Devil’s love ทิ้งรักของนายปีศาจไป - บทที่87 ตอนนี้คุกเข่าได้แล้ว
บทที่87 ตอนนี้คุกเข่าได้แล้ว
เจี่ยนถงมองเช็คที่วางอยู่บนโต๊ะ แต่ไม่ได้ไปแตะต้องมัน
เห้ออู่หัวเราะอย่างเย็นชา “ทำไม? ไม่อยากทำหรอ?”
“คุณชายเห้อ ช่างเถอะ ยังไงเธอก็เป็นไข่มุกเม็ดที่หยิ่งยโสที่สุดในเมืองSนะ” พวกที่มาพร้อมกับเห้ออู่พูดเกลี้ยกล่อม แต่การเกลี้ยกล่อมนี้ กลับไม่ได้พูดออกมาจากใจจริง เหมือนหยอกล้อกลั่นแกล้งมากกว่า
“หยิ่งยโส?” เห้ออู่หัวเราะ จุดบุหรี่ขึ้นมาดูดทีหนึ่ง จากนั้นได้มองเจี่ยนถงด้วยหางตาทีหนึ่ง “หน้าผีๆอย่างหล่อนเนี่ยนะ?”
ซูเมิ่งรู้สึกเสียใจแต่ก็สายไปแล้ว
แม้แต่ฝันเธอก็ยังคิดไม่ถึงว่าเจี่ยนถงจะมีความบาดหมางกับเห้ออู่แก๊งไฮโซพวกนี้ ถ้าเธอรู้ ไม่ว่ายังไงก็ไม่พามาที่ตรงหน้าคนพวกนี้ที่ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ทำออกมาได้
เจี่ยนถงเงยหน้ากวาดสายตาไปรอบๆ ใบหน้าแต่ละคนที่คุ้นเคย เพื่อนๆที่เคยเล่นด้วยกัน ตอนนี้กลับแปลกหน้าจนเธอไม่รู้จัก
ก็เหมือนตัวเธอเอง ทำไมมองหน้าแล้วคนที่เคยรู้จักก็ยังดูไม่ออกว่าคือเธอเลย
“เจี่ยนถง ติดคุกสนุกมั้ย?”
บนโซฟา จู่ๆมีผู้ชายคนหนึ่งเปิดปากถาม
หัวใจของเจี่ยนถงบีบแน่น เธอมองไปตามเสียง…..นั่นเป็นเพื่อนที่เคยเล่นเกมด้วยกัน กินกุ้งมังกรน้อยยามดึกด้วยกันและวิ่งไปซิ่งรถเล่นกันอย่างสนุกสนานและมีความสุขด้วยกัน
“ย่าคุน……”
“อย่า เธออย่าเรียกฉันแบบนี้เชียวนะ” ย่าคุนที่ไม่เห็นหัวใคร นั่งอยู่บนโซฟาพร้อมรีบยกมือ “ฉันไม่เป็นเพื่อนกับฆาตกรหรอก”
ร่างกายของเจี่ยนถงเซเล็กน้อย วินาทีต่อมา เธอกัดฟันไว้แน่น ค่อนข้างวิงเวียนศีรษะอย่างรุนแรง ข้างหูคือเสียงเล่นกันของสมัยก่อน
ซูเมิ่งเองก็ตื่นตะลึงมาก……ฆาตกร?
เธอรู้ว่าเจี่ยนถงเคยติดคุก แต่ว่าฆ่าคน?
ไม่ ไม่ๆๆ ยัยเด็กคนนี้โง่ขนาดนี้ จะฆ่าคนได้ยังไง
“ได้ยินว่าเธอขัดสนเรื่องเงิน” ย่าคุนล้วงกระเป๋าตังค์ออกมาจากทรวงอก ธนบัตรเป็นปึก ใช้สายตาวัดแล้วมีประมาณสามหมื่นหยวน ย่าคุนล้วงเงินออกมาจากกระเป๋าตังค์ และฟาดอยู่บนโต๊ะคริสตัล “ที่ฉันมีเงินอยู่นิดหน่อย ก็ถือซะว่าเป็นสินน้ำใจที่เดี๋ยวดูเธอคุกเข่าและตบหน้าตัวเองก็แล้วกัน”
กำปั้นที่เจี่ยนถงกำไว้ข้างกาย คลายออกแล้วกำแน่น กำแน่นแล้วคลายออก
ถึงแม้คนอื่นไม่ได้บีบบังคับคนเหมือนเห้ออู่กับย่าคุน แต่ๆละคนกลับมองเจี่ยนถงอย่างกับดูละครสนุกๆ
“จะปฏิเสธเหรอ? เจี่ยนถง เธอคิดดีๆนะ ได้ยินว่าเธอร้อนเงินก้อนนี้ ใช่ ฉันไม่รู้ว่าร้อนเงินมากแค่ไหน แต่ว่าสามารถให้ซูเมิ่งมาพูดทักทายโดยเฉพาะ ว่าพาเธอมา……เหอะๆ”
ซูเมิ่งฟังคำพูดของเห้ออู่แล้วเสียใจแต่ก็สายไปแล้ว!
