Chaotic Lightning Cultivation โกลาหลแห่งอัสนีบาต - ตอนที่ 305.2
บทที่ 305: ราชวังเทพหยกไม้ (2)
สุ่ยเมิ่งหลงนั้นเห็นว่าซ่งจงเพียงแค่ตกใจเล็กน้อยเท่านั้น เขาพยักหน้าเบาๆอย่างพอใจ จากนั้นเขากล่าวออกมาว่า “เกี่ยวกับเหตุการณ์ของซ่งจง พวกเรานั้นพูดคุยกันมาเนิ่นนานเกินไปแล้ว วันนี้เราควรจะสรุปทุกอย่างได้เสียที!” หลังจากกล่าวจบ เขาปิดตาลงราวกับพักผ่อนอย่างที่ไม่มีใครคาดคิด
ซ่งจงเห็นเช่นนี้แล้วเขารู้สึกงุนงง ภายในใจร่ำร้องออกมาว่าเขาสามารถทำเช่นนี้ได้ด้วยงั้นเหรอ เขาสามารถหลับไปเฉยๆเช่นนี้น่ะหรือ?!
เห็นได้ชัดว่าซ่งจงนั้นไม่เข้าใจหลักการปฏิบัติของที่นี่ แม้ว่าผู้นำจะหลับไปแล้ว แต่ทว่าการประชุมก็ยังสามารถดำเนินการต่อไปได้อย่างราบรื่น จากนั้นฮัวชิวตบโต๊ะลงอย่างรุนแรงพร้อมกล่าวออกมาตรงๆ “เหอะ บุคคลที่ถูกขับไล่ออกจากสำนักไปแล้ว ได้สร้างตราบาปมากมาย เรื่องชั่วช้ามากมายได้เกิดขึ้นแล้ว จะสามารถกลับคืนมาสู่สำนักได้อย่างไร? ถ้าเป็นเช่นนี้มันจะไม่ทำให้ผู้อื่นหัวเราะเยาะเย้ยสำนักเสวียนเทียนงั้นหรือ? แล้วถ้ามันกลับเข้ามา แน่นอนว่าตระกูลของข้าก็จะถูกเหยียดหยาม ต้องการให้เป็นเช่นนั้นหรือ?”
“เหอะ เรื่องที่เจ้าได้โกหกไว้น่ะหรือ?” หงเถิงเฟ่ยกล่าวออกมาอย่างเหยียดหยาม “เหตุผลที่ซ่งจงถูกขับไล่ออกจากสำนักเป็นเพราะนักบวชฮัวอวิ๋น นี่ไม่ใช่เรื่องที่เหล่าอสูรกายในร่างมนุษย์ของตระกูลเจ้าเป็นคนก่องั้นหรือ? ตอนนี้ทุกคนรู้แล้วว่าซ่งจงนั้นไม่ได้รับความเป็นธรรม ทั้งหมดเป็นความผิดของเจ้า นี่เจ้ายังไม่รู้อีกเหรอว่าอะไรผิดอะไรถูก? ถ้าหากเราปล่อยให้เรื่องนี้เป็นไปตามที่เจ้ากำหนด เช่นนั้นสำนักเสวียนเทียนจะถูกหัวเราะเยาะเพราะสำนักของเรานั้นไร้ความยุติธรรม! เจ้ายังกล้าพูดอีกงั้นหรือว่าตนเองไม่ผิดอะไรเลย ควรสำเหนียก!”
“เจ้ากล่าววาจาไร้สาระอะไร?” ฮัวชิวพ่นลมหายใจออกมา “ไอ้ก้อนไขมันนี้เป็นสาวกชั้นต่ำ เรียกได้ว่าเป็นขยะ เขานั้นเขาทำลายสำนักอื่นๆและเสาหมื่นมังกรนิทราของสำนักเสวียนเทียนอีกไม่ใช่หรือ? ด้วยความผิดเช่นนี้ทำให้จ้าวสำนักในขณะนั้นถูกขับไล่! แต่ในวันนี้เจ้ากลับมาพูดว่ามันเป็นความผิดเล็กน้อยงั้นเหรอ? เหตุใดจึงต้องปกป้องไอ้สาวกตัวเล็กคนนี้!”
“เหอะ เจ้านั้นเก่งเรื่องที่ทำผิดให้เป็นถูกซะเหลือเกิน!” หงเถิงเฟ่ยเหยียดปากพร้อมกล่าว “เหตุผลที่เขาทำลายเสามังกรหมื่นนิทรานั้นเพราะอะไรล่ะ? ก็ไม่ใช่บุตรชายของเจ้าพยายามจะฆ่าเขางั้นหรือ? จะให้เขาหลบหนีไปอย่างไรถ้าหากไม่ต่อสู้?”
