Devil’s love ทิ้งรักของนายปีศาจไป - บทที่34: การเริ่มต้นของคำนินทา
บทที่34: การเริ่มต้นของคำนินทา
เจี่ยนถงไม่เข้าใจ ทำไมเพื่อนร่วมห้องในอดีต เจอหน้าถึงได้พูดให้ร้ายเธออย่างนี้ เพราะเธอแย่ขนาดนั้นและเป็นคนน่ารังเกียจขนาดนั้นจริงๆเหรอ?
ยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย เผยรอยยิ้มที่ขมขื่นออกมา
เธอมองฉินมู่มู่ทีหนึ่งอย่างเงียบๆ สายตานั้นอาจจะไม่ได้มีความหมายที่พิเศษอะไร อาจจะเป็นไปได้ว่าคือการ“รับรู้ความจริง”แบบหนึ่ง เจี่ยนถงหันหลังและใช้ขาเป๋ของเธอค่อยๆจางหายไปจากสายตาของฉินมู่มู่
ฉินมู่มู่ทรมานเหมือนถูกคนมาบีบคอไว้ มือที่ห้อยอยู่ข้างกาย กำแน่นเป็นหมัดด้วยความโกรธเคือง สายตาจ้องมองร่างเงาที่เดินขากะเผลก
เธอไม่เข้าใจ ผู้หญิงคนนี้น่าสงสารขนาดนั้น เมื่อครู่อยู่ตรงหน้าตัวเอง มีสิทธิ์อะไรที่จะมาแสดงออกอย่างโอหังอวดดีขนาดนี้!
เธอ——เจี่ยนถง!
มีสิทธิ์อะไรมาโอหังอวดดี!
คนขาเป๋คนหนึ่ง!
คนน่าสงสารที่เพื่อเงินแล้วกระดิกหางประจบ!
อีคนขี้เหร่ที่หน้าตาไม่สวย หุ่นก็ไม่ดีแถมยังยั่วผู้ชายไปทั่วอีก!
พอนึกถึงใบหน้าหล่อเหลาของเซียวเหิงอีก ในใจของฉินมู่มู่ยิ่งโกรธแค้นเข้าไปอีก………ต้องเป็นนังแพศยาคนนี้ที่เป็นฝ่ายไปยั่วคุณเซียวก่อนแน่ๆ!
ข้างๆมีคนเฝ้าดูฉินมู่มู่กับเจี่ยนถงอยู่ตลอดเวลา จนเมื่อเจี่ยนถงจากไป การแสดงออกของฉินมู่มู่ ต่างก็อยู่ในสายตาของคนรอบข้าง ถึงแม้ตอนนี้ ฉินมู่มู่คนนี้ก็เป็นคนที่ไม่เป็นที่ต้อนรับของคนอื่น
แต่ว่า ความสอดรู้สอดเห็นของมนุษย์แข็งแกร่งเสมอ สามารถก้าวข้ามผ่านความรังเกียจไปชั่วขณะไปได้ ถามอย่างมีเจตนาอย่างอื่นแอบแฝง: “ฉินมู่มู่ นี่มันอะไรกัน ทำไมเธอไปมีเรื่องกับเธออีกแล้วเหรอ?”
“เธอ”ที่ว่านี้ ย่อมหมายถึงเจี่ยนถงอยู่แล้ว
ในใจของฉินมู่มู่กำลังโกรธเคืองอยู่ ถูกคนถามแบบนี้ปุ๊บ ภายใต้ความโกรธ เธอก็พูดอย่างเย้ยหยัน: “ฉันเนี่ยนะจะไปมีเรื่องกับนังมารจิ้งจอกนั่น?”
คนรอบข้างพอได้ยินคำว่า“มารจิ้งจอก” ทันใดนั้นตาก็สว่างเลย:มีฉากสนุกให้ดูแล้ว!
