Chaotic Lightning Cultivation โกลาหลแห่งอัสนีบาต - ตอนที่ 301.3
บทที่ 301: ค่ายกลที่น่าขบขัน (3)
“เหอะ!” นางอยากจะกล่าวอะไรออกมา แต่ก็ทำได้เพียงสงบใจพร้อมกล่าวต่อ “เจ้าเด็กซ่งจงนั้นไม่ได้ออกมา มันหลบซ่อนตัวอยู่ในกองทัพอสูรกาย แล้วเช่นนี้เราจะทำอะไรได้บ้าง?”
“เหอะ ในเมื่อเราบังคับให้มันมาไม่ได้ ก็คงต้องเปลี่ยนแผน!” บุรุษอีกหนึ่งกล่าวออกมา จากนั้นเซือหมัวเผยรอยยิ้มและกล่าวต่อ “จงฟังข้าก่อน แน่นอนว่าข้าจะแต่งงานและจะเล่นกับนังผู้หญิงสองคนนั้นจนตาย พร้อมทั้งบันทึกทุกอย่างไว้และส่งไปให้ซ่งจงอีกครั้ง อยากจะรู้เหลือเกินว่ามันจะยังสามารถอดทนต่อไปได้หรือไม่!”
สถานการณ์ยิ่งเลวร้ายมากขึ้นเมื่อหญิงสาวสองคนจะถูกทำร้ายและสังหารให้ตายตกไปเพียงเพราะต้องการเรียกให้ซ่งจงออกมา เทพธิดาภูติน้ำแข็งไม่สามารทนดูต่อไปได้ นางกล่าวออกมาด้วยความโกรธ “เหอะ บัดซบเหลือเกิน นี่เจ้ายังเป็นบุรุษผู้แข็งแกร่งอยู่หรือไม่ เจ้ารังแกผู้หญิงสองคนเพียงเพื่อต้องการแก้แค้น ใช้หญิงสาวเป็นเครื่องมือ นี่เจ้าควรจะไปสวมใส่กระโปรงเสียดีกว่า หรือไม่ก็ไปตายซะดีกว่ามั้ย?”
“เหอะ ผู้หญิงนั้นใจอ่อนเกินไป!” ชายหนุ่มตอบกลับมาอย่างเกลียดชัง “ถ้าเราไม่บังคับเช่นนี้ ซ่งจงจะมาได้อย่างไร? ถ้าเราไม่สามารถสังหารมันได้ แล้วเราจะสามารถใช้ชีวิตอยู่ต่อไปอย่างไร้ศักดิ์ศรีน่ะหรือ?”
เทพธิดาภูตน้ำแข็งคิดตามพร้อมกับเริ่มลังเล
แต่ในเวลานั้น ฉุ่ยจิ้งก็ยังอยู่ในสถานที่แห่งนั้น นางรีบกล่าวออกมา “รายงานอาวุโสทั้งสอง พี่ชายซ่งจงและข้านั้นรู้จักกันและข้ามีความเข้าใจในตัวของเขา วัยเด็กของเขาถูกทำลายเพราะต้องสูญเสียครอบครัวของตน เขาต้องทำงานอย่างหนักเพื่อให้ได้อยู่ในสำนักต่อไป สุดท้ายเขาโดดเด่นที่สุดในสำนักจากความเพียรพยายาม ข้ามั่นใจว่าเขาเป็นประเภทที่ไม่ยอมตายและไม่ยอมให้อภัยอย่างแน่นอน แม้ว่าพวกท่านจะข่มเหงหญิงสาวทั้งสองนี้จนตายและส่งกลับให้เขา ถ้าเขาไม่อยากมา เขาก็จะไม่มาเด็ดขาด แต่เขาจะเก็บมันไว้ภายในหัวใจและรอคอยวันที่เขาพร้อมจะระเบิดออกมา! ถ้าจะให้ข้าบอกว่าพวกท่านควรทำอะไรในตอนนี้ ก็คงจะเป็นการปล่อยหญิงสาวทั้งสองไปซะ เพราะนางทั้งสองเป็นผู้บริสุทธิ์และเร้นแค้น!”
