Bringing Culture to a Different World - ตอนที่ 71
ผู้ช่วยเมสซารู้สึกว่าบรรยากาศภายในโบสถ์ค่อนข้างแปลกไป มันไม่ได้จำกัดอยู่แค่ในวิหารเท่านั้น บรรยากาศของเมืองนอร์แลนด์ทั้งเมืองช่างแปลกประหลาด
ตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชา เขารวบรวมผู้สอนศาสนาคนอื่น ๆ ในนอร์แลนด์ และเริ่มเขียนและคัดลอกคำสอนใหม่ร่วมกับพวกเขา
สิ่งที่เรียกว่าคำสอนเป็นกระดาษโบราณชิ้นหนึ่ง ที่เขียนบนกระดาษเป็นคำสอนของศาสนจักร นอกจากนี้ยังแจ้งให้ชาวเมืองทราบถึงการปรากฏตัวของปีศาจ
โดยหลักแล้วผู้ช่วยจะเขียนว่าผู้บงการเบื้องหลัง ‘โฉมงามกับเจ้าชายอสูร’ เป็นปีศาจ นอกจากนี้โรงเตี๊ยมใจหินในนอร์แลนด์ยังเป็นที่ซ่อนของปีศาจ เขาเรียกร้องให้ชาวเมืองนอร์แลนด์ตื่นตัวต่อปีศาจ และไม่ถูกหลอก
แต่ในขณะที่เขาเขียนคำสอน ผู้ช่วยค้นพบว่าความรู้สึกผิดชอบชั่วดีของเขาได้รับผลกระทบ นี่เป็นเพราะเนื้อหาหลักของคำสอนคือการแจ้งให้พลเมืองของนอร์แลนด์ทราบถึงแผนการสมคบคิดที่อยู่เบื้องหลัง “โฉมงามกับเจ้าชายอสูร”
คงเป็นเรื่องหนึ่งที่จะแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเจ้าชายปีศาจคนนั้น ผู้ช่วยสามารถสร้างวิธีประณามปีศาจได้หลายร้อยวิธีอย่างง่ายดาย แต่เขาเจอกับความยากลำบากเมื่อเขาเริ่มเขียนเกี่ยวกับตัวละครเบลล์
ประการแรกเขาต้องแจ้งพลเมืองของนอร์แลนด์ว่าเบลล์เป็นปีศาจที่ปลอมตัว นางชั่วร้ายเกินกว่าจะชมได้ …
แต่…ด้วยความรุ่งโรจน์ของพระเจ้า ,หลังจากที่เขาดูภาพยนตร์เรื่อง ‘โฉมงามกับเจ้าชายอสูร’ เขาไม่สามารถคิดคำประนามเบลล์ได้อย่างแท้จริง
เบลล์เป็นเด็กผู้หญิงที่ไร้เดียงสาและมีจิตใจโอบอ้อมอารี กระนั้นนางต้องก็เจอกับจุดจบที่น่าเศร้าเช่นนี้ แม้แต่เพชฌฆาตหัวใจศิลาก็ยังหลั่งน้ำตาให้เด็กผู้หญิงคนนั้น สำหรับเขาผู้สอนศาสนามันยิ่งกว่านั้นอีก
แต่ผู้ช่วยมั่นใจว่าปีศาจเป็นผู้บงการเบื้องหลัง ‘โฉมงามกับเจ้าชายอสูร’ ตัวตนของเบลล์อาจเป็นปีศาจปลอมตัวมาเป็นอย่างดีก็ได้
เขาต้องแจ้งเรื่องนี้ให้ประชาชนทราบ! จากนั้นเขาจึงจะสามารถแจ้งเตือนพวกเขาถึงแผนการของปีศาจได้ ตราบใดที่พลเมืองของนอร์แลนด์ตระหนักว่าเมืองของพวกเขาถูกปีศาจรุกราน อาจมีผู้เชื่อในศาสนจักรมากขึ้นในนอร์แลนด์
หากสิ่งต่าง ๆ ประสบความสำเร็จ เขาซึ่งเป็นเพียงผู้สอนศาสนาสามารถได้รับการเลื่อนขั้นเป็นนักบวช หากเป็นเช่นนั้นเขาก็ไม่จำเป็นต้องจัดการเรื่องยุ่งยากเหล่านี้ทุกวัน
“ ผู้ช่วย วันนี้นักบวชไปหรือยัง”
“ ครับ ท่านหญิงเมสซา คุณพ่อคอชออกไปตั้งแต่เช้าเพื่อจัดการเรื่องเร่งด่วน”
ก่อนที่ผู้ช่วยจะได้ดื่มด่ำกับจินตนาการ เมสซาผู้เก่งกาจของเขาก็ปรากฏตัวขึ้น การปรากฏตัวของนางทำให้เขาไม่มีทางเลือก นอกจากลุกขึ้นจากที่นั่งและคำนับนาง
“ ท่านหญิงเมสซาข้ าสามารถทำหน้าที่เป็นตัวแทนของคุณพ่อคอชได้ในบางเรื่อง มีอะไรที่ท่านหญิงเมสซาต้องการหรือไม่?” ผู้ช่วยถาม
“ เงินออมที่ข้าใส่ไว้ในโบสถ์…”
เมื่อคำพูดของเมสซามาถึงจุดนี้เสียงของนางก็ค่อยๆเงียบลง แต่ในไม่ช้านางก็พบความมั่นใจ และเสียงของนางก็ดังขึ้น
“ ข้าต้องการเงินส่วนหนึ่ง!”
