Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร - ตอนที่ 533
บทที่ 533 : กระตุกหนวดเสือ!
หลังจากที่หลิงหยุนจัดการส่งสาวสวยทั้งสองกลับไปที่โรงเรียนแล้ว เขาจึงรีบขับรถออกจากโรงเรียนทันที
ถังเมิ่งเพิ่งจะโทรเข้ามาเล่าเรื่องที่เขาทั้งตกใจแล้วก็พอใจให้หลิงหยุนฟัง มีหรือที่ได้เป็นแขกร่วมรับประทานอาหารกับคุณชายหลงเทียนเจียวแห่งตระกูลหลงที่ยิ่งใหญ่แล้วถังเมิ่งจะไม่มีความสุข!
หลิงหยุนสั่งให้ถังเมิ่งไปพบเขาที่บ้านเลขที่-1 จากนั้นจึงวางสายไป และขับรถมุ่งหน้ากลับไปยังบ้านหมายเลขที่-1 ทันที
เหยาลู่จัดการเก็บกวาดบ้านให้กับหลิงหยุนจนสะอาดเรียบร้อย และหลังจากรับประทานอาหารเที่ยงเรียบร้อยแล้ว เธอก็กลับไปที่คลีนิคสามัญชนพร้อมกับส่งข้อความบอกหลิงหยุน
หลิงหยุนกลับไปถึงบ้านในเวลาใกล้เคียงกันกับที่ตี้เสี่ยวอู๋ และถังเมิ่งมาถึงพอดี ทั้งหมดจอดรถไว้ แล้วเดินเข้าบ้านไปพร้อมกัน
“พี่หยุน.. ทำไมพี่ถึงไม่ไปด้วยตัวเองล่ะ? อาหารที่โรงแรมแชงกรีล่าอร่อยมากเลย ผู้บริหารของบริษัทปิโตรไชน่า และไชน่าโมบายล์ แล้วก็นายทหารจากเจียงหนานอีกสองนายก็มาด้วย น่าตกใจชะมัด!”
ยังไม่ทันที่ทุกคนจะได้เข้าไปนั่งในห้องนั่งเล่นกันเรียบร้อย ถังเมิ่งก็รีบรายงานให้หลิงหยุนฟังอย่างตื่นเต้น
เพราะนอกจากตระกูลหลงจะยิ่งใหญ่จนน่าตื่นตาตื่นใจแล้ว รถที่เขาขับมาอย่างน่าตื่นตาตื่นใจมากด้วยเช่นกัน!
หลงเทียนเจียวไม่ได้มาเพียงคนเดียว แต่ยังมีผู้บริหารระดับสูงของบริษัทปิโตรไชน่า และไชน่าโมบายล์ติดตามมาอีกด้วย เพียงเท่านั้นก็แสดงให้เห็นถึงความยิ่งใหญ่ของตระกูลหลงได้แล้ว!
หลิงหยุนฟังแล้วถึงกับหัวเราะเสียงดังออกมาพร้อมกับตอบไปว่า “ฉันก็ได้กินของอร่อยเหมือนกัน!”
หลงเทียนเจียวทำให้ประตูบ้าน และกระถางต้นไม้ในบ้านของหลินเมิ่งหานพัง หลิงหยุนสั่งให้เขาชดใช้ค่าเสียหายทั้งหมดเป็นสิบเท่า..
ถังเมิ่งเกาหัวพร้อมกับพูดขึ้นมาราวกับนึกอะไรขึ้นมาได้ “พี่หยุน.. หลงเทียนเจียวเป็นหนี้พี่เรื่องอะไร? จู่ๆเขาก็เอาเงินมาให้ฉันยี่สิบล้านหยวน ทำไมดูมันง่ายดายแบบนี้!”
‘ยี่สิบล้าน?!’
หลิงหยุนได้แต่คิดในใจว่า เขาคิดว่าตระกูลหลงคงจะจ่ายค่ากระถางดอกไม้กับประตูบ้านเป็นเงินไม่กี่แสน แต่คิดไม่ถึงว่าจะให้เงินเขาถึงยี่สิบล้าน!
หลิงหยุนได้แต่นึกเย้ยหยันอยู่ในใจเงียบๆพร้อมกับถามเสียงเบาว่า “พวกเขาเรียกร้องอะไรหรือเปล่า?”
