Chaotic Lightning Cultivation โกลาหลแห่งอัสนีบาต - ตอนที่ 302.2
บทที่ 302: หนึ่งข้อความกับศัตรูทั้งสอง! (2)
เมื่อได้ยินซ่งจงกล่าวออกมาเช่นนั้น เทพธิดาภูติน้ำแข็งอดไม่ได้ที่จะเหยียดริมฝีปากพร้อมเหลือบตาไปมองบุคคลด้านข้างที่ทำให้คำพูดของนางไร้น้ำหนัก แน่นอนว่านางกำลังดูถูกนักบวชเต๋าปีศาจ!
แต่นักบวชเต๋าได้ยินเช่นนั้น เขาโกรธและคำรามออกมาทันที “ไอ้ก้อนไขมัน เจ้ากล้าที่จะดูถูกข้างั้นหรือ? ข้าจะบอกอะไรให้เจ้านะ ข้านั้นมีศักดิ์เป็นลุงของเจ้าเสียด้วยซ้ำ เลิกใช้ความเป็นเด็กน้อยของเจ้ามายืนด่าอาวุโสเช่นนี้ ลิ้นของเจ้านี่มันคงจะเป็นปัญหา ถ้าเช่นนั้นข้าจะช่วยให้มันหยุดดิ้นไปมาสักที!”
แท้จริงแล้วที่นักบวชเต๋าปีศาจกล้ากล่าววาจาเช่นนี้เพียงเพราะเขามั่นใจมากเกินไปว่าครั้งนี้จะได้รับชัยชนะ
ก่อนอื่นคือทุกคนรู้ดีว่าเรือยักษ์ลำนี้นั้นเต็มไปด้วยพลังงานที่แข็งแกร่งและผู้ที่ควบคุมมันจะต้องแข็งแกร่งด้วยเช่นกัน ถ้าหากช่องว่างระหว่างมันและผู้ควบคุมเรือต่างกันมากเกินไป เรือก็จะไม่สามารถแสดงพลังออกมาได้อย่างเต็มที่
ในฐานะที่นักบวชเต๋าปีศาจอยู่ในระดับเฟินเสิ่นและเขาสามารถควบคุมละอองทับทิมได้อย่างสมบูรณ์ พลังทั้งหมดนั้นเขาสามารถจัดการได้อย่างเต็มที่ แต่ทว่าในกรณีของซ่งจงนั้นแตกต่างออกไป เขาเป็นเพียงผู้ฝึกตนระดับจินตันเท่านั้น ไม่ว่าจะด้วยประสบการณ์หรือสิ่งต่างๆ เขามีช่องว่างห่างกับเรือถึงหนึ่งระดับ แต่เขาเชื่อว่าแม่มดเทวะเหล่านี้จะสามารถช่วยดึงพลังของเรือมังกรทองคำออกมาได้มากถึงแปดในสิบ เช่นนี้เรือมังกรทองคำจึงสามารถต่อสู้กับเรือของนักบวชเต๋าปีศาจได้อย่างแน่นอน
ด้วยสาเหตุนี้ทำให้นักบวชเต๋าปีศาจไม่กล้าที่จะท้าทายซ่งจงด้วยตนเอง เขาจึงคิดแผนทั้งหมดมาใหม่แต่ทว่าแผนของเขานั้นดูเหมือนจะพลาดแล้วในตอนนี้
เมื่อได้ยินว่านักบวชเต๋าปีศาจมั่นใจมากเช่นนั้น ซ่งจงเผยรอยยิ้มมีความสุขออกมาพร้อมกับหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง “เอาล่ะ เมล็ดพันธุ์ที่ท่านมีนั้นยอดเยี่ยม! แล้วพร้อมจะสู้กับข้าหรือยัง? ข้าพร้อมแล้ว ในเมื่อตอนนี้ท่านบังคับข้าจนสุดทาง ข้าก็คงจำเป็นจะต้องสู้ มันเป็นทางเลือกเดียวที่ข้ามี! เอามาดูกันว่าใครจะล้มลงก่อน!!”