ถ้ารู้ตั้งแต่แรกว่าระหว่างเจี่ยนถงกับพวกเขามีเรื่องแบบนี้ เธอจะไม่พาเจี่ยนถงเข้ามาในถ้ำหมาป่านี้เด็ดขาด
“คุณชายเห้อ อะไรที่ให้อภัยได้ก็ให้อภัยเถอะนะคะ”
“ซูเมิ่ง ที่นี่มีสิทธิ์ให้เธอพูดด้วยหรอ เธอก็เป็นแค่สุนัขเฝ้าประตูที่บอสใหญ่ผู้ลึกลับของตงหวงคนนั้นเฉยๆ พวกเราพูดจาดีๆกับเธอ นั่นมันเพราะเห็นแก่บอสที่อยู่เบื้องหลังของเธอ แต่ถ้าเธออยากแสดงความคิดเห็นในเมืองSนี้ ล่ะก็ เธอยังไม่มีสิทธิ์!”
เห้ออู่เดินมาที่ตรงหน้าของเจี่ยนถง และมองเธอลงมาจากที่สูง “เจี่ยนถง เกียรติยศสำคัญกว่า หรือว่าเงินห้าแสนสำคัญกว่า?”
เขายิ้มพร้อมถามอย่างแปลกประหลาด
นี่มันจับจุดอ่อนที่เจี่ยนถงขัดสนเงินสุดๆได้ชัดๆ
สีหน้าของซูเมิ่งซีดแล้วดำ ดำแล้วเขียว…….แต่กลับไม่กล้าขัดใจลูกคนรวยพวกนี้อย่างสิ้นเชิง
ซูเมิ่งคอยคิดคำนวณอยู่ในใจด้วยว่าจะพาเจี่ยนถงออกไปยังไง และพิจารณาว่าจะจัดการแก้ปัญหาที่จะเกิดขึ้นในภายหลังให้ดียังไง
ถึงแม้เสิ่นซิวจิ่นเอง ก็ไม่จำเป็นต้องเป็นศัตรูกับตระกูลของคุณชายพวกนี้เพื่อเจี่ยนถง
“มีอะไรที่ดันจะต้องคุกเข่าด้วยคะ ดูไม่มีรสนิยมเอาซะเลย คุณชายเห้อถือว่าเห็นแก่บอสใหญ่ของพวกเรา วันนี้ก็ช่างเถอะนะคะ” ซูเมิ่งเกลี้ยกล่อมทางอ้อม
“เพี๊ยะ” เห้ออู่หันไปตบหน้าซูเมิ่งอย่างโหดทีหนึ่ง พร้อมทั้งด่าทออย่างเจ็บแสบ “ฉันบอกแล้วใช่มั้ย! ว่าที่นี่มีสิทธิ์ให้เธอพูดด้วยเหรอ!”
เจี่ยนถงตาแดงก่ำ “เห้ออู่! เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับพี่เมิ่ง! คุณมีสิทธิ์อะไรไปลงมือตบเธอ!”
“อุ๊ย เจี่ยนถง เธอคงไม่ใช่นึกว่าเธอยังเป็นเจี่ยนถงสมัยก่อนมั้ง จะให้ฉันเตือนเธอมั้ย ตอนนี้เธอสู้ไม่ได้แม้กระทั่งขี้หมา ยังมาทำตัวน่าเกรงขามอีก”
ระหว่างที่เห้ออู่พูดก็สีหน้าเปลี่ยนไปเลย ได้ยื่นมือตบ“เพี๊ยะ”ที่หน้าซูเมิ่งอีกทีโดยตรง “ฉันจะตบมันแล้วจะทำไม? เจี่ยนถง เธอนึกว่าเธอยังเหมือนเมื่อก่อนเหรอ แม่ง ก็ไม่ดูหนังหน้าตอนนี้ของมึงเลย ยังมาสาระแนเรื่องคนอื่นอีก?”
“คุณอย่าตบพี่เมิ่ง!”
