Bringing Culture to a Different World - ตอนที่ 148
ตอนที่ 148 ไดอารี่
“นี่คือ… เวทย์มนตร์จากระบบแห่งกฎจริงๆเหรอ?”
แกลโลลี่ยอมรับข้อเสนอของโจชัว เชื่อในเทพแห่งกฎและยอมรับสิ่งที่เขาส่งต่อให้นาง ขณะที่นางใช้เวลาทั้งชีวิตบนเวทีการแสดง ความรู้เรื่องเวทมนตร์ของนางถูกจํากัดอยู่แค่เวทมนตร์ที่เอลฟ์มักใช้กันเท่านั้น – การอัญเชิญต้นไม้ การลอบเร้น และอื่นๆ
แต่หน้าต่างระบบเวทย์มนตร์ที่ปรากฏตรงหน้านางนั้นเกินความเข้าใจในเรื่องเวทย์มนตร์ของนางโดยสิ้นเชิง!
“นี่คือการรวบรวมโดยใช้เวทมนตร์กฎเกณฑ์ สําหรับองค์ประกอบโดยละเอียด ข้าคิดว่าท่านแกลโลลี่ต้องใช้เวลาพอสมควรกว่าจะเข้าใจ”
โจชัวเดินไปที่โซฟา เขาสามารถมองหน้าต่างด้านหน้าดอกไม้แห่งฟารัคซี่ได้อย่างชัดเจนจากตําแหน่งนี้
ผู้คุ้มกันเอลฟ์ป่าดําเตรียมคุ้มกัน มายืนขวางหน้าแกลโลลี่
“เฟลย์”
แกลโลลี่เรียกชื่อนางเบาๆ เพลย์เม้มริมฝีปากอย่างไม่เต็มใจ แต่สุดท้ายนางก็หายไปในเงามืด
“โจชัว… ท่านช่วยบอกข้าเกี่ยวกับการใช้เวทย์มนตร์นี้ได้ไหม?”
แกลโลลี่เต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็นต่อสิ่งใหม่ โจชัวมักจะทําให้นางประหลาดใจอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นภาพยนตร์หรือเพลงที่เขาเขียนให้เอลฟ์น้ําแข็ง
หลังจากรอบปฐมทัศน์ภาพยนตร์จบลง แกลโลสี่ยืนอยู่หลังเวทีและฟังการแสดงร้องเพลงของไทลีนเงียบๆ จนจบ หลังจากฟังการแสดงของนางแล้ว นางรู้สึกอยากละทิ้งอาชีพนักแสดง และไปกอบกู้โลกหรือสังหารมังกรกับเพื่อนของนาง
น่าเสียดายที่ร่างกายของนางไร้ซึ่งความแข็งแกร่ง สิ่งที่นางทําได้ดีที่สุดคือถ่ายภาพยนตร์
“เวทมนตร์นี้มีประโยชน์หลายอย่าง มันสามารถช่วยให้เจ้าแบ่งปันความสุขของเจ้ากับคนทั่วโลก”
โจชัวชี้ไปที่กระทูจอมเวทย์ที่หน้าต่างตรงหน้าแกลโลลี่
“แบ่งปันความสุขของข้า?”