“ย่อมต้องเป็นเช่นนั้นอยู่แล้ว!” ฮัวชิวกล่าวออกมาอย่างภูมิใจ “ตระกูลของข้าภายในสำนักเสวียนเทียนนั้นเต็มไปด้วยเกียรติและชื่อเสียงมากมาย กล่าวได้ว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญและเป็นคนที่เคารพกฏเกณฑ์ทุกสิ่ง ไม่ว่าอย่างไรนักบวชฮัวอวิ๋นก็สามารถจัดการกับซ่งจงได้ในเมื่อเขาเป็นกบฎ แม้ว่าซ่งจงจะบาดเจ็บหนักแค่ไหน เขาก็เป็นเพียงสาวกของสำนักไม่ควรที่จะโต้ตอบ สาวกที่ดีจะต้องเคารพอาจารย์ แต่เขากลับโวยวายไปทั่วสารทิศ เช่นนี้หากสำนักเสวียนเทียนไม่ยอมลงโทษเขา แล้วจะมีกฏไว้เพื่อสิ่งใด?”
เมื่อได้ยินสิ่งที่ผู้นำฮัวชิวกล่าวออกมา หลายคนที่ฟังอยู่ล้วนแต่มีท่าทีตอบสนอง ทุกคนคิดเช่นเดียวกันว่าสาวกจะต้องเคารพอาจารย์ ซึ่งมันเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด ถ้าหากสาวกไม่ปฏิบัติตามคำสั่งสอน แน่นอนว่านั่นแปลว่าอาชญากรรมได้เกิดขึ้นแล้ว
อย่างไรก็ตามหลังจากหงเถิงเฟ่ยได้ยินคำพูดเหล่านั้น เขาไม่ได้กังวลแต่อย่างใดพร้อมกับเผยรอยยิ้มจางๆออกมาและกล่าวว่า “ฮ่าฮ่า เหตุผลของเจ้านั้นเหมือนจะดูดีนะ แต่น่าสงสารที่มันไม่สามารถใช้ได้ในสถานการณ์นี้!”
“หืม?” ฮัวชิวได้ยินเช่นนั้น เขาถามออกมาด้วยความโกรธทันที “ทำไมจะใช้ไม่ได้?”
“เพราะว่าในขณะที่ซ่งจงทำลายเสามังกรหมื่นนิทรา เขาไม่ใช่สาวกของสำนักเสวียนเทียน!” หงเถิงเฟ่ยกล่าวออกมาอย่างเย้ยหยัน “ก่อนหน้านั้นหลายปีตระกูลของเจ้านั้นกล่าวหาว่าเขาเป็นสายลับของอสูรกาย เช่นนั้นพวกเจ้าจึงประกาศว่าเขาถูกขับไล่ออกจากสำนัก ไม่มีสิ่งใดเกี่ยวข้องกันอีกต่อไป เช่นนี้จะพูดว่าเขาเป็นสาวกของสำนักเสวียนเทียนก็คงจะไม่ได้!”
หลังจากที่ฮัวชิวได้ยินเช่นนั้น เขาตกอยู่ในสภาวะโง่งมทันที เขาไม่ได้คิดว่าฮัวอวิ๋นจะสั่งการเช่นนั้นออกไป และมันก็ถูกที่ซ่งจงหนีไปเพราะเขาถูกกล่าวหาว่าเป็นอาชญากร
หงเถิงเฟ่ยเห็นว่าฮัวชิวเงียบ ในใจของเขารู้สึกยินดีทันที จากนั้นเขากล่าวต่ออย่างรวดเร็ว “ซ่งจงนั้นเป็นอัจฉริยะและเขาก็ยังคงมีความผิด ในวันวานเขานั้นถูกความโกรธครอบงำจนทำสิ่งที่มากเกินกว่าจะรับผิดชอบไหว นั่นคือการทำลายหอเฉวียนจี้ แต่อย่างไรก็ตามทั้งหมดนี้เป็นการแก้แค้นให้กับครอบครัวของตนเอง นับว่าเป็นเหตุผลที่ยอมรับได้ ดังนั้นความผิดพลาดของเขาควรที่จะได้รับการให้อภัย ในตอนนั้นเขาหลงทาง แต่ตอนนี้เขายินดีที่จะกลับมาเป็นสาวกของสำนักเสวียนเทียนอีกครั้ง ในฐานะอาวุโสพวกเราจะสามารถไม่สนใจเขาได้อย่างนั้นหรือ? เราจะขัดขวางเขาเพียงเพราะต้องรักษาผลประโยชน์ให้กับใครบางคนน่ะหรือ?”
