Chaotic Lightning Cultivation โกลาหลแห่งอัสนีบาต - ตอนที่ 305.3
บทที่ 305: ราชวังเทพหยกไม้ (3)
เมื่อได้ยินว่าอาวุโสหงกล่าวเช่นนั้น ซ่งจงเข้าใจพร้อมกับพยักหน้ารับทันที เขากล่าวอย่างขื่นขม “เป็นเช่นนั้น ศิษย์จะไม่ยอมให้แผนของมันสำเร็จอย่างแน่นอน!” จากนั้นเขาหายใจเข้าลึกๆเพื่อสงบจิตใจและยืนตัวแข็งเช่นเดิม
แต่หงเถิงเฟ่ยในเวลานี้ เขาเหยียดปากพร้อมกล่าวต่อ “โอ้ ข้าเกรงว่าสิ่งที่พี่ฮัวชิวกล่าวนั้นดูจะไม่ถูกต้องนัก ในตอนนี้ซ่งจงนั้นจัดการกับผู้ฝึกตนระดับเฟินเสินได้อย่างสบายมือและเขาสามารถจับเป็นกลับมาได้หนึ่งคน!”
“อะไรนะ?” เมื่อทุกคนได้ยินเช่นนั้น ต่างพากันงุนงงและตื่นตระหนกอย่างมาก
ฮัวชิวตกอยู่ในสภาวะโง่งมทันที พร้อมกล่าวต่อ “เจ้าจะพูดอะไร?”
“เมื่อไม่กี่สัปดาห์ก่อน ผู้เชี่ยวชาญระดับเฟินเสินสองคน หนึ่งเป็นคนของสำนักพันปีศาจ อีกหนึ่งเป็นของหอเฉวียนจี้ ซ่งจงได้จับกุมนักบวชเต๋าปีศาจแห่งสำนักพันปีศาจกลับมาได้ อีกทั้งยังปล่อยให้เทพธิดาภูติน้ำแข็งมีชีวิตอยู่ต่อไป เป็นไปได้อย่างไรที่อาวุโสทั้งสองจะยอมแพ้เขาเช่นนี้?” หงเถิงเฟ่ยกล่าวออกมาอย่างเย้ยหยัน “เห็นได้ชัดเจนว่าซ่งจงนั้นมีความสามารถที่จะต่อกรกับสำนักพันปีศาจ เห็นได้ชัดว่าจิตใจของเขายังคงมีความชอบธรรมอย่างมาก เขาเลือกที่จะจัดการกับความชั่วร้ายและปล่อยให้คุณธรรมรอดชีวิตไป เช่นนี้ไม่ถูกงั้นเหรอ?”
“เจ้ากำลังกล่าวเรื่องไร้สาระอะไรน่ะ?” ฮัวชิวกล่าวออกมาอย่างไม่วางใจ “มันจะเป็นไปได้อย่างไรที่เขาสามารถจัดการกับผู้ฝึกตนระดับเฟินเสินได้? เห็นได้ชัดว่านี่เป็นเรื่องโกหกทั้งนั้น! เจ้าเพ้อฝันเกินไปหน่อยละมั้ง!”
ผู้ฝึกตนคนอื่นมองมาที่หงเถิงเฟ่ยอย่างไม่วางใจเช่นกัน พวกเขาต้องการคำตอบในเรื่องนี้อย่างชัดเจน
อย่างไรก็ตาม สุ่ยเมิ่งหลงไม่รอให้หงเถิงเฟ่ยได้กล่าวอะไร เขาเร่งพูดขึ้นมาอย่างรวดเร็ว “ทั้งหมดเป็นเรื่องจริงอย่างแน่นอน มีแหล่งข่าวส่งมาให้กับข้าเช่นกัน นอกจากนี้บุคคลเหล่านั้นยังโกรธเคืองข้าอีกด้วย พวกเขากล่าวไว้ว่าจะหยุดพักรบกับซ่งจงไว้ก่อนชั่วคราว!”