“ นี่…แน่นอน ท่านหญิงเมสซานั่นไม่มีปัญหาเลย โปรดรอข้าเขียนใบเรียกเก็บเงินสักครู่”
แม้ว่าจะเป็นอย่างที่ผู้ช่วยพูด แต่เขาก็ยังรู้ว่าผู้บัญชาการของเขาทำตัวแปลก ๆ เมื่อไม่นานมานี้
ในบรรดาสมาชิกเทมพลาร์ เมสซาอาจกล่าวได้ว่าเป็นคนที่ซื่อสัตย์ มีระเบียบ มีความชอบธรรม และอื่น ๆ นางเป็นตัวแทนของคุณธรรมที่ควรค่าแก่การชื่นชม
สมาชิกเทมพลาร์ไม่ค่อยสนใจอาหาร เครื่องดื่ม ความบันเทิง และแม้แต่การแต่งงาน อย่างน้อยที่สุดเมื่อเทมพลาร์เกษียณ พวกเขาก็จะได้พบกับหญิงสาวที่พวกเขาอยากที่จะแต่งงานด้วย ในการต่อสู้ที่ได้รับชัยชนะพวกเขาจะร่วมกันดื่ม และปิ้งขนมปังเป็นการเฉลิมฉลอง
แต่ตามข่าวลืออัศวินแห่งกองทัพแสงศักดิ์สิทธิ์ เมสซาได้วางข้อเรียกร้องที่เข้มงวดเช่นนี้ไว้กับตัวนางเอง มันเหมือนกับว่านางเป็นพระ
นางจะมอบทรัพย์สมบัติทั้งหมดของนางให้กับศาสนจักรเพื่อรักษาความปลอดภัย นางไม่เคยใช้เงินออมของนางเลย สำหรับอาหารของนาง มักจะเป็นอาหารที่เรียบง่าย สำหรับนาง เงินเป็นเพียงทรัพย์สินทางโลกอย่างแท้จริง ความรุ่งโรจน์ของพระองค์เท่านั้นที่สำคัญสำหรับนาง
แต่ในช่วงสองวันที่ผ่านมาแม่นางอัศวินคนนี้มักจะออกตามหานักบวชของโบสถ์ จุดประสงค์ของนางทุกครั้งคือเพื่อหาเงินที่นางเก็บไว้ในโบสถ์
ตามธรรมชาติแล้วนักบวชจะส่งเงินให้นางโดยตรงโดยไม่มีคำถาม แต่เมื่อมาถึงผู้ช่วยคนนี้เขารู้สึกว่าสถานการณ์แปลกมาก
เป็นไปได้ไหมว่า…ศูนย์รวมแห่งความซื่อสัตย์ของนักรบ…อัศวินเมสซาจะหลงกับแสงสี…ที่ไม่ธรรมดาในเมืองนี้?
ผู้ช่วยไม่กล้าถามมากเกินไป เพราะสถานะของเมสซาสูงกว่าเขามาก
หลังจากบันทึกธุรกรรมของเมสซาในสมุดบัญชีของโบสถ์แล้ว เขาก็เข้าไปในห้องเก็บทองคำของโบสถ์ และนำทองคำจำนวนหนึ่งร้อยเหรียญเพื่อส่งมอบให้ผู้บัญชาการของเขา
เมสซาชั่งน้ำหนักทองคำในมือของนาง ทั้งหมดนี้ก็เพื่อที่นางจะได้รับความรุ่งโรจน์ของพระเจ้ากลับคืนมา หลังจากโน้มน้าวตัวเองด้วยเหตุผลนั้นแล้ว นางก็แจ้งผู้ช่วยว่า“ รีบทำคำสอนให้เสร็จโดยเร็ว”
“ ครับ ท่านหญิง”
ภายใต้การจับตามองของผู้ช่วย อัศวินหญิงคนนั้นก็เดินออกจากโบสถ์ไป ผู้ช่วยมองไปที่คำสอนที่อัดแน่นด้วยคำพูด อารมณ์ที่ซับซ้อนเต็มเปี่ยมใจจิตใจของเขา
ส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับภาพยนตร์เรื่อง ‘โฉมงามกับเจ้าชายอสูร’ ภาพยนตร์เรื่องนั้นดีเกินไป ถึงแม้เขาจะรู้ว่ามันเป็นหนังที่สร้างขึ้นโดยปีศาจเพื่อปลุกระดมความรู้สึกของสาธารณชนด้วยความเท็จ เขา…ก็ไม่สามารถหยุดตัวเองจากการชอบภาพยนตร์เรื่องนั้นได้!
