Bringing Culture to a Different World - ตอนที่ 87
ตามปกติ เฟลย์นั่งอยู่ในสวนดอกไม้ เมื่อนั่งอยู่ตรงกลางของดอกไม้เหล่านั้น ดอกไม้ที่เบ่งบานไปแล้วก็ทำท่าจะเบ่งบานอีกครั้ง
สาเหตุเนื่องมาจากอักษรรูนที่ถูกจารึกไว้บนร่างกายของนาง
เฟลย์เป็นเอลฟ์ นางมาจากชายแดนทางใต้ของฟารัคซี่ ป่าไร้สิ้นสุด เนื่องจากพลังของเอลฟ์จากป่านั้นเกิดจากต้นไม้โบราณสีดำสนิทที่อยู่ใจกลางป่า พวกเขาจึงรู้จักกันในชื่อเอลฟ์ป่าดำ
เจ้าของคฤหาสน์แห่งนี้คือแกรนดยุคแห่งฟารัคซี่ สืบเชื้อสายมาจากตระกูลแกรนดยุคที่ผูกมิตรกับเอลฟ์ป่าดำมาหลายชั่วอายุคน ด้วยเหตุนี้ เฟลย์ ผู้พิทักษ์ที่โดดเด่นที่สุดจากเอลฟ์ป่าดำจึงได้ติดตาม และปกป้องลูกสาวคนเดียวของแกรนดยุค
หลังจากที่ติดตามลูกสาวของแกรนดยุคมาหลายปี เฟลย์ ได้เรียนรู้นิสัยไม่ดีบางอย่างของผู้คนในฟารัคซี่ นั่นคือความหลงใหลในเพลง และละครเวที
เมื่อเทียบกับ คุณหนูของนางดอกไม้แห่งฟารัคซี่ ผู้ซึ่งทุ่มเทให้กับการแสดงละครเวทีเป็นพิเศษ เฟลย์ชอบร้องเพลงมากกว่า
สิ่งที่นางชอบที่สุดคือการหาสถานที่เงียบๆ และร้องเพลงที่นางชอบ
สวนในร่มเป็นสถานที่ที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการแสดงของ เฟลย์ ในเมืองนอร์แลนด์
เพลงที่ เฟลย์ ร้องในวันนี้เป็นเพลงที่นางได้ยินจากงานพบปะและทักทายของ “โฉมงามกับเจ้าชายอสูร” เมื่อวานนี้
เมื่อเร็ว ๆ นี้สิ่งที่เอลฟ์คนนี้ได้ยินมากที่สุดในนอร์แลนด์ไม่ใช่การพูดคุยเกี่ยวกับคุณหนูของนางดอกไม้แห่งฟารัคซี่ แต่กลับเป็น ‘โฉมงามกับเจ้าชายอสูร’ ซึ่งเป็นการแสดงที่นางไม่รู้จักมาก่อน
เฟลย์ ยอมรับว่าการแสดงของ ‘โฉมงามกับเจ้าชายอสูร’ นั้นยอดเยี่ยมมาก มันยอดเยี่ยมกว่าละครเวทีทุกเรื่องที่นางเคยเห็นจาก คุณหนูของนาง
แต่หลังจากที่คุณหนูของนางดูการแสดงนั้น พฤติกรรมของนางก็แปลกไปมาก ทุกวันนางจะขังตัวเองอยู่ในห้อง เมื่อนางออกมานางจะแต่งตัวมิดชิดเพื่อปลอมตัว และวิ่งไปที่สลัมของนอร์แลนด์
เมื่อวานนี้ในที่สุดนางก็ฟังแม่ของนาง เปลี่ยนเป็นชุดหรูหราก่อนที่จะไปที่โรงละครไวเซนาสเช่
ทั้งหมดเป็นเพราะปีศาจตนนั้น …
เฟลย์ สงสัยว่าหากยังดำเนินต่อไป หญิงสาวผู้สง่างามของนางจะหายไปและถูกแทนที่ด้วยหงส์ที่มีมารยาททรามอย่างแท้จริง
ดังที่กล่าวมา เฟลย์ ต้องยอมรับว่าดนตรีใน ‘โฉมงามกับเจ้าชายอสูร’ นั้นมหัศจรรย์จริงๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับเพลงที่นางได้ยินเมื่อวานนี้ นั่นก็คือเพลง “Let It Go”
