Chaotic Lightning Cultivation โกลาหลแห่งอัสนีบาต - ตอนที่ 303.1
บทที่ 303: ดาบมังกรทมิฬ (1)
ซ่งจงที่อยู่บนเรือของมังกรทองคำนั้นกำลังเคลื่อนที่อย่างช้าๆมาอยู่ตรงหน้าของเทพธิดาภูติน้ำแข็งและนักบวชเต๋าปีศาจ จากนั้นเขาหัวเราะเยาะเย้ยออกมาอย่างสบายอารมณ์ “เฮ้ ท่านทั้งสอง ไหนพวกท่านบอกต้องการที่จะสอนสั่งข้า? แต่กลับกลายเป็นข้ากำลังสั่งสอนพวกท่านงั้นหรือ? ถ้าเป็นเช่นนี้ระดับพลังที่ยิ่งใหญ่ถึงขั้นอาจารย์ผู้เชี่ยวชาญนั้นคือสิ่งใด? มันยังมีความหมายอยู่บ้างไหม?”
นักบวชเต๋าปีศาจและเทพธิดาภูติน้ำแข็งนั้นมีพรสวรรค์เด่นชัดตั้งแต่อายุสี่ขวบ พวกเขาไม่เคยต้องโดนดูหมิ่นหรือเหยียดหยามเช่นนี้มาก่อน แต่ในตอนนี้ซ่งจงกำลังทำสิ่งนั้นซึ่งนี่ทำให้ทั้งสองรู้สึกอับอาย ใบหน้าของทั้งเขียวคล้ำแดงก่ำไล่ระดับสีไปอย่างน่าเกลียด ทั้งสองอับอายจนแทบจะแทรกธรณีหนีให้รู้แล้วรู้รอด!
ซ่งจงเห็นว่าทั้งสองนั้นอยู่ในสภาวะเงียบงันและก้มหน้าอย่างขวยเขิน เขาจึงไม่สนใจจะเล่นต่อ จากนั้นเขายกมือขึ้นเพื่อให้สัญญาณกับแม่มดเทวะเพื่อปลดปล่อยสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ของเรือมังกรทองคำ เช่นนั้นเขาไม่ลืมที่จะกล่าวเย้ยหยันด้วยเช่นกัน “พวกท่านนั้นไม่รู้จักความรัก ความเมตตา เช่นนั้นข้าก็ไม่มีอะไรจะกล่าวกับเศษมนุษย์เช่นพวกท่านอีก จงตายไปเสียเถิด!” หลังจากนั้นซ่งจงออกคำสั่งให้สังหารทั้งสองทันที
อย่างไรก็ตาม ในเวลานั้นน้ำเสียงอ้อนวอนของหญิงสาวดังขึ้น “ศิษย์พี่ซ่งได้โปรดแสดงความเมตตาด้วยเถิด!” น้ำเสียงนุ่มลึกอยู่ในชุดสีหิมะ หญิงสาวค่อยๆเคลื่อนตัวมาที่หน้าเรือมังกรทองคำ รูปร่างที่สวยงามนั้นดึงดูดหัวใจของซ่งจงอย่างมาก หัวใจของเขาเต้นขึ้นมาอีกครั้งอย่างโหยหา
ฉุ่ยจิ้งแห่งสำนักเสวียนเทียน เดิมทีนางควรจะต้องหนีไปนานแล้ว แต่ด้วยหัวใจของนางไม่ยินยอม เช่นนั้นนางจึงต้องหาที่หลบภัยเพื่อให้พ้นพลังของปืนใหญ่หวงหลงนั้นก่อน หลังจากนั้นนางจึงออกมาเพื่อยืนอยู่ตรงหน้าของซ่งจง
ซ่งจงจ้องมองไปที่ฉุ่ยจิ้ง เขารีบหยุดสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ทันทีพร้อมกล่าวอย่างรวดเร็ว “ศิษย์น้อง เหตุใดเจ้าจึงปิดกั้นข้า? ข้าต้องการจะสังหารไอ้สารเลวพวกนี้เพื่อชดเชยความผิดที่มันได้ทำกับข้าไว้!”