“!” สุ่ยเมิ่งหลงกล่าวออกมาเช่นนั้น ทำให้ทุกคนในห้องตะลึงในทันที แม้แต่ฮัวชิวก็มีใบหน้าที่ไม่อาจคาดเดาได้ ใบหน้าของเขาบิดเบี้ยวน่าเกลียดจนไม่น่ามองอีกต่อไป
หงเถิงเฟ่ยเห็นเช่นนั้น อดพูดต่อไม่ได้ “แม้ว่าท่านจะไม่เชื่อในข่าว แต่ทว่าเขาสามารถจับเป็นกลับมาได้หนึ่งคน นั่นก็คือนักบวชเต๋าปีศาจ! สิ่งนี้พอจะใช้เป็นหลักฐานชิ้นสำคัญได้หรือไม่?”
ในขณะที่กล่าวออกมาเช่นนั้น หงเถิงเฟ่ยขยับมือเบาๆ จากนั้นปรากฏร่างกายของนักบวชเต๋าปีศาจขึ้นในอากาศ
เมื่อทั้งหมดเห็นชายผู้นี้ปรากฏขึ้นมา ทั้งหมดเงียบและใช้สัมผัสวิญญาณของตนเองตรวจสอบมันอย่างละเอียดทันที
ฮัวชิวนั้นโง่งมจนถึงที่สุด เขาเอ่ยปากออกมาอย่างโง่เขลา “เรื่องนี้… มะ.. เป็นไปได้ยังไง? ผู้ฝึกตนระดับจินตันสามารถจับเป็นผู้ฝึกตนระดับเฟินเสิ่น? พูดไปใครจะเชื่อ?”
“ถ้าหากเจ้ายังเป็นบุรุษ ก็จงเชื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้าซะ! อย่าดื้อดึงให้มากเลย” หงเถิงเฟ่ยกล่าวออกมาอย่างไร้อารมณ์ “ด้วยเหตุการณ์นี้เห็นได้ชัดว่าซ่งจงนั้นเต็มไปด้วยพรสวรรค์อย่างมาก เขาเป็นอัจฉริยะที่เราไม่ควรปล่อยผ่านไป มันจะดีกว่าไหมถ้าหากเขาเป็นพวกพ้องของเรา!”
คำพูดนี้ราวกับว่ากระชากหัวของฮัวชิวมาตบกลางสำนัก ใบหน้าของฮัวชิวซีดขาวและบิดเบี้ยว ทั่วทั้งใบหน้าของเขาเกร็งกระตุกอย่างไม่รู้จะระบายความโกรธนี้อย่างไร
ในเวลานี้สุ่ยเมิงหลงเห็นว่าฮัวชิวกำลังอับอายอย่างมาก เขาเปิดตาขึ้นพร้อมกล่าวว่า “ซ่งจงได้รับอนุญาตให้เข้าสู่กำแพงภายในได้ เขาจะได้อยู่ในราชวังหยกไม้อมตะขั้นสอง มีใครจะคัดค้านไหม?”
เมื่อทุกคนได้ยินเช่นนั้น ต่างตกใจและไม่มีใครสามารถควบคุมอาการได้ ซ่งจงนั้นไม่รู้จักราชวังหยกไม้อมตะขั้นสอง เขารีบถามไถ่มาดามหงด้วยจิตวิญญาณทันที “อาวุโส อะไรคือราชวังหยกไม้อมตะขั้นสองงั้นหรือ? มันน่ากลัวรึเปล่า? ทำไมทุกคนทำหน้าประหลาดใจเช่นนั้น?”
“อ่า มันเป็นอาคารยักษ์ที่มีเหล่าผู้ฝึกตนระดับหยวนหยินอยู่ภายใน แม้แต่คู่ของเรายังได้อยู่ในขั้นที่ร้อยกว่าภายในสำนักเสวียนเทียน ไม่ใช่ว่าผู้ฝึกตนระดับหยวนหยินจะสามารถอยู่ที่นั่นได้เสมอไป ในตอนนี้มันเป็นของเจ้าแล้ว เช่นนี้แน่นอนว่าสำนักเสวียนเทียนมองว่าเจ้าเป็นคนสำคัญอย่างมาก” มาดามหงกล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม
“แต่ชื่อมันน่ากลัวจริงๆ” ซ่งจงกล่าวออกมาอย่างอดไม่ได้ “ข้ารู้สึกสบายใจเมื่อได้ยินเช่นนี้!”
