Bringing Culture to a Different World - ตอนที่ 88
โจชัวไม่พบร่องรอยของแมวดำหลังจากที่มันหายไป สิ่งเดียวที่เขามั่นใจก็คือแมวนั้นไม่ใช่แมวธรรมดา แม้ว่ารูปลักษณ์ภายนอกของมันจะเหมือนแมว แต่ก็เป็นผลึกออริจินั่ม
เมื่อคิดว่าทำไมแมวดำตัวนั้นถึงอยู่ที่นี่ โจชัวก็นึกถึงเอลฟ์ก่อนหน้านี้
เอลฟ์คนนั้นก็ชักอาวุธใส่เขาทันทีที่เขาสัมผัสแมวดำ …
เป็นไปได้ไหมว่านางเป็นเจ้าของแมวดำตัวนั้น?
โจชัวตัดสินใจไปและถามเอลฟ์คนนั้นเป็นการส่วนตัว
“การชักกริชของเจ้าเพื่อทำร้ายแขกแล้วหนีไปไม่ดูไร้มารยาทไปหน่อยหรือ?”
โจชัวพูดกับสวนที่ว่างเปล่า
เสียงของเขาไม่ดังมาก อย่างไรก็ตามประสาทสัมผัสที่เฉียบคมของเอลฟ์ทำให้นางได้ยินโจชัวอย่างชัดเจน
“ นางออกจากที่นี่ไปแล้วหรอ?”
ซิริค่อยๆเดินมาข้างๆโจชัว ซิริตรวจจับเฟลย์ได้ตอนที่นางจะโจมตี อย่างไรก็ตามตอนนี้ เฟลย์ได้ปกปิดตัวเอง ซิริไม่สามารถระบุตำแหน่งของนางได้เลย
“ ไม่ นางยังอยู่ที่นี่”
ตราของดยุคแห่งกระดูกบนฝ่ามือของโจชัวไม่เพียงแต่อนุญาตให้เขาควบคุมคนตายได้ แต่ยังทำให้เขาสามารถตรวจจับ “กลิ่นอายชีวิต” ของสิ่งมีชีวิตได้อีกด้วย
ยิ่งไปกว่านั้นโจชัวเป็นปีศาจโกลาหล แม้ว่าความสามารถของเขาจะไม่สามารถเทียบเคียงพี่ชายและพี่สาวได้ แต่ความแข็งแกร่งของโจชัวก็ไม่อ่อนแอเลยในโลกมนุษย์
“ เจ้าไม่เต็มใจที่จะเปิดเผยตัวเองหรือ? หากเป็นเช่นนั้นข้าก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องใช้วิธีการที่หยาบคาย”
พลังเวทย์สีเทาปรากฏขึ้นบนฝ่ามือของโจชัว พลังเวทย์ที่มีลักษณะโกลาหลเริ่มกระจายออกมาเหมือนหมอก มันกระจายไปเป็นกระจุกดอกไม้
น้ำค้างแข็งและหยาดน้ำค้างปรากฏบนดอกไม้บางชนิด ดอกไม้อื่น ๆ บางส่วนแห้งเหี่ยว
โจชัวไม่ได้ใช้พลังเวทย์มนตร์มากนัก ดังนั้นจึงไม่ส่งผลกระทบกับดอกไม้มากเกินไป แต่หากใช่พลังเวทมนตร์มากๆ เวทมนตร์ของโจชัวอาจกล่าวได้ว่าเป็นอันตรายถึงชีวิต
เอลฟ์สาวที่ใช้อักษรรูนบนร่างกายเพื่อปกปิดตัวเองถูกทำลายทันทีที่สัมผัสกับเวทมนตร์ของโจชัว
นางมองไปที่มือด้วยดวงตาสีเขียวที่เปิดกว้าง ดูเหมือนนางจะครุ่นคิดถึงสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้น
นับตั้งแต่ที่นางได้รับตำแหน่ง “ผู้พิทักษ์แห่งป่าดำ” อักษรรูนที่จารึกไว้บนร่างกายของนางอักษรรูน “ลอบเร้น” ก็ไม่เคยทำให้นางล้มเหลวเลยสักครั้ง