เทพธิดาภูติน้ำแข็งเชื่อว่าที่ฉุ่ยจิ้งพูดเป็นความจริงและรู้สึกเห็นด้วยอย่างยิ่งที่หญิงสาวบริสุทธิ์ทั้งสองคนจะต้องมาพบเจอกับโชคร้ายเพียงเพราะเป็นเครื่องมือให้กับเซือหมัว
แต่ทว่านักบวชเต๋าปีศาจอีกคนไม่สนเรื่องนี้ เขาเย้ยหยันออกมา “เหอะ นี่เรากำลังถูกสั่งสอนโดยมือใหม่งั้นเหรอ?”
ฉุ่ยจิ้งเมื่อได้ยินเช่นนั้น นางไม่ได้โกรธเคืองแต่อย่างใดแต่กลับกล่าวต่ออย่างจริงใจ “ข้ารู้เพียงแค่บุคคลที่อยู่ในระดับสูงนั้นไม่ได้แปลว่าจะมีเหตุผล ข้าเห็นเหล่าอาวุโสชอบยกเหตุผลที่ตนเองแก่กว่าเพื่อเป็นการบีบบังคับมือใหม่ให้เชื่อฟังหรือเคารพ แต่ข้าคิดว่าการทำเช่นนี้มันดูเหมือนการบังคับให้เคารพเสียมากกว่า!”
นักบวชเต๋าปีศาจที่ได้ยินเช่นนั้นโกรธจัดทันทีพร้อมกล่าวต่อว่าอย่างดุเดือด “เด็กน้อย เจ้ากล้าที่กล่าวเช่นนี้โดยไม่คิดถึงผลที่จะตามมางั้นหรือ?” เมื่อเขากล่าวจบ เขายกมือขึ้นพร้อมปลดปล่อยปราณจิตวิญญาณชั่วร้ายออกมาอย่างหนาแน่นเพื่อกดดันฉุ่ยจิ้ง จากนั้นเขาพุ่งตัวไปหานางพร้อมส่งเสียงคำรามออกมาเพื่อที่จะสั่งสอน
อย่างไรก็ตามฉุ่ยจิ้งนั้นไม่ได้อ่อนแอ ภายในพริบตาปรากฏลำแสงสีทองขึ้นเผยให้เห็นกระดองเต่าดำป้องกันการโจมตีของนักบวชเต๋าปีศาจไว้ได้อย่างสมบูรณ์แบบ ความสามารถของมันนั้นแข็งแกร่งจนไม่อาจคาดเดา มันคือสมบัติวิญญาณของสำนักเสวียนเทียนและมันเลือกนางเป็นเจ้านาย
ฉุ่ยจิ้งจ้องมองนักบวชเต๋าปีศาจคนนั้นด้วยดวงตาที่แข็งกร้าวและไม่แสดงถึงความอ่อนแอ นางกล่าวต่อ “แน่นอนว่ามือใหม่เช่นข้าต้องการพูดกับท่านเช่นนั้น แล้วท่านสามารถจัดการกับมือใหม่ผู้นี้อย่างไรล่ะ?”
