Devil’s love ทิ้งรักของนายปีศาจไป - บทที่ 94 ไฟที่ไม่ยอมกัน
“พวกเขา… รวมถึงประธานเสิ่นด้วยเหรอ?”
ได้ยินเช่นนั้น ซูเมิ่งก็สัมผัสได้ว่าเจี่ยนถงที่อยู่ในอ้อมกอดเขาร่างกายแข็งขึ้นมา
ถอนหายใจออกมาอย่างไม่มีเสียง… ก็คงจะใช่
พวกเขาต่างก็ไม่เชื่อ… รวมถึงเสิ่นซิวจิ่นด้วย
จนถึงตอนนี้ ไม่ต้องให้เจี่ยนถงพูดอะไรอีกมากมาย ซูเมิ่งก็ค่อนข้างเดาออก ว่าระหว่างเจี่ยนถงและเถ้าแก่มีความขัดแย้ง
เซี่ยเวยเหมิง… ในสองปีมานี้ที่ตามเสิ่นซิวจิ่นมา เหมือนกับเคยได้ยินว่าเขาเคยเอ่ยถึงชื่อนี้
เคยได้ยิน… ผู้หญิงที่ชื่อว่าเซี่ยเวยเหมิง ในใจของเถ้าแก่ต่างจากคนอื่น เพียงแต่หลังจากนั้นตายด้วยอุบัติเหตุตั้งแต่อายุยังน้อย
ไม่เคยรู้ ว่าเด็กผู้หญิงคนพิเศษในใจของเถ้าแก่นั้น ตายไปเพราะอะไร
จนตอนนี้ ได้เข้าใจแล้ว
แต่… เธอไม่เชื่อ
เจี่ยนถงออกจะเย่อหยิ่ง เธอจะลดตัวไปทำอย่างนั้นทำไม
ซูเมิ่งยกมือขึ้นมาลูบหัวของเจี่ยนถง เธอไม่ได้ถามเจี่ยนถง ว่าทำไมไม่ไปอธิบายให้เสิ่นซิวจิ่นฟัง ทำไมไม่ไปยืนยันว่าตัวเองบริสุทธิ์
เพราะว่ามีเพียงคนที่ประสบเหตุการณ์เดียวกันนั้น ถึงจะเข้าใจ ว่า การที่ไม่ถูกเชื่อจากคนที่เรารัก ความรู้สึกนั้น ทำอะไรไม่ได้และเศร้าโศกเพียงไหน
เพราะเธอเคยผ่านเหตุการณ์แบบนี้มาก่อน ดังนั้นจึงเข้าใจว่าทำไมเจี่ยนถงถึงไม่พยายามอธิบาย หรือเจี่ยนถงเธออาจจะอธิบายแล้ว แต่ไม่มีคนเชื่อ แม้แต่คนจะรับฟังก็ยังไม่มี… และยิ่งไปกว่านั้น คนคนหนึ่งจะไม่เชื่อ ไม่ว่าจะอธิบายอย่างไรก็ไร้ประโยชน์
“แล้วมีแผนยังไง?”
“รอจนเขาเบื่อ”
เบื่อ?
เขาจะเบื่ออะไร?
เบื่อเจี่ยนถงเหรอ?
คุ่นคิดสักพัก ซูเมิ่งจึงพูดขึ้น “ฉันไม่ปิดบังเธอนะ ว่าเงินและเช็คที่เธอให้ฉันในตอนหลัง ฉันเก็บมันไว้ที่ตู้เซฟ ไม่ได้ฝากเข้าบัญชีเลย
ตอนแรกจะรอปาฏิหาริย์ วันนี้เธอหาเงินได้ครบห้าล้าน ฉันอยู่ในเมืองSในช่วงไม่กี่ปีมานี้ ก็น่าจะมีคอนเนคชั่นอยู่บ้าง สุดท้ายแล้วค่อยเอาเงินพวกนี้ฝากเข้าบัญชี
แต่ฉันไม่คิดว่า จะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น”
“เจี่ยนถง ไม่มีอะไรที่ฉันจะช่วยเธอได้ แต่เงินพวกนี้ ประธานเสิ่นไม่ได้ต้องการ และไม่มีทางเอาเงินจำนวนนั้นเข้าบัญชี เดี๋ยวฉันจะเอาเงินและเช็คมาให้เธอ เก็บไว้ให้ดี รอจนกระทั่งที่เธอสามารถไปจากตรงนี้ได้ ก็เอาไปให้หมด
เธอก็อย่าโทษที่ฉันไม่อาจพาเธอหนีไปจากที่นี่ได้ ฉันซูเมิ่งหรือจะเรียกอย่างไพเราะว่าผู้จัดการของตงหวง แต่ที่จริงแล้วฉันก็แค่เป็นหมาเฝ้าประตูของเถ้าแก่เท่านั้น”
เจี่ยนถงรู้สึกตราตรึง “ฉันรู้ สิ่งที่เธอทำเพื่อฉันก็เสี่ยงมากพอแล้ว” เธออยากจะพูด “ขอบคุณ”ต่อซูเมิ่ง แต่ก็รู้สึกว่า “ขอบคุณ” เพียงแค่คำเดียวมันช่างด้อยค่า ทำได้เพียงกอดซูเมิ่งเอาไว้แน่นเท่านั้น!