“อย่าโง่ไปหน่อยเลย!” อาวุโสหงกล่าวออกมา “นี่เป็นเรื่องธรรชาติอยู่แล้ว มันเกี่ยวข้องกับสถานะและความสำคัญ เจ้าจะได้รับการปฏิบัติตนเช่นเดียวกับพวกเราทั้งสองคน ในทุกปีจะได้รับทรัพยากรมากมาย และจะยอดเยี่ยมขึ้นไปอีกถ้าหากเจ้าติดอันดับหนึ่งในสิบของสำนัก มีตำรามากมายให้เจ้าเลือกฝึกฝน! กล่าวก็คือเด็กใหม่ระดับจินตันอย่างเจ้าได้เข้าสู่ชนชั้นสูงในสำนักเสวียนเทียนแล้วตอนนี้!!!”
“ระดับสูง!” ซ่งจงกล่าวออกมาอย่างตื่นเต้น
“ภายในสำนักเสวียนเทียนนั้นมีสาวกมากกว่าแสนคน แต่คนที่อยู่ระดับสูงเช่นเจ้ามีเพียงร้อยเท่านั้น! แม้แต่นักบวชฮัวอวิ๋นก็ยังอยู่ด้านหลังของเจ้า!” อาวุโสหงกล่าวออกมาด้วยรอยยิ้ม “เด็กน้อย ได้เวลาผงาดแล้ว!!!”
ซ่งจงได้ยินเช่นนั้น ดวงตาของเขาเปล่งประกายด้วยความตื่นเต้น “มันยอดเยี่ยมจริงๆ แล้วเหตุใดสำนักจึงต้อนรับข้าอย่างดีเช่นนี้ล่ะ?!”
“ยังจะถามอีกงั้นเหรอ? เจ้าสามารถจับเป็นนักบวชเต๋าปีศาจกลับมาได้ เช่นนี้ถือว่าเป็นการทำความดีที่ยิ่งใหญ่ให้กับสำนักแล้ว ทั้งหมดนี้ล้วนแต่เป็นการตอบแทนเจ้าแบบให้เปล่าอีกด้วย!”
ซ่งจงได้ยินอย่างนั้น เขาเข้าใจเหตุการณ์ทันที
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าเรื่องของซ่งจงจะถูกตัดสินแล้ว แต่ฮัวชิวยังไม่หยุดยั้ง เขากล่าวออกมาอย่างโกรธแค้น “ท่านจ้าวสำนัก ข้าขอคัดค้าน เขาเป็นเพียงผู้ฝึกตนระดับจินตัน เหตุใดเขาทำผิดพลาดครั้งใหญ่ แต่เมื่อกลับมาได้อยู่เทียบเท่ากับระดับหยวนหยิน? พวกท่านไว้ใจในความสามารถของบุคคลนี้ได้อย่างไร?”
โดยทั่วไปแล้ว เมื่อสุ่ยเมิ่งหลงประกาศตัดสินออกไปแล้ว แม้ว่าเขาจะถามว่าใครคัดค้านหรือไม่ ความจริงนั้นเป็นเพียงการบอกกล่าวเท่านั้น เขาไม่ต้องการให้ผู้ใดกล่าวอะไรต่อ ทุกคนที่นั่งอยู่ล้วนแต่เข้าใจในจุดนี้ว่าทุกอย่างถูกตัดสินแล้ว แต่ว่าฮัวชิวนั้นไม่สามารถยอมรับได้ เขาไม่สามารถอดทนอดกลั้นกับเหตุการณ์นี้ได้เลย!
ภายในดวงตาของสุ่ยเมิ่งหลงนั้นไม่ปรากฏอารมณ์ใดๆ เขากล่าวออกมาอย่างอารมณ์ดี “แล้วใครกันที่ได้กล่าวไว้ว่าถ้าหากเขาสามารถจับผู้ฝึกตนระดับเฟินเสินได้ จะมอบราชวังหยกไม้อมตะขั้นสองให้กับเขา! ถ้าหากเจ้าไม่มีความสามารถที่จะทำในแบบเดียวกัน ก็จงยอมแพ้ซะ!” จากนั้นสุ่ยเมิ่งหลงก็หลับตาลงพร้อมกับหายตัวไปทันที
แน่นอนว่าทุกคนในห้องเห็นการกระทำสุดท้ายของสุ่ยเมิงหลงอย่างชัดเจน เขาดุด่าฮัวชิวอย่างโหดร้ายเช่นนี้ นับได้ว่าเขาไม่พอใจกับการกระทำของฮัวชิวอย่างมาก
แต่ยังมีหงเถิงเฟ่ยที่ยิ้มออกมาอย่างยินดี เขาพึงพอใจที่ฮัวชิวโดนด่าเช่นนั้น จากนั้นเขารีบเอ่ยปากเย้ยหยันอย่างรวดเร็ว “เจ้าได้ยินที่จ้าวสำนักบอกให้ตระกูลเจ้าเงียบปากหรือไม่ ฮ่าฮ่า!”
