Devil’s love ทิ้งรักของนายปีศาจไป - บทที่ 58 ความเจ็บปวดที่อยากปกปิด
บทที่ 58 ความเจ็บปวดที่อยากปกปิด
นิ้วเรียวยาว สัมผัสแผลเป็นนั้น
ปลายนิ้วสัมผัสหน้าผาก มันไม่เรียบเนียน
เมื่อเพิ่งสัมผัสแผลเป็นนั้น ปลายนิ้วเสิ่นซิวจิ่นก็เหมือนโดนน้ำร้อนลวก
“ร่างกายที่ขาดชิ้นส่วน เสิ่นซิวจิ่น นายพูดมาตรงๆ นายลงมือยังไง?” ในโทรศัพท์ยังไม่ได้วางสาย ไป๋ยู่สิงพูดกึ่งจริงจังกึ่งติดตลก
ในโทรศัพท์ ชายคนนั้นเหมือนไม่ได้ยินคำพูดของไป๋ยู่สิง นิ้วหัวแม่มือลูบแผลเป็นที่หยาบกร้านนั้นอย่างระมัดระวัง ทันใดนั้น เขาก็ทำการกระทำแปลกๆ ทั้งฝ่ามือปิดบนรอยแผลเป็นนั้นไว้
มองมือตนอย่างจริงจัง และไม่รู้ว่าเขากำลังวิจัยอะไรอยู่
โทรศัพท์กับไป๋ยู่สิงยังเชื่อมต่อตลอดเวลา ไป๋ยู่สิงได้ยินว่าในโทรศัพท์ไม่มีการเคลื่อนไหว ที่ปลายสายมันเงียบสงบจริงๆ สงบจนเหมือนเจ้าของโทรศัพท์ลืมวางสาย
อย่างไรก็ตาม ไป๋ยู่สิงไม่คิดจะวางสายก่อน หยิบบุหรี่หนึ่งมวนมาจากหัวเตียง เกิดเสียง “แชะ” จุดไฟ ได้ลิ้มรสนิโคตินอย่างดี ในตอนนี้ ชายคนนั้นที่ปลายสาย จู่ๆ ก็พูดขึ้นมาอย่างยากที่จะเข้าใจ “ยาวกว่าฝ่ามือฉันอีกอ่ะ”
“อะไร?” ไป๋ยู่สิงตกตะลึง แต่หลังจากนั้นสามวินาทีก็เกิดการตอบสนอง “อ่อ นายหมายถึงแผลเป็นเอวเธอใช่ไหม?” อย่างไรก็เป็นเพื่อนสนิทกันมาหลายปี สามารถเดาความหมายในคำพูดเสิ่นซิวจิ่นออกมาได้
“ยาวกว่าฝ่ามือนายอีกเหรอ?” ไป๋ยู่สิงสูบบุหรี่หนักๆ หลังจากพ่นควันสีขาวออกมาเป็นวงกลม
“นั่นแสดงว่า หมอที่ทำการผ่าตัดให้เธอตอนนั้นฝีมือแย่มาก แย่จน……อืม ต้องพูดแบบนี้ ตอนฉันเรียนหมอ ครั้งแรกในห้องปฏิบัติการเอาตัวอย่างที่นำออกมาจากฟอร์มาลิน บทที่ทำการผ่าตัดเอาไตออกมา รอยมีดก็ไม่ยาวขนาดนั้นนะ”
“มันหมายความว่าอะไร?”
“หมายความว่า เป็นไปได้อย่างมาก…….ไม่ ต้องแน่นอนสิ หมอคนนั้นที่ผ่าตัดให้เธอ บางทีอาจจะไม่มีใบอนุญาตทางการแพทย์ นายรู้จักผ่าตัดเถื่อนไหม? แบบนั้นแหละ”
ผ่าตัดเถื่อน กลุ่มคนที่ไม่มีใบอนุญาตทางการแพทย์
“ถ่ายรูปแผลเป็นเธอมา” ไป๋ยู่สิงพูดอีกครั้ง
เสิ่นซิวจิ่นลังเลสักพัก แต่ไป๋ยู่สิงพูดขึ้น “ฉันจะดูบาดแผลและรอยแผลเป็นเธอ อย่างน้อยก็เห็นในสิ่งที่นายมองไม่ออกได้ ความจริงและบางอย่างที่ถูกปกปิดอยู่ อยากรู้ไหม?”