“เฮ้ยๆ มารจิ้งจอกอะไรเหรอ? เจี่ยนถงคนนั้นน่ะหรอ?”
ฉินมู่มู่เหมือนแบล็กเมล์เธอ: “เมื่อกี๊ตอนที่ฉันอยู่ทางเดินบันไดเห็นเธอกับคุณเซียวกอดกันด้วยแหละ”
คุณเซียว?
สามคำนี้ อาจกล่าวได้ว่าไม่เซนซิทีฟ!
“คุณเซียว คงไม่ใช่เซียวเหิงคุณเซียวคนนั้นมั้ง?” มีคนส่งเสียงออกมาด้วยความตกใจ: “เป็นไปไม่ได้มั้ง นั่นมันชายโสดที่ร่ำรวยมากเชียวนะ ทั้งหล่อทั้งรวยและมีรสนิยม เป็นไปได้หรอที่จะชอบเธอที่เป็นพนักงานทำความสะอาด?”
“ฉันเห็นกับตาเชียวนะ เมื่อกี๊พวกเขากำลังกอดจูบกันอยู่ที่ทางเดินบันได” แววตาของฉินมู่มู่มีความริษยาระยิบระยับผ่าน
ถือสิทธิ์อะไร!
ผู้หญิงคนนั้นไม่ใช่อะไรเลย ทั้งขี้เหร่ทั้งพิการแถมยังไร้การศึกษา เพื่อเงินแล้วสามารถทำได้ทุกอย่าง ผู้หญิงที่สกปรกขนาดนี้ ถือสิทธิ์อะไรถึงเป็น……..เธอ!
ฉินมู่มู่ได้ลืมความดีของเจี่ยนถงไปตั้งนานแล้ว
“รู้คนรู้หน้าไม่รู้ใจ ที่ว่าก็คือเธอนั่นแหละ เมื่อก่อนฉันพักอยู่ที่หอเดียวกับเธอ ตอนนั้นเธอเป็นพนักงานทำความสะอาด เป็นคนไม่ชอบพูดไม่ชอบจา ฉันก็นึกว่าเป็นคนประพฤติตัวดีเสียอีก
นึกไม่ถึงเลยว่าจะเป็นคนแบบนี้ อยู่หอเดียวกันกับคนแบบนี้ ทุกวันต้องหายใจด้วยอากาศที่เหมือนๆกัน จนฉันใกล้จะอ้วกอยู่แล้ว!”
“เจี่ยนถงคนนี้ก็จริงๆเล๊ย……”
“หุบปาก!” ในขณะนี้เอง เสียงเสียงหนึ่งก้องมา “พวกเธอนี่ว่างจัดใช่มั้ย? กินอิ่มแล้วไม่มีอะไรทำกันใช่มั้ย? ลืมเรื่องของเจินเจินกับลู่น่าไปแล้วเหรอ?”
คนที่มาคืออันนี สามารถบอกได้ว่าเป็นพนักงานที่มีสิทธิ์และอยู่ตงหวง…….มานานที่สุด!
ฉินมู่มู่เห็นอันนี ทันใดนั้นก็นึกถึงตอนนั้นก็คืออันนีคนนี้แหละ ที่ทำให้ตัวเองตกที่นั่งลำบากต่อหน้าผู้คนมากมาย แถมยังไม่ให้เสี่ยวเสี่ยวคุยกับตัวเองอีก ศัตรูพอเจอกันมักจะอิจฉาตาร้อนเป็นพิเศษ!
