Bringing Culture to a Different World - ตอนที่ 20
“ ท่านลอร์ด เพลงต่อไปที่ท่านเล่นจะทำให้เกิดบรรยากาศเหมือนเดิมหรือไม่?”
เพื่อความปลอดภัยในชีวิตของทั้งเขาและของซิริ โจชัวต้องยืนยันก่อนที่เขาจะฟังการแสดงต่อไป
ในกรณีที่การแสดงครั้งต่อไปมีลักษณะที่น่ากลัวคล้าย ๆ กันโจชัวอาจเป็น“ ปีศาจโกลาหลคนแรกในประวัติศาสตร์ที่ถูกแช่แข็งจนตายขณะฟังเพลง”
สำหรับซิริ… แม้ว่าดยุคแห่งกระดูกจะไม่ได้เล่นเพลงต่อ แต่นางก็คงไม่สามารถอยู่ต่อได้อีกหากโจชัวไม่หาเครื่องทำความร้อนหรือกองไฟมาให้
ซีนาร์ทไม่ได้รับอนุญาตให้เข้ามามิฉะนั้นซีนาร์ทจะเป็นเครื่องทำความร้อนแบบพกพาที่อยู่รอบ ๆ ซิริอาจรู้สึกดีขึ้นมาก
“ถูกแล้ว บทเพลงทั้งหมดมาจากโน้ตเพลงนี้ นี่คือโน๊ตแบบเดียวที่ข้ามี”
ดยุคแห่งกระดูกหยิบโน๊ตเพลงที่หน้าปกอยู่ในสภาพขาดรุ่งริ่งให้โจชัวดู ตัดสินจากร่องรอยของมัน ดยุคอาจใช้มันมาหลายปีแล้ว
เขาเป็นนักดนตรี แต่ไม่ใช่นักแต่งเพลงหรอ?
“ แล้ว…ท่านลอร์ด ท่านจะอนุญาตให้ข้าเล่นเพลงหรือไม่?”
โจชัวได้ร้องขออีกครั้งโดยประมาท แต่ดยุคแห่งกระดูกไม่ได้แสดงความโกรธใด ๆต่อการพูดแทรกของโจชัว กลับกัน โจชัวสามารถเห็นความขี้เล่นจากไฟวิญญาณภายในเบ้าตาเขา
“ ฝ่าบาท เปียโนนี้เป็นเพื่อนเก่าของข้า และอารมณ์ของมันแย่กว่าของข้ามาก หากการแสดงของท่านไม่เป็นที่พอใจมันจะผลาญวิญญาณของท่าน! ข้าจะไม่มีทางช่วยท่านได้หากเป็นเช่นนั้น”
ดยุคแห่งกระดูกวางมือลงบนเปียโน และราวกับว่าเป็นการตอบสนองต่อคำพูดของดยุค เปียโนเล่นโน้ตสองสามตัวด้วยตัวเองดูเหมือนจะล้อเลียนความอวดดีของโจชัว
“ ข้ายินดีที่จะลองดู”
เมื่อพูดถึงสิ่งนี้ โจชัวเองก็ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าพ่อของเขาต้องการเลี้ยงดูเขาให้เป็นนักเปียโนตอนเขายังเด็ก ดังนั้นโจชัวจึงต้องเล่นเปียโนตั้งแต่เขาอายุหกขวบ
มันกินเวลาประมาณครึ่งปีและเขาไม่ผ่านบาททดสอบใดๆ เขาจึงยอมแพ้
สำหรับเหตุผลหลักที่เขายอมแพ้ … เช่นเดียวกับเด็กคนอื่น ๆ ในวัยนั้น เขาหมกมุ่นอยู่กับวิดีโอเกม
หลังจากไม่ได้แตะเปียโนมานาน โจชัวน่าจะลืมไปบ้างแล้ว กระนั้นหลังจากที่เขารวมเข้ากับความทรงจำของเจ้าชายแล้วความทรงจำของโจชัวก็ชัดเจนจนน่ากลัว
แม้แต่ความทรงจำของกล้ามเนื้อตอนเด็กยังกลับมาหาเขา
ดังนั้นโจชัวจึงคิดว่าเขาน่าจะไม่มีปัญหาในการเล่นเพลง
“เจ้าแน่ใจไหม? ผู้ท้าท้ายคนสุดท้ายคือนักแต่งเพลงที่มีชื่อเสียงในโลกมนุษย์”