เมื่อกล่าวเช่นนั้น ซ่งจงสะบัดมือใหญ่ๆของเขาเพื่อเรียกสมบัติของตนเองออกมา เรือมังกรทองคำขนาดห้าพันฟุตออกมาปรากฏบนศีรษะของเขาทันที ความใหญ่โตของมันนั้นบดบังก้อนเมฆอย่างมิดชิด ราวกับว่าเป็นราชันแห่งท้องนภา!
“โอ้!” บุคคลโดยรอบที่เห็นเช่นนั้น ต่างอดไม่ได้ที่จะส่งเสียงออกมา
“ไหนว่าเรือมังกรทองคำใหญ่เพียงสามพันฟุตเท่านั้น? แต่นี่มันมากกว่าห้าพันฟุตเสียแล้ว!”
“เมื่อครั้งที่มันใหญ่เพียงสามพันฟุต ความแข็งแกร่งของมันนั้นก็น่าสะพรึงอย่างมาก แล้วในตอนนี้ล่ะ?”
“โอ้ สวรรค์ เรือมังกรทองคำเมื่อคราวก่อนยังมีการต่อสู้เทียบเท่ากับผู้ฝึกตนระดับเฟินเสิ่น แต่ทว่าในตอนนี้มันจะแข็งแกร่งมากเพียงใด? มันไม่เทียบเท่าผู้ฝึกตนระดับเลือนจือเลยงั้นหรือ?”
“มันจะไม่มีปัญหาใช่ไหม ถ้าหากต้องจัดการกับเรือขนาดสามพันฟุตถึงสองลำ? ข้าคิดว่าเขาจะต้องจัดการทีละลำใช่ไหม?”
เมื่อเสียงวิจารณ์ดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทุกสายตามองมาที่เทพธิดาภูติน้ำแข็งและนักบวชเต๋าปีศาจด้วยสายตาที่คาดหวังในคำตอบ
ช่วงเวลาเช่นนี้ นักบวชเต๋าปีศาจและเทพธิดาภูติน้ำแข็งต่างอยู่ในสายตาที่เหม่อลอย ใบหน้าของพวกเขาแสดงความโง่เขลาออกมา โง่เขลาอะไรกัน? เห็นได้ชัดว่าพวกนางไม่ได้เป็นคนบ้าแต่อย่างใด! ในตอนแรกพวกเขาคิดว่าจะใช้เรือสองลำเพื่อล้มเรือมังกรทองคำลงได้อย่างง่ายดาย พวกเขาไม่คาดคิดมาก่อนว่ามันจะกลายเป็นเรือขนาดห้าพันฟุตไปเยแล้ว! ในตอนนี้ทั้งสองคนต่างมึนงง ถ้าหากพวกเขาต้องการต่อสู้ เรือของพวกเขาก็คงกลายเป็นอาหารวิ่งเข้าไปเสิร์ฟเท่านั้น!
ตอนนี้เทพธิดาภูติน้ำแข็งและนักบวชเต๋าปีศาจไม่อาจถอยได้ ขณะนี้พวกเขายืนอยู่ตรงหน้าของผู้คนนับร้อยพัน เมื่อกล่าวออกไปแล้ว ก็คงจะไม่มีสิทธิ์ยอมแพ้ ดั่งคำกล่าวที่ว่า “คนโง่สองคนนี้ขว้างภูเขาใหญ่ไม่พ้นปลายเท้าของตนเอง!” สิ่งนี้จะทำให้ทั้งสองเสียใจไปอีกนาน!
