Complete Martial Arts Attributes – คุณสมบัติแห่งนักสู้ - ตอนที่ 100
บทที่ 100: ข้อเสนอระดับ SSS โดยสถาบันสอนศิลปะการต่อสู้จีซิน
ผมเลือกสถาบันสอนศิลปะการต่อสู้จีซิน!
ทันทีที่หวังเต็งพูดจบ อาจารย์ใหญ่ของเหล่ยติงและไบ่เหลียงก็เงียบไป
ฝูเทียนเต๋าหัวเราะเสียงดัง เลือกได้ฉลาดมาก
เราขอดูข้อเสนอของนายได้ไหม? เจียงหงถามอย่างไม่เต็มใจ
เขาต้องการรู้ว่าทําไมเขาถึงแพ้
กู่เหอเฟยเองก็มองไปที่ฝูเทียนเต๋ด้วยท่าทางเดียวกัน
สถาบันสอนศิลปะการต่อสู้ทั้งสามแห่งนั้นเป็นคู่แข่งกัน และทุกพรสวรรค์ที่หายไปก็คือการสูญเสีย
เอาเลย ฝูเทียนเต๋ากล่าวอย่างไม่ใส่ใจ
อาจารย์ใหญ่ทั้งสองรับข้อเสนอของสถาบันสอนศิลปะการต่อสู้จีซินมาและเอนตัวเข้าหากัน พวกเขาอ่านข้อเสนออย่างรวดเร็ว
ฝูเทียนเต๋า แกมันบ้าไปแล้ว! ดวงตาของเจียงหงเบิกกว้างด้วยความประหลาดใจเมื่อเห็นข้อเสนอ
แกรู้ไหมว่าข้อเสนอนี้มันหมายถึงอะไร กู๋เหอเฟยอดไม่ได้ที่จะถาม
ฉันได้ยื่นข้อเสนอนี้ไปที่สํานักงานใหญ่แล้ว และประธานของเราก็อนุมัติเป็นการส่วนตัวนั่น จึงเป็นที่มของข้อเสนอนี้ พวกนายคิดว่ายังไงล่ะ? พวกนายจะยอมรับความพ่ายแพ้ไหม? ฝูเทียนเต๋าถาม
ประธานของนายอนุมัติเป็นการส่วนตัว!
ได้ นายชนะแล้ว
ดีมาก
ทั้งสองได้แลกเปลี่ยนสายตากัน
อะไรคือความแตกต่างระหว่างข้อเสนอของพวกเขา?
ในตอนที่พวกเขารายงานเรื่องข้อเสนอต่อสํานักงานใหญ่ พวกเขาก็ต้องเสียน้ําลายไปมากกว่าที่พวกเขาจะได้มาซึ่งข้อเสนอระดับ S นี้
แล้วสถาบันสอนศิลปะการต่อสู้จีซินล่ะ?
พวกเขาได้ให้ข้อเสนอระดับ SSS ระดับสูงสุดในทันที
ความแตกต่างนี้ดูเหมือนจะห่างกันเพียงแค่สองระดับเท่านั้น แต่มันก็นับเป็นช่องว่างขนาดใหญ่
ในความทรงจําของพวกเขา สถาบันสอนศิลปะการต่อสู้ชั้นนําทั้งสามแห่งนั้นได้อนุมัติข้อเสนอระดับ SS ไปเพียงแค่ 23 ฉบับเท่านั้นในช่วงหลายปีที่ผ่านมา และในตอนนี้ คนเหล่านี้ก็ล้วนเป็นตัวละครที่ทรงพลัง
พวกเขาทั้งหมดล้วนมีศักยภาพที่จะไปถึงระดับแม่ทัพ!
อันที่จริง อาจารย์ใหญ่ทั้งสองเองก็ต้องการที่จะยื่นข้อเสนอระดับ SS ให้กับหวังเต็งด้วยซ้ํา เพราะท้ายที่สุดแล้วพวกเขาทั้งสองก็ได้เห็นศักยภาพและความสามารถของหวังเต็งมากับตาแล้ว
อย่างไรก็ตาม อุปสรรคของพวกเขาก็คือพวกเบื้องบน
พวกเบื้องบนรู้สึกว่าอนาคตนั้นเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ต้องการที่จะทุ่มทุนอย่างมหาศาลในทีเดียว
ด้วยเหตุนี้เอง พวกเขาจึงอนุญาติแค่ข้อเสนอระดับ S ไปก่อน และให้รอดูผลงานของหวังเต็งในอนาคต หากหวังเต็งสามารถทําผลงานได้โดดเด่น พวกเขาก็จะเปลี่ยนข้อเสนอใหม่เป็นระดับ SS
ผู้มีพรสวรรค์ส่วนใหญ่ที่ลงนามในข้อเสนอระดับ SS นั้นต่างก็ล้วนผ่านเส้นทางนี้มาก่อน มันมีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่จะได้รับข้อเสนอระดับ SS ในทันที
ส่วนข้อเสนอระดับ SSS มันมีน้อยกว่าห้าฉบับ
และทั้งห้าคนก็ล้วนเป็นนักสู้ระดับแม่ทัพแล้วในตอนนี้!