ถังเมิ่งและตี้เสี่ยวอู๋ส่ายหน้าพร้อมกัน “ไม่มี!”
หลงเทียนเจียวเพียงแค่แนะนำผู้บริหารสองคนที่มากับเขา จากนั้นก็รับประทานอาหารร่วมกัน หลังจากรับประทานอาหารเสร็จ หลงเทียนเจียวก็ได้มอบเช็คจำนวนยี่สิบล้านหยวนให้กับตี้เสี่ยวอู๋และถังเมิ่ง แล้วจึงแยกย้ายกันกลับไป!
ถังเมิ่งหยิบเช็คจำนวนยี่สิบล้านออกมาจากกระเป๋าอย่างระมัดระวัง เขาจ้องมองดูเช็คอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะยื่นให้หลิงหยุนพร้อมกับถามขึ้นว่า
“นี่พี่หยุน.. ถ้าพี่ยังไม่รีบใช้เงินก้อนนี้ เอามาให้ฉันทำธุรกิจก่อนได้มั๊ย?”
เป็นอย่างที่หลิงหยุนคาดคิดไว้ ถังเมิ่งนั้นเป็นผู้ที่มีหัวด้านการค้ามากจริงๆ เขาเกิดมาเพื่อสิ่งนี้ และตอนนี้เงินทุกหยวนของเขานั้นก็แทบจะใช้มันไปกับการทำธุรกิจ
“ดูสิพี่หยุน.. ถังเมิ่งอ้าปากมาก็พูดแต่เรื่องเงิน..” ตี้เสี่ยวอู่มองถังเมิ่งเย้ยหยัน
ถังเมิ่งกัดฟันกรอดพร้อมกับตอบตี้เสี่ยวอู๋ไปว่า “นายเป็นแค่หัวหน้าแก๊งอันธพาลจะไปรู้อะไร? รู้จักแต่เรื่องชกต่อยแล้วก็ฆ่าคน ฝึกมาตั้งนานยังช่วยแบ่งเบาภาระพี่หยุนไม่ได้เลย! ดูธุรกิจของฉันสิ.. ตอนนี้กำลังเริ่มออกดอกออกผลแล้ว!”
ตี้เสี่ยวอู๋โต้กลับอย่างไม่ยอมแพ้ “ฉันมีเงินในบัญชีตั้งสามร้อยล้าน..”
ถังเมิ่งได้ฟังแล้วก็ได้แต่อ้าปากฟ้องหลิงหยุน “พี่หยุน.. พี่ดูตี้เสี่ยวอู๋สิ! เขาเอาแต่เก็บเงินไว้ในบัญชีแบบนั้น ฉันบอกให้เอามาให้ฉันกู้สักสองร้อยล้านเพื่อทำธุรกิจ เขาก็ไม่ยอม! ช่างไม่รู้จักวิธีหาเงิน?!”
ถังเมิ่งค่อนข้างกระตือรือร้น.. ธุรกิจของเขาเพิ่งจะเปิดตัว แต่ถังเมิ่งก็ขยันขันแข็งที่จะขยายสาขาบริษัทเทียนตี้ของเขาให้แผ่ขยายออกไปโดยเร็วที่สุด แต่ตี้เสี่ยวอู๋กลับไม่ยอมให้เขากู้เงิน
และเพราะเรื่องนี้ ทั้งคู่ต่างก็ทำสงครามน้ำลายกันตลอดมา..
ตี้เสี่ยวอู๋ตอบกลับไปว่า “เงินจำนวนสามร้อยล้านนี้ พี่หลงบอกว่าให้ฉันใช้สำหรับช่วยพี่หยุนเท่านั้น แม้แต่คนของแก๊งมังกรเขียวก็ไม่มีสิทธิ์ใช้เงินก้อนนี้ พี่หยุนใช้ได้คนเดียวเท่านั้น.. ยังไงฉันก็ไม่ให้นายอยู่ดี!”
“เอาล่ะ.. ฉันจะตัดสินใจเอง.. เลิกทะเลาะกันหนวกหูได้แล้ว!”
หลิงหยุนเห็นทั้งสองหนุ่มทะเลาะกันเรื่องเงินจึงรีบร้องห้าม หลิงหยุนไม่รับเช็คที่ถังเมิ่งยื่นมาให้ แต่กลับโบกมือและพูดขึ้นว่า
“ฉันยังไม่จำเป็นต้องใช้เงินก้อนนี้! นายเอาไปทำธุรกิจก่อนได้ ส่วนเงินของตี้เสี่ยวอู๋ก็ให้เก็บไว้อย่างนั้น!”