เมื่อมองเห็นใบหน้าอาวุโสทั้งสองแปรเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ ซ่งจงนั้นรู้สึกสดชื่อราวกับได้ดื่มน้ำเย็นในวันที่ร้อนจัด หญิงสาวข้างกายเขาทั้งสองนั้นอยู่ในอ้อมกอดของเขาพร้อมกับขึ้นไปที่เรือมังกรทองคำ ในขณะเดียวกันเขาก็ไม่ลืมที่จะยั่วยุอีกฝ่ายด้วย “ท่านทั้งสองคิดสิ่งใดอยู่งั้นหรือ? ใครจะสู้กับข้าก่อน?”
เมื่อซ่งจงกล่าวออกมาเช่นนั้น ผู้คนที่กำลังพูดคุยกันอยู่ได้เงียบลงในทันที สายตาของพวกเขาเฝ้ารอคำตอบของเทพธิดาภูติน้ำแข็งและนักบวชเต๋าปีศาจเช่นกัน ไม่มีใครกล้าที่จะกล่าวอะไรออกมาแม้แต่คำเดียว ทั้งหมดได้แต่อยู่ในความรู้สึกที่อึดอัดและเฝ้ารอคำตอบอย่างใจจดใจจ่อ
ซ่งจงเฝ้ารอคำตอบอยู่สักพักใหญ่แต่ก็ยังไม่เห็นว่าทั้งสองจะโต้ตอบอะไรออกมา เขาอดไม่ได้ที่จะเผยรอยยิ้มกว้างและกล่าวต่อ “เฮ้ พวกท่านต้องการจะต่อสู้หรือไม่? พวกท่านล่อลวงให้ข้ามาที่นี่เป็นระยะทางกว่าแสนลี้ แต่กลับไม่ทำอะไรเลย แต่ก็ไม่คิดจะปล่อยข้าไปเช่นกัน นี่มันหมายความว่าอะไร?”
เมื่อได้ยินว่าซ่งจงกล่าวอะไรออกมา เทพธิดาภูติน้ำแข็งโกรธทันทีแต่นางก็ยังไม่กล้าที่จะต่อสู้อยู่ดี
ซ่งจงเห็นเช่นนั้น เขาหัวเราะคิกคักพร้อมกล่าวต่ออย่างเย้าแหย่ “ดูเหมือนว่าพวกท่านทั้งคู่จะไม่มีจิตใจจะต่อสู้เสียแล้ว ถ้าเป็นเช่นนั้นข้าก็ขี้เกียจจะถกเถียงด้วยอีกต่อไป ถ้าหากพวกท่านไม่คิดจะกล่าวอะไรออกมา เช่นนั้นข้าสามารถไปได้หรือยัง?”
เมื่อได้ยินว่าซ่งจงจะกลับออกไป นักบวชเต๋าปีศาจไม่อาจอดทนได้อีกต่อไป เขารีบพูดคุยกับเทพธิดาภูติน้ำแข็งด้วยสัมผัสวิญญาณทันที “เฮ้ เวลาเช่นนี้เลิกจริงจังก่อนได้หรือไม่? ร่วมมือกับข้าเพื่อกำจัดไอ้บ้านี่!”
เทพธิดาภูติน้ำแข็งได้ยินเช่นนั้น ภายในหัวใจของนางตื่นขึ้นมาแต่ท่าทีของนางยังคงนิ่งสงบไม่เคลื่อนไหวใดๆ
นักบวชเต๋าปีศาจไม่รู้จะทำอย่างไร เขาได้แต่พยายามชักชวนนางอีกครั้ง “ถ้าหากเจ้าไม่กล่าวอะไรสักอย่าง แน่นอนว่าไอ้ก้อนไขมันหนีไปอย่างแน่นอน ข้าพูดได้แค่ว่าถ้าหากเขาไปแล้ว ความผิดทั้งหมดจะเป็นของเจ้าทันที เพราะเราจะต้องรายงานไปด้านบนว่าเกิดอะไรขึ้นในความผิดพลาดเช่นนี้ เจ้ายอมได้งั้นหรือ!”
