Bringing Culture to a Different World - ตอนที่ 115
ตอนที่ 115 ธุรกิจ
“หยุดสร้างปัญหาให้พวกเราเสียที หากเจ้าทําเช่นนี้อีกครั้ง เราจะทิ้งเจ้าไว้ที่ถนนกระรอกนี่”
“ข้าขอโทษจริงๆ”
เมื่อพวกเขากลับมายังคฤหาสน์ของมาดามโครเดอร์ สมาชิกคนอื่นๆของคณะละครห่านดําในรถม้าเดียวกันกับไทลืนตําหนินาง สําหรับการกระทําที่หุนหันพลันแล่นของนาง
แม้จะต้องเผชิญกับการวิพากษ์วิจารณ์อย่างไร้ความปราณีของเหล่านักแสดงหญิง แต่ไทลืนก็ไม่โกรธ นางขอโทษพวกเขาไม่หยุด
ในขณะที่พวกเอลฟ์เป็นที่รู้จักในเรื่องความเย่อหยิ่ง พวกเขาจะทําตัวเย่อหยิ่งได้ก็ต่อเมื่อพวกเขามีค่ามากพอที่จะทําเช่นนั้น
หลังจากสูญเสียเผ่า บ้านเกิด และแม้แต่นามสกุล ไทลืนไม่มีค่าพอที่จะทําตัวเย่อหยิ่ง นางรู้เรื่องนั้นดี นางโชคดีมากแล้ว เพราะหากนางไม่ได้รับการช่วยเหลือจากเอลฟ์ปาดํานางอาจจะต้องไปจบลงที่ตลาดทาส และถูกขายเป็นทาส
หลังจากที่นางกล่าวขอโทษเสร็จแล้ว ไทลีนก็เดินผ่านโถงทางเดินของคฤหาสน์ และกลับไปที่ห้องของนาง เมื่อนางเปิดประตู เพื่อนเอลฟ์แห่งปาดําของนางกําลังรอนางอยู่
“เจ้าสบายดีหรือเปล่า? ไทลืน ปีศาจนั่นไม่ได้ทําอะไรเจ้าใช่ไหม?”
เฟลย์รีบวิ่งมาหาไทลืนและเริ่มตรวจดูนางตั้งแต่หัวจรดเท้า นางกลัวว่าปีศาจที่น่าสะพรึงกลัวนั่นจะทิ้งคําสาปแช่งอันมุ่งร้ายไว้ให้ไทลีน
“ข้าสบายดี นอกจากนี้ เฟลย์ ข้าไม่คิดว่าปีศาจนั่นไม่ได้น่ากลัวอย่างที่เจ้าบอกไว้”
ไทลีนจัดเสื้อผ้าของนางที่ยับจากการตรวจสอบของเฟลย์ นางกําลังจะเดินไปนั่งบนเตียงของนาง
“ข้าบอกแล้วไงว่านั่นเป็นการปลอมตัว! พวกปีศาจมักฉลาดแกมโกงเสมอ…”
ก่อนที่เฟลย์จะพูดจบ ไทลีนก็ทรุดตัวลงกับพื้น โชคดีที่เพลย์ว่องไวและจับนางทันก่อนนางจะล้ม
“นี่มัน เป็นครั้งที่สามแล้ว ไทลีน เจ้าควรอยู่ในปาดําจริงๆ อย่างน้อย เจ้าก็จะไม่ต้องทนทุกข์ทรมานจากอิทธิพลชั่วร้ายใดๆที่นั่น”
เฟลย์พาไทลืนไปนั่งอยู่บนเตียง ร่างกายของนางอ่อนแออย่างน่ากลัว นี่เป็นครั้งที่สามที่เฟลย์เห็นอาการนี้
สําหรับพวกเอลฟ์ ต้นไม้โลกที่ไร้การปกป้องนั้นคล้ายกับการสูญเสียแหล่งพลัง ถ้าไม่ใช่เพราะว่าไทลีนมีเมล็ดพันธุ์ต้นไม้โลกปกป้องนาง ร่างกายของนางก็จะอ่อนแอลงมากกว่านี้อีก