บางที…นี่คือจุดมุ่งหมายที่แท้จริงของปีศาจ? ทันใดนั้นเขาก็ตระหนักว่าสถานการณ์ปัจจุบันอาจไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาสามารถจัดการได้
หลังจากที่เขาใช้เวลาเขียนคำสอนนานกว่าสองชั่วโมง ผู้ช่วยก็ได้ยินเสียงของอาจารย์ของเขาซึ่งเป็นบาทหลวงของโบสถ์จากห้องจ่ายเงินด้านนอก
ผู้ช่วยลุกขึ้นยืน และเดินออกจากห้องทำงานทันที เขามาถึงห้องโถงอย่างรวดเร็ว เขาเห็นว่าอัศวินห้าคนอยู่ เสมียนของศาสนจักรก็อยู่ด้วย
ในทันใดผู้ช่วยคนนั้นก็นึกอะไรบางอย่างได้ – หัวหน้าบาทหลวงอาจมาถึงโบสถ์แห่งนี้แล้ว
ผู้ช่วยคนนั้นรีบเดินไปยืนเรียงแถว ในไม่ช้าเขาก็เห็นร่างที่ก้มอยู่ตรงกลางโบสถ์
เป็นชายชราถือไม้ค้ำยัน ร่างกายของเขาซูบผอมและซีดเซียว ลมกระโชกจะสามารถทำให้เขาล้มได้ สิ่งที่เขาสวมนั้นคล้ายกับเสื้อผ้าเนื้อหยาบคุณภาพต่ำ ตัดสินจากรูปลักษณ์ของเขา เขาดูเหมือนคนที่ตกอยู่ในสถาณการณ์ลำบาก
แต่ผู้ช่วยรู้ดีว่าชายชราคนนั้นเป็นใคร หนึ่งในผู้บัญชาการ หัวหน้าบาทหลวงของศาสนจักร ดีไซเลส
ไม่มีใครรู้ว่าชื่อจริงของเขา หัวหน้าบาทหลวงผู้นี้ นี่เป็นครั้งแรกที่ผู้ช่วยได้เห็นชายในตำนาน
ความประทับใจครั้งแรกของเขาคือชายชราคนนี้ดูธรรมดามาก ธรรมดาจนใคร ๆ ก็ละเลยการดำรงอยู่ของเขา
“ ไม่ต้องมีพิธีรีตองมาก มันไม่มีประโยชน์สำหรับพวกเจ้าที่จะเคารพข้า เพราะข้าไม่ใช่พระเจ้า”
ชายชราพูดขึ้น เสียงของเขาอ่อนกว่าที่ผู้ช่วยคาดไว้เป็นร้อยเท่า ในเวลาเดียวกันผู้ช่วยยังรู้สึกได้ถึงสายตาที่จ้องมองไปทั่วห้องโถง
ผู้ช่วยรู้สึกหวาดผวา ดวงตาของผู้พูดพันด้วยผ้าเก่า ๆ ที่สกปรก ตามเหตุแล้วเขาไม่ควรมองเห็นอะไรเลย
แต่ผู้ช่วยยังคงรู้สึกว่าตัวเองถูกเฝ้าดมอง
“ ใครสามารถบอกข้าได้ว่าทำไมจึงมีเทมพลาร์หายไป เมสซาสาวกของข้าอยู่ที่ไหน”
เมื่อดีไซเลสพูดด้วยน้ำเสียงที่สามารถทำให้ทุกคนหลับได้ ผู้ช่วยก็สั่นสะท้าน เขาและอัศวินคนอื่น ๆ ที่ประจำอยู่ในโบสถ์ต่างก็ชำเลืองมองกันและกัน พวกเขาทั้งหมดสามารถมองเห็นความสับสนในสายตาของกันและกัน
ท่าทางของเมสซาแปลกเกินไปในทุกวันนี้ นางจะออกเดินทางตอนเช้า และกลับมาในช่วงสายของวัน พวกเขาแทบจะไม่มีโอกาสได้เห็นผู้บัญชาการของพวกเขาในโบสถ์
“ จะไม่มีใครตอบคำถามของข้าหรือ?”
เมื่อสิ้นหวังกับคำถามนั้นผู้ช่วยยังคงรู้สึกว่าหัวหน้าบาทหลวงกำลังมองมาที่เขา ในท้ายที่สุดภายใต้แรงกดดันของหัวหน้าบาทหลวง เขาถูกบังคับให้ต้องยืนหยัด และเปิดเผยสิ่งที่เขาคิดอย่างแท้จริง
“ ท่านหัวหน้าบาทหลวงข้าคิดว่า…ข้ารู้คำตอบ” ผู้ช่วยกล่าวอย่างไม่มั่นใจ