พวกเขาทั้งหมดอายุน้อยกว่า 35 ปี ดังนั้นพวกเขาจึงจะกลายเป็นเสาหลักที่สําคัญของจีนในอนาคต
และนี่คือความแตกต่าง!
สถาบันสอนศิลปะการต่อสู้จีซินได้เสนอข้อเสนอระดับ SSS ให้กับหวังเต็ง ในขณะที่สถาบันสอนศิลปะการต่อสู้เหล่ยติงและไบ่เหลียงนั้นเสนอแค่ข้อเสนอระดับ S เท่านั้น
เมื่อเทียบกันแล้ว พวกเขาก็ดูจะขี้เหนียวกว่าเล็กน้อย
เจียงหงและกู่เหอเฟยรู้สึกหดหู่เล็กน้อย พวกเขาไม่มีอารมณ์จะเปรียบเทียบอีกต่อไป
มันเป็นชัยชนะของนายแล้ว!
ทั้งสองคนอายเล็กน้อย พวกเขาพูดกับหวังเต็งว่า เราขอโทษสําหรับข้อเสนอของเรา
พวกเขาได้เห็นการประเมินการต่อสู้จริงของหวังเต็งเป็นการส่วนตัวแล้วและพวกเขา ก็มั่นใจในศักยภาพของเขา แต่น่าเสียดายที่พวกเขาไม่สามารถตัดสินใจได้โดยลําพัง
น่าเสียดายที่พวกเขาพลาดผู้มีพรสวรรค์คนนี้ไป!
พวกคุณสุภาพเกินไปแล้ว ผมซาบซึ้งจริงๆที่พวกคุณคาดหวังกับผมไว้สูงเช่นนี้ หวังเต็งตอบอย่างเร่งรีบ
อาจารย์ใหญ่ทั้งสองรู้สึกดีขึ้นมากเพราะความสุภาพเรียบร้อยของหวังเต็ง ฝูเทียนเต๋าพยักหน้าอย่างลับๆเมื่อเห็นฉากนี้
การรักษาความอ่อนน้อมถ่อมตนในเวลาที่เหมาะสมนั้นคือเครื่องบ่งชี้ถึงบุคลิกภาพที่ดี
และเขาก็พอใจกับการแสดงออกของหวังเต็ง
ในเมื่อเธอตัดสินใจได้แล้ว งั้นเราก็จะไม่รบกวนเธออีกต่อไป ทั้งสองคนลุกขึ้นและจากไป
เอาล่ะ ที่นี้ก็ลงชื่อในสัญญาได้เลย ฝูเทียนเต๋ากล่าว
อาจารย์ฟู คุณมั่นใจในตัวผมมากขนาดนั้นเลยหรอ? หวังเต็งไม่ได้รีบเซ็นสัญญาในทันที เขาถามฝูเทียนเต๋ากลับ
ฮ่าฮ่า ฉันไม่ใช่คนเดียวเท่านั้นที่มั่นใจในตัวเธอ ประธานของเราเองก็ตั้งความหวังไว้สูงสําหรับเธอเช่นกัน เธอจะได้รับการฝึกฝนในสถาบันสอนศิลปะการต่อสู้ของเรา และอย่าคิดว่าเธอจะปิดบังฉันได้ล่ะ ฝูเทียนเต๋ายิ้มอย่างลึกลับ
หัวใจของหวังเต็งเต้นผิดจังหวะ
ถึงอย่างนั้นเธอก็ไม่ต้องกังวลไป ทุกคนต่างก็มีความลับเป็นของตัวเอง โดยเฉพาะนักสู้ ยิ่งเวลาผ่านไป พวกเขาก็จะยิ่งมีความลับมากยิ่งขึ้น ฝูเทียนเต๋าดูเหมือนจะรู้ว่าหวังเต็งกําลังคิดอะไรอยู่
หวังเต็งไม่ได้พูดอะไรมาก เขาเซ็นชื่อลงในข้อเสนอ
ฝูเทียนเต๋าพยักหน้าอย่างพึงพอใจ เขาส่งนาฬิกาข้อมือสีดําให้หวังเต็ง
นี่คือนาฬิกาข้อมือฟอร์สที่คิดค้นโดยนักสู้ มันทํามาจากวัสดุพิเศษและจะไม่ได้รับผลกระทบจากน้ําหรือไฟ นอกจากนี้มันก็ยังสามารถต้านทานการโจมตีของนักสู้ได้อย่างสบายๆ