หลังจากฟังเพียงครั้งเดียว นางก็จำทำนองและเนื้อเพลงทั้งหมดได้ นางสามารถร้องเพลงซ้ำโดยใช้พิณของนาง น่าเสียดายที่พิณไม่สามารถสร้างจังหวะเร็วแบบเดียวกับเพลงต้นฉบับได้
“เหมียว…”
เมื่อ เฟลย์ ร้องจบครึ่งเพลง แมวดำตัวหนึ่งก็โผล่ขึ้นมาบนไหล่ของนางและหาว
มาดามของคฤหาสน์นี้ มาดามโครเดอร์แพ้แมว ด้วยเหตุนี้จึงไม่อนุญาตให้นำแมวเข้ามาในคฤหาสน์ เช่นนั้นแมวสีดำบนไหล่ของ เฟลย์ จึงไม่ใช่แมวจริงๆ แต่เป็นผลึกออริจินั่มที่มีชีวิต
พวกเอลฟ์เรียกพวกมันว่า ‘จิตวิญญาณต้นไม้’ แมวดำตัวนี้เกิดจากป่าดำ เฟลย์ได้รับมอบหมายให้คอยดูแล เมื่อใดก็ตามที่ผู้พิทักษ์ป่าดำเริ่มทำบางสิ่งที่ดึงดูดความสนใจของจิตวิญญาณต้นไม้ พวกมันจะปรากฏตัวข้างๆเอลฟ์
เพลง ‘Let It Go’ สามารถดึงดูดความสนใจของจิตวิญญาณต้นไม้โบราณจริงหรือ?
เฟลย์ มองไปที่แมวที่หมอบอยู่บนไหล่ของนางด้วยความประหลาดใจ
สำหรับเอลฟ์ป่าดำ การปรากฏตัวของ จิตวิญญาณต้นไม้โบราณเป็นเรื่องที่ยิ่งใหญ่ และมีเกียรติมาก!
นางรู้สึกตื่นเต้น เสียงร้องเพลงของเอลฟ์ดังกว่าเดิม แต่หูยาวของนางสามารถได้ยินเสียงที่ไม่ใช่เสียงของพิณ
มีใครบางคน … เข้ามาในสถานที่แห่งนี้!
บางทีอาจเป็นเพราะเวทมนตร์ของเฟลย์ เชี่ยวชาญในเรื่อง “การซ่อนตัว” นางจึงไม่ชอบที่จะแสดงตัวตนต่อคนแปลกหน้า และร้องเพลงให้คนแปลกหน้าฟัง!
สำหรับนางการที่คนแปลกหน้าได้ยินเสียงร้องเพลงเป็นเรื่องที่น่าอับอายพอ ๆ กับมีคนเลียหูนางไม่หยุด มันเป็นความรู้สึกต่ำต้อยมาก จนทำให้ เฟลย์ ตัวสั่นตั้งแต่หัวจรดเท้า
แต่น่าขัน เฟลย์ ต้องการให้คนอื่นได้ยินนางร้องเพลงมากขึ้น นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมนางถึงออกมาที่นี่เพื่อร้องเพลงทุกวัน แทนที่จะไปร้องเพลงในห้องของนางเอง
แต่อย่างน้อยตอนนี้นางก็หยุดร้องทันทีที่ได้ยินเสียงฝีเท้าเข้ามา รูนบนร่างกายของนางสั่นไหว และนางก็หายไปจากกลุ่มดอกไม้ แม้แต่พิณในมือของนางก็หายไปในอากาศ
แต่แมวดำดูเหมือนจะไม่ตรวจพบอะไรเลย มันยังคงหมอบอยู่บนพื้นหญ้า และเลียอุ้งเล็บของมัน
ทำไม…จิตวิญญาณต้นไม้โบราณจึงไม่หายไป?
หญิงสาวที่ซ่อนอยู่ต้องการเอาแมวดำออกมา น่าเสียดายที่นางมาช้าเกินไป ปีศาจได้ลอบเข้ามาในดินแดนโบราณแห่งนี้
“ เป็นไปได้ไหมว่าแมวดำตัวนี้เป็นคนร้อง ‘Let It Go’ เมื่อก่อนหน้านี้?”
