมากที่จะเข้าใจพวกมันหลังเห็นพวกมันเรียงกันอย่างซับซ้นอ
ถ้ามันเป็นแค่หนึ่งหรือสองคำ งั้นมันทนได้ แต่ทุกวินาที เมสซาเห็นชุดคำนับไม่ถ้วน
“ท่านหัวหน้าบาทหลวง..นี่..”
นางกุมหัว ยืนขึ้น ถึงตอนนี้ นางไม่สามารถสลัดความรู้สึกปวดหัวออกไปได้
“ข้าไม่รู้”
ดีไซเลสส่ายหัว เขาไม่เคยเห็นรูนที่เรียงกันซับซ้อนแบบนี้มาก่อน
มันซับซ้อนจนมันไม่ใช่การพูดเกินจริงเลยที่จะเรียกคนที่สร้างมันว่าเป็นคนบ้า
ดีไซเลสนึกถึงความรู้ทั้งหมดของเขา แต่ก็ยังไม่สามารถหาว่าพวกมันรวมกันในลักษณะนี้ได้ไง ลักษณะของการสลักรูนที่เขารู้เกี่ยวกับสิ่งเหล่านี้คือรูนที่เขาเห็นเป็นส่วนหนึ่งของอารยธรรมโบราณใต้นอร์แลนด์
แต่เขาเคยเห็นมันแค่ครั้งเดียวเพราะเศษซากอารยธรรมใต้นอร์แลนด์โดนลาวากลืนกินไปนานแล้ว
.”แม้กระทั่งท่านก็ยังไม่รู้”
หมอกควันปกคลุมจิตใจของนาง โดยทั่วไป สิ่งที่ไม่รู้จะน่ากลัวสุด..รูนซับซ้อนเหล่านี้หมายความว่าปีศาจอาจมีเวทมนตร์แบบใหม่!
“แม้ข้าจะไม่รู้ แต่นี่ก็เป็นความรู้ที่น่าสนใจ”
ดีไซเลสได้ลืมไปแล้วว่ามันนานแค่ไหนแล้วที่เขาไม่ใช้คำว่า’น่าหลงใหล’ ความปรารถนาส่วนใหญ่ของเขาตายไปหลายปีก่อน สำหรับเขา เรื่องทางโลกส่วนใหญ่ช่างน่าเบื่อหน่าย ความปรารถนาสำหรับความรู้เป็นสิ่งเดียวที่ทำให้เขายังมีเหตุผล
“แต่ นั่นเป็นความรู้ของปีศาจ”
ถึงตอนนี้ หัวของเมสซายังปวดอยู่ การสามารถสร้างภาระหนักให้ร่างกายนางได้มากขนาดนี้ นางมั่นใจว่ามันคือพลังของปีศาจชั่วร้ายเหล่านั้น
“นั่นไม่สำคัญ”
การตอบสนองของดีไซเลสทำให้เมสซาพูดไม่ออก
เมสซาทิ้งตัวบนที่นั่งนาง นางไม่กล้าใช้ตาที่สามอีก
เมื่อรูนซับซ้อนเหล่านั้นเข้าหัวนาง พวกมันดูโกลาหลสุดๆ แต่นั่นไม่ส่งผลกระทบต่อเมสซาจากการเล่นใจหินให้จบเกม
..
โจชัวผู้เผยแพร่ความวุ่นวายนั่งบนชั้นสอง ด้วยสัมผัสของปีศาจโกลาหล เขาสามารถได้ยินบทสนทนาระหว่างเมสซากับดีไซเลสชัด
บางทีโจชัวควรเขียน’โปรแกรมภาษาซีแบบ’การเขียนโปรแกรมสามปี แก้บัคห้าปี’ซึ่งจะแนะนำแนวคิดและทำให้คนยอมแพ้
น่าเสียดาย ศานจักรเป็นศัตรูกับโจชัว ไม่มีเหตุผลที่เขาจะให้ความรู้แก่ศัตรู
มันเป็นไปไม่ได้สำหรับพวกเขาที่จะรู้ภาษาคอมพิวเตอร์แค่จากสิ่งที่เห็นจากผิวเผิน
โจชัวไม่ว่าอะไรที่พวกเขาจะมีสิงสถิตในโรงเตี๊ยมนี้ ตราบเท่าที่พวกเขาเต็มใจทำตามกฏก็พอ
มันไม่ใช่แค่เหล่าอัศวิน มันยังรวมถึงปีศาจ
โจชัววางแผนเปลี่ยนโรงเตี๊ยมแห่งนี้เป็นสถานที่ที่เหล่าเทมพลาร์แห่งศาสนจักรกับปีศาจสามารถคุยกันได้อย่างสงบผ่านใจหิน ไม่ใช่ดาบ