หลิงหยุนยังไม่ต้องการใช้เงินในตอนนี้ แต่อีกไม่นานเขาจะต้องใช้เงินก้อนใหญ่ในการพัฒนาขั้นของตนเอง อีกไม่นานหลิงหยุนก็จะเข้าสู่ขั้นพลังชี่แล้ว ถึงเวลานั้นเขาจะสามารถเล่นแร่แปรธาตุได้แล้ว
เมื่อไหร่ที่หลิงหยุนมีความรอบรู้ครบทั้งสี่ด้าน ไม่ว่าจะเป็นการเล่นแร่แปรธาตุ การสร้างวัตถุวิเศษ การปลุกเสกยันต์ และการสร้างค่ายกล แล้วเขายังต้องการอะไรมากกว่านี้หรือ?
และถึงเวลานั้น.. หลิงหยุนจะต้องการวัตถุดิบมากมายนับไม่ถ้วน!
การปลุกเสกยันต์ต้องใช้สมุนไพร การเล่นแร่แปรธาตุก็ต้องใช้สมุนไพรที่มีพลังชีวิต การสร้างวัตถุวิเศษต่างๆ ก็ต้องใช้โลหะหลากหลายชนิดเช่นกัน และยิ่งเรื่องการสร้างค่ายกลนั้นแทบไม่ต้องพูดถึง เพราะต้องการสมบัติล้ำค่ามากมายหลายสิ่งหลายอย่าง
ทรัพยากรส่วนใหญ่ของประเทศนี้ล้วนอยู่ในการควบคุมดูแลของรัฐบาล ไม่สามารถนำมาใช้ได้ตามใจชอบ มีทางเดียวที่จะหามาได้นั่นก็คือการซื้อเท่านั้น!
การซื้อวัตถุดิบต่างๆ จำเป็นต้องใช้เงินจำนวนมหาศาล ต่อไปเงินเพียงแค่ไม่กี่ร้อยล้านหยวน หลิงหยุนก็สามารถใช้หมดในเวลาอันรวดเร็ว เขาจึงแทบไม่เห็นมันอยู่สายตา
แต่ในเรื่องของการเล่นแร่แปรธาตุนั้น อาจจะง่ายขึ้นมาหน่อย! หลิงหยุนสามารถเดินทางไปที่หุบเขาเล็กๆในป่าเสินหนงเจี๋ย ที่นั่นมีสมุนไพรพลังชีวิตอยู่เต็มไปหมด และมากมายพอที่จะให้หลิงหยุนใช้ไปได้อีกนาน
ส่วนการสร้างวัตถุวิเศษนั้นยังไม่สามารถทำได้ เพราะโลหะบางชนิดต้องหาซื้อ อีกทั้งโลหะที่จำเป็นล้วนเป็นโลหะหายากจำนวนมาก และต่อให้หลิงหยุนออกไปสำรวจและค้นหาด้วยตัวเอง ก็ยังต้องใช้เงินจำนวนมหาศาลในการค้นหา
“ถังเมิ่ง.. ฉันขอย้ำกับนายอีกครั้งว่า.. ห้ามขาดทุน! เพราะอีกไม่นานฉันอาจจะต้องใช้เงินจำนวนมาก ถึงตอนนั้นนายต้องมีเงินให้กับฉัน!”
เมื่อได้ยินว่าหลิงหยุนต้องการใช้เงินจำนวนมากนั้น ถังเมิ่งก็รีบบ่นพึมพำขึ้นมาทันที “ฉันยังไม่ได้เก็บเงินไว้คืนให้ธนาคารที่กู้มาเลยนะ..”
หลิงหยุนยิ้มพร้อมกับตบบ่าถังเมิ่ง “ไม่ต้องห่วง.. ฉันจะช่วยนายหาเงินอีกแรง รับรองว่าได้ไม่น้อยกว่าที่นายทำธุรกิจอย่างแน่นอน”
ตราบใดที่คลีนิคของหลิงหยุนเปิดให้บริการ ที่นั่นก็จะไม่ต่างจากขุมทรัพย์ที่อุดมสมบูรณ์ มันจะทำเงินให้หลิงหยุนได้ไม่น้อยไปกว่าธุรกิจของถังเมิ่งเลย!
