Devil’s love ทิ้งรักของนายปีศาจไป - บทที่ 15 ตัวตลก
บทที่ 15 ตัวตลก
สามวันแล้วที่เจี่ยนถงถูกย้ายมาอยู่ที่ฝ่ายประชาสัมพันธ์ เธอยังหาเงินไม่ได้เลยแม้แต่น้อย พอเงยหน้าดูนาฬิกาก็เป็นเวลา 23.07น.แล้ว ช่วงเวลานี้เป็นช่วงเวลาที่คึกคักมาก
ฝ่ายประชาสัมพันธ์ทั้งหมดถูกทิ้งร้าง มีเพียงเธอคนเดียวที่ยังอยู่ในพักรับรอง เพื่อนร่วมงานที่อยู่แผนกเดียวกันต่างก็ออกไปทำงานของตัวเอง หากพูดตามความจริงฝ่ายประชาสัมพันธ์ที่ตงหวงนั้นเป็นที่ที่ทุกคนหาเงินมาได้ไม่น้อย เนื่องจากคนที่มาตงหวงแห่งนี้ล้วนไม่ใช่คนธรรมดาทั่วไป พวกเขาเหล่านั้นล้วนเป็นเศรษฐีนักธุรกิจและมีอำนาจใหญ่โต
แม้ว่าเจี่ยนถงจะมาอยู่ที่นี่ได้เพียงสามวัน แต่ล่าสุดเธอก็ได้ยินเสียงเจินเจินเม้าอยู่ที่ตรงบันได เมื่อวานเธอคุยโม้โอ้อวดว่ามีเศรษฐีนักธุรกิจชาวฮ่องกงใจป้ำให้ทิปเธอคนเดียวถึงห้าหมื่นหยวน
ห้าหมื่นสิบครั้งก็เป็นเงินห้าแสน ห้าหมื่นร้อยครั้งก็เป็นเงินห้าล้าน…แบบนี้เธอก็จะได้ทำในสิ่งที่ผู้ชายคนนั้นต้องการแล้ว และจะได้เป็นอิสระในที่สุด
เธอส่ายหน้าเตือนสติตัวเอง…นั่นคือเจินเจิน ไม่ใช่เธอ เสิ่นซิวจิ่นเคยพูดว่า เธอจะขายความอัปลักษณ์ ความโง่ หรือความน่าสมเพชก็ได้ แต่ในตอนนี้แม้แต่ความโง่ เธอก็ไม่มีโอกาสได้ขาย
“เจี่ยนถง ตามฉันมา” มีคนเปิดประตูเข้ามา เจี่ยนถงมองไปตามเสียงก็รู้ว่าเป็นซูเมิ่ง
“พี่เมิ่ง” เธอรีบลุกขึ้นและตามซูเมิ่งออกไปโดยไม่พูดอะไร
“เธอจะไม่ถามฉันหน่อยเหรอว่าฉันจะพาเธอไปที่ไหน?” ซูเมิ่งขมวดคิ้วถาม “เธอไม่ถามให้ชัดเจนแล้วค่อยตามมาล่ะ? ไม่กลัวฉันจะเอาเธอไปขายหรือไง?”
เจี่ยนถงยิ้ม “พี่เมิ่ง ซื้อฉันไม่คุ้มค่าเงินหรอก”
ผู้หญิงที่บอกว่าตัวเองไร้ค่าด้วยรอยยิ้มเช่นนี้ทำให้เธอที่เดินนำหน้าหัวใจเต้นแรง และกลับมาเป็นปกติได้ในไม่ช้า
เธอเดินนำเจี่ยนถงเข้าไปในห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า
ซูเมิ่งนำเสื้อผ้ามาให้เจี่ยนถงหนึ่งชุด “รีบเปลี่ยนสิ”
เจี่ยนถงกะพริบตามองเสื้อผ้าที่ถือเอาไว้ในมือ “พี่เมิ่ง นี่มัน…”
ซูเมิ่งมองเจี่ยนถงด้วยความเวทนา “เฮ้อ..เปลี่ยนเถอะ คุณเสิ่นเป็นคนสั่งมา” ซูเมิ่งชี้ไปที่เสื้อผ้าที่เจี่ยนถงถือเอาไว้ “ชุดนี้ก็เป็นชุดที่คุณเสิ่นส่งคนเอามาให้”
ซูเมิ่งกลัวเช่นกันว่าเจี่ยนถงจะไม่ยอมเชื่อฟัง อีกทั้งยังปวดหัวกับวิธีโน้มน้าวเจี่ยนถง ผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าก้มหน้าลงและเปลี่ยนเสื้อผ้าอย่างเงียบๆ
ชุดตัวตลกถูกสวมอยู่บนตัวเจี่ยนถง ซูเมิ่งเรียกคนมาแต่งหน้าให้เธอ เจี่ยนถงนั่งอยู่หน้ากระจกด้วยความสงบเสงี่ยม และยอมให้ช่างแต่งหน้าคนนั้นแต่งหน้าตัวเองให้กลายเป็นตัวตลกแต่โดยดี
จมูกเป็นลูกบอลกลมๆสีแดง และมีปากใหญ่ๆสีแดงเป็นรูปรอยยิ้มอยู่บนใบหน้า ใบหน้าถูกเติมแต่งโดยมองไม่เห็นเค้าเดิม