ไป๋ยู่สิงพ่นควันสีขาวออกมา “อยากรู้ ก็ถ่ายมา”
พูดตามตรง เขาไม่คิดว่าเขาจะสามารถพูดโน้มน้าวเสิ่นซิวจิ่นได้ คนที่โดดเดี่ยวและเย็นชาอย่างเสิ่นซิวจิ่น อย่างน้อยก็โตขนาดนี้แล้ว เขาเองไม่เคยเห็นเสิ่นซิวจิ่นทำไมถึงได้ยอม นอกจากเซี่ยเวยเหมิง ก็ไม่เคยเห็นจริงๆ ว่าเสิ่นซิวจิ่นสนใจใคร
อ๋อ……จริงๆ แล้วถึงแม้ว่าจะเป็นเซี่ยเวิยเหมิง ไป๋ยู่สิงก็ไม่คิดว่านั่นคือการสนใจ อย่างมากที่สุดคนอย่างเซี่ยเวยเหมิงก็อยู่ในแวดวงของตัวเอง
แต่ไป๋ยู่สิงไม่คิดว่านี่คือความผิดพลาดของเสิ่นซิวจิ่น คนอย่างพวกเขา ยากมากที่จะสนใจผู้หญิงคนหนึ่งจริงๆ และการที่เอาผู้หญิงคนหนึ่งเข้ามาในแวดวงของตัวเอง นี่ถือเป็นการยอมรับแล้ว
“รอก่อน” ไป๋ยู่สิงตอนแรกไม่ได้คิดว่าเสิ่นซิวจิ่นจะถ่ายรูปมาให้ตนจริงๆ เขาแค่พูดมันเล่นๆ เท่านั้น แต่ขณะที่เขาเตรียมจะหัวเราะ “ฮ่าๆ” และจบหัวข้อนี้ลง คนที่อยู่ปลายสายจู่ๆ ก็พูดสองคำนี้ขึ้นมากะทันหัน
“ซี้ด~” ทำให้ตกใจจนไป๋ยู่สิงทำบุหรี่ในมือตกลงไป ลวกแขนข้างหนึ่งที่วางราบไปกับต้นขา การลวกที่เกิดขึ้นกะทันหัน เจ็บจนทำให้ไป๋ยู่สิงสูดไอเย็นเข้าไป
เหี้ย ลวกเกือบตาย! “เดี๋ยวก่อน นายว่าไงนะ?”
ทันทีที่ถามออกไป ทันใดนั้นข้อความที่ยังไม่ได้อ่านก็ดังขึ้นมาในโทรศัพท์ “เอ่อ……” ไม่ใช่มั้ง เสิ่นซิวจิ่นคงไม่ได้ถ่ายรูปส่งมาจริงๆ หรอกใช่ไหม?
รีบเอื้อมมือไปเปิด……เป็นรูปรอยแผลเป็นหนึ่งจริงๆ “เป็นแค่” รูปรอยแผลเป็นจริงๆ ——รอยแผลเป็นที่น่ากลัว ในรูปไม่เห็นส่วนอื่นๆ เลย!
มองรูปภาพ ไป๋ยู่สิงจู่ๆ ก็รู้สึกแปลกๆ ในใจทันที——ทำไมเขารู้สึกว่า เสิ่นซิวจิ่นไม่ค่อยอยากให้เขาเห็นผิวเปลือยเปล่าส่วนอื่นของเจี่ยนถงเพิ่มสักนิ้ว?
ความรู้สึกนี้ หลังจากศึกษาภาพถ่ายความละเอียดสูงของรอยแผลเป็นนี้สักพัก ก็ยิ่งมั่นใจ
“ดูเสร็จหรือยัง? ดูรู้เรื่องไหม?” ทันใดนั้น ในโทรศัพท์ เสิ่นซิวจิ่นก็ถามอย่างไม่ค่อยพอใจนัก ไป๋ยู่สิงไอสองครั้งแล้วรีบพูดขึ้น “ดูเสร็จแล้ว ดูรู้เรื่องแล้ว”
“นายมองเห็นอะไร?”
“ฉันมองออกว่าคนที่ผ่าตัดให้เธอต้องเป็นผ่าตัดเถื่อนแน่นอน เย็บสามครั้งและเย็บเบี้ยวด้วย แม้แต่หมอที่มีใบอนุญาตทางการแพทย์ก็ไม่ได้ขอ การประหยัดเงินแบบนี้ สงสัยมากๆ ว่าคนพวกนี้ตอนผ่าตัดจะใช้ยาชาไหม”
ขากรรไกรด้านล่างเสิ่นซิวจิ่นปูดนูนขึ้นมา คำพูดของไป๋ยู่สิง ทำให้เขานึกภาพอันมืดมนนั้นในหัวสมอง หญิงสาวที่ดิ้นรน ถูกกดลงบนเตียงผ่าตัด……หัวใจ มันหดเกร็งอย่างรุนแรง!
“ใครกันแน่……”
“ใครกันแน่ ในใจนายเดาได้แล้วไม่ใช่เหรอ” ไป๋ยู่สิงขัดจังหวะเสิ่นซิวจิ่นอย่างตรงไปตรงมา “นายโทษพวกเขาไม่ได้ นายไม่รู้เหรอว่าท่าทีที่นายมีต่อเจี่ยนถง การแสดงออกที่เต็มใจของนาย เป็นตัวกำหนดหญิงสาวผู้น่าสงสารคนนั้น และสถานการณ์ในสามปีนี้?”