“ศิษย์พี่ซ่ง!” ฉุ่ยจิ้งได้ยินเช่นนั้น นางได้แต่เผยรอยยิ้มขื่นขมออกมาพร้อมกล่าวว่า “ถ้าหากท่านสังหารผู้เชี่ยวชาญระดับเฟินเสิ่น เช่นนั้นความแค้นนี้จะไม่มีวันสิ้นสุดและจะยิ่งทวีคูณความรุนแรงมากขึ้น อีกทั้งในตอนนี้ท่านตระกูลหงก็ยังคิดจะช่วยเหลือให้ท่านรอดพ้นจากข้อกล่าวหา เหตุใดท่านจึงต้องทำให้จ้าวสำนักต้องเกิดความยุ่งยากขึ้นไปอีก?”
“ศิษย์น้อง เจ้าจะกล่าวเช่นนั้นก็ไม่ถูก ข้าไม่ได้เป็นคนหาเรื่องพวกเขาก่อน มันเป็นเพียงพวกเขานั้นไม่ยอมปล่อยข้าไปเท่านั้น อีกทั้งยังต้องการเผชิญหน้ากับข้าเอง เช่นนี้ข้าจะสามารถให้อภัยพวกนางได้อย่างไร?” ซ่งจงกล่าวออกมาอย่างหงุดหงิด
“ศิษย์พี่ซ่ง ในวันนั้นท่านทำลายหอเฉวียนจี้ อีกทั้งยังมีผู้คนนับพันที่ต้องบาดเจ็บสาหัสจากการล้างแค้นของท่าน หลายคนต้องล้มตายในน้ำมือของท่าน เท่านั้นไม่เพียงพองั้นหรือ?” ฉุ่ยจิ้งกล่าว
“อืม เรื่องนั้น…” ซ่งจงได้ยินเช่นนั้น เขาหมดคำที่จะพูดออกมาจริงๆ วันนั้นเขาทำลายหอเฉวียนจี้ลงไปจริงๆเพียงเพราะต้องการแก้แค้นฮัวชิงหยุนและบุตรสาวของนาง ซึ่งผู้อื่นในหอเฉวียนจี้นั้นเป็นผู้บริสุทธิ์ อีกทั้งสำนักของพวกเขายังต้องถูกทำลายไม่สามารถฟื้นฟูได้ในเร็ววัน นั้นนับเป็นภัยพิบัติร้ายแรงที่ซ่งจงได้กระทำอย่างหนักมือ
ฉุ่ยจิ้งมองที่ซ่งจงโดยที่ไม่ได้กล่าวอะไรต่อ นางรู้ว่าซ่งจงกำลังคิดตามในสิ่งที่นางกล่าว เช่นนั้นนางจึงพูดต่อให้เขาใจเย็นลง “ศิษย์พี่ เช่นนี้หอเฉวียนจี้เขาไม่สามารถเข้าไปทำอะไรท่านได้เลย แต่ทว่าท่านกลับเอาชีวิตมาเสี่ยงอีกครั้งเพียงเพราะหญิงสาวพวกนี้ เหตุใดกัน? อะไรหรือที่ทำให้ท่านรู้สึกเคียดแค้นอีกครั้ง? มันจะดีกว่าถ้าหากท่านเห็นแก่ใบหน้าของศิษย์น้องและหยุดทุกสิ่งไว้ตรงนี้”
“เรื่องนั้น!” เมื่อซ่งจงได้ยินเช่นนั้น เขาอดไม่ได้ที่จะเผยรอยยิ้มขื่นขมออกมา “ศิษย์น้อง เรื่องนี้มันไม่เกี่ยวว่าข้าจะหยุดหรือไม่ ปัญหาก็คือถ้าหากข้าไม่สังหารพวกเขาในวันนี้ วันหน้าพวกเขาจะนำปัญหามาให้ข้าอีกอย่างแน่นอน”
“พวกเขาไม่สามารถทำได้อย่างแน่นอน” ฉุ่ยจิ้งกล่าวออกมาพร้อมด้วยเหตุผล “หอเฉวียนจี้นั้นเป็นสำนักที่เต็มไปด้วยเกียรติและยึดมั่นในคำพูดอย่างมาก ทั้งหมดให้ความสำคัญกับการรักษาสัจจะ ถ้าหากท่านปล่อยให้พวกเขาเป็นอิสระในวันนี้ แน่นอนว่าเขาจะต้องนึกคิดได้ว่าต้องแสดงความรู้คุณคน แม้ว่าพวกเขาจะไม่สามารถละเลยสิ่งที่ท่านได้ทำไว้กับหอเฉวียนจี้ได้ แต่ด้วยความเมตตาของท่านในครั้งนี้ แน่นอนว่าพวกเขาจะต้องจ่ายมันคืนให้แก่ท่านอย่างยิ่งใหญ่แน่นอน!”