ดยุคแห่งกระดูกไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับเจ้าชายสามที่มีความสามารถทางดนตรีใด ๆ และด้วยชื่อเสียงของเขา “คนที่น่ารังเกียจ” ในอาณาจักรปีศาจนั้นคงไม่ใช่ฉายาที่ดีอย่างแน่นอน
“ เพลงของข้าจะถูกใจเพื่อนของท่านอย่างแน่นอน”
นักแต่งเพลงที่มีชื่อเสียง? เขาเก่งเท่าเบโธเฟน โมซาร์ทหรือโชแปงไหม? โจชัวไม่เชื่อว่าเปียโนจะไม่ปรบมือหลังจากการแสดงเพลง“มูนไลต์โซนาตา(Moonlight Sonata)”
โอ้ใช่…โจชัวลืมไปว่าเปียโนไม่มีมือ
โจชัวมีดนตรีคลาสสิกมากมายนับไม่ถ้วนที่อยู่ในหัวเขา ถ้านี่คือการแข่งขันดนตรีคลาสสิก โจชัวก็ไม่ต้องกลัวอะไร
ดยุคแห่งกระดูกไม่ได้พูดอะไรอีก ในขณะที่เขาเดินลงจากเวที ไปโต๊ะที่มุมห้อง เขาหยิบไวน์แดงขึ้นมาหนึ่งแก้ว พร้อมชมการแสดง
“ รักษาอุณหภูมิของร่างกายให้คงที่ อย่าหลับ”
โจชัวลูบแก้มของซิริด้วยมือที่ค่อนข้างอบอุ่น และเช็ดน้ำค้างแข็งออกจากขนตาของนาง
อุณหภูมิร่างกายของนางไม่แสดงอาการฟื้นตัวใดๆ และอยู่ในอาการง่วงนอน ถ้านางหลับไปนางอาจจะไม่ตื่นขึ้นมาอีกเลย
ไม่มีเครื่องทำความร้อนในห้อง และซีนาร์ทไม่สามารถเข้ามาได้เนื่องจากคำสั่งของดยุค ซิริจึงทำได้แค่พึ่งพาตัวเองเพื่อเพิ่มอุณหภูมิในร่างกาย
น่าเสียดายที่ตอนนี้เสื้อผ้าของนางเปียกชุ่มเนื่องจากน้ำแข็งละลาย และเสื้อผ้าของโจชัวเองก็เช่นกัน แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่นางจะฟื้นอุณหภูมิร่างกายด้วยกำลังของนางเอง
“ การตายหลังจากฟังการแสดงดนตรีเป็นเรื่องที่โง่เกินไป ข้าจะไม่ตายง่ายๆ”
ซิริส่ายหัวเพื่อให้ห่างจากมือของโจชัว ดูเหมือนท่าทางสนิทสนมของเขาจะทำให้นางไม่พอใจ
“ ถ้างั้น รออีกสิบวินาที ซิริ”
โจชัวดึงมือกลับ แล้วเดินไปที่เปียโน
เป็นเวลาเกือบสิบแปดปีแล้วตั้งแต่ที่โจชัวสัมผัสเปียโนเป็นครั้งสุดท้าย แม้จะอาศัยความทรงจำในการเล่น แต่โจชัวก็ไม่รู้ว่าเขาจะทำได้ดีหรือไม่
ในขณะที่โจชัวกดคีย์แรกบนเปียโน เขารู้สึกว่าจิตวิญญาณของเขาถูกดึงออกจากตัว…
มีบางอย่างแปลก ๆ เกี่ยวกับเปียโน!
แต่อย่างนั้นโจชัวก็ไม่กลัว มือทั้งสองข้างของเขาอยู่บนเปียโนและเขาก็เริ่มเล่น
เสียงดนตรีคล้ายกับการยืนอยู่ใต้แสงแดดอันอบอุ่น และอาบน้ำท่ามกลางสายลมในฤดูใบไม้ผลิ จากนั้น…โจชัวก็สัมผัสได้ถึงแสงแดด
มันไม่ใช่ภาพลวงตา โจชัวรู้สึกถึงสัมผัสอันอบอุ่นของดวงอาทิตย์ และสายลมที่พัดผ่าน
มันเหมือนกับประสบการณ์การนอนอยู่บนทุ่งหญ้าเขียวชอุ่ม และอาบแดดในช่วงบ่ายที่อบอุ่น!