นักบวชเต๋าปีศาจที่ได้ยินฉุ่ยจิ้งกล่าวออกมาเช่นนั้น เขารู้สึกท้อแท้ แม้ว่าเขาจะแข็งแกร่งอย่างมาก แต่ทว่าไม่อาจต่อสู้กับสมบัติวิญญาณของนางและพลังของสำนักเสวียนเทียนที่นางห้อยคออยู่ได้ แต่ปัญหาในตอนนี้เขาไม่กล้าที่จะทำมันอีกครั้ง เพราะการโจมตีของเขาถูกฉุ่ยจิ้งปัดป้องได้อย่างง่ายดายและใบหน้าของนางเรียบเฉยราวกับไม่เกรงกลัวเขาแม้แต่น้อย
อีกทั้งเขารู้ว่านางเป็นศิษย์ของเทพธิดาเหมยฮวา ซึ่งแม้ว่าอาจารย์ของนางจะอยู่ในระดับหยวนหยิน แต่นางไม่ใช่สิ่งที่เขาจะไปยั่วยุได้แม้แต่น้อย เนื่องจากเทพธิดาเหมยฮวานั้นเป็นบุคคลที่น่าสะพรึงกลัวอย่างยิ่ง นางสามารถคำนายคู่ต่อสู้ได้อย่างแม่นยำ ถ้าหากเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับนาง แน่นอนว่านางสามารถค้นหาวิธีที่จะสังหารศัตรูของตนได้อย่างง่ายดาย ไม่ว่าผู้ใดก็ไม่สามารถหลบหนีกับดักที่นางสร้างไว้ได้ ด้วยเหตุผลเช่นนี้ฉุ่ยจิ้งจึงไม่จำเป็นต้องเกรงกลัวผู้ใด อีกทั้งยังสามารถฉีกใบหน้าของเขาเป็นชิ้นๆได้อีกด้วย
แม้ว่านักบวชเต๋าปีศาจจะไม่ชอบใจฉุ่ยจิ้งอย่างมากในตอนนี้ แต่เขาก็ไม่กล้าที่จะทำอะไร เพราะมันไม่ดีแน่ถ้าหากสิ่งนี้ไปยั่วยุอาจารย์ของนาง เมื่อเวลานั้นมาถึง เมื่อเขาออกไปด้านนอกเขาจะต้องพบกับความตายที่ถูกตีกรอบไว้อย่างแน่นอน ในตอนนี้เขาไม่สามารถทำอะไรได้นอกจากเก็บงำความโกรธไว้และส่งเสียงเย้ยหยันในลำคอเท่านั้น
เขาหักเหความสนใจจากฉุ่ยจิ้งพร้อมกับหันไปหานักบวชเซือหมัวทันทีและก่นด่าออกมาอย่างระบายอารมณ์ ! “แล้วเจ้านั่งทำบ้าอะไรอยู่ ไม่ได้ยินที่ข้าพูดงั้นเหรอ? ที่บอกว่าข้าต้องการที่จะเล่นกับหญิงสาวทั้งสองคนนั้นจนตาย!”
“เรื่องนั้น!” นักบวชเซือหมัวนั้นไม่กล้าที่จะต่อกรกับเขาดั่งเช่นฉุ่ยจิ้ง เขารีบพยักหน้าอย่างรวดเร็วพร้อมกล่าวว่า “ข้าจะสังหารพวกนางทันที!” เมื่อกล่าวเช่นนั้น เขาหันหลังพร้อมจะออกไปจากสถานที่ตรงนี้อย่างรวดเร็ว
ทั้งสองคนนั้นไม่สนใจฉุ่ยจิ้งอีกแล้ว พลังความโกรธได้ขับเคลื่อนให้พวกเขากระทำสิ่งชั่วร้าย และฉุ่ยจิ้งแท้จริงแล้วนางมาที่นี่เพื่อช่วยเหลือซ่งจง เช่นนี้นางจะสามารถปล่อยให้หญิงสาวทั้งสองถูกทำร้ายได้อย่างไร?
ฉุ่ยจิ้งกล่าวออกมาเสียงดัง “หยุดก่อน! ข้าขอพูดในนามอาจารย์ของข้า ได้โปรดปล่อยพวกนางไป สามารถทำได้หรือไม่?”
เมื่อฉุ่ยจิ้งกล่าวออกมาเช่นนี้ เหล่าผู้คนรอบๆรู้ได้ทันทีว่ากำลังจะมีเรื่องสนุกๆเกิดขึ้นแล้วต่อจากนี้ ไหนล่ะใบหน้าของคนที่กล่าวถึง? เห็นได้ชัดว่าฉุ่ยจิ้งนั้นกล่าวอ้างอย่างไม่ชอบธรรม และถ้าหากนักบวชเซือหมัวและนักบวชเต๋าปีศาจยอมอ่อนข้อลง แน่นอนว่าใบหน้าของพวกเขาจะแตกสลาย!
