Devil’s love ทิ้งรักของนายปีศาจไป - บทที่62 ของที่ฉันไม่เอา
บทที่62 ของที่ฉันไม่เอา
ไป๋ยู่สิงพิสูจน์ตัวเองได้สำเร็จ……ว่าเจาะน้ำเกลือให้คนอื่นเป็นจริงๆ!
“ ก็บอกแล้วไง ว่าฉันนะอัจฉริยะ เรื่องง่ายๆแค่นี้ ฉันจะทำไมเป็นเหรอ? ฉันจะบอกอะไรให้นะ เสิ่นซิวจิ่น ที่ฉันเป็นแพทย์ส่วนตัวให้นายได้น่ะ เพราะฉันมีความสามารถ นายคอยดูก็แล้วกัน ”
ทันใดนั้นไป๋ยู่สิงก็รู้สึกโมโหก็อารมณ์ดีขึ้นมา อย่าพูดเลยว่าเมื่อกี้หงุดหงิดมากแค่ไหน ปากนั้นของเสิ่นซิวจิ่นนั้น แสบยิ่งกว่าพิษของปลาปักเป้าเสียอีก
“ ให้เงินเดือนนายเพิ่ม! ”
ไป๋ยู่สิงเลิกคิ้ว เพื่อต้องการดูถูกเสิ่นซิวจิ่น สุดท้ายอีกฝ่ายพูดประโยคหนึ่งขึ้นเสียงดัง “ ฉันจะเพิ่มเงินเดือนให้นาย ”
ไป๋ยู่สิงไม่ได้ขาดเงิน~ ถ้าเขาแคร์เงินจริง ก็คงกลับไปเป็นคุณชายของตระกูลไป๋แล้ว ไปเป็นผู้จัดการ ช่วยพ่อของเขา เงินที่ได้มาทั้งเยอะทั้งเร็ว
“ เสิ่นซิวจิ่น นายจงใจใช่ไหม ฉันช่วยแฟนตัวน้อยของนายเสร็จแล้ว นายยังจะทำให้ฉันดูแคลนอีก? ”
แม้ว่าจะโกรธเพียงไหน ไป๋ยู่สิงก็ไม่คิดจะพูดความในใจ
แบบนี้ก็ดีแล้ว!
ทันใดนั้น!
บรรยากาศที่ตึงเครียด รอบข้างก็ค่อยๆนิ่งสงบลง
“ แฟนตัวน้อย? นายหมายถึงใคร? ” หลังจากนั้นไม่นาน เสียงของเสิ่นซิวจิ่นก็เย็นสงบลง
หลังจากที่ไป๋ยู่สิงพูดจบ ก็แอบ ดุปากตัวเองอยู่ แต่เมื่อมองท่าทีที่นิ่งเย็นชาของเสิ่นซิวจิ่น และใช้หางตาเหลือบไปมองเจี่ยนถงที่กำลังหลับอยู่บนโซฟา
ใจที่โกรธแค้นเคืองใจอยู่ พูดทั้งหมดออกมาอย่างไม่ยั้งคิด
“ ใคร? ไม่ใช่เจี่ยนถงเหรอ? ”
ไป๋ยู่สิงยิ้มมุมปาก “ เสิ่นซิวจิ่น นายอย่าบอกนะว่าเธอไม่ใช่ ถ้าเธอไม่ใช่แฟนสาวของนาย ทำไมนายต้องสนว่าเป็นตายร้ายดีอย่างไงด้วย เธอเป็นไข้มันเรื่องอะไรของนาย และนายอย่าบอกนะ ว่านายแค่สงสารเธอ
เสิ่นซิวจิ่น นายเป็นคนอย่างไงกันแน่ ตัวเองไม่รู้เหรอ ฉันไม่รู้เลยนะเนี่ยว่าท่านประธานใหญ่เปลี่ยนไปเป็นคนที่เห็นอกเห็นใจแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่
และอีกอย่าง ถ้าไม่ใช่แฟนสาวนาย นายจะขับรถส่งไปโรงพยาบาลกลางดึกเองทำไม? เลิกฟอร์มสักทีเถอะ! ”
ซูเมิ่งรู้สึกว่า ตอนนี้เธออยู่ที่นี่ไม่ค่อยจะเหมาะสมเท่าไหร่
“ อะแฮ่ม……ประธานเสิ่นคะ ถ้าไม่มีอะไร ฉันออกไป…….” ก่อนนะคะ
“ ฝากเธอไว้กับคุณที่นี่นะ คุณดูแลเธอให้ดีหล่ะ ถ้าเธอตื่นมา คุณก็บอกเธอว่าเธอเป็นลมไป จึงให้คนรู้จักมาเจาะน้ำเกลือให้ ”
เสิ่นซิวจิ่นที่เย็นชา ออกคำสั่งอย่างรวดเร็ว จากนั้นยื่นมือไปจับแขนของไป๋ยู่สิง เพื่อดึงเขาออกจากห้องทำงาน และมุ่งไปที่บันไดหนีไฟ
“ นายปล่อยมือนะ! เสิ่นซิวจิ่น ฉันเตือนนายนะ ถ้านายยังไม่ปล่อยมือ ฉันจะต่อยนายจริงด้วย ”
ไป๋ยู่สิงถูกเสิ่นซูวจิ่งลางไปที่บันไดหนีไฟ เมื่อไปถึง ไป๋ยู่สิงตะโกนขึ้น จากนั้นเสิ่นซิวจิ่นก็ผลักเขาไปข้างหน้า “ นายจะต่อยฉัน? ได้เลย มาสิ มาลองดูสักตั้ง ”
ดูเสิ่นซิวจิ่นที่โดนกำลังยั่วยุไปมา ไป๋ยู่สิงโมโหจนอดไม่ได้ที่จะดุตัวเอง แม่งเอ๊ย ใครจะอยากต่อยตีกับเขาจริงล่ะ!