เหล่าคนรอบข้างเมื่อได้ยินเช่นนั้น ทั้งหมดพยักหน้าให้กับคำเชิญชวนของหงเถิงเฟ่ยโดยไม่รู้ตัว
อย่างไรก้ตามฮัวชิวยังคงไม่ยอมแพ้ เขารีบพูดขึ้นมาทันที “แล้วเรื่องที่ซ่งจงทำลายเสามังกรหมื่นนิทรานั้นจะว่าอย่างไร? ไม่เป็นไรงั้นหรือ?”
“เหอะ!” หงเถิงเฟ่ยเริ่มโกรธพร้อมพูดออกมาอย่างหงุดหงิด “อย่าได้เที่ยวพูดไปเรื่อยว่าเสามังกรหมื่นนิทรานั้นถูกทำลายโดยเขา เรื่องนี้มันเป็นความรับผิดชอบของนักบวชฮัวอวิ๋นซึ่งเป็นคนในตระกูลของเจ้าไม่ใช่เหรอ? ทำไมต้องให้ซ่งจงรับผิดชอบ?”
ในเวลานั้นเทพธิดาเหมยฮวาที่เงียบมานาน นางกล่าวขึ้นมาด้วยความโกรธ “นักบวชฮัวอวิ๋นควรจะรับผิดชอบแปดในสิบ เพราะเขาสร้างปัญหา! ส่วนซ่งจงนั้นสองในสิบก็เพียงพอ”
อย่าได้ประมาทว่าเทพธิดาเหมยฮวานั้นแข็งแกร่งน้อยที่สุด แม้ว่านางจะได้ไม่ได้อยู่ในระดับเฟินเสิ่นแต่สถานะของนางนั้นสูงมาก นางนั้นนั่งอยู่ในตำแหน่งที่สูงมากเห็นได้ชัดว่าเก้าอี้ของนางอยู่ในตำแหน่งที่สองถัดจากจ้าวสำนัก!
ดังนั้นคำพูดเช่นนี้ดึงดูดความสนใจของคนที่ฟังได้อย่างดี แม้ว่าบุคคลเหล่านั้นจะไม่ได้แสดงออกอย่างชัดเจนนัก แต่พวกเขาก็มีคำตอบภายในใจอยู่ ทุกคนนั้นเห็นด้วยกับเทพธิดาเหมยฮวาอย่างมาก ซึ่งนั่นทำให้ฮัวชิวต้องหยุดพูดทันที
ฮัวชิวเห็นเช่นนั้น เขารีบกล่าวออกมาด้วยความกังวล “เหมยฮวา ข้านั้นเข้าใจดีว่าเจ้าโกรธแค้นตระกูลของข้า แต่ในเวลานี้เจ้าช่วยดูสถานการณ์ตรงหน้านี้ก่อนได้หรือไม่? สิ่งที่ซ่งจงกระทำลงไปนั้นผิดกฏอย่างมาก การทำเช่นนั้นจะเป็นการเสียบกริชเข้าที่ตัวหรือไม่ล่ะ!”
“เหอะ!” เทพธิดาเหมยฮวานั้นพ่นลมหายใจออกมาพร้อมกล่าวต่อ “ข้าขอบคุณที่พี่ชายอุตส่าเอ่ยปากเตือน แต่สิ่งที่ท่านกล่าวนั้นควรจะบอกกับตนเองมากกว่า ถ้าหากท่านพิจารณาสถานการณ์ทั่วไป จะรู้ได้ว่าเรื่องนี้ตัดสินได้โดยง่ายดาย เราจะต้องไม่นำความแค้นส่วนตัวหรือผลประโยชน์ของตนเองมาขัดขวางบุคคลที่เต็มไปด้วยพรสวรรค์กลับเข้ามา!”
“ผู้มีพรสวรรค์งั้นเหรอ?” ฮัวชิวได้ยินเช่นนั้นเขาเหยียดปากอย่างรังเกียจ “จากที่ข้ารู้มานั้นซ่งจงไม่ได้ฉลาดอะไรมากมายถึงขั้นที่จะไม่สามารถพบได้ในรอบหมื่นปี เขาเป็นขยะที่มีธาตุทั้งห้าประกอบกันอย่างสมดุลเท่านั้น! สหายน้อยผู้นี้มีแค่ความได้เปรียบของสมบัติวิเศษมากมาย เขาจึงได้ไล่อาละวาดไปทั่ว ในอนาคตไม่มีอะไรรับประกันว่าเขาจะสามารถไปได้ไกลกว่านี้!”