หลังจากใช้ชีวิตอยู่ในโลกแห่งลอบเร้นมามากว่าสิบปีแล้ว เฟลย์ติดนิสัยนั้นและไม่แสดงตัวตนให้คนอื่นเห็น
แม้ว่านางจะต้องพบว่าตัวเองตกอยู่ในวิกฤต แต่นางก็สามารถสงบสติอารมณ์ได้ ตราบเท่าที่นางสามารถอยู่ในเงามืดต่อไปได้
แต่คราวนี้อักษรรูนที่นางใช้เพื่อเอาชีวิตรอดมาตลอดชีวิตของนางสูญเสียประสิทธิภาพไปแล้ว
ไม่ว่านางจะใส่พลังเวทย์ของนางเพื่อกระตุ้นรูนด้วยวิธีใด อักษรรูนก็ไม่สามารถเปิดใช้งานได้เลย ราวกับว่าพวกมันสูญเสียประสิทธิภาพไปแล้ว
ด้วยเหตุนี้เฟลย์จึงเริ่มตื่นตระหนกทันที เวทมนตร์จากผู้พิทักษ์แห่งป่าดำอันเป็นเวทมนตร์ที่ทำให้นางสามารถปกปิดตัวเองในเงามืดได้อย่างง่ายดาย เป็นที่มาของความมั่นใจและความเชื่อมั่นที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของนางในการเอาชีวิตรอด
สำหรับเฟลย์การสูญเสียรูนของนางเท่ากับการสูญเสียขา
“ แม้ว่าวิธีนี้จะค่อนข้างหยาบคาย แต่เอลฟ์เจ้าช่วยตอบคำถามของข้าได้ไหม”
โจชัวเดินไปหาเอลฟ์ที่ตื่นตระหนก
การรับรู้ของเผ่าพันธุ์เอลฟ์นั้นเฉียบคมกว่ามนุษย์มาก เมื่อโจชัวเข้าใกล้นางกลิ่นอายแห่งความตายที่ปล่อยออกมาจากฝ่ามือของโจชัวก็ยิ่งชัดเจนขึ้นสำหรับเอลฟ์
ช่วงเวลาที่ความมั่นใจของนางแตกสลาย ความกลัวก็เริ่มเติมเต็มหัวใจของนางอย่างช้าๆ
หลังจากสูญเสียความสามารถในซ่อนตัว เฟลย์ก็ไม่รู้ว่าจะเผชิญหน้ากับปีศาจที่น่ากลัวตรงหน้านางได้ยังไง
ในท้ายที่สุดนางเลือกวิธีที่นางใช้เพื่อเอาชีวิตรอดในวัยเด็ก…นางกุมหูยาวของนาง และหลับตาแน่น
“ ข้าขอโทษ ข้าขอโทษ ข้าขอโทษ…”
เอลฟ์พูดซ้ำประโยคนั้นราวกับว่านางกำลังร่ายมนตร์สะกดบางอย่าง
คำขอโทษที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันทำให้โจชัวที่เตรียมพร้อมสำหรับการต่อสู้ไม่ทันตั้งตัว
หือ?นี่มันอะไร?
โจชัวคิดว่าเผ่าพันธุ์เอลฟ์จะมีความภาคภูมิใจเช่นเดียวกับมังกร
บางทีดยุคแห่งกระดูกอาจจะน่าขนลุกเกินไป? โจชัวเหลือบมองไปที่รอยประทับบนมือของเขา
ด้วยความที่นางปิดหูปิดตาไปแล้ว เอลฟ์สาวคนนี้ก็ลดขนาดลงกลายเป็น…กระต่ายตัวน้อย…ที่โจชัวสามารถสังหารได้ตามต้องการ
“ซิริ เอลฟ์คนนี้เป็นน้องสาวของเจ้าหรือเปล่าเนี่ย?”
โจชัวมองไปที่จอมเวทย์หญิงที่อยู่ข้างๆเขา
ซิริมีปฏิกิริยาในลักษณะเดียวกับเอลฟ์เมื่อนางพบโจชัวครั้งแรก
“ เฮ้ อย่างน้อยข้าก็เสี่ยงชีวิตและช่วยเจ้าไว้ จำได้ไหม?! ข้าไม่มีทางขี้ขลาดเท่านาง!”