“หยุดพูดเสียที!” เทพธิดาภูติน้ำแข็งกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงที่เกรี้ยวกราด “นี่คือเรือมังกรทองคำที่มีระดับสูงกว่าเราหนึ่งขั้น แม้ว่าเราจะเข้าไปพร้อมกันก็ไม่สามารถเอาชัยชนะจากมันได้! เข้าใจไหม?”
“ข้าไม่คิดเช่นนั้น!” นักบวชเต๋าปีศาจกล่าวออกมาอย่างเย้ยหยัน “เรือมังกรทองคำของเจ้าเด็กคนนี้ก่อนหน้าเป็นเพียงเรือขนาดสามพันฟุตเท่านั้น มีพยานเห็นสิ่งนี้มากมาย แน่นอนว่าย่อมไม่ผิด! แม้ว่าตอนนี้รูปร่างของมันจะอยู่ในขนาดห้าพันฟุต แต่ข้าก็คิดว่ามันคงจะสร้างขึ้นมาใหม่แบบลวกๆไร้ความรู้ใด บางทีพลังการต่อสู้ของมันอาจจะด้อยกว่ารูปร่างของมันก็ได้! อีกทั้งคราวก่อนมันยังเสียหายอย่างหนัก ถ้าหากเขาจะซ่อมแซมมัน เขาจะสามารถสร้างมันขึ้นมาใหม่ได้อย่างสมบูรณ์งั้นหรือ?”
เมื่อเทพธิดาภูติน้ำแข็งได้ยินเช่นนั้น หัวใจของนางสั่นไหวอีกครั้งด้วยความลังเล จากนั้นส่งเสียงลับต่อ “อืม มันดูสมเหตุสมผลอยู่นะ หรือจะเป็นไปได้ที่เด็กคนนี้จะหลอกลวงเรา? ถ้าหากเป็นจริงเช่นนั้น เราก็คงจะถูกหัวเราะจากทุกทิศทาง!”
เมื่อเห็นว่าเทพธิดาภูติน้ำแข็งตอบรับเช่นนั้น นักบวชเต๋าปีศาจรีบกระตุ้นนางอีกครั้งทันที “อย่าลืมเถิดว่าในคราวนี้เรามีเอกสารเป็นลายลักษณ์อักษรว่าเรานำเรือยักษ์ออกมาปฏิบัติภารกิจ ซึ่งถ้าหากเราถอยกลับง่ายๆ คนรุ่นใหม่จะเกรงกลัวได้อย่างไร? เราจะสามารถเงยหน้าขึ้นมาโดยไม่สามารถถูกหัวเราะเยาะได้งั้นหรือ? เจ้าอดทนได้หรือกับเหตุการณ์เช่นนั้น?”
เมื่อเทพธิดาภูติน้ำแข็งได้ยินเช่นนั้น หัวใจของนางสั่นไหวทันที นางเป็นผู้ฝึกตนระดับเฟินเสิ่น นั้นไม่อาจควบคุมเรือยักษ์ให้ได้รับชัยชนะเหนือผู้ฝึกตนจินตันได้เลยงั้นหรือ? สิ่งนี้มันดูไร้สาระเกินไปแล้ว! ยิ่งไปกว่านั้นถ้าหากเทพธิดาภูติน้ำแข็งกลับสำนักไปมือเปล่า นางจะต้องอดทนรับความอัปยศเอาไว้ ซึ่งเป็นสิ่งที่นางไม่อาจทนได้แน่นอน เช่นนี้นางจึงเผยรอยยิ้มชั่วร้ายออกมาพร้อมกล่าวว่า “อืม ข้าเชื่อเจ้า เราจะสู้กับเขาด้วยกัน!”
“ยอดเยี่ยม เลิกปล่อยให้มันคาราคาซังเช่นนี้ เราจะต่อสู้ร่วมกัน!” นักบวชเต๋าปีศาจคำรามออกมา “มาเถอะ!”
