Bringing Culture to a Different World - ตอนที่ 81
วันถัดไป. ในโบสถ์ของศาสนจักรนอร์แลนด์
“ ข้าเชื่อว่านี่คือความผิดพลาด”
เมสซานั่งอยู่ที่ม้านั่งในห้องโถงใหญ่ของโบสถ์ ตรงหน้านางคือรูปปั้นของโมนิก้าเทพเจ้าแห่งแสงศักดิ์สิทธิ์และความชอบธรรม ซึ่งเป็นเทพเจ้าที่สงบ แต่ยิ่งใหญ่
ทั้งหมดเป็นเพราะการปกป้องของโมนิก้าที่ทำให้เมสซาสามารถอยู่รอดในวัยเด็กที่ยากลำบากของนาง ตั้งแต่เกิดชีวิตของเมสซาถูกลิขิตให้อุทิศให้กับโมนิก้าเทพของนางอย่างสมบูรณ์
“อะไร…? ผิดพลาด? ท่านหญิงเมสซา?”
ผู้ช่วยคนสนิทกำลังกวาดห้องโถงของโบสถ์อย่างระมัดระวัง เมื่อเร็ว ๆ นี้อัศวินหญิงของศาสนาแสดงท่าทีเข้าใจยากอยู่ตลอดเวลา แม้แต่บุคคลที่มีอำนาจสูงสุดในโบสถ์อย่างหัวหน้าบาทหลวงดีไซเลสก็เช่นกัน
เป็นไปได้ไหมว่าอาจารย์และศิษย์กำลังอยู่ระหว่างการฝึกอบรมลับบางอย่าง?
ผู้ช่วยของเมสซาไม่กล้าเดามากไปกว่านี้
“ ใช้เงินอย่างสุรุ่ยสุร่าย มัวเมาอยู่ในเกมที่ปีศาจสร้าง ทั้งหมดนั้นมันผิด!”
เมสซากำลังนึกถึงสิ่งที่นางทำในช่วงเวลาที่เกือบหนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมา นับตั้งแต่ที่นางได้สัมผัสกับใจหิน นางได้ใช้จ่ายเงินทั้งหมดที่มีอยู่
หากเป็นเช่นนี้ต่อไป หากนางตัดสินใจตกลงปลงใจ นางต้องใช้เงินทั้งหมดไปกับเกม
เมื่อนึกย้อนไปถึงสิ่งที่นางทำ อัศวินหญิงก็ตระหนักถึงความผิดพลาดของนางอีกครั้ง นางเริ่มไตร่ตรองชีวิตของนาง ทั้งหมดนี้เป็นเพราะปีศาจบาป ปรากฏตัวในโรงเตี๊ยมแห่งนั้น
เมสซาสามารถยอมรับซัคคิวบัสระดับต่ำ และปีศาจโกลาหลที่อยู่ในโรงเตี๊ยมได้ ซัคคิวบัสอ่อนแอมากจนไม่จำเป็นต้องแสดงความกลัวใด ๆ สำหรับปีศาจโกลาหล พวกเขาลึกลับมากจนนางไม่เคยโต้ตอบกับพวกเขาในสนามรบ
แต่ปีศาจบาปนั้นแตกต่างออกไป เมสซาได้เข้าร่วมในสงครามครูเสดเพื่อต่อต้านปีศาจบาปที่ทรงพลัง
ด้วยการสะบัดมือของพวกเขา ปีศาจบาปเหล่านั้นสามารถส่งเปลวเพลิงแห่งบาปออกมาซึ่งสามารถแผดเผาโลกให้กลายเป็นความว่างเปล่าได้ ในการกำจัดปีศาจบาป ผู้บัญชาการกองพันจะต้องนำกองทัพของเหล่านักรบไปเป็นการส่วนตัว แม้แต่เมสซาเองก็ยังไม่มั่นใจว่าจะสามารถเอาชนะปีศาจบาปได้
กระนั้นภัยธรรมชาตินั่นก็มาปรากฏขึ้นอย่างเปิดเผยที่ใจกลางเมืองนอร์แลนด์
หากปีศาจบาปเริ่มปลดปล่อยการทำลายล้าง ชีวิตผู้บริสุทธิ์หลายร้อยชีวิตจะสูญหายไปในทันที
หัวใจของเมสซาไม่สามารถอยู่อย่างสบายใจได้เพราะเหตุนี้ แม้ว่าจะเล่นใจหินนางก็ไม่สามารถทำได้อย่างใจเย็น
“ หากหัวหน้าบาทหลวงดีไซเลสยินยอม ข้าจะเขียนจดหมายถึงศาสนจักรเพื่อขอความช่วยเหลือ”
ในท้ายที่สุดเมสซาลงเอยด้วยการบอกผู้ช่วยของนางว่านางตัดสินใจจะทำอะไร
ปีศาจที่อาศัยอยู่ในเมืองนี้ทรยศและหลอกลวงเกินไป พวกเขาหลอกลวงมากกว่าปีศาจที่นางเคยพบมาก่อน
“ ความช่วยเหลือ? แม้แต่หัวหน้าบาทหลวงดีไซเลสก็ไม่สามารถจัดการเรื่องนี้ได้หรอ?”