ฉุ่ยจิ้งนั้นไม่รู้จริงๆงั้นหรือว่าในเวลานี้ภายในใจของนักบวชเต๋าปีศาจต้องการจะหั่นนางเป็นชิ้นๆ แต่ทว่าด้วยใบหน้าของเทพธิดาเหมยฮวา เขาจึงไม่สามารถทำเช่นนั้นได้ เมื่อนางกล่าวออกมาเช่นนี้ทำให้เขาตกอยู่ในสภาพกลืนไม่เข้าคายไม่ออกทันที
เทพธิดาภูติน้ำแข็งเห็นเช่นนั้น อดไม่ได้ที่จะเย้ยหยันออกมา “เหอะ ข้าไม่ยักรู้มาก่อนว่าสหายผู้นี้รู้จักความกลัวด้วย?”
เมื่อถูกเย้ยหยันจากเทพธิดาภูติน้ำแข็ง นักบวชเต๋าปีศาจไม่อาจอดทนได้อีกต่อไป เขาคำรามออกมาอย่างเกรี้ยวกราด “ตั้งแต่เกิดมา ข้ายังไม่รู้ว่าความกลัวคืออะไร!”
จากนั้นเขาหันหน้าไปหาฉุ่ยจิ้งพร้อมกล่าวว่า “แม้แต่ใบหน้าของอาจารย์เจ้า ข้าก็ไม่สามารถให้ได้ แล้วเจ้าจะทำยังไงต่อล่ะ? นักบวชเซือหมัว แล้วทำไมเจ้าไม่รีบไปอีกล่ะ!”
“ข้าจะไปเดี๋ยวนี้!” นักบวชเซือหมัวได้ยินเช่นนั้น เขารีบตอบพร้อมวิ่งออกไปทันที
ฉุ่ยจิ้งได้ยินเช่นนั้น โกรธจัดทันที นางโกรธมากจนกล่าวออกไป “ยอดเยี่ยม ถ้าหากว่าอาวุโสไม่เห็นแก่ใบหน้าของอาจารย์ข้า ถ้าเช่นนั้นข้าก็ไม่มีสิ่งใดจะกล่าวอีกต่อไปนอกจากการกลับไปรายงานให้นางทราบ!” จากนั้นฉุ่ยจิ้งสะบัดเสื้อคลุมพร้อมนั่งลงอีกครั้งทันที จากนั้นภายในหัวใจของนางคร่ำครวญไปพร้อมกัน ‘มันไม่ยุติธรรมเลย ข้าไม่สามารถช่วยเหลือคู่ฝึกฝนของตนเองได้ ข้ามันไร้ความสามารถจริงๆ!’
ด้วยความสัตย์จริงทั้งหมด แม้ว่านักบวชเต๋าปีศาจจะเกรงกลัวอาจารย์ของฉุ่ยจิ้งอย่างมาก แต่ทว่าเมื่อเขายิงลูกศรออกไปแล้ว ไม่มีวันที่มันจะสามารถคืนกลับมาได้อีก เช่นนั้นเขาจึงต้องยืนหยัดต่อไปในคำพูดของตนเอง
ฝูงชนที่อยู่รอบๆนั้นรู้แล้วว่างานเลี้ยงในตอนเช้าได้จบลง อีกทั้งตอนนี้ซ่งจงยังไม่โผล่มาแต่อย่างใด แต่งานแต่งงานก็จะดำเนินต่อไปโดยที่หญิงสาวทั้งสองจะถูกทรมานจนกว่าจะตาย!
หลายคนแสร้งทำเป็นมองไม่เห็นสิ่งที่นักบวชทั้งสองกำลังจะกระทำ ทั้งหมดลุกขึ้นพร้อมที่จะเดินออกไปอย่างเฉยชาและปิดหูปิดตา ในตอนนี้เหลือเพียงนักบวชเต๋าปีศาจและเทพธิดาภูติน้ำแข็งที่นั่งอยู่ตรงนี้ ภายในสายตาของนางมองพวกเขาทั้งหมดด้วยความเกลียดชังอย่างมาก
ผู้คนที่กำลังจะเดินออกไป เมื่อเห็นสายตาของเทพธิดาภูติน้ำแข็ง พวกเขาละอายใจและเริ่มหลบสายตา พร้อมลังเลว่าจะเดินออกไปหรืออยู่ต่อดี
แต่ในเวลานั้น ผู้ฝึกตนระดับจินตันวิ่งเข้ามาอย่างรวดเร็วพร้อมกล่าวว่า “รายงานอาวุโส ซ่งจงมาแล้ว! เขามาแล้ว!”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น นักบวชเต๋าปีศาจดีใจอย่างยิ่งพร้อมตะโกนออกมาอย่างรีบร้อน “บอกสถานการณ์มา!”