ซูเมิ่งเต็มไปด้วยความรู้สึกซับซ้อน เธอเดินนำเจี่ยนถงขึ้นไปชั้นหก “ไป รีบเข้าไปเถอะ ในห้องนี้มีกลุ่มคุณชายที่มาจากเมืองจิง พวกคุณชายพวกนั้นมาเที่ยวตงหวงจนเบื่อแล้ว พวกเขาก็เลยอยากดูการแสดงตัวตลกน่ะ” ในขณะที่พูด ซูเมิ่งก็รู้สึกว่าตัวเองพูดมากเกินไปแล้วจึงรีบบอกเจี่ยนถงว่า “เสี่ยวถง…”
ยังไม่ทันพูดจบก็ถูกเจี่ยนถงพูดตัดบท “พี่เมิ่ง ฉันยังต้องเก็บเงินให้ได้ห้าล้าน ขอบคุณที่ให้โอกาสฉัน”
ซูเมิ่งหยุดอยู่ข้างนอกห้อง ไม่สามารถบอกได้ว่าในใจกำลังรู้สึกอะไร ผ่านไปสักพักเธอก็ยกมือเคาะประตูห้องแล้วผลักเจี่ยนถงเข้าไป ใบหน้าของเธอถูกแทนที่ด้วยรอยยิ้มอย่างเป็นมืออาชีพ “คุณเสิ่น ตัวตลกมาแล้ว”
ทันทีที่เจี่ยนถงเงยหน้าขึ้น….ทำไมเสิ่นซิวจิ่นถึงมาอยู่ที่นี่ได้? ! เธอนึกว่ามีเพียงพวกคุณชายที่มาจากเมืองหลวงเสียอีก!
แท้ที่จริงเเล้วเสิ่นซิวจิ่นอยู่ที่นี่นี่เอง! เขาจงใจทำ! เขาต้องการเห็นเธอได้รับความอับอาย เห็นความน่าเกลียดของเธอ เห็นเธอเจ็บปวด!
“ตัวตลกๆ มา ยิ้มหน่อยซิ” มีเด็กหนุ่มตัวโตคนหนึ่งนั่งอยู่บนโซฟาประดับเพชรสีดำมองเธอด้วยความเหยียดหยาม เขาสวมเสื้อยืดลายขาวดำและกางเกงยีนรัดรูป บนคอสวมโซ่เงินเส้นหนึ่งด้วยสไตล์ฮิปฮอป
เด็กหนุ่มตัวโตคนนี้น่าจะอายุราวๆยี่สิบต้นๆ ย้อมผมด้วยสีหม่นเผยให้เห็นความเป็นหนุ่มสาวก๋ากั่น
เขานั่งอยู่บนโซฟาด้วยรอยยิ้มกว้างและพอเจี่ยนถงเข้ามา ทันใดนั้นเขาก็โน้มตัวไปข้างหน้า ทั้งยังแกว่งโซ่ไปมาในอากาศ เด็กหนุ่มตัวโตชี้มาที่ตัวเองพลางหัวเราะชอบใจ “มานี่สิ ตัวตลกมายิ้มให้ฉันหน่อย มาทางนี้ ใช่… แบบนั้นแหละ ยิ้มให้ดูหน่อยแล้วฉันจะให้รางวัล” จู่ๆก็มีธนบัตรหนาปึกหล่นมาที่เท้าเจี่ยนถง
รสชาติแห่งความเหยียดหยามนั้นเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ
ขนตาเจี่ยนถงสั่นระริกอย่างไม่สามารถควบคุมได้ แต่ทันใดนั้นเธอก็เงยหน้าขึ้นและยิ้มกว้างออกมา บวกกับการแต่งหน้าเหมือนตัวตลกก็ยิ่งทำให้เธอดูเหมือนมากยิ่งขึ้น
“NONONO ยิ้มแค่นี้ยังไม่ผ่าน เอาใหม่” เด็กหนุ่มตัวโตส่ายนิ้วด้วยความเท่ “อยากได้เงินไม่ใช่เหรอ? ก็ต้องออกแรงหน่อย”
เจี่ยนถงก้มศีรษะลง ธนบัตรสีแดงก็ร่วงลงมาต่อหน้าต่อตา ดวงตาเจี่ยนถงหดแคบลง การเคลื่อนไหวทั้งหมดของเธอตกอยู่ในสายตาเสิ่นซิวจิ่น แววตาของชายหนุ่มเปลี่ยนเป็นสีอึมครึม
พอเงยหน้าขึ้นมาอีกครั้ง เจี่ยนถงก็กะพริบตา จากนั้นยิ้มกว้างขึ้นยิ่งกว่าเดิมเผยให้เห็นฟันขาวๆเรียงกันเป็นแถว บวกกับปากใหญ่สีแดงที่ดูใหญ่เกินจริงก็ยิ่งทำให้เธอยิ้มได้ตลกมาก
“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า…สนุกว่ะ สนุกจริงๆ!” เด็กหนุ่มตัวโตคนนั้นหัวเราะเสียงดัง พลางเรียกคนข้างๆ “เฮ้! พวกนายดูสิ เหมือนคนปัญญาอ่อนไหม?”