“โอเค ฉันต้องขอตัวก่อนแล้ว”
……
ทางด้านของเสิ่นซิวจิ่น ทยอยรับโทรศัพท์หลายสาย คุณปู่ของเห้ออู่ท่านแก่เห้อโทรหาเขาเอง “เสี่ยวอู่ไม่ค่อยรู้เรื่อง ล่วงเกินหลานเสิ่นไป หลานเสิ่นช่วยสั่งสอนเจ้าเด็กคนนี้ที่ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงแทนปู่เห้อหน่อย ให้เขาได้จำไว้ซะบ้าง”
วันนี้ผู้หลักผู้ใหญ่ไฮโซมากมายต่างพูดจาเหยียดหยามเจี่ยนถงในบ็อกซ์ตงหวง โทรข้ามากมาย บางคนอ้อนวอนขอร้อง รับผิด มีเพียงผู้อาวุโสจากตระกูลเห้อเท่านั้น ที่บอกให้เขาสั่งสอนเธอ
ฟ้ามืดลง ที่ริมหน้าต่าง ชายหนุ่มมีแววตาเคร่งขรึม มองไปยังท้องฟ้าด้านนอกที่มืดมิด สำหรับท่านแก่เห้อแล้วนั้น เขาหลับตาลง แล้วค่อยๆพูดขึ้น
“ในเมื่อท่านแก่เห้อพูดขึ้นมาแล้ว งั้นผมจะทำตามครับ ท่านแก่เห้อสบายใจได้ ผมจะทำตามคำสั่งของท่านแก่เห้อ สั่งสอนเขา ว่าต้องทำตัวยังไง เพื่อไม่ให้เกิดเรื่องเดือดร้อนขึ้นอีก ตอนนี้ดึกมากแล้ว ท่านแก่เห้อรีบพักผ่อนเถอะครับ”
นิ้วเรียวยาวกดวางสายไม่แม้แต่ชายตามอง
ฝั่งปลายสายนั้น ชายสูงวัยผมที่เงินโยนโทรศัพท์ในมือด้วยความโมโห “เจ้าเด็กบ้านตระกูลเสิ่น!” แล้วหันไปด่าทอพ่อบ้านที่อยู่ข้างๆต่อ
“แกคิดดูซิ ตระกูลเสิ่นนี่จะมากเกินไปแล้ว! คนอย่างฉันอยู่ในวงการธุรกิจมานานเป็นกี่สิบปี ก็ไม่ใช่คนไม่มีชื่ออะไร อายุก็มากกว่าเสิ่นซิวจิ่นถึงสองช่วงวัย มันเสิ่นซิวจิ่นแค่เด็กในบ้านตระกูลเสิ่น กล้าหักหน้าฉันในสายเมื่อกี้!”
พ่อบ้านที่อยู่ข้างๆ จึงได้แต่พูดปลอบ “คุณท่านใจเย็นๆนะครับ ท่านก็บอกแล้ว ว่าเด็กสมัยนี้ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง ท่านก็คิดซะว่ายอมเด็กมันไป” ถึงจะพูดเช่นนั้น แต่ในใจของพ่อบ้านก็ไม่รู้จะทำอย่างไร คุณท่านครับ เขานั่นคือเสิ่นซิวจิ่นแห่งตระกูลเสิ่น ท่านโกรธแทบตายแล้วจะทำอะไรเขาได้?