“เขาอยู่ด้านนอกพร้อมกล่าวว่าถ้าหากส่งหญิงสาวทั้งสองให้กับเขา เมื่อทุกสิ่งเสร็จสิ้น เขาจะเข้ามา!” ทหารผู้นั้นกล่าวออกมาอย่างเร่งรีบ
เมื่อนักบวชเต๋าปีศาจได้ยินเช่นนั้น เขาเผยรอยยิ้มปีศาจออกมาทันที “พามันมาหาข้า ให้ข้าได้สังหารเขา!” เขากล่าวออกมาพร้อมกับจิตสังหารที่ล้นออกมาจากดวงตา
แต่เทพธิดาภูติน้ำแข็งไม่เห็นด้วยพร้อมกับด่านักบวชเต๋าปีศาจทันทีด้วยความโกรธ “นักบวชเต๋าปีศาจ เจ้านั้นอยู่ใต้สำนักพันปีศาจและไม่เคยมีเกียรติ แต่ทว่าสำนักเล็กๆเช่นเรานั้นต้องการสิ่งนั้น! ในตอนนี้ซ่งจงมาแล้ว ความปรารถนาของเจ้าเป็นจริง ประการแรกก็คือหญิงสาวทั้งสองจะต้องปลอดภัยและพาไปพบกับเขา เช่นนั้นจึงจะเริ่มการต่อสู้ได้!”
“พูดมากจริงๆ!” นักบวชเต๋าปีศาจอดไม่ได้ที่จะรำคาญ
แม้ว่าจะเป็นเช่นนั้น เขารีบพุ่งไปหานักบวชเซือหมัวและหญิงสาวทั้งสองทันที
แม้ว่าในตอนแรกเขาจะเปลี่ยนแผน แต่ในตอนนี้เขาจะต้องทำตามแผนเดิม เพราะเขารู้ว่าสำนักอื่นนั้นต้องรักษาเกียรติที่พวกเขามีไว้อย่างสุดความสามารถ และมันคงไม่ดีแน่ถ้าหากพวกเขาจะต้องเสื่อมเสียชื่อเสียงเพียงเรื่องเท่านี้
สำหรับหญิงสาวผู้นี้ เก้าในสิบนางไม่ต้องการที่จะต่อสู้กับซ่งจงและแม้ว่านางจะต้องการปล่อยเขาไป นักบวชเต๋าปีศาจไม่อาจอดทนต่อความรำคาญเช่นนี้ได้ เขาทำได้เพียงรักษาคำพูด ก่อนอื่นคือต้องให้หญิงสาวทั้งสองรอดพ้นจากน้ำมือของนักบวชเซือหมัวก่อน กล่าวก็คือเพราะว่าซ่งจงนั้นสามารถหลบหนีไปได้ตลอดเวลาถ้าหากไม่เป็นไปตามเงื่อนไข เช่นนี้เขาจึงต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้ก่อน
ในตอนนี้นักบวชเซือหมัวได้มาถึงศาลาที่อยู่ของเจ้าสาวทั้งสอง ซึ่งถูกบังคับให้อยู่ในชุดเจ้าสาว
ในตอนแรกเขาไม่ได้สนใจหญิงสาวทั้งสองนี้มากนัก แต่ทว่าตอนนี้เขาได้รับคำสั่งจากนักบวชเต๋าปีศาจ เขาเดินเข้ามาด้านในพร้อมเผยรอยยิ้มหื่นกระหายออกมาพร้อมกล่าวว่า “ต้องขอโทษด้วยในตอนนี้ที่ข้าจะบอกก็คือไอ้อ้วนของเจ้านั้นไม่ได้มาตามนัดหมาย เมื่อเป็นเช่นนี้ ข้ารู้สึกโกรธและต้องการระบายความแค้นนี้ออกไปให้พ้นจากจิตใจ ข้าก็คงสามารถระบายทุกสิ่งกับพวกเจ้าทั้งสองเท่านั้น!”