“ นี่ มีอะไรพูดกันดีๆ พวกเราเป็นพี่น้องกันนะ มีอะไรค่อยๆเคลียร์ ”
หน้าอันสง่าของเสิ่นซิวจิ่นนิ่งมากขึ้น “ ไป๋ยู่สิง เรื่องระหว่างฉันกับผู้หญิงคนนั้น นายรู้ดีที่สุด! ”
ไป๋ยู่สิงรู้ว่าเสิ่นซิวจิ่นกำลังเตือนตัวเองอยู่ ว่าอย่าพูดเรื่องระหว่างเจี่ยนถงและเสิ่นซิวจิ่นอีก
“ ……แล้วทำไมนายต้องเป็นห่วงว่าเธอจะเป็นตายด้วย ” มันเกี่ยวอะไรกับนาย?
ในแววตาของเสิ่นซิวจิ่นเต็มไปด้วยความนิ่งเฉย ริมฝีปากบางถูกยกขึ้น “ ถึงแม้ว่าจะเป็นของที่ฉันไม่เอาแล้ว ถ้าฉันยังไม่อนุญาต ไม่ว่าจะเป็นจะตายก็เอาไปจากมือฉันไม่ได้ ” สายตาที่เย็นชาของเขา ทำให้ไป๋ยู่สิงสะดุ้งขึ้น
“ พูดแบบนี้แล้ว ยู่สิง นายเข้าใจไหม? ”
ไป๋ยู่สิงมองไปที่เสิ่นซิวจิ่น จากนั้นนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง และเงยหน้าขึ้น “ อาซูว นายคิดแบบนั้นจริงๆเหรอ นายเกลียดเธอมากขนาดนั้นจริงๆเหรอ? ”
“ เธอทำให้เซี่ยเวยเหมิงตาย ”
เพียงประโยคเดียว ทำให้ไป๋ยู่สิงหมดคำจะโต้เถียงไปเลย
เธอทำให้เซี่ยเวยเหมิงตาย…….แค่นี้ก็มากเพียงพอแล้วที่จะทำให้เสิ่นซิวจิ่นโกรธเกลียด
“ ทุกคนควรชดใช้ในสิ่งที่ตัวเองทำลงไป ” เสิ่นซิวจิ่นพูดประโยคนี้กับไป๋ยู่สิงอย่างเลือดเย็น จากนั้นเปิดประตูออกจากทางหนีไฟไป
……
ใต้ตึกตงหวง มีเบนท์ลีย์คันหนึ่งจอดอยู่ที่นั่น ขึ้นไปนั่งที่คนขับ เสิ่นซิวจิ่นเหยียบคันเร่ง จากนั้นรถก็แล่นออกไป
เปิดบลูทูธ และกดโทรไปเบอร์หนึ่ง “ เสิ่นยี ตอนนี้ฉันกำลังรีบไปให้ทัน ”
เป็นประโยคที่กระชับและชัดเจน ประหยัดเวลาทำมาหากินมาก
ตอนนี้เสิ่นซิวจิ่นอารมณ์เสีย อารมณ์เสีย “ มาก ”
ไป๋ยู่สิงหมอนั้น ที่วันนี้เหมือนจะสะกิดผิดจุด และพูดจาไร้สาระ
เจี่ยนถงเป็นแฟนสาว?
หึหึ~
ตรงที่นั่งคนขับ ปลายปากของเขาเต็มไปด้วยคำพูดที่ทั้งถากถาง และเหยียดหยาม…….เขาเป็นห่วงเธอ? ผู้หญิงคนนั้น? เจี่ยนถง?
ถ้าอย่างนั้น แล้วทำไมตัวเองถึงได้ส่งผู้หญิงคนนั้นไปโรงพยาบาลกลางดึกด้วยล่ะ?