ตามด้วยเสียงของนักบวชเต๋าปีศาจ ทันใดนั้นละอองทับทิมลอยขึ้นสู่น่านฟ้า กองทัพของเขาหลายพันคนอยู่บนเรือเรียบร้อยแล้ว จากนั้นเปิดใช้งานอาวุธที่ทรงพลังของมันทันที “สายฟ้ากระดูกสีชาดศักดิ์สิทธิ์!”
สายฟ้าศักดิ์สิทธิ์นี้กลั่นมาจากกระดูกของเหล่าปีศาจชั่วร้าย ซึ่งมันเป็นสิ่งที่เร้นลับอย่างยิ่ง แม้ว่าจะไม่ได้แข็งแกร่งเทียบเท่ากับสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ของเรือมังกรทองคำ แต่มันก็ไม่ได้ด้อยไปกว่ากันมากนัก เพราะเรือของซ่งจงนั้นควบคุมโดยผู้ฝึกตนระดับจินตันเท่านั้น อย่างไรก็ตามความทรงพลังของมันก็น่าเกรงขามอยู่ดี ลักษณะที่น่ารังเกียจของมันนั้นเต็มไปด้วยพลังที่ลึกลับ แม้แต่สิ่งมีชีวิตยังถูกมันกัดกร่อนจนกลายเป็นผุยผงได้อย่างรวดเร็ว
ในขณะที่โครงกระดูกมากมายกำลังร่วงหล่นจากท้องฟ้า นักบวชเต๋าปีศาจยังไม่ลืมที่จะแสดงปืนใหญ่กระดูกสีชาดออกมาด้วยเช่นกัน!
ในตอนนี้เกิดฝุ่นไปทั่วบริเวณ ไม่สามารถมองเห็นละอองทับทิบได้อย่างชัดเจนมากนัก มีเพียงฝุ่นและสายฟ้ากระดูกสีชาดศักดิ์สิทธิ์ครอบคลุมไปทั่วพื้นที่
ภายใต้คำสั่งของนักบวชเต๋าปีศาจ เหล่าสายฟ้าพวกนั้นเคลื่อนไหวราวกับสายน้ำที่อิสระ พวกมันเคลื่อนไหวไปมาอยู่ด้านบนของละอองทับทิบอย่างน่าเกรงขาม ในขณะที่อาวุธร้ายแรงถูกปลดปล่อยออกมา เกิดเหล่าผู้ฝึกตนที่โชคร้ายได้ล้มลงจากการสูดดมและแรงกดดันของพลังเหล่านั้น ผู้ฝึกตนที่อยู่ในระดับจินตันลงไปไม่สามารถต้านทานพลังมหาศาลเช่นนี้ได้ พวกเขาล้มลงและเริ่มมีเลือดไหลออกจากทวารทั้งห้า ทั้งหมดบาดเจ็บสาหัสแม้ว่าจะไม่ตายตกในทันที แต่พวกเขาก็ไม่อาจควบคุมร่างกายให้ยืนอยู่ต่อได้ เหล่าผู้ที่ไหวตัวทันได้แต่นำอุปกรณ์วิเศษทั้งหมดที่มีออกมาป้องกันอย่างรวดเร็ว
ในขณะที่นักบวชเต๋าปีศาจเริ่มเปิดฉากการโจมตีแล้ว เทพธิดาภูติน้ำแข็งได้เผยใบหน้าชั่วร้ายออกมาพร้อมกับเริ่มเคลื่อนไหวอย่างเงียบๆ ภายในราชวังหยกครามนั้นกำลังรวบรวมสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์เหมันต์เพื่อที่จะทุบตีเรือมังกรทองคำโดยตรง
แม้ว่าสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์เหมันต์จะไม่อาจเทียบกับสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ของเรือมังกรทองคำ แต่ความหนาวเย็ของมันนั้นสามารถต่อกรกับลำแสงป้องกันศักดิ์สิทธิ์ของเรือมังกรทองคำได้ อีกทั้งการเคลื่อนไหวที่เงียบเชียงของมันนั้นน่ารังเกียจเกินกว่าจะรับไหว