ซ่งจงได้ยินเช่นนั้น เขาเข้าใจเหตุผลของฉุ่ยจิ้งทันที ดูเหมือนว่านางกำลังช่วยอีกฝ่าย แต่ความจริงแล้วนางมาเพื่อช่วยซ่งจง อีกทั้งยังทำให้หอเฉวียนจี้หมดหนทางที่จะดื้อรั้นกับสำนักเสวียนเทียนอีกด้วย ถ้าหากเขาดื้อรั้นที่จะสังหารเทพธิดาภูติน้ำแข็งจริงๆ ศัตรูที่แท้จริงของเขาจะกลายเป็นสำนักงานใหญ่เฉวียนจี้ทันที! เช่นนี้ถ้าหากซ่งจงปล่อยให้นางรอดชีวิตกลับไป นั่นหมายความว่าเขาจะได้ใบหน้าที่ยอดเยี่ยม เต็มไปด้วยความแข็งแกร่งและสำนักเสวียนเทียนก็จะได้กล่าวเรื่องของเขาได้อย่างราบรื่นเช่นกัน
หลังจากได้ยินเช่นนั้น ซ่งจงเข้าใจทุกอย่างทันที เขาแสร้งทำเป็นไม่รู้อะไรพร้อมกล่าวออกมาอย่างหน้าตาเฉย “โอ้ ศิษย์น้อง ข้าไม่รู้ว่าเจ้ากล่าวเรื่องอะไรกันในวันนี้? อย่างไรก็ตามข้าสามารถปล่อยให้คนจากหอเฉวียนจี้ไปได้ แต่ข้าไม่อาจปลดปล่อยผู้คนจากสำนักพันปีศาจไปได้”
“ฮี่ฮี่ ศิษย์พี่ซ่งวางใจเถิด เนิ่นนานมาแล้วพวกเราไม่เคยเอาตัวไปเกลือกกลั้วกับเหล่าปีศาจ แม้ว่าศิษย์น้องจะไร้พรสวรรค์แต่ทว่าก็ไม่คิดที่จะอ้อนวอนขอชีวิตของพวกเขาอย่างแน่นอน” ฉุ่ยจิ้งกล่าวออกมาอย่างสดใส
“ยอดเยี่ยม” ซ่งจงรีบตอบรับอย่างสบายใจ “เช่นนั้นข้าจะทำตามที่เจ้าพูด”
“อื้อ” ฉุ่ยจิ้งพยักหน้าพร้อมหันไปหาเทพธิดาภูติน้ำแข็ง “อาวุโส ข้าขอโทษที่สหายของข้าดูหมิ่นท่านเมื่อสักครู่ไว้ที่นี้ด้วย หวังว่าท่านจะเมตตา!”
เทพธิดาภูติน้ำแข็งได้ยินที่ซ่งจงกับฉุ่ยจิ้งคุยกันแล้ว แน่นอนว่านางจะต้องเข้าใจทุกสิ่งโดยสมบูรณ์ แม้ว่าภายในใจจะรู้สึกหดหู่อย่างมาก นางไม่เต็มใจที่จะก้มหัวให้กับซ่งจงและไม่ยอมรับความพ่ายแพ้นี้แม้แต่น้อย ความจริงแล้วด้วยความสามารถของนางเพียงคนเดียวสามารถหลบหนีไปได้อย่างไม่ลำบากนัก แต่ทว่าเหล่าสาวกของนางไม่อาจทำเช่นนั้นได้ แล้วนางจะปล่อยพวกเขาให้ตายตกไปงั้นหรือ? ผู้คนที่อยู่บนเรือลำนี้ล้วนแต่เป็นเหล่าอัจฉริยะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคือหานปิงเอ๋อ ถ้าหากพวกนางทั้งหมดต้องตายตกไปเพียงเพราะความดื้อรั้นของนาง แน่นอนว่านางคงไม่สามารถให้อภัยตนเองได้และคงไม่มีใบหน้ากลับไปพบกับอาวุโส!