ในหัวของเสิ่นซิวจิ่น ก็เกิดความสงสัยนี้ขึ้น
แม้ว่าจะกำลังขับรถอยู่ แต่กลับคิดโน้นคิดนี่ ในหัวยังคงคิด และวิเคราะห์สำหรับคำตอบของปัญหานี้
คำอธิบายเดียวก็คือ เขายังไม่อยากปล่อยผู้หญิงคนนี้ไปง่ายๆ!
“ ชีวิตคนทั้งคน แค่สามปี มันยังน้อยไปสำหรับเธอแล้ว ” เมื่อม่ถึงที่หมาย เหยียบเบรกรถลงที่นั่น ภายในใจเสิ่นซิวจิ่นก้าวผ่านประโยคนั้นมาได้
“ บอส คุณมาแล้ว ” เสิ่นยีรออยู่ปากประตู
นี่เป็นโกดัง
“ เธออยู่ไหน? ”เมื่อเขาลงจากรถ ขาอันเรียวยาวก้าวอย่างรวดเร็วราวกับจะบินได้ พร้อมกับเสิ่นยีที่อยู่ข้างๆไปด้วย
“ อยู่ข้างในครับ ผมนำทางคุณ ” เสิ่นยีไม่พร่ำเพรื่อ พูดอย่างกระชับรัดกุม และพาเสิ่นซิวจิ่นมุ่งไปที่โกดัง
ข้างในนั้น ยังมีห้องเล็กๆห้องหนึ่ง เสิ่นยีเปิดประตูออก “ บอสครับ เธอไม่ยอมฟังเลย เธอโวยวายอยู่นั่น พวกเราไม่มีทางแล้ว จึงปิดปากเธอไว้ และมัดมือแขนมัดขาเธอ ”
เสิ่นซิวจิ่นเดินไปที่ห้องเล็กๆนั้น หญิงสาวที่ขี้อายเมื่อเห็นเสิ่นซิวจิ่นเดินเข้ามานั้น แววตาอันบริสุทธิ์ และสวยงามก็เต็มไปด้วยการขอความเมตตาอย่างน่าสงสาร
ท่าทางแบบนี้ ดูแล้วช่างน่าสงสารจริงๆ ถ้าเป็นผู้ชายคนอื่น ก็คงจะรู้สึกว่าใจอ่อนระทวย
แต่บนหน้าเสิ่นซิวจิ่นที่สง่า และหล่อเหลานั้น ไม่ได้มีความรู้สึกใดๆแสดงออกมา เขายืน และกระดิกนิ้วไปมา
ทันใดนั้นเสิ่นยีก็สังเกตเห็น และรีบก้าวไปข้างหน้า จากนั้นถอดผ้าออกจากปากเธออย่างเงียบๆ
“ แค่ก แค่กๆๆๆ……. ”
เมื่อเธอไอขึ้น อีกด้านหนึ่ง เสิ่นยียื่นถุงมือหนังสีดำคู่หนึ่งให้กับเสิ่นซิวจิ่นอย่างคุ้นเคย จากนั้นสวมถุงมือขั้นอย่างไม่ลังเล ทั้งๆเป็นแค่เพียงการใส่ถุงมือที่ง่ายๆ แต่เมื่อเป็นเขาทำแล้ว มันกลับดูทั้งสง่า……และน่ากลัว
ผ้าบนปากที่ถูกถอดออก ฉินมู่มู่ก็รู้สึกผ่อนคลายขึ้นมาทันที แต่ถูกปิดปากด้วยผ้าเป็นเวลานาน แต่หลังจากเอาผ้าออกจากปาก เธอก็อดไม่ได้ที่จะไอขึ้น ไอจนหน้าแดงไปทั้งหน้า
เท้าคู่หนึ่งของชายคนหนึ่ง ปรากฏขึ้นในสายตาของเธอ ฉินมู่มู่หยุดชะงักลง ทันใดนั้น คางของเธอถูกบีบขึ้นอย่างแรง เธอมองเข้าไปในแววตาคู่ที่สุดแสนจะน่ากลัวนั้น
“ ตอนนี้ผมอารมณ์ไม่ดีมาก ไม่มีความอดทนอะไรทั้งนั้น ต่อไป ผมถามอะไรคุณ ทางที่ดีคุณควรตอบมาตรงๆดีกว่านะ ”
ภายในใจของฉินมู่มู่มีความสั่นกลัว แต่มือบนคางนั้น กลับไม่ได้มีความปรานีเลยแม้แต่น้อย มันเจ็บ เจ็บมากๆ เจ็บซะจนน้ำตาของฉินมู่มู่เอ่อล้นออกมา
“ ทำไมต้องให้ร้ายเจี่ยนถง? ”