อย่างน้อยในตอนนี้ นางยังคงสามารถใช้ธนูและเวทมนตร์ได้
แต่เมล็ดต้นไม้โลกก็ค่อยๆอ่อนลงเช่นกัน แม้แต่เอลฟ์ที่อายุมากที่สุดในหมู่เอลฟ์ปาดํา ผู้อาวุโสที่ยิ่งใหญ่ของพวกเขาก็ไม่รู้ว่าเหตุใดเมล็ดต้นไม้โลกจึงอ่อนแอลง
“ข้าสูญเสียพลังไปชั่วขณะเท่านั้น เห็นไหม ตอนนี้ข้าสบายดี”
ความเร็วที่ไทลีนฟื้นตัวนั้นเร็วมากอย่างน่าอัศจรรย์ เพื่อพิสูจน์ว่านางสบายดี นางลุกขึ้นจากเตียงและทําท่าเบ่งกล้ามเพื่ออวดเพื่อนของนาง น่าเสียดายที่แขนเรียวสวยของนางไม่มีกล้ามเนื้อเลยแม้แต่น้อย
“เจ้าพยายามแสดงความกล้าหาญอยู่เสมอ”
เฟลย์โต้ตอบกับไทลืนมาระยะหนึ่งแล้ว นางรู้ว่าบุคลิกของไทลืนเป็นยังไง
เอลฟ์น้ําแข็งนี้ไม่ได้มองโลกในแง่ดีอย่างที่นางเป็น นางใช้พลังใจของนางเพื่อผลักดันตัวเองอยู่ตลอดเวลา
เฟลย์เห็นว่านางถูกคนในคณะละครห่านดําทําร้ายอยู่เสมอ และนางทําตัวเหมือนว่าสบายดี แต่เมื่อตกกลางคืน นางจะซ่อนตัวอยู่ในห้อง กอดหมอน และร้องไห้
“เมื่อเทียบกับความกังวลเกี่ยวกับข้า เจ้าควรกังวลเกี่ยวกับเจ้านายของเจ้า มันดึกมากแล้ว เจ้าควรรีบกลับไปหานาง”
ไทลีนผลักเพื่อนของนางให้กลับไป ด้วยเหตุผลนี้ นางจึงบอกเพื่อนออกจากห้องได้
เมื่อเหลือนางเพียงคนเดียวในห้อง นางกลับมานั่งลงบนเตียงแล้วหงายฝ่ามือออก เมล็ดพันธุ์ต้นไม้โลกอยู่ในมือของนาง
หากนางไม่ทําอะไรในเร็วๆนี้ เอลฟ์น้ําแข็งอาจหายไปจากโลกนี้จริงๆ
แต่ถ้านางเลือกที่จะร่วมมือกับโจชัว และทําสัญญากับปีศาจ นางจะต้องจ่ายคืนมหาศาล
นางต้องเล่นเสี่ยงใช่ไหม?
นางดึงแขนเสื้อขึ้น บนข้อมือของนางมีสร้อยข้อมือสีขาวเงิน สร้อยข้อมือดูเหมือนจะสร้างจากกิ่งก้านเล็กๆจํานวนมาก
เมื่อไทลืนเปิดใช้งานสร้อยข้อมือด้วยพลังเวทย์ อักษรรูนบนสร้อยข้อมือก็เปล่งแสงสลัว
สร้อยข้อมือของนางเป็นเหตุผลหลักว่าทําไมนางจึงสามารถหลบหนีจากภัยพิบัติที่กวาดล้างเผ่าพันธุ์ทั้งหมดของนางมาได้ เมื่อนางพบกับอันตรายไทลืนสามารถเปิดใช้งานสร้อยข้อมือเพื่อเคลื่อนย้ายนางไปยังตําแหน่งที่ค่อนข้างปลอดภัย
สร้อยข้อมือของนางทําให้ไทลีนมีความมั่นใจและสบายใจ นางเปิดประตูห้อง และหลังจากยืนยันว่าไม่มีใครอยู่ในโถงทางเดิน นางก็รีบไปที่ทางออกของคฤหาสน์
“ข้ายังรู้สึกว่าโรงเตี้ยมแห่งนี้ขาดอะไรบางอย่าง?”