เมื่อกล่าวจบเช่นนั้น นักบวชเซือหมัวพุ่งไปด้านหน้าของหญิงสาวทั้งสองพร้อมกับถอดเสื้อคลุมของตนเองออก ซูหยูและซูหยุ่นที่เห็นเช่นนั้นตกใจทันทีพร้อมรีบกล่าวออกไปอย่างรวดเร็ว “อาวุโสเซือหมัว ท่านจะสามารถรังแกพวกเราโดยไร้ยางอายงั้นหรือ?”
“ฮ่า ข้าเป็นอาวุโส ที่ไม่ใช่อาวุโส!” นักบวชเซือหมัวกล่าวออกมาอย่างชั่วร้าย “ข้านั้นเป็นปีศาจ เช่นนี้เล็กน้อยมาก ในวันนี้ข้าจะเล่นกับเจ้าให้มีความสุขที่สุด!”
ในขณะที่เขากล่าวออกมาเช่นนั้น เขาไม่ลืมที่จะเปลื้องเสื้อผ้าของตนเองออกพร้อมกล่าวต่ออย่างดุร้าย “มาเถิด!” จากนั้นเขาเผยรอยยิ้มชั่วร้ายออกมา พร้อมพุ่งเข้าไปหาหญิงสาวทั้งสองที่น่าสงสารอย่างโหดเหี้ยม
ทันทีที่เขาพุ่งเข้ามา หญิงสาวทั้งสองกรีดร้องออกมาสุดเสียงด้วยความหวาดกลัวทันที
ในขณะที่นักบวชเซือหมัวกำลังจะชื่นชมเรือนร่างของหญิงสาวทั้งสอง ประตูของศาลาได้ถูกถีบจนแตกกระจาย นักบวชเต๋าปีศาจเดินเข้ามาพร้อมกับเตะนักบวชเซือหมัวออกไปอย่างรุนแรง จากนั้นเขาอุ้มหญิงสาวทั้งสองคนไว้และบินออกไปอย่างรวดเร็ว ภายในห้องนี้หลงเหลือไว้เพียงลำแสงสีฟ้าจางๆเท่านั้น
หลังจากที่นักบวชเซือหมัวได้รับประทานข้อเท้าไปอย่างแรง เขาล้มอยู่บนพื้นและไร้ซึ่งเสื้อผ้า ใบหน้าของเขาแปรเปลี่ยนเป็นสีม่วงด้วยความเจ็บปวด ร่างกายของเขาถูกฝังอยู่กับพื้นดินจากแรงเตะเมื่อครู่ ในตอนนี้จากภาพลักษณ์ของผู้ฝึกตนระดับหยวนหยิน ได้ถูกลดเป็นหมาน้อยเพียงลูกเตะเดียว!
นักบวชเซือหมัวนั้นทำได้เพียงคลานและร้องไห้อยู่ตรงนั้น แม้ว่าเขาจะโกรธจัดแต่ก็ไม่อาจทำอะไรได้มากกว่านี้ เพราะคนที่เตะเขาเมื่อครู่นั้นคือนักบวชเต๋าปีศาจ เขากดเก็บความโกรธเหล่านั้นไว้ภายในใจและทำได้เพียงคร่ำครวญ “ไอ้สารเลว แกเป็นคนบอกให้ข้าเล่นกับพวกนาง แต่สุดท้ายกลับแย่งชิงไปอย่างหน้าตาเฉย เหตุใดจึงไม่บอกข้าตั้งแต่แรกว่าจะจัดการเอง? ถ้าหากเจ้าพูดว่าจะเล่นกับพวกนาง มีหรือที่ข้าจะขัดขวาง?”