เทพธิดาภูติน้ำแข็งไม่ลังเลเลยที่จะใช้อาวุธหนักของหอเฉวียนจี้เพื่อโจมตีเรือมังกรทองคำซึ่งก็คือ เฉวียนจี้มังกรเหมันต์ศักดิ์สิทธิ์! ทันใดนั้นอากาศหนาวเย็นได้ปกคลุมไปทั่วราชวังหยกคราม มังกรยักษ์ขนาดร้อยฟุตได้ปรากฏขึ้นมาด้านบนของหอคอย มันหมุนตัวเป็นเกลียวภายใต้คำสั่งของเทพธิดาภูติน้ำแข็ง จากนั้นพุ่งเข้าไปที่เรือมังกรทองคำราวกับดอกสว่าน
เมื่อเห็นว่าอาวุโสที่ไร้ยางอายทั้งคู่โจมตีพร้อมกัน ซ่งจงโกรธทันที แต่เขานั้นยังสามารถรับมือกับการโจมตีครั้งแรกนี้ไว้ได้อย่างหวุดหวิด!
กล่าวได้ว่าการโจมตีของนักบวชเต๋าปีศาจและเทพธิดาภูติน้ำแข็งนั้นถูกซ่งจงตรวจจับได้อย่างรวดเร็ว ถ้าหากซ่งจงไม่สามารถรับรู้การโจมตีเหล่านี้ แน่นอนว่าเขาก็คงจะต้องสูญเสียครั้งใหญ่ อย่างไรก็ตามเพราะว่าประสาทสัมผัสของเขานั้นยอดเยี่ยม เรื่องนี้จึงผ่านพ้นไปได้ แต่สิ่งที่โชคดีของซ่งจงคือพลังทั้งหมดนั้นแม่มดเทวะได้รับไว้อย่างสบายๆ อีกทั้งพวกนางยังเฝ้ารอให้ซ่งจงออกคำสั่งเพื่อโจมตีโต้ตอบด้วยเช่นกัน แต่เมื่อจังหวะการต่อสู้เปิดฉาก พวกนางไม่รีรอให้ซ่งจงออกคำสั่งอีกต่อไป ทั้งหมดเข้าประจำที่พร้อมทั้งเปิดการใช้งานลำแสงป้องกันศักดิ์สิทธิ์ทันที
ลำแสงสีทองปรากฏออกมาเคลือบเรือมังกรทองคำทั้งหมดไว้อย่างรวดเร็ว ทุกสิ่งได้รับการคุ้มครองแบบเต็มรูปแบบ
จากนั้นยังมีกลุ่มเมฆสีเทาออกมาจากเรือมังกรทองคำเพื่อดูดซับพลังโจมตีเข้ามาเพื่อเสริมพลังป้องกันให้กับตัวมันเองอีกด้วย เช่นนี้พลังที่โจมตีเข้ามา ส่วนหนึ่งจะถูกป้องกันไว้และอีกส่วนจะถูกดูดซับกลับมายังเรือมังกรทองคำ
ในส่วนของค่ายกลเกล็ดมังกรทองคำนั้นเป็นส่วนที่ทำงานได้ช้าที่สุด ในการต่อสู้ที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้มันค่อยๆรวมรวบพลังของตนเอ็งและเปล่งประกายลำแสงออกมาเพื่อช่วยเมฆสีเทาดูดซับพลังอีกทีหนึ่ง การทำงานทั้งหมดนี้เมื่อมองดูแล้วเป็นสิ่งที่ลึกลับเกินกว่าผู้ใดจะถอดความหมายได้ เกล็ดมังกรจำนวนมากปกคลุมไปทั่วเมฆสีเทา ในตอนนี้เรือมังกรทองคำได้เข้าสู่การป้องกันโดยสมบูรณ์แล้ว!