วันนี้ไป๋ยู่สิงจงใจพูดความจริงที่รับได้ยาก “อย่าโทษที่ฉันไม่เตือนนาย บางทีแผลเป็นที่นายเห็นในวันนี้ อาจจะเป็นแค่ส่วนยอดภูเขาน้ำแข็งของหายนะสามปีในคุกของเจี่ยนถงก็ได้ ตอนเธอเป็นคุณหนูเจี่ยน นายไม่รู้ว่าเธอผ่านเรื่องอะไรมาบ้าง เธอถูกขังไว้ในที่มืดขนาดนั้น นายยิ่งไม่รู้สิ่งที่เธอต้องเจอในสามปีนี้ สามปีมานี้เธอใช้ชีวิตยังไง”
เมื่อประโยคนี้พูดออกไป ไป๋ยู่สิงเองก็ตกตะลึงเช่นกัน ทันใดนั้นก็เข้าใจได้ว่าเจี่ยนถงผู้ที่มีความมั่นใจในตอนแรก กลายเป็นมีท่าทางกลัวหัวหดแบบในวันนี้ ทันใดนั้นเองก็เข้าใจบ้างแล้ว
แล้วนึกถึงวันนี้ที่ตัวเองอยู่ต่อหน้าเจี่ยนถง คำพูดเหล่านั้นที่บอกว่าผิดหวังและโทษเธอว่าทำไมเปลี่ยนไป ตอนนี้มาคิดๆ แล้ว ตัวเองไม่เจอกับตัวไม่รู้หรอก
ส่ายหน้า “ก่อนหน้านี้บทที่ไปดูอาการป่วยให้เธอ มันไม่ร้ายแรงจริงๆ ฉันก็ไม่รู้เธอมีเหตุผลอะไร ถึงจู่ๆ เป็นลมไป แต่ฉันแนะนำว่าให้นายพาเธอไปโรงพยาบาลตอนนี้ จมน้ำ เป็นไข้ เป็นลม เรื่องพวกนี้ที่เกิดขึ้นติดๆ กัน ไม่ต้องพูดถึงร่างกายที่ทรุดโทรมและป่วยของเธอ ถึงจะเป็นคนที่มีร่างกายสมบูรณ์แข็งแรงก็ตาม ไม่มีใครทนความทรมานติดๆ กันแบบนี้ได้หรอก”
“โอเค ฉันจะขับพาเธอไปโรงพยาบาลเดี๋ยวนี้”
“งั้นโอเค เดี๋ยวฉันก็จะรีบไปโรงพยาบาลเดี๋ยวนี้”
ทั้งสองตกลงกันแล้ว เสิ่นซิวจิ่นก็วางสาย
เสิ่นซิวจิ่นยืนข้างเตียงมองหญิงสาวบนเตียง มีคำพูดเหล่านั้นของไป๋ยู่สิงดังก้องในหัวสมอง: นายไม่รู้เหรอว่าท่าทีที่นายมีต่อเจี่ยนถง การแสดงออกที่เต็มใจของนาย เป็นตัวกำหนดสถานการณ์ในสามปีนี้ของเจี่ยนถง?
เป็นอย่างนี้เหรอ?
ในใจเขารู้ดี มันเป็นแบบนี้แหละ
แต่ไม่คิดว่า จะมีวันหนึ่ง เมื่อเห็นรอยแผลเป็นน่ารังเกียจบนร่างกายเธอแล้วเขาอยากฆ่าคน
ไม่แน่ใจอารมณ์ยุ่งเหยิงพวกนี้ได้ เสิ่นซิวจิ่นก้มลงจัดระเบียบเสื้อผ้าบนร่างกายหญิงสาวบนเตียง หันตัวไปหยิบเสื้อโค้ตขนสัตว์ขนาดใหญ่ในตู้เสื้อผ้ามาห่อเธอไว้แน่น ในตอนนี้จู่ๆ ก็พบว่า คนที่ดูอวบอ้วนในวันปกติ จริงๆ แล้วด้านในนั้นผอมแบบนี้
เขาโน้มตัวกอดเธอไว้ในอ้อมแขน เมื่อเจี่ยนถงมีสติ เขามักจะแบกเธอ แค่บทที่เธอไม่มีสติ ถึงจะอุ้มในท่าเจ้าสาวที่หญิงสาวต้องการมากที่สุด
ลิฟต์มาถึงชั้นหนึ่ง ดังติ๊ง ประตูเปิดออก
ชายหนุ่มร่างสูงหล่อเหลาคนหนึ่ง อุ้มคนตัวเล็กไว้ในอ้อมกอด ภายใต้สายตาความอยากรู้อยากเห็น ความสอดรู้ หรือความอิจฉาริษยา เดินผ่านล็อบบี้อันหรูหราเรียบง่ายตงหวงไป ขาเรียวยาวก้าวออกจากประตูใหญ่