การแต่งหน้าเป็นตัวตลกอันหนาเตอะสามารถปกปิดรอยยิ้มแข็งกระด้างของเจี่ยนถงได้ มีเสียงโห่ร้องและเสียงปรบมือดังไปทั่วห้อง พวกคุณชายเหล่านั้นต่างหัวเราะชอบใจ “รอบนี้ดีมาก! อ่ะ ฉันให้เงินเธอ”
ในเวลานี้เจี่ยนถงไม่รู้จะเสียใจหรือดีใจดี
“เก็บไปสิ? ให้เธอแล้ว หรือไม่อยากได้ล่ะ?”
“อยากได้…” เธอพูดอย่างไม่อาย
“อยากได้ก็คุกเข่าลงไปเก็บ เก็บขึ้นมาซะ นั่นเป็นของเธอ” เด็กหนุ่มตัวโตคนนั้นเลิกคิ้วและพูดอย่างไม่รู้สึกรู้สา
เสิ่นซิวจิ่นซ่อนตัวอยู่ในความมืด ดวงตาคู่นั้นมืดยิ่งกว่าความมืดในตอนกลางคืน เขามองดูเหตุการณ์ทั้งหมดด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง
เจี่ยนถงหลุบตาลงภายใต้การแต่งหน้าอันหน้าเตอะ ใบหน้าเธอซีดขาวราวกับกระดาษ แต่ทำยังไงได้ล่ะ? เจี่ยนถงหัวเราะเยาะตัวเองในมุมมืด…เงิน มันช่างมีค่า เธอสามารถใช้มันเพื่อซื้ออิสรภาพให้ตัวเองไม่ใช่หรือ?
สามปีที่แล้วเขาส่งเธอเข้าคุกและตั้งแต่นั้นมาเธอก็ไม่มีอิสระอีกเลย
พอสามปีต่อมาเธอได้รับการปล่อยตัว เขาก็ยังใช้เงินจำนวนห้าล้านมากักขังเธอไว้ไม่ให้เป็นอิสระ…ไม่ได้ เธอสัญญากับความฝันของเด็กผู้หญิงคนนั้นไว้แล้ว เธอจะต้องตระหนักถึงข้อนี้!
เจี่ยนถงคุกเข่าลงไปเก็บธนบัตรที่กองอยู่บนพื้น พอลุกขึ้นเสียงหัวเราะขี้เล่นของเด็กหนุ่มคนนั้นก็ดังขึ้นมาในหัว “ชอบเงินนักเหรอ? ฉันคนนี้ขาดทุกอย่างยกเว้นเงิน วันนี้เธอทำให้ฉันมีความสุข ฉันก็เลยมีรางวัลตอบแทน”
ในขณะที่พูดคุยกันนั้นก็เหมือนมีธนบัตรโปรยลงมาจากบนท้องฟ้า ธนบัตรจำนวนมากตกลงมาทีละใบ ในขณะที่เขาถือธนบัตรจำนวนมากและโยนเงินขึ้นไปในอากาศ เจี่ยนถงก็มองไปที่เด็กหนุ่มคนนั้นด้วยความประหลาดใจ
นี่มัน…อะไรกัน?
“ชอบไหม? ฉันอยากให้เธอเล่นอะไรให้ดูหน่อย” เหล่าพรรคพวกของเด็กหนุ่มตัวโตคนนั้นต่างโพล่งออกมาว่า “เธอห้ามลุกขึ้น ฉันให้เวลาเธอหนึ่งนาทีในการคลานเก็บเงินบนพื้น เก็บเอาเงินของเธอไปซะ และถ้าเธอเก็บเงินที่อยู่บนพื้นจนหมดแล้วไม่ให้หล่นแม้แต่ใบเดียว ฉันจะให้เธอเพิ่มอีกห้าหมื่น ”
ในมุมมืด ไม่มีใครเห็นมือเจี่ยนถงกำลังสั่น…ไม่ใช่เพราะความซาบซึ้งแต่อย่างใด แต่เป็นความเจ็บปวดที่อยู่ลึกๆในจิตใจ
ทำอย่างไรดี?
จะเก็บ หรือว่าไม่เก็บ?
เคยได้ยินมาว่าการได้เงินมานั้นมีความสุขแค่ไหน…แต่ทำไมหัวใจเธอถึงได้เศร้าขนาดนี้?
————