ผู้ช่วยของเมสซาไม่กล้าเชื่อหูตัวเองเมื่อได้ยินคำว่า ‘ความช่วยเหลือ’ ในศาสนจักรมีคาร์ดินัล หัวหน้าบาทหลวงทั้งหมดหกคน พวกเขาเป็นพลังของคริสตจักรนอกเหนือจากผู้บัญชาการกองทหาร หากพวกเขาอยู่ในนอร์แลนด์ สถานะของพวกเขาจะอยู่ภายใต้สภาทั้งเจ็ดเท่านั้น
ดีไซเลสคือแนวหน้าของผู้วิเศษในศาสนจักร หากเขาถูกจัดให้อยู่ในนอร์แลนด์ เขาจะถูกจัดให้เป็นผู้วิเศษระดับเจ็ด สำหรับผู้วิเศษระดับเจ็ด พวกเขาสามารถร่วมกันสร้างเวทมนตร์ระดับกลยุทธ์ที่สามารถส่งผลกระทบต่อการต่อสู้ของผู้แข็งแกร่งหนึ่งพันคน
“ ข้าคิดว่า…สถานการณ์อยู่เหนือการควบคุมของเราแล้ว”
ไม่ใช่ว่าอาจารย์ที่นางนับถือไม่สามารถรับมือกับสถานการณ์นี้ได้ แต่อาจารย์ของนางไม่ต้องการรับผิดชอบสถานการณ์นี้
น่าเสียดายที่นั่นเป็นคำพูดที่เมสซาไม่สามารถพูดได้ ด้วยวิธีการที่ดีไซเลสมีพฤติกรรมนิ่งเงียบขนาดนี้ แม้แต่เมสซาสาวกของเขาก็พบว่าสถานการณ์ไม่ค่อยดี
เห็นได้ชัดว่าปีศาจตัวนั้นรวบรวมกองทัพปีศาจ และพลังของเขาในนอร์แลนด์
นักรบที่ประจำการอยู่ในนอร์แลนด์ไม่สามารถโค่นล้มปีศาจตัวนั้นได้ เช่นนี้เมสซาต้องเรียกกำลังเสริม
นางรู้สึกว่าปีศาจที่ชื่อโจชัวไม่ได้อยู่ในนอร์แลนด์เพื่อ ‘มาพักผ่อน’ เขาต้องวางแผนสมคบคิดที่น่ากลัวบางอย่าง
เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับอันตรายที่จะเกิดขึ้น เมสซาต้องเตรียมการให้พร้อม
“ ผู้ช่วยของข้าเจ้าแจกคำสอนต่อแทนข้าด้วย แจ้งเตือนชาวนอร์แลนด์ต่อไปถึงการคุกคามของปีศาจ”
“ แล้ว…ท่านจะไปไหน?”