เทพธิดาเหมยฮวาไม่ได้สนใจคำพูดเหล่านั้น พร้อมกล่าวต่อ “อนาคตของซ่งจงนั้นไร้ขีดจำกัด ข้าพูดได้เพียงเท่านี้!” จากนั้น นางหลับตาพร้อมกับไม่คิดจะกล่าวสิ่งใดต่อ
แม้ว่าเทพธิดาเหมยฮวาจะหยุดพูดแล้ว แต่คำพูดของนางเพียงเท่านั้นทำให้คนรอบข้างตื่นตัวอย่างมาก เพราะเทพธิดาเหมยฮวานั้นฝึกฝนเกี่ยวกับการพยากร นางไม่สามารถเปิดเผยโชคชะตาแห่งสวรรค์ได้มากนัก ถ้าหากนางเปิดออกทั้งหมดแน่นอนว่าจะสร้างความแตกตื่นให้กับคนฟังอย่างมาก
ในตอนนี้เทพธิดาเหมยฮวานั้นทำนายไว้เพียงสองคนเท่านั้น ทั้งสองคนนั้นไม่มีใครโดดเด่นแต่ทว่าเมื่อทั้งสองเข้าสู่ระดับจินตันได้ วันเวลาผ่านไปทั้งสองได้เข้าสู่ระดับหยวนหยินอย่างรวดเร็ว อีกทั้งยังมีโอกาสถึงแปดในสิบที่จะสามารถไปถึงระดับเลือนจือได้!
แต่สำหรับผู้ที่มีพรสวรรค์ทั้งสองคนนั้น ถูกดูแลโดยเทพธิดาเหมยฮวา เช่นนั้นพวกเขาเป็นไปตามคำทำนายอย่างแม่นจำ ในตอนนี้ซ่งจงก็เช่นกัน นางได้เปิดปากออกมาแล้วว่า ‘ซ่งจงนั้นเป็นอัจฉริยะและความสามารถของเขานั้นไร้ขีดจำกัด!’
เช่นนี้หลังจากเทพธิดาเหมยฮวากล่าวออกมาเช่นนั้น นางหลับตาลงทันทีและไม่คิดจะกล่าวอะไรต่อไป แต่ทว่าสุ่ยเมิงหลงที่หลับตาอยู่เมื่อได้ยินเช่นนั้น เขาลืมตาขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ทันที
อย่างไรก็ตาม ฮัวชิวนั้นไม่คิดที่จะยอมแพ้ เขากล่าวออกมาอย่างเหยียดหยาม “การทำนายของเทพธิดาเหมยฮวานั้นผิดพลาดได้เสมอ ซ่งจงผู้นี้ไม่ได้มีความฉลาดอะไรมากขนาดนั้น เป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะไร้ขอบเขต เขาเพียงมีสมบัติวิญญาณจึงสามารถต่อกรกับผู้ฝึกตนระดับหยวนหยินได้อย่างบังเอิญเท่านั้น ในตอนนี้เขาได้จัดการกับผู้ฝึกตนระดับเฟินเสิน จากนั้นเขาวิ่งกลับมาที่สำนักเพื่อขอความช่วยเหลืองั้นเหรอ? ทำไมต้องทำแบบนั้นล่ะถ้าหากเก่งจริง?”
หลังจากที่ซ่งจงได้ยินเช่นนั้น เขาโกรธจัดทันที ร่างกายของเขาสั่นไหวพร้อมที่จะปะทะกับบุคคลผู้นี้เต็มทน มาดามหงมองเห็นท่าทีนี้ นางจับซ่งจงไว้อย่างรวดเร็วพร้อมกระซิบอย่างแผ่วเบา “เด็กน้อย ใจเย็นๆก่อน ใจเย็นเข้าไว้ เขาต้องการจะยั่วยุให้เจ้าโกรธ เจ้าต้องการทำให้แผนของเขาสำเร็จงั้นหรือ?”
“อืม!” นายหงจับแขนของซ่งจงไว้พร้อมกล่าวเบาๆ “เขาต้องการให้เจ้าทำอะไรล่ะ? เจ้าไม่รู้เหรอ? เจ้าจะต้องสงบให้มากกว่านี้ เขาไม่ต้องการให้เจ้ากลับเข้ามาในสำนักเสวียนเทียน เช่นนี้เจ้ายิ่งจะต้องกลับเข้ามาให้ได้ จากนั้นค่อยจัดการกับไอ้บัดซบนี้ทีหลัง!!”