แกลโลลี่มองตามมือของโจชัว และแตะกระทูจอมเวทย์ในไม่ช้า อินเทอร์เฟซของกระทู้ก็ปรากฏขึ้นต่อหน้านาง
แต่นางไม่เห็นรู้สึกถึงความสุขจากมันเลย
“คาถาหัวเราะ? หรือบางที่ดาถาแยกวิกเมาณ? เอ่อ คุณหนู เวทมนตร์ทั้งหมดที่ข้านึกออกก็ไม่เห็นมีอะไรดีเลย” เอลฟ์ป่าดําเบาๆ กับแกลโลลี่
หากเราจะแบ่งปันความสุขของตนกับผู้อื่น สิ่งเดียวที่จะบรรลุได้ก็คือคาถาแยกวิญญาณ หรือเวทย์อะไรทำนองนั้น
น่าเสียดายที่คาถาแยกวิญญาณนั้นอันตรายเกินไป และเกินความสามารถของเวทมนตร์กฎเกณฑ์
ห่านดํามองไปยังโจชัวด้วยท่าทางสับสน นางดูเหมือนจะถามเขาว่านางควรทําอย่างไรต่อไป
“ก่อนอื่น ท่านต้องสร้างบัญชีก่อน”
โจชัวชี้ไปที่ไอคอนลงทะเบียนที่มุมขวาบนของกระทู้ แกลโลลี่แตะมัน ในไม่ช้าหน้าลงทะเบียนของกระทู้ก็ปรากฏขึ้นต่อหน้าแกลโลลี่
เนื่องจากยังคงเป็นต้นแบบ โจชัวจึงยังไม่ได้กําหนดข้อตกลงสิทธิ์ใช้งานสําหรับผู้ใช้ปลายทาง ตามคําแนะนําของโจชัวแกลโลลี่กรอกชื่อผู้ใช้และรหัสผ่านของนาง แต่เมื่อถึงเวลากรอกชื่อเล่นของนาง นางก็ลังเล
ในท้ายที่สุด นางตัดสินใจใช้ “ห่านดํา” เป็นชื่อของนางในโลกใหม่นี้
“ที่มุมซ้ายบนคือ “ค่าย” แตะที่นั้น”
ค่าย ที่ระบุโดยโจชัวคือ “พื้นที่ส่วนตัว” ของผู้ใช้กระทู้ จริง ๆ แล้วโจชัวยังไม่ได้ให้พื้นที่ส่วนตัวแก่ผู้ใช้ทั้งหมด
คนเดียวที่มีสิทธิพิเศษในการมีพื้นที่ส่วนตัวคือ ห่านดํา ที่เพิ่งลงทะเบียน โจชัวกําลังวางแผนที่จะแปลงฟังก์ชันนั้นให้เป็นไมโครบล็อกเหมือน Twitter หรือ Weibo
ตามคําแนะนําของโจชัวแกลโลลี่เข้าไปใน “ค่าย” ของนาง “ค่าย” ของนางว่างเปล่า นอกจากภาพเริ่มต้นที่บริเวณส่วนบนสุดแล้ว ยังมีสัญลักษณ์เขียน อยู่ด้านล่าง นอกจากนี้ยังมีไอคอนปากกาขนนกอยู่ข้างๆ
แกลโลลี่แตะที่สัญลักษณ์ เขียน ทันที ในไม่ช้า สี่เหลี่ยมว่างเปล่าก็ปรากฏขึ้น จากนั้น แป้นพิมพ์เสมือนก็ปรากฏขึ้นต่อหน้าแกลโลลี่
“ใช้สิ่งนั้นเพื่อเขียนประโยคเป็นที่ระลึก” โจชัวกล่าว
แกลโลลี่คิดว่านางจะหยิบปากกาขนนกนั้นได้ น่าเสียดายที่โจชัวยังไม่ได้เพิ่มการเขียนด้วยมือ ด้วยเหตุนี้ แกลโลลี่จึงสามารถใช้แป้นพิมพ์เสมือนได้เท่านั้น
“ข้าควร… เขียนเกี่ยวกับอะไร?”