ดังนั้นเพื่อเห็นแก่คนรุ่นใหม่ที่กำลังจะนำพาสำนักไปในทางที่ดีขึ้น นางจำเป็นต้องกล่าวออกมาอย่างช่วยไม่ได้ “เอาเถิด พวกเจ้าทั้งสองแห่งสำนักเสวียนเทียนล้วนแต่เป็นเด็กยุคใหม่ไฟแรง ข้าไม่ถือโทษแต่อย่างใด”
จากนั้นเทพธิดาภูติน้ำแข็งกล่าวกับสาวกของตน “พวกเราไปกันได้แล้ว” จากนั้นทั้งหมดเรียกดาบบินของตนเองออกมาทันที
นักบวชเต๋าปีศาจได้ยินเช่นนั้น รีบท้วงถามออกมาทันที “เทพธิดาภูติน้ำแข็ง เราทั้งสองนั้นเป็นพันธมิตรกัน แล้วเหตุใดเจ้าจึงกล้าที่จะทิ้งข้าไว้ในสถานการณ์เช่นนี้อีกเล่า? นี่เจ้าไม่เกรงกลัวว่าจะถูกผู้คนทั้งโลกหัวเราะหรืออย่างไรกัน!”
เทพธิดาภูติน้ำแข็งนั้นไม่คุ้นชินกับการที่นักบวชเต๋าปีศาจกล่าวเช่นนี้ออกมา ความไร้ยางอายของเขาทำให้นางโกรธจัดพร้อมกับพูดโต้ตอบทันที “หุบปากซะนักบวชเต๋าปีศาจ เจ้านั้นเป็นปีศาจที่ไร้ยางอายและชั่วร้ายเกินกว่าที่ข้าจะเอาชื่อเสียงของตนเองไปเสี่ยงอีกครั้ง เมื่อครู่นี้เจ้าก็เกือบจะทำลายเกียรติของข้าจนปี้ป่น แล้วอะไรกันที่ทำให้เจ้าคิดว่าข้าจะร่วมมือกันเจ้าอย่างแท้จริง? เป็นบ้างั้นหรือ?” จากนั้นเทพธิดาภูติน้ำแข็งไม่เปิดโอกาสให้นักบวชเต๋าปีศาจโต้ตอบอะไรอีก นางรีบพาสาวกของตนเองบินออกไปอย่างรวดเร็ว
นักบวชเต๋าปีศาจเห็นเช่นนั้นได้แต่ตะโกนสาปแช่งออกมา “โธ้เอ้ย ข้านั้นรู้อยู่แล้วว่านังเพศยาอย่างเจ้ามันเป็นงูพิษ อีนังงูพิษ!”
ไม่ว่านักบวชเต๋าปีศาจจะตะโกนอะไร แต่เทพธิดาภูติน้ำแข็งนั้นไม่ได้ยินสิ่งใดอีกแล้ว
หลังจากที่เทพธิดาภูติน้ำแข็งได้บินลับหายไปแล้ว ซ่งจงพาฉุ่ยจิ้งขึ้นมาบนเรือมังกรทองคำ จากนั้นเขามองไปที่นักบวชเต๋าพร้อมกล่าวอย่างเย้ยหยัน “วันนี้เป็นวันสุดท้ายของท่านแล้ว มอบชีวิตนั้นมาให้ข้าซะเถิด!”