เมื่อเธอป้อนข้อมูลส่วนบุคคลของเธอลงไป เธอก็จะสามารถเข้าสู่ระบบเครือข่ายภายในของสถาบันสอนศิลปะการต่อสู้ของเราได้
ทรัพยากรมูลค่าพันล้านดอลลาร์ที่กล่าวถึงในข้อเสนอจะถูกโอนเข้าบัญชีเป็นชุดๆ เธอสามารถซื้อทรัพยากรที่เธอต้องการได้จากเครือข่ายภายในของสถาบันสอนศิลปะการต่อสู้ของเรา
อย่างไรก็ตาม เธอก็จะต้องพิจารณามันอย่างรอบคอบ อย่าใช้เงินจํานวนมหาศาลเหล่านี้ไปอย่างเปล่าประโยชน์ หากเธอใช้มันอย่างคุ้มค่า เธอก็น่าจะสามารถพัฒนาความแข็งแกร่งขึ้นไปได้หลายขั้น
นอกจากนี้เธอก็ยังมีโอกาสสามครั้งที่จะขอคําแนะนําจากประธานของเรา นี่เป็นโอกาสที่หายากมาก ผู้มีพรสวรรค์มากมายไม่สามารถได้รับโอกาสนี้ได้ ดังนั้นเธอก็ควรจะใช้ประโยชน์จากมันให้คุ้มค่านะ
สุดท้ายนี้เป็นสิทธิ์ในการซื้อบ้านใน ‘เดียร์การ์เด้น’ ผู้คนที่อาศัยอยู่ที่นั่นล้วนเป็นสมา ชิกในครอบครัวของนักสู้ เดียร์การ์เด้น นั้นอยู่ภายใต้ชื่อของสถาบันสอนศิลปะการต่อสู้ทั้งสามอันดับแรก ดังนั้นมันจึงมีความปลอดภัยสูงมาก และจนถึงตอนนี้มันก็ยังไม่เคยมีใครกล้าสร้างปัญหาที่นั่น ฉันรู้ว่าครอบครัวของเธอกําลังประสบปัญหาเมื่อไม่นานมานี้ ดังนั้นหากเธอย้ายไปที่นั่น เธอก็จะไม่ต้องกังวลเรื่องความปลอดภัยของพวกเขาอีกต่อไป
หวังเต็งฟังด้วยความตั้งใจ ทั้งหมดนี้ถูกเขียนไว้ในข้อเสนอ แต่คําอธิบายของผู้เทียน เต่นั้นก็คุ้มค่าที่จะเก็บนําไปคิด
ข้อเสนอทั้งหมดนี้ถือว่าน่าตราตรึงใจมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งข้อเสนอสุดท้าย มันเป็นสิ่งที่เขาต้องการมากที่สุดในตอนนี้ ถ้าพ่อแม่ของเขาได้ย้ายไปที่ เดียร์การ์เด้น เขาก็จะรู้สึกสบายใจมากขึ้นเช่นกัน
หลี่ซิ่วเหม่ยไม่ได้ดูข้อเสนอในตอนแรก ดังนั้นเมื่อเธอได้ยินคําอธิบายของฝูเทียนเต๋า เธอจึงรู้สึกตกตะลึง
ทรัพยากรมูลค่าพันล้านดอลลาร์
ทรัพย์สินของลูกชายของเธอนั้นมันมากเกินกว่าการทํางานหนักของสามีของเธอตลอดหลายปีซะอีก ด้วยเหตุนี้เอง มันจึงไม่แปลกที่เธอจะตกใจ
นักสู้ทุกคนร่ํารวยขนาดนี้เลยอย่างงั้นหรอ?
หวังเฉินกั๋วรู้สึกหดหูเล็กน้อย ใช่แล้ว การถูกลูกชายแซงหน้านั้นน่าจะเป็นเรื่องที่มีความสุข..
แต่มันต้องไม่ใช่แบบนี้สิ!
หวังเต็งสามารถหาเงินได้มากกว่าที่เขาทํางานมาทั้งชีวิตซะอีก!