“คนบางคนอาศัยที่ตัวเองทำงานอยู่ที่ตงหวงมานาน ก็ทำตัวหยิ่งผยอง ชี้นิ้วว่าคนอื่นไปทั่ว ก็ไม่ดูตัวเองซะบ้าง ว่าตัวเองก็เป็นแค่พนักงานคนหนึ่งเหมือนกัน” ยังไงฉินมู่มู่ก็เรียนจบจากมหาลัยSอยู่ ก็เป็นคนฝีปากกล้ามากเหมือนกัน
อันนีไม่แม้แต่จะมองฉินมู่มู่ เธอหัวเราะเยาะและมองคนอื่น: “ขอเตือนพวกเธอด้วยความหวังดีนะ อย่าตามรอยเจินเจินกับลู่น่า จะเชื่อฟังหรือไม่ก็ช่าง”
พอพูดจบ อันนีก็หันหลังเดินจากไป พอเดินมาถึงที่ทางเลี้ยว ยังสามารถได้ยินเสียงซุบซิบนินทาอีกเช่นเคย:
“อันนีคนนี้นี่ก็เห็นตัวเองสำคัญเกินไปแล้ว ชอบเอาเรื่องของเจินเจินกับลู่น่ามาพูดอยู่นั่นแหละ เจินเจินกับลู่น่าเป็นเพราะว่าฝ่าฝืนกฎของตงหวง คนที่อยู่เบื้องบนของตงหวงเกลียดการยุให้รำ ตำให้รั่ว แต่ว่ากลับไม่ห้ามการเป็นคู่แข่งเป็นการส่วนตัว”
อย่าว่าแต่ตงหวงเลย ไม่ว่าบริษัทไหนๆต่างก็เป็นอย่างนี้ทั้งนั้น อันนียังเอาเรื่องของเจินเจินกับลู่น่ามาพูดอีก นี่มันคนละเรื่องกันชัดๆ
อันนีที่อยู่ในมุมเลี้ยว ส่ายหัวอย่างลับๆคนเดียว คนที่รนหาที่ตาย เกลี้ยกล่อมยังไงก็เกลี้ยกล่อมไม่ฟัง
เพียงแต่เจี่ยนถงคนนั้น…….ดูท่าต้องประสบความทุกข์ทรมานอีกแล้ว
อันนีไม่คิดจะไปฟ้อง เรื่องแบบนี้ ไม่หาเรื่องใส่ตัวก็ดีแล้ว
อยู่ที่ตงหวง เรียนรู้ตั้งนานแล้วกับการทิ้งเรื่องที่ไม่เกี่ยวกับตัวเองไปไกลๆ
สามารถเห็นแก่ที่เคยเป็นเพื่อนร่วมงานมาก่อน เกลี้ยกล่อมคนพวกนั้นไปคำหนึ่ง เธอก็ถือว่ามีความเมตตากรุณาแล้ว
ส่วนเกลี้ยกล่อมแล้วฟังไม่เข้าหู……….“ช่างเถอะ เรื่องยุ่งเหยิงพวกนั้น มันเกี่ยวอะไรกับฉันด้วย”
………………
หลังจากเลิกงาน
จู่ๆด้านนอกเริ่มมีฝนตกปรอยๆ ตอนแรกฝนมีท่าทีตกไม่หนัก เจี่ยนถงเดินกลับไปอย่างช้าๆทุกคืน
คืนนี้ก็ย่อมไม่มีข้อยกเว้นอยู่แล้ว
ฝั่งตรงข้ามของตงหวงมีร้านสะดวกซื้อที่เปิดตลอด24ชั่วโมง ตรงหน้าแคชเชียร์
“คุณคะ ทั้งหมดห้าสิบหกหยวนค่ะ” บนเคาน์เตอร์แคชเชียร์มีล่มวางอยู่คันหนึ่ง เจี่ยนถงมองล่มทีหนึ่ง นี่เป็นล่มที่ถูกที่สุดของร้านสะดวกซื้อนี้แล้ว เธอหันมามองกระเป๋าตังค์ที่อยู่ในมืออีก ห้าสิบหกหยวน แน่นอนว่าเธอมีอยู่แล้ว ลังเลอยู่…….