ซ่งจงกล่าวจบ สายฟ้าศักดิ์สิทธิ์สีทองนับพันพุ่งออกมาจากเรือมังกรทองคำทันที เหล่าสาวกของสำนักพันปีศาจนับร้อยตัวสั่นเทาด้วยความกลัว เขาแทบจะหายใจไม่ออกเมื่อเห็นฉากที่น่าสะพรึงตรงหน้า ทั้งหมดรีบหยิบเอาสมบัติวิเศษออกมาอย่างรวดเร็ว แม้แต่นักบวชเต๋าปีศาจก็ยังไม่กล้าที่จะประมาท มือที่เหลืออยู่ข้างเดียวของเขาพยายามเรียกสมบัติวิญญาณออกมาอย่างโกลาหล
พวกเขาพยายามตั้งค่ายกลเล็กๆเพื่อป้องกัน ในมือนั้นมีธงสีทองเต็มไปด้วยแสงศักดิ์สิทธิ์สำหรับป้องกัน ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของจันทราและอัสดง สมบัตินี้เป็นของนักบวชเต๋าปีศาจซึ่งมันแข็งแกร่งมากและอยู่ในขั้นที่เจ็ด! ทันทีที่พวกมันปรากฏออกมาสู่สายตาทุกคน ล้วนแต่ดูสง่างามและเต็มไปด้วยพลังอันแข็งแกร่ง
สมบัติที่มีค่ามากที่สุดนั้นดูจะเป็นแหวนหยกที่อยู่บนนิ้วของเขา ซึ่งไม่รู้ว่าพลังของมันคืออะไร แต่มันสามารถทำให้เขาเคลื่อนไหวได้อย่างรวดเร็ว
อีกทั้งยังมีดาบบินที่ดูน่าเกรงขาม รูปร่างของมันเย้ายวนหัวใจของซ่งจงอย่างมาก สีทองของมันทำให้ดวงตาของเขาสว่างสดใสขึ้นมาด้วยความปลาบปลื้ม ดาบเล่มนั้นปลดปล่อยพลังปราณวิญญาณออกมาในรูปแบบของมังกรสีทอง พวกมันทั้งหมดพุ่งเข้าหาสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์อย่างกล้าหาญ
มังกรเหล่านั้นทำลายสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ไปหนึ่งในสาม ซึ่งนับได้ว่าพลังของพวกมันยอดเยี่ยมและไม่ธรรมดา เสียงระเบิดดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง บึ้ม บึ้ม ตู้ม !
หลังจากที่ซ่งจงมองดูดาบนั้น เขาไม่รู้ว่ามันคืออะไร แต่ทว่าฉุ่ยจิ้งร้องอุทานออกมาอย่างระมัดระวัง “โอ้ นั่นมันดาบมังกรทมิฬ!”
ซ่งจงได้ยินเช่นนั้น เขาสนใจทันที “ดาบมังกรทมิฬงั้นหรือ มันคืออะไร?”
ฉุ่ยจิ้งได้ยินเช่นนั้น นางเผยใบหน้าที่หดหู่ออกมาพร้อมกล่าวต่อ “ศิษย์พี่ซ่ง มันคืออะไรกันที่ท่านนั้นละเลยศิษย์น้องหงหยิงเช่นนี้?”
“หืม?” หลังจากซ่งจงได้ยินเช่นนั้น เขาแปลกใจพร้อมกับถามต่อด้วยความงุนงง “แล้วมันเกี่ยวอะไรกับหงหยิงงั้นหรือ?”
“แน่นอนว่าต้องเกี่ยวข้อง ท่านไม่เคยได้ยินดาบมังกรทมิฬงั้นหรือ? มันเป็นสมบัติวิญญาณขั้นห้า ซึ่งมันเป็นส่วนหนึ่งของกระบี่เฟิงหมิง ซึ่งถ้าหากนำไปรวมกันได้มันสามารถพัฒนาไปได้ถึงขั้นที่แปด! แน่นอนว่าหงหยิงจะต้องแสวงหาดาบเล่มนี้อย่างแน่นอน” ฉุ่ยจิ้งตอบกลับอย่างตื่นเต้น
“โอ้ เช่นนั้นหรือ?” ซ่งจงกล่าวออกมาอย่างร่าเริง “ข้าต้องสังหารเขาเพื่อเอาดาบเล่มนี้ไปให้หงหยิง นั้นเป็นเรื่องที่ดีอย่างยิ่ง ข้ายังกังวลอยู่เมื่อวันหนึ่งข้าต้องไปพบนางแล้วจะไม่มีสิ่งใดติดไม้ติดมือไปฝาก! ช่างเหมาะเจาะอะไรเช่นนี้”
หลังจากฉุ่ยจิ้งได้ยินเช่นนั้น นางอดไม่ได้ที่จะเผยสีหน้าหดหู่ออกมาพร้อมกล่าวต่อ “ศิษย์พี่ซ่ง ท่านอย่าประมาทนักเลย แม้ว่านักบวชเต๋าปีศาจจะบาดเจ็บสาหัส แต่ทว่าเขานั้นอยู่ในระดับเฟินเสินแล้ว ท่านกล่าวว่าต้องการที่จะสังหารเขา ท่านคิดว่ามันจะสามารถทำได้โดยง่ายงั้นหรือ? ท่านมองดูสิว่าสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์สีทองถูกป้องกันไว้ได้โดยเขา!”