ผู้ช่วยหยุดกวาดพื้นและมองเมสซาที่มีอาวุธครบมือ วันนี้เมสซายังไม่ได้ออกลาดตระเวน แต่นางสวมชุดเกราะ ไม่ว่าใครจะมองนางอย่างไร นางก็ไม่ได้มีแผนที่จะพักผ่อนในวันนี้
“ ข้าจะเฝ้าติดตามการเคลื่อนไหวของปีศาจเหล่านั้นต่อไป”
ขณะที่นางพูด เมสซาก็จัดการอุปกรณ์ของนางเสร็จแล้ว นางซ่อนดาบของนางไว้ใต้ผ้า จากนั้นนางก็ออกจากโบสถ์โดยไม่ลังเล ในขณะที่ผู้ช่วยของนางเฝ้าดูนางเดินจากไป หลังของนางดูเหมือนคนที่เตรียมพร้อมสำหรับความตาย
ถ้าคนไม่รู้จักเห็นท่าทางของนางเช่นนี้ พวกเขาคงคิดว่าอัศวินหญิงคนนี้กำลังวางแผนที่จะเข้าสู่สนามรบที่ไม่มีวันหวนกลับ
น่าเสียดายที่ผู้ช่วยของเมสซาสามารถเดาได้ว่าหัวหน้าของเขากำลังจะไปที่ไหน และนางวางแผนจะทำอะไร
เขาเป็นเพื่อนที่ฉลาด เขารู้ดีว่าการล่อลวงที่ปีศาจนำเสนอไม่ใช่สิ่งที่สามารถตัดสินได้โดยการส่งกองกำลังเสริมของเทมพลาร์ สาเหตุเป็นเพราะ “สิ่งล่อใจ” นั้นไม่มีผลข้างเคียงใด ๆ
ผู้ช่วยหยิบจดหมายออกมาจากเสื้อคลุม บนพื้นผิวของตัวอักษรนั้นเป็นสัญลักษณ์ของดอกไม้สีขาว ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ไวเซนาสเช่
นั่นคือสิ่งที่ผู้ช่วยได้รับจากเด็กชายตัวเล็ก ๆ ที่แต่งกายตามปกติขณะแจกจ่ายคำสอนในเช้าวันนี้
เนื่องจากอยู่ในนอร์แลนด์มาตลอดทั้งปี ผู้ช่วยรู้ว่าเด็กชายตัวเล็ก ๆ นี่แค่เอามาให้เขาเท่านั้น เขาไม่รู้ว่าใครเป็นคนจ่ายเงินให้เด็กน้อยนั่นมาส่งจดหมายให้เขา
เขาเปิดจดหมายและเหลือบมอง เนื้อหาของจดหมายมีเนื้อหาคร่าวๆว่า “เจ้าโชคดีมาก เจ้าจะมีโอกาสได้พบกับเบลล์และเจ้าชายปีศาจที่โรงละครไวเซนาสเช่ ในวันพรุ่งนี้
โอ้เทพเจ้าแห่งแสงสว่างและความชอบธรรม! ทันทีที่ผู้ช่วยอ่านเนื้อหาของจดหมาย เขาก็ตกใจจนเกือบจะโยนมันลงในกองไฟ
สำหรับเขาจดหมายฉบับนี้เป็นคำเชิญจากปีศาจ หากเขาตอบรับคำเชิญและไปชมการแสดงเขาจะทรยศต่อหลักคำสอนของเขา
แต่พลังที่แปลกประหลาดกระตุ้นให้เขาเก็บจดหมายไว้
บางทีในส่วนลึกของหัวใจ ผู้ช่วยคนนี้ก็อยากจะพบกับดาราและนักแสดงในเรื่อง ‘โฉมงามกับเจ้าชายอสูร’
แต่คำสอนที่เขาถูกสอนมา ไม่อนุญาตให้เขาตอบรับคำเชิญของปีศาจ
หลักคำสอนที่เขาเชื่อและความปรารถนาโดยสัญชาตญาณของเขากำลังตีกันกันอยู่ในหัวของผู้เผยแพร่คำสอนหนุ่ม
เขาไม่ใช่คนเดียวที่ได้รับคำเชิญ คำเชิญนับพันจากโรงละครไวเซนาสเช่กำลังแพร่กระจายไปทั่วเมืองนอร์แลนด์
คนที่ได้รับคำเชิญเหล่านั้นมาจากทุกชนชั้นทางสังคม และประเทศต่างๆรวมถึงพลเมืองของนอร์แลนด์ด้วย
เวทีละครที่ใหญ่ที่สุดในโรงละครไวเซนาสเช่สามารถจุผู้ชมได้สามพันคนเท่านั้น ด้วยเหตุนี้จึงถูกกำหนดไว้ว่าพวกเขาจะไม่สามารถเชิญแฟน ๆ ของ ‘โฉมงามกับเจ้าชายอสูร’ มาร่วมชมการแสดงสดได้
ในขณะนี้ผู้เผยแพร่หนุ่มตระหนักว่าจดหมายเชิญในมือของเขามีค่าเพียงใด
เนื่องจากเขาตัดสินใจที่จะอุทิศทั้งชีวิตให้กับเทพเจ้าที่เขาศรัทธาและนี่เป็นโอกาสเดียวในชีวิตของเขาที่จะได้พบกับเบลล์ ในไม่ช้าเขาก็ให้เหตุผลกับตัวเองว่า ‘ข้ากำลังจะสืบหาศัตรูของพวกเทมพลาร์’
ด้วยเหตุนี้เขาจึงรีบเก็บจดหมายกลับเข้าไปในเสื้อคลุมของเขา และอยู่เงียบ ๆ รอให้ถึงบ่ายวันพรุ่งนี้