ซิริปฏิเสธด้วยความไม่พอใจ นางเชื่อว่านางถูกจับหลังจากที่นางถูกโจชัวปราบ สถานการณ์ของนางแตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับเอลฟ์ตรงหน้าาพวกเขา
“ ถ้าอย่างนั้น…สงบสติอารมณ์ก่อน ข้าแค่อยากถามคำถามเจ้า”
โจชัวไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญในการปลอบคนอื่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อ เอลฟ์สาวอยู่ในสภาพที่ตื่นตระหนก การพยายามคุยกับนางให้นางใจเย็นคงจะเป็นเรื่องที่ลำบากมาก
อย่างไรก็ตามโจชัวยังคงพยายามอย่างเต็มที่
“ เจ้ารู้ไหมว่าแมวดำตัวนั้นมาจากไหน?”
โจชัวประสบความสำเร็จในการเลี้ยงกิ้งก่าเพื่อใช้เป็นเซิร์ฟเวอร์ของเขา แต่การเลี้ยงแมวเพื่อใช้เป็นเซิร์ฟเวอร์จะสมบูรณ์กว่า
แต่ก่อนอื่นเขาต้องรู้เกี่ยวกับที่มาของแมวตัวนั้นก่อน
“ ข้า…ข้าจะไม่มีทางบอกเจ้า”
ทันทีที่ เฟลย์ได้ยินคำถามเกี่ยวกับ “แมวดำ” สถานะความตื่นตระหนกของนางก็ถูกระงับไว้ด้วยเกียรติของเผ่าพันธุ์ของนาง แต่นางยังคงจับหูและดึงพวกมันพับลงมา ความแตกต่างเพียงอย่างเดียวคือการแสดงออกทางสีหน้าของนางดูมีความมุ่งมั่น
“ หัวรั้นทีเดียว ไม่เป็นไรข้าเชื่อว่าเราจะมีโอกาสเจอกันอีกมากในอนาคต”
โจชัวสังเกตเห็นนางตั้งแต่ตอนที่เมื่อดอกไม้แห่งฟารัคซี่แกลโลลี่มาเยี่ยมชมโรงเตี๊ยมใจหิน และแสดงความปรารถนาที่จะให้นางอยู่ในภาพยนตร์เรื่องต่อไปของเขา
จากการที่เอลฟ์สาวคนนี้ติดตามดอกไม้แห่งฟารัคซี่อย่างเงียบ ๆ ในเงามืด โจชัวก็เดาได้ว่านางน่าจะเป็นผู้คุ้มกันของแกลโลลี่หรืออะไรสักอย่างที่คล้ายกัน
ดังนั้นเมื่อการถ่ายทำเรื่อง ลีออง เพชฌฆาตมหากาฬ เริ่มต้นขึ้น โดยมีแกลโลลี่เป็นนักแสดงหญิง โจชัวจะได้เจอกับเอลฟ์คนนี้บ่อยๆ
ระหว่างการสนทนานี้ผลของพลังเวทย์ของโจชัวค่อยๆหายไป เมื่อเอลฟ์สาวพบว่าอักษรรูนบนร่างกายของนางสามารถใช้งานได้อีกครั้ง นางจึงเม้มริมฝีปาก นางหายตัวไปในกลุ่มดอกไม้อีกครั้ง
นางหายตัวไปจากระยะการตรวจจับของโจชัว นางวิ่งหนีออกจากสวนในร่มอย่างรวดเร็ว
ในขณะนี้นายหญิงของคฤหาสน์หลังนี้เดินเข้ามาในสวนอย่างช้าๆ มีคนงานหลายคนเข็นรถเข็นชาดำและขนมหวานเข้ามาพร้อมกันกับนาง
ดูเหมือนว่านายหญิงของคฤหาสน์หลังนี้ให้ความสำคัญกับการจิบชาครั้งนี้เป็นอย่างมาก ท้ายที่สุดโจชัวถือเทคโนโลยีที่สามารถเปลี่ยนรูปแบบงานศิลปะทั้งหมดเอาไว้