“ได้ เธอคุกเข่าสิ คุกเข่าลงมาขอร้องฉันสิ” เห้ออู่พูดพร้อมหัวเราะเสียงดัง “คุกเข่าลงมาขอร้องฉัน แล้วฉันจะปล่อยมันไป”
“เจี่ยนถง พี่ไม่เป็นไร เขาได้แค่ตบพี่ไม่กี่ที อย่างอื่นเขาไม่กล้าหรอก เธอไม่ต้องสนใจเขา” ซูเมิ่งมองเห้ออู่ด้วยสายตาเย็นชา ฐานะของเธอค่อนข้างลำบากใจ ก็เพราะเธอเป็นแค่คนนำหน้าของบอสผู้อยู่เบื้องหลังของตงหวง ดังนั้น เห้ออู่ถึงได้อยากตบเธอก็ตบ และก็เพราะเธอเป็นคนนำหน้าของบอสตงหวง เห้ออู่ก็แค่กล้าตบเธอ ไม่กล้าเอาเธอให้ตาย
“เพี๊ยะ!”เห้ออู่ตบไปอีกทีหนึ่ง “ลองดูว่าฉันจะกล้าหรือเปล่า!”
“เห้ออู่!” เจี่ยนถงตาแดงก่ำ “นี่เป็นความแค้นระหว่างเรา คุณอยากทำอะไรกันแน่!”
เจี่ยนถงทั้งโกรธและโมโห ดวงตาทั้งคู่แดงเถือก
ตั้งแต่รู้จักซูเมิ่งมา สิ่งที่ซูเมิ่งทำเพื่อเธอ สิ่งที่ซูเมิ่งดีกับเธอ เจี่ยนถงล้วนทะนุถนอมมาก
บางทีคนบางคนเป็นพวกที่ในหนึ่งร้อยเรื่อง คุณทำดีกับเธอ99เรื่อง แต่มีเรื่องเดียวที่คุณทำไม่ดีกับเธอ ก็จะทำลาย99เรื่องที่ดีก่อนหน้านี้ทิ้งไปหมด
แต่เจี่ยนถงไม่ใช่ เธอทะนุถนอมความดีที่ซูเมิ่งทำให้เธอมาก
แน่นอนว่าซูเมิ่งไม่สามารถทำดีเพื่อเธอทุกเรื่อง ซูเมิ่งก็มีชีวิตของตัวเอง มีอนาคตของตัวเอง คนอื่นไม่ได้ติดค้างเจี่ยนถงสักหน่อย ความดีที่มีต่อตัวเองเหล่านั้น ก็คือบุญวาสนาของเธอแล้ว
แต่เห้ออู่กลับตบหน้าซูเมิ่งทีแล้วทีเล่าต่อหน้าเธอ
นี่ทำให้เจี่ยนถงทรมานจิตใจยิ่งกว่าตบหน้าเธอเสียอีก
“คุณบอกมา! คุณอยากให้ฉันทำอะไรกันแน่! เห้ออู่! คุณบอกมา! คุณบอกมา! คุณบอกมาสิ!”
เธอตวาดด้วยความโกรธ! เสียงที่แหบพร่ายิ่งขัดหูเข้าไปใหญ่!
ซูเมิ่งชะงัก…….เธอไม่เคยเห็นเจี่ยนถงเผยอารมณ์แบบนี้ต่อหน้าเธอมาก่อน ที่ผ่านมาเจี่ยนถงล้วนเป็นคนที่เฉยเมยและน่าเบื่อ ไม่มีสีหน้าอารมณ์สักเท่าไหร่……แต่ว่า เจี่ยนถงกลับเปลี่ยนไปไม่เหมือนเจี่ยนถงที่ตัวเองรู้จัก เพียงเพราะตัวเองถูกตบไปหลายที?
“เสี่ยวถง พี่ไม่เป็นไร…….”
“เพี๊ยะ!” ซูเมิ่งยังพูดไม่จบ เห้ออู่ก็ตบมาที่ใบหน้าของซูเมิ่งโดยตรงจนหน้าบวม หลังศีรษะกระแทกใส่มุมโต๊ะ ส่งเสียง“ปึ๊ก”ออกมา
เจี่ยนถงมองดูร่างกายของซูเมิ่ง ขยับไปด้านหน้าเล็กน้อย แววตามีการสูญเสียก่อตัวอยู่ครู่หนึ่ง
หัวใจเธอกระตุกทีหนึ่ง “เห้ออู่! ฉันจะคุกเข่า!” เสียงแหบพร่าของเธอ ใช้แรงทั้งหมดตะคอกใส่เห้ออู่ “ฉันคุกเข่า!”
หัวเข่าของเจี่ยนถงย่อลงมา เตรียมจะคุกเข่า
“เดี๋ยว” เสียงของเห้ออู่ดังขึ้น ตามมาด้วยเสียง“เพล้ง” แก้วเหล้าในมือของเห้ออู่ตกใส่พื้น แตกเป็นเศษแก้วเล็กๆ เห้ออู่ยิ้มพร้อมพูดว่า “ตอนนี้คุกเข่าได้แล้ว”