ซิริกําลังนั่งอยู่ที่เคาน์เตอร์โดยวางคางไว้ที่มือ
หลังจากเปิดดําเนินการมาระยะหนึ่งแล้วใจหินก็ค่อยๆเสถียรขึ้น จากเครื่องอาร์เคดเดิม 20 เครื่อง ได้เพิ่มเป็น 50 เครื่อง แต่เหมือนเดิมพวกมันยังไม่สามารถตอบสนองความต้องการได้
เนื่องจากเครื่องอาร์เคดมีจํากัด ร้านเหล้าจึงนําเงินมาให้โจชัวหนึ่งพันเหรียญทองต่อวันเท่านั้น รายได้จากแอลกอฮอล์ทั้งหมดเมลิน่าจะเป็นคนจัดการ ท้ายที่สุดแล้วการขายแอลกอฮอล์เป็นสิ่งที่นางรับผิดชอบ
เมื่อไม่กี่วันมานี้ เมลิน่าได้ประกาศสงครามกับร้านขายเครื่องประดับที่อยู่ใกล้เคียงอย่างเป็นทางการ นางพยายามที่จะเอาชนะและซื้อร้านขายเครื่องประดับที่อยู่ใกล้เคียงโดยใช้วิธีการสกปรกที่เรียกว่าทุนนิยม
สําหรับซิรินางได้เริ่มวาดภาพต้นฉบับสําหรับภาคเสริมล่าสุด ก็อบลิน vs โนม”
ปัจจุบันนางกําลังพักและดื่มเหล้าอยู่กับโจชัว
“ขาดอะไร? คนขี้เมาหมดสติอยู่ใต้โต๊ะ?”
โจชัวกระแทกแก้วไม้ของเขาเบาๆกับเหยือกไม้ของซิริ โจชัวไม่ชอบดื่มเหล้า ดังนั้นเขาจึงดื่มน้ําผลไม้ที่สกัดจากพืชที่มีลักษณะคล้ายอ้อย
แต่หญิงสาวผู้วิเศษที่นั่งถัดจากเขานั้นต่างจากเขา นางกําลังดื่มเบียร์ นางกินหมดไปครึ่งแก้วและหน้านางก็แดงเล็กน้อย นอกจากนี้ด้วยรูปลักษณ์ที่มึนเมาเล็กน้อยของนาง นางจึงดูมีเสน่ห์เป็นพิเศษ
“เปล่า ข้าแค่รู้สึกว่าคนแคระส่งเสียงดังเกินไป เสียงดังจนปวดหัวนิดหน่อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพวกเขาเริ่มร้องเพลงเหมือนตอนนี้น่ะ”
โต๊ะของคนแคระที่เล่นใจหินเริ่มร้องเพลงด้วยความตื่นเต้นหลังจากการ์ดตํานานสองใบติดต่อกัน
เสียงร้องของคนแคระในโลกนี้ไม่เหมือนกับ Far Over the Misty Mountains Cold ที่ร้องโดยคนแคระในJ.R.R. ฮอบบิท” ของโทลคีน ถ้าอยากจะพูดดีๆ คนแคระกําลังร้องเพลง แต่ถ้าต้องการพูดตรงๆ พวกเขากําลังตะโกนอย่างไร้จุดหมาย
“ใจเย็นๆ ใจเย็นๆ นี่คือวัฒนธรรมโรงเตี้ยมของนอร์แลนด์” โจชัววางมือบนมือของผู้วิเศษสาวที่อยู่ข้างๆเขา เมื่อได้ยินคนแคระร้องเพลง ซิริกําลังจะจับไม้เท้าของนางเพื่อต่อสู้กับพวกเขา
“ไม่! วันนี้ข้าต้องสอนบทเรียนให้กับคนแคระเหล่านี้!”
คืนนี้ซิริดูเหมือนจะเมา หลังจากพูดคําเหล่านั้น นางก็เรอในลักษณะที่ไม่สุภาพอย่างมาก และนอนหมดสติบนเคาน์เตอร์
แม้ว่านางจะเป็นคนที่มีความสามารถด้านการกินอาหารมาก แต่ความสามารถของซิริในการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์นั้นต่ํามาก โจชัวแหย่แก้มนุ่มของซิริแต่ไม่มีปฏิกิริยาตอบกลับจากนางเลย เช่นนั้น โจชัวควรเริ่มธุรกิจอันควรได้แล้ว?
แต่ในขณะนั้น จู่ๆเอลฟ์ก็ปรากฏตัวขึ้นที่ทางเข้าโรงเตี้ยม ด้วยเหตุนี้โจชัวจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องชะลอธุรกิจนั้นไปก่อน