ซ่งจงเหลือบตาไปมองทันทีพร้อมกับเห็นว่านักบวชเต๋าปีศาจป้องกันสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ไว้ได้อย่างแท้จริงด้วยดาบมังกรทมิฬ อีกทั้งยังมีธงสีทองและแหวนหยกลึกลับค่อยช่วยเหลืออย่างแน่นหนา
เมื่อเห็นเช่นนั้น ซ่งจงอดไม่ได้ที่จะหงุดหงิด เขากล่าวต่ออย่างมีอารมณ์ “สมบัติวิญญาณนั้นหายากไม่ใช่งั้นหรือ แต่ทำไมนักบวชเต๋าปีศาจถึงครอบครองมันถึงสามชิ้น? อีกทั้งเขายังเอามันออกมาใช้ในคราวเดียวอีกด้วย”
“เพราะเขาโชคดีไงล่ะ!” ฉุ่ยจิ้งกล่าวออกมาอย่างไร้คำพูด “โดยปกติแล้วสาวกของสำนักใหญ่เช่นนี้ มักจะได้รับสมบัติวิญญาณของสำนักอยู่แล้วถ้าหากพวกเขาถูกเลือก อีกทั้งเขายังเป็นหนึ่งในสิบของผู้ฝึกตนระดับเฟินเสิ่น เป็นธรรมดาที่สำนักต้องการจะปกป้องเขา เช่นนี้จึงต้องมอบสมบัติวิญญาณให้เขามากมายเช่นนี้ นับได้ว่านักบวชเต๋าปีศาจนั้นโชคดีอย่างมากที่เขาได้รับแหวนหยกเขียว ผู้อื่นนั้นอาจจะได้เพียงผ้าคลุมหรือสิ่งที่ด้อยกว่า แต่ผู้ที่อยู่ในระดับอาจารย์ผู้เชี่ยวชาญเช่นนี้ แน่นอนว่าสิ่งของที่เขาได้รับย่อมต้องคุ้มค่าเหนื่อยของเขาที่ฝึกฝนมายาวนาน แต่ทว่าสิ่งของเหล่านี้นั้นถูกจำกัดด้วยทรัพยากรของสำนักและต้องเป็นผู้ที่อยู่ในระดับสูงเท่านั้นจึงจะได้รับ นักบวชเต๋าปีศาจผู้นี้นับได้ว่าเก่งกาจอย่างมาก เพราะเขาถือครองสมบัติวิญญาณมากมาย แน่นอนว่าจะต้องมีสหายร่วมสำนักต้องการสังหารเขา แต่ไม่มีผู้ใดสามารถทำได้โดยง่าย!”
“อืม นั่นสินะ” ซ่งจงกล่าวออกมาอย่างคล้อยตามพร้อมกับสั่งการเรือมังกรทองคำทันที ในตอนนี้นักบวชเต๋าปีศาจนั้นสามารถจัดการกับสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์สีทองได้อย่างง่ายดาย เขาหยุดพูดคุยไร้สาระพร้อมกับระดมยิงลงไปอีกราวกับพายุหมุน แม้ว่าพวกเขาจะมีสมบัติวิญญาณที่ยอดเยี่ยมและพลังที่เหนือกว่า แต่ถ้าหากวัดกันที่ปริมาณที่เพิ่มขึ้นเช่นนี้ ไม่ว่าผู้ใดก็ไม่สามารถที่จะต้านทานไว้ได้
ฉุ่ยจิ้งเห็นเหตุการณ์ตรงหน้าพร้อมกับคิดอยู่ภายในใจอย่างเงียบๆ ‘ถ้าหากสังหารนักบวชเต๋าปีศาจได้แล้ว สมบัติทั้งสามล้วนแต่เป็นสมบัติวิญญาณ ซึ่งก็ไม่รู้ว่าพวกมันจะบินไปที่ใด แล้วเช่นนั้นจะทำอย่างไรล่ะ?’ อย่างไรก็ตาม แม้ว่านางจะหงุดหงิดบ้างเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้กล่าวสิ่งใดออกไป ทำได้เพียงยืนมองสถานการณ์อย่างเงียบๆ…