“ขอบคุณค่ะ จู่ๆฉันเพิ่งนึกได้ว่าฝนตกไม่หนัก คงไม่ต้องการล่มคันนี้แล้วค่ะ”
เดินออกมาจากร้านสะดวกซื้อ เจี่ยนถงดึงเสื้อของตัวเองไว้แน่นๆ หดตัวเป็นก้อน ก้มศีรษะไว้และเดินไปข้างหน้า
ฝนตกไม่หนัก สำหรับเธอแล้วไม่ทรมานมากนัก เพียงแต่เอวข้างซ้ายรู้สึกโล่งๆ เวลาอากาศเปลี่ยนแปลงจะรู้สึกเจ็บจนยากที่จะทนไหว
ในตอนที่ใกล้จะถึงบ้าน สวรรค์ก็เหมือนเปลี่ยนสีหน้าอย่างไรอย่างนั้น พริบตาเดียวก็“ฟรืบ”! ฝนตกหนักจนเหมือนน้ำในกะละมังเทลงมาโดยตรง!
กลับมาถึงบ้าน เอากุญแจเสียบเข้าไปในประตู แต่เปิดประตูไม่ออก
เสียบอีกครั้ง……ก็ยังเปิดไม่ออกอยู่ดี!
เจี่ยนถงตะลึงงันไปครู่หนึ่ง มองดูประตูที่ปิดสนิทอย่างเซ่อๆ จากนั้น……ฉีกรอยยิ้มที่ขมขื่นออกมา
เธอกับฉินมู่มู่พักอยู่ที่ห้องเดียวกัน หลังจากเกิดเรื่องครั้งนั้น ระหว่างเธอกับฉินมู่มู่ก็ยิ่งต่างคนต่างอยู่ ไม่มายุ่งเกี่ยวกัน
ที่จริง คนแบบนี้สองคนอยู่ด้วยกัน ไม่ว่าใครก็คงไม่สบายใจหรอก ก็ไม่รู้ว่าพี่เมิ่งลืมสลับสับเปลี่ยนห้อง หรือบริษัทคิดว่า ความขัดแย้งของพนักงานแบบนี้ไม่คุ้มค่าแก่การพูดถึงด้วยซ้ำ
หลังจากวันนั้น ท่าทีที่ฉินมู่มู่มีต่อตัวเองก็เปลี่ยนไปเยอะมาก
เพียงแต่ ถึงฉินมู่มู่จะเมินใส่ตัวเอง เหมือนเช่นเรื่องของวันนี้ แต่ที่ล็อกประตูจากด้านไว้ไม่ให้ตัวเองเข้าไป ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนเลย
“ฉินมู่มู่ ฉิน……..” เธอเรียกชื่อ อยากเรียกให้คนที่อยู่ในห้องเปิดประตู แต่เพิ่งเรียกออกมา เสียงก็หยุดชะงักเอาไว้ เธอค่อยๆก้มศีรษะลงและปิดปาก……คนที่อยู่ในห้อง มีความเฉียบขาดแล้วที่จะไม่ให้ตัวเองเข้าห้อง ถึงเธอจะเรียกยังไง คนที่อยู่ข้างในก็จะทำเป็นไม่ได้ยิน
ปลุกคนที่แกล้งหลับไม่ตื่นตลอดกาล…………ไม่ใช่เหรอ?
ยืนอยู่ที่หน้าห้อง เจี่ยนถงเงยหน้ามองฝ้าเพดาน…….“เฮ้อ ไม่มีที่ไปแล้วเรา……..”
ถอนหายใจเบาๆ เธอหันหลังให้กับประตู ค่อยๆลื่นไหลลงไป พิงประตูที่อยู่ด้านหลัง ดึงเสื้อผ้าบนตัวให้แน่นยิ่งขึ้น หนาวจังเลย………
ถึงจะดึงเสื้อให้แน่นขึ้น เสื้อบนตัวเธอก็ยังเปียกอยู่เช่นเคย……หนาวจังเลย……คืนนี้ เธอได้พิงประตูที่อยู่ด้านหลังของตัวเองและหลับไป
——————-