ซิริซึ่งทนทุกข์กับความหนาวเย็นตกตะลึงเมื่อได้ยินบทเพลงของโจชัว
ความอบอุ่นจาง ๆ ช่วยขจัดความหนาวเย็นในร่างกายของนางทันที ราวกับว่ามือคู่หนึ่งกอดนางไว้แน่น พร้อมกับความรู้สึกสบาย ๆ
ความอบอุ่นนั้นเกินกว่าที่ซิริจะบรรยายได้ นางรู้สึกเหมือน…นางกำลังจะร้องไห้ขณะที่จมูกของนางเริ่มชา
จากนั้นนางก็นึกถึงหลายสิ่งหลายอย่างตั้งแต่วันแรกที่ออกจากบ้านและอยู่คนเดียว ในตอนนั้นนางบอกตัวเองว่าต้องเข้มแข็งและใช้ชีวิตต่อไป แต่ในความเหงาและความอ้างว้าง นางไม่มีพื้นที่ระบายความคับแค้นใจ
เมื่อนางจ้องมองโจชัวที่ยังเล่นเปียโนอยู่ นางค่อยๆเริ่มสัมผัสใบหน้าของนาง นางรู้สึกได้ว่าความอบอุ่นจากมือของโจชัวยังคงอยู่
ดื่มด่ำ…ทุกคนดูเหมือนจะจมอยู่กับทุกโน้ตที่โจชัวเล่น ดื่มด่ำไปกับท่วงทำนองที่นุ่มนวลและอบอุ่น…
แม้แต่ดยุคแห่งกระดูกก็ไม่ได้ยกเว้น เขาตะลึงมากจนไม่ได้สังเกตว่าแก้วในมือของเขาตกลงไปบนพื้นแล้ว
ดนตรีสามารถปลุกหลาย ๆ สิ่งในตัวใครบางคนได้จริง ๆ ไม่เหมือนกับภาพยนตร์ นิยายหรือภาพวาดซึ่งต้องใช้เวลานานกว่าในการดึงใครบางคน เพลงต้องการเพียงช่วงเวลาสั้น ๆ เพื่อดึงอารมณ์
ในขณะที่ตัวโน๊ตแสนนุ่มนวลดังขึ้นและกำลังจะถึงจุดสุดยอด มันกลับหยุดลง …
และดยุคแห่งกระดูกก็โดนกระชากกลับมาจากบรรยากาศที่อบอุ่น
“ต่อสิ! ทำไมถึงหยุด! ” ดยุคแห่งกระดูกร้องอุทาน
“ ฮึ…ข้าไม่รู้จะเล่นยังไงต่อ”
โจชัวละมือออกจากเปียโน แม้ว่าเขาจะไม่ได้เข้าสอบ แต่ทักษะเปียโนของโจชัวอยู่ระหว่างระดับสามถึงสี่ แม้ว่าท่อนหลังของเพลงอาจจะง่ายมากสำหรับนักเปียโน แต่ก็ไม่ใช่สิ่งที่โจชัวจะเล่นได้
“เจ้าไม่รู้?! เจ้า!!!”
หลังจากผ่านมาหลายปี ในที่สุดดยุคแห่งกระดูกก็จำความรู้สึกหงุดหงิดได้อีกครั้ง เสียงดนตรีหยุดลงในขณะที่กำลังจะถึงจุดสุดยอด และมันทำให้เขาอยากทุบหน้าใครซักคน!
“ บทเพลงนี้เรียกว่าอะไร?!”
แต่มากกว่าสิ่งใด ดยุคแห่งกระดูกต้องการทราบชื่อของมัน
“ มันถูกเรียกว่า ‘Canon in D’ แต่งโดยโยฮัน พัคเค็ลเบิล นักแต่งเพลงชั้นยอด”โจชัวกล่าว