นิ้วของแกลโลลี่แตะแป้นพิมพ์ แต่หลังจากที่นางป้อนกระทู้ฉบับแรก นางก็เริ่มลังเล
“อะไรก็ได้ ท่านสามารถเขียนทั้งหมดที่ท่านเห็นในวันนี้ หรือทั้งหมดที่ท่านคิดเกี่ยวกับวันนี้”
แกลโลลี่เริ่มไตร่ตรองเล็กน้อยหลังจากได้ยินคําพูดของโจชัว จากนั้นนางใช้นิ้วแตะแป้นพิมพ์เสมือน
ความเร็วในการป้อนข้อมูลของแกลโลลี่นั้นมากและดูงุ่มง่าม มันเป็นการใช้แป้นพิมพ์ครั้งแรกของเธอ การจัดเรียงตัวอักษรบนแป้นพิมพ์นั้นสับสนมากสําหรับนาง
แกลโลลี่ใช้เวลาเจ็ดนาทีในการพิมพ์อักขระที่นางรู้จักบนแป้นพิมพ์ หลังจากที่นางพิมพ์ประโยคเสร็จ นางกดที่คําว่า “ส่ง”
“โจชัว ใช้เวทย์มนตร์นี้เป็นไดอารี่เหรอ? แต่ถ้าเป็นไดอารี่…ข้าชอบใช้กระดาษกับปากกามากกว่า”
แกลโลลี่เหลือบมองประโยคที่นางเขียน ทั้งหมดนี้เหมือนกันกับไดอารี่
สาวห่านดําคนนี้มีงานอดิเรกคือการเขียนไดอารี่ เมื่อเทียบกับการเขียนบนกระดาษ วิธีการป้อนข้อมูลแบบนี้ ยุ่งยากเกินไป
“พูดจริงๆ มันทําหน้าที่เหมือนกันกับไดอารี่ แต่ก็ยังมีความแตกต่างอยู่เล็กน้อย”
โจชัวขยับนิ้วกลางอากาศก่อนที่จะมองกลับไปที่อินเทอร์เฟซระบบตรงหน้าแกลโลลี่อีกครั้ง
วินาทีถัดมาแกลโลลี่สังเกตเห็นสัญลักษณ์ยกนิ้วโป้งปรากฏขึ้นบนประโยคที่นางเขียน นอกจากนี้ยังมีหมายเลข 1 ข้างสัญลักษณ์ยกนิ้วโป้งนั้น
ภาษามือบางภาษาในโลกนี้เหมือนกับโลก ยกตัวอย่างเช่นการชูนิ้วโป้ง มันก็มีความหมายที่ดีเช่นกัน
แต่สิ่งที่ทําให้แกลโลลี่ตระหนักมากว่าการเขียนไดอารี่บนเครือข่ายเวทย์มนตร์นั้นแตกต่างจากหนังสือคือ… มีความคิดเห็นที่ปรากฏด้านล่างไดอารี่ของนาง
“ท่านเข้าใจสิ่งนี้ใช่ไหม? คุณหนูแกลโลลี่”
นั่นคือเนื้อหาแสดงความคิดเห็น ชื่อเล่นของคนที่แสดงความคิดเห็นคือ นักผจญเพลิง
แกลโลลี่หันไปหาโจชัวด้วยท่าทางไม่เชื่อ “ท่านโจชัวเห็นสิ่งที่ข้าเขียนด้วยหรอ? ยิ่งไปกว่านั้น…นอกจากนั้นท่านสามารถตอบข้าได้ด้วย?”
“มันจะถูกต้องกว่าถ้าจะบอกว่าข้า แสดงความคิดเห็น ถ้าไดอารี่นั้นคล้ายกันไดอารี่ที่ท่านเขียน เนื้อหาของสิ่งที่ท่านเขียนจะเหมือนกับการก้าวขึ้นไปบนเวทีต่อหน้าผู้ชม ทุกคนสามารถสามารถแสดงความคิดเห็นทิ้งไว้ได้
โจชัวบอกวิธีการที่มันเป็นให้แกลโลลี่ฟัง หลังจากพูดแล้ว มีความคิดเห็นอื่นปรากฏขึ้นด้านล่างรายการของแกลโลลี่
“ไม่ได้จํากัดแค่คําพูดเท่านั้น เจ้ายังสามารถใส่รูปภาพและอีโมติคอนได้”
ชื่อผู้ใช้ของผู้เขียนคือ ‘ซิริ’ เมื่อนางเห็นชื่อนั้นแกลโลลี่ก็หันไปมองที่สตรีผู้วิเศษทันที ซิริโบกมือให้แกลโลลี่
ซิริไม่ได้ซ่อนชื่อจริงของนางในกระทูจอมเวทย์ แต่นางแนบรูปคนแคระมาในความคิดเห็นของนาง มันเป็น… คนแคระที่ดูตลกมาก
มันเป็นสิ่งที่ ซิริเพิ่งวาดเมื่อโจชัวให้นางป้อนภาพวาดแบบสุ่มทั้งหมดของนางลงในกระทู้ ทําให้พวกมันกลายเป็นมีมภาพและคอลเลกชันอีโมติคอน
เมื่อแกลโลลี่เห็นภาพของคนแคระคนนั้น นางอดไม่ได้ที่จะปิดปากและหัวเราะ ด้วยเหตุนี้นางจึงได้ตระหนักอีกครั้งว่าโลกที่ปรากฏตรงหน้านางนั้นน่าสนใจเพียงใด