จะมีเรื่องกับตระกูลเสิ่นเหรอ?
ท่านมีใจกล้าพอไหม มีความอดทนพอไหม มีความสามารถพอไหม?
แน่นอน ว่าคำพูดเหล่านี้ เขาไม่อาจพูดกับคุณท่านได้
พ่อบ้านอยู่กับคุณท่านมานาน รู้ใจคุณท่านดี จึงถามขึ้น “เมื่อสักครู่ตอนที่คุณชายรองโทรมาขอความช่วยเหลือ เหมือนมีพูดถึงลูกสาวของบ้านตระกูลเจี่ยนนะครับ?”
เมื่อพูดเรื่องนี้ขึ้น ท่านแก่เห้อก็เสียงดังขึ้นมา “ลูกสาวของตระกูลเจี่ยน ไม่ได้ติดคุกไปแล้วเหรอ?” เมื่อคิดเช่นนั้น เขาจึงตัดสินใจจะโทรไปถามที่บ้านตระกูลเจี่ยนเอง ต้องการถามเจี่ยนเจิ้นตงเองกับปาก
ยกหูโทรศัพท์ขึ้นมา ดึกขนาดนี้แล้ว ยังจะโทรไปบ้านคนอื่น ซึ่งแน่นอนปลายสายมีคนรับสาย เสียงที่ไม่ค่อยพอใจดังขึ้นมา “ดึกขนาดนี้แล้ว ใคร”
“เจิ้นตง นายนอนแล้วเหรอ?”
ปลายสายได้ยินว่าเป็นเสียงของท่านแก่เห้อจึงเสียงอ่อยลง ขจัดความง่วงไปได้มาก “อ๋อ เป็นท่านแก่เห้อนั่นเอง ดึกขนาดนี้แล้ว ท่านแก่เห้อมีธุระอะไรหรือเปล่าครับ?”
“เจิ้นตง ฉันยินดีกัยนายด้วยนะ”
เจี่ยนเจิ้นตงสงสัย “ท่านแก่เห้อหมายความว่ายังไงครับ มีเรื่องน่ายินดีอะไร?”
“ยินดีที่บ้านนายพร้อมหน้าพร้อมตากันเสียที เสี่ยวถงออกมาจากคุกแล้วสินะ?”
เจี่ยนเจิ้นตงสีหน้าเปลี่ยนไปทันที แล้วพูดขึ้นด้วยความเคร่งขรึม “คุณท่าน ที่โทรมาดึกดื่นเพราะเรื่องนี้เหรอครับ?”
เวลาเดียวกัน ในใจก็คำนวณเวลา… คาดว่า เวลานี้เจ้าลูกสาวกบฏน่าจะออกมาจากคุกแล้ว
เมื่อคิดถึงลูกสาวกบฏ เจี่ยนเจิ้นตงก็รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมา… ตอนนั้นที่บ้านตระกูลเจี่ยนเจอมรสุมหนัก แทบจะทำลายรากฐานของตระกูลที่มีมาช้านาน เพราะเจ้าลูกกบฏคนนี้ ที่ทำให้บ้านตระกูลเจี่ยนกลายเป็นเรื่องตลกของเซี่ยงไฮ้!
ท่านแก่เห้อหัวเราะ “เสี่ยวอู่ของพวกเรา นายก็รู้ว่าเด็กวัยรุ่น ชอบไปที่กลางคืนแบบนั้น ตกใจนะ เด็กอย่างเสี่ยวถงฉันก็เห็นมาแต่เล็ก เธอยังทำผิดซ้ำอีก คนเป็นพ่อก็ไม่น่าปล่อยลูกตกไปอยู่ในมือตงหวงได้ เป็นเรื่องตลกของผู้ชายเอา!”
ปั้ง!
ท่านแก่เห้อได้ยินเสียงแก้วกระแทกลงกับโต๊ะ แล้วก็ยิ้มขึ้นมา… ในเมื่อเรื่องนี้เกิดจากลูกของเจี่ยนเจิ้นตง ที่สร้างความเดือดร้อนมายังเสี่ยวอู่ เจี่ยนเจิ้นตงจะเอาดีฝ่ายเดียว นอนหลับสบาย ฝันหวานเหรอ… ไม่มีทาง!”