ฮัวชิวโกรธจัดจนสีเลือดถูกทาไปทั่วใบหน้า
หงเถิงเฟ่ยเลิกที่จะสนใจเขาอีกต่อไป เขาโค้งคำนับให้กับทุกคนในห้องพร้อมกล่าวคำลา จากนั้นเขาออกไปพร้อมกับสองสามีภรรยาและซ่งจง
หลังจากที่กลับมายังสถานที่ของตนเอง หงเถิงเฟ่ยหัวเราะอย่างมีความสุข แม้ว่าความสัมพันธ์ของตระกูลหงกับตระกูลฮัวจะไม่กลมเกลียวกันมากนัก แต่ทั้งหมดก็อยู่ร่วมกันได้ แต่ฟางเส้นสุดท้ายได้ถูกตัดขาดทันทีเมื่อเรื่องของครอบครัวซ่งจงปูดออกมา ทั้งหมดตัดสัมพันธ์และไม่มีอะไรที่อยู่ร่วมกันได้อีกต่อไป
ในฐานะที่เป็นสาวกสายตรง ทั้งสองล้วนแต่เป็นคนโปรด แต่กลับถูกลอบสังหารอย่างเลือดเย็น สิ่งนี้ทำให้ตระกูลหงรู้สึกละอายใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นอย่างยิ่ง พวกเขาจะเอาใบหน้าไปไว้ที่ไหนกันถ้าหากไม่สามารถปกป้องสาวกสายตรงของตนเองได้? ใครกันที่จะอยากให้ศิษย์คนโปรดต้องตายจากไป?
ทุกคนรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้เป็นอย่างดี ความโกรธทำให้อาวุโสหงตัดแขนของนักบวชฮัวอวิ๋นอย่างโหดเหี้ยม จากนั้นฮัวชิวก็ถูกหงเถิงเฟ่ยตบหน้าซ้ำอีกรอบ เช่นนี้พวกเขาคงไม่อาจเงยหน้ามองฟ้าได้อย่างสนิทใจอีกต่อไป
เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองให้กับชัยชนะของซ่งจงในครั้งนี้ หงเถิงเฟ่ยจัดงานเลี้ยงพร้อมกับเชิญผู้ฝึกตนระดับหยวนหยินทั้งหมดมาร่วมงาน!
ในตอนนี้ซ่งจงรับรู้ได้ถึงพลังของสำนักเสวียนเทียนแล้ว ผู้ฝึกตนระดับหยวนหยินมากมายอยู่ในวิหารเหล่านี้ ผู้ฝึกตนบางคนนั้นยังอายุไม่มานัก บางคนก็ชราบ้างแล้ว รวมๆแล้วทั้งหมดมีประมานกว่าร้อยคน
ภายในงานเลี้ยงมีผู้ฝึกตนระดับหยวนหยินมากมายมารวมงาน ซงจงนั้นยืนอยู่ข้างกับสองสามีภรรยาตระกูลหง เขาไม่รู้จักใครเลย สาวกส่วนใหญ่ที่มาร่วมงานในวันนี้ล้วนแต่เป็นลูกหลานของตระกูลหงทั้งสิ้น
แม้ว่าในตอนนี้ซ่งจงจะคล้ายกับว่าเป็นคนในครอบครัวนี้เช่นกัน แต่ก็ยังไม่สนิทใจมากพอที่จะทำตัวสนิทสนมมากเกินไป ถ้าหากในวันหนึ่งเขาแต่งงานกับหงหยิง ความสัมพันธ์เหล่านี้ก็จะใกล้ชิดขึ้นโดยธรรมชาติ…