อย่างไรก็ตาม สิทธิ์ในการซื้อบ้านที่ ‘เดียร์การ์เด้น’ นั้นก็ทําให้ดวงตาของเขาสว่างขึ้นเช่นกัน ลูกผู้ชายจะสามารถก้าวไปข้างหน้าได้โดยไร้กังวลหากครอบครัวของเขาปลอดภัย
เธอจะต้องสมัครเข้ามหาวิทยาลัยของเธอในวันพรุ่งนี้แล้ว เธอได้ตัดสินใจแล้วหรือยังว่าจะไปที่ไหน ฝูเทียนเต๋าถาม
ยังเลย ผมยังไม่ได้ตัดสินใจเลือกเลย ผมกําลังดูเรื่องเกณฑ์ขั้นต่ําของแต่ละมหาวิทยาลัยอยู่ถึงแม้ว่าผมจะสามารถเข้าได้ทุกที่ก็เถอะ หวังเต็งกล่าว
หลังจากผลออกมาแล้ว ทุกมหาวิทยาลัยก็ปล่อยเกณฑ์ขั้นต่ําออกไปในทันที
การสอบหลักสูตรศิลปะการต่อสู้นั้นแตกต่างจากการสอบเข้ามหาวิทยาลัยทั่วไป สําหรับการสอบเข้ามหาวิทยาลัยแบบปกติ เกณฑ์ขั้นต่ําก็จะปรากฎออกมาหลังจากการสมัครเสร็จสิ้นแล้ว เท่านั้น ซึ่งนั่นก็เท่ากับการที่มหาลัยเป็นคนเลือกตัวนักเรียน
แต่สําหรับการสอบหลักสูตรศิลปะการต่อสู้ ทุกอย่างก็กลับกัน นักเรียนต่างหากที่จะเป็นคนเลือกมหาวิทยาลัย
ด้วยคะแนนของเธอ เธอก็ไม่น่าจะไม่มีปัญหาในการเข้ามหาวิทยาลัย แต่ปัญหาคือการเลือกสิ่งที่เหมาะสมที่สุดสําหรับเธอ ผลสอบของเธอนั้นถูกส่งไปยังมหาวิทยาลัยชั้นนําทั้งหมดแล้ว ดังนั้นตราบใดที่พวกเขาไม่ได้ตาบอด ฉันก็เชื่อว่าพวกเขาจะตามหาเธอในไม่ช้า ฝูเทียนเต๋ายิ้ม และพูด
นั่นสินะ ลําบากจัง หวังเต็งยิ้มอย่างขมขึ้น จู่ๆเขาก็นึกถึงบางสิ่งและถามว่า อาจา รย์ใหญ่ คุณมีอะไรจะเสนอบ้างไหม?
ฝูเทียนเต๋ายิ้มและตอบว่า ทรัพยากร,สภาพแวดล้อมและความสามารถของอาจารย์ของมหาวิทยาลัยชั้นนําหลายแห่งนั้นต่างก็เหมือนกันหมด
ทรัพยากรสามารถหาได้จากการแข่งขัน ยิ่งบุคคลคนนั้นมีความโดดเด่นมากเท่าใด ทรัพยากรที่ประเทศจะแจกจ่ายให้เขาก็จะยิ่งมากขึ้นเท่านั้น ดังนั้น นักเรียนที่โดดเด่นจึงไม่เคยขาดทรัพยากร
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา มหาวิทยาลัยตงไห่และโรงเรียนทหารฮวงไห่ก็กําลังจะก้าวขึ้นสู่ระดับที่สูงขึ้น มันแทบจะไม่มีความแตกต่างระหว่างพวกเขากับมหาวิทยาลัยอันดับหนึ่ง พวกเขาสามารถเอาชนะมหาวิทยาลัยอื่นๆได้ในการแข่งขันศิลปะการต่อสู้ครั้งยิ่งใหญ่และคว้าแชมป์มาได้
เมื่อเทียบโรงเรียนทหารกับมหาวิทยาลัยทั่วไปแล้ว โรงเรียนทหารนั้นก็เข้มงวดกว่ามาก พวกเขาจะควบคุมเสรีภาพของนักเรียน ถึงกระนั้นมันก็ยังมีข้อได้เปรียบ
ฝูเทียนเต๋าหยุดพูดชั่วครู่ ณ จุดนี้ เขาก็พูดต่อเมื่อเห็นหวังเต็งมองเขาอย่างใจจดใจจ่อ
โรงเรียนทหารนั้นเป็นทางลัดที่รวดเร็วในการได้มาซึ่งอํานาจ หากเธอมีความโดดเด่นเพียงพอและทําคุณประโยชน์แก่กองทัพ เธอก็อาจจะสามารถเข้าทํางานในกองทัพได้ ซึ่งนั่นก็จะทําให้เธอมีอิทธิพลอย่างมาก
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในทวีปซินหวู่ ฉันไม่รังเกียจที่จะบอกเธอหรอกนะว่าขณะนี้เรากําลังสร้างกองกําลังขนาดใหญ่ และเราก็ต้องการที่จะส่งทหารใหม่ไปที่นั่นให้ได้โดยด่วนที่สุด…