ซิริเดินตามเสียงร้องเพลงเข้ามาในสวน นางไม่พบวี่แววใครเลย แต่นางกลับเห็นแมวดำตัวหนึ่งกำลังทำความสะอาดตัวเองไม่หยุดอยู่ตรงกลางสวน
นางเริ่มเข้าใกล้แมวดำอย่างระมัดระวัง
แมวดำตรวจพบซิริที่เข้าใกล้มันในทันที ก่อนที่ซิริจะทันได้ทำอะไร มันก็วิ่งหนีนาง และ … วิ่งไปที่เท้าของโจชัว
โจชัวสัมผัสได้ถึงความผันผวนของเวทมนตร์จากแมว …
โจชัวย่อตัวลงและยื่นมือไปสัมผัสแมว ขนของแมวให้ความรู้สึกเหมือนของเหลว แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่โจชัวกังวล
นี่…คือผลึกออริจินั่ม?!
เมื่อได้สัมผัสกับผลึกออริจินั่มทุกชนิดเป็นเวลาหนึ่งเดือน โจชัวก็สามารถบอกได้ทันทีว่าแมวตัวนี้คืออะไร…ผลึกออริจินั่มที่มีชีวิต! ยิ่งไปกว่านั้นจำนวนอักษรรูนที่สามารถบรรจุได้นั้นมีมากมายจนน่าสะพรึงกลัว!
ในขณะนี้จู่ๆโจชัวก็มีความคิดไม่ดี แต่ทันทีที่คิดก็มีกลิ่นอายมืดมนและเย็นปรากฏขึ้นที่ด้านหลังของเขา
เอลฟ์ที่ซ่อนตัวอยู่ในเงามืดจะไม่ยอมให้โจชัวซึ่งเป็นปีศาจที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายแห่งความตายสัมผัสกับจิตวิญญาณต้นไม้โบราณที่ปกป้องเอลฟ์ป่าดำมาหลายชั่วอายุคน
แต่เมื่อเฟลย์ แทงกริชของนางเพื่อโจมตีด้านหลังของโจชัว ก็มีไม้เท้ามาขวางกริชของนางไว้
กริชไม่สามารถทำลายไม้เท้าได้ แต่มันทำลายคาถาจากไม้เท้าได้
เฟลย์ กระโจนถอยหลัง มองไปที่จอมเวทย์หญิงที่ขวางการโจมตีของนางด้วยความประหลาดใจ …
“ ข้าคิดว่าจะจับแมวตัวนี้ แต่ข้าคิดว่าคงทำไม่ได้…”
ซิริเริ่มแกว่งไม้เท้าของนาง อักษรรูนสีขาวเริ่มเวียนรอบไม้เท้า หลังจากผู้วิเศษหญิงคนนี้ใช้ไม้เท้าหอกของนาง รูนก็เปล่งแสงและพุ่งใส่เอลฟ์
นั่นไม่ใช่วิธีการต่อสู้ของจอมเวทย์ทั่วไป เฟลย์ ไม่เคยเห็นการโจมตีด้วยเวทมนตร์ที่รุนแรงขนาดนี้มาก่อน
พลังต่อสู้ของซิริเพิ่มขึ้นมากตั้งแต่ตอนที่โจชัวเจอนาง ส่วนใหญ่เป็นเพราะไม้เท้าเวทย์มนตร์ของนางดีกว่าเมื่อก่อนมาก
เฟลย์ ไม่พยายามโจมตีอีก สาเหตุนั้นเป็นเพราะจิตวิญญาณต้นไม้โบราณหายไป มันออกจากสวนนี้ไปเงียบ ๆ ดังนั้นจึงไม่มีเหตุผลที่นางจะต่อสู้ต่อไป นางหายไปในเงามืดตามเดิม
“ หนี? ข้าไม่คาดคิดมาก่อนว่าที่นี่จะมีมือสังหารตามเรามา”
ซิริถือไม้เท้าของนางมองไปรอบ ๆ แต่นางไม่เจอเอลฟ์
“ เอลฟ์คนนั้นน่าจะไม่ได้มาจากศาสนจักร”
โจชัวนึกถึงความรู้สึกที่ได้สัมผัสแมวดำก่อนหน้านี้และเริ่มไตร่ตรอง จำนวนรูนที่ผลึกออริจินั่มในรูปแบบของแมวดำตัวนั้นมีนั้นน่าจะมากกว่ากิ้งก่าออริจินั่ม บางทีโจชัวน่าจะจับแมวดำตัวนั้นมาทำเป็นเซิร์ฟเวอร์ของเขา?