หลังจากนั้นทั้งสามคนก็นั่งคุยกันต่ออย่างสบายๆกันอีกครู่หนึ่ง หลิงหยุนเพิ่งจะพบกับถังเทียนห่าวเมื่อตอนเที่ยง และรีดเงินจากจางเติงเกอมาได้อีกหนึ่งล้านหยวน เมื่อหลิงหยุนเล่าเรื่องนี้ให้ทั้งสองคนฟัง ถังเมิ่งและตี้เสี่ยวอู๋ต่างก็พากันหัวเราะจนตัวงอไม่หยุด
หลังจากหัวเราะกันไปครู่ใหญ่ ถังเมิ่งก็ยิ้มพร้อมกับพูดขึ้นว่า “พี่หยุน.. จางเติงเกอกับเสียเจิ้นเหยินเป็นญาติห่างๆกัน แต่หมอนี่ก็ไม่ต่างจากอันธพาลที่คอยข่มเหงคนอื่นไปทั่ว รีดเงินจากมันมาหนึ่งล้านหยวนยังนับว่าน้อยไป!”
หลิงหยุนเพียงแค่ยิ้มเล็กน้อย เขาคิดไม่ถึงว่าจางเติงเกอกับเสียเจิ้นเหยินจะเป็นญาติกัน แต่ที่คิดไม่ถึงยิ่งกว่านั้นก็คือว่า ถังเมิ่งกลับรู้เรื่องพวกนี้ เห็นได้ชัดว่าเจ้าเด็กคนนี้รอบรู้เรื่องภายในเมืองจิงฉูค่อนข้างลึกซึ้ง
หากจับถังเมิ่งมาฝึกวรยุทธ ก็คงไม่ต่างจากจับเป็ดมาตั้งไว้บนหิ้งโชว์ แต่หากถามเรื่องธุรกิจ หรือเรื่องแวดวงราชการในเมืองจิงฉูแล้วล่ะก็ ถังเมิ่งนับว่าเป็นกูรูคนหนึ่งเลยทีเดียว
“พี่หยุน.. น่าเสียดายที่พี่สั่งสอนจางเติงเกอเบาไปหน่อย!”
ตี้เสี่ยวอู๋ดูเหมือนจะไม่พอใจมากที่จางเติงเกอกล้าทำให้หลิงหยุนขุ่นเคืองใจ สำหรับตี้เสี่ยวอู๋แล้ว.. ใครก็ตามที่เป็นหัวหน้าของแก๊งมังกรเขียว เขามีหน้าที่ปกป้องรักษาเกียรติของคนผู้นั้น!
แต่หลิงหยุนกลับไม่ใส่ใจ และเพียงแค่ยิ้มๆ “งั้นเหรอ? ญาติของเสียเจิ้นเหยินช่างน่าสมเพชจริงๆ เพราะเพิ่งถูกฉันจับโยนลงไปในทะเลสาบ แล้วก็รีดเงินจากมันมาอีกหนึ่งล้านแลกกับการที่ฉันไว้ชีวิตมัน..”
ถังเมิ่งและตี้เสี่ยวอู๋ต่างก็มองหน้ากัน และคิดเหมือนกันว่า หลิงหยุนลงโทษเบาไปหน่อย และปราณีมันมากเกินไป!
หลิงหยุนมองหน้าตี้เสี่ยวอู๋คล้ายนึกอะไรขึ้นมาได้ แล้วจึงสั่งว่า “คืนนี้หนิงน้อยจะย้ายของมาไว้ที่บ้านฉัน นายจัดหาคนมาช่วยสักสองสามคน ขอคนที่นิสัยดีหน่อย อย่าให้ไปรบกวนท่านหมอเสี่ยวเข้าล่ะ ไม่อย่างนั้นรับรองว่าได้เจอดีแน่!”
ต่อให้ตี้เสี่ยวอู๋กินดีหมีดีมังกรมา ก็ไม่กล้าที่จะส่งคนที่ไว้ใจไม่ได้ไปทำหน้าที่นี้อย่างแน่นอน ตี้เสี่ยวอู๋พยักหน้าพร้อมกับตอบไปว่า “พี่หยุนวางใจได้.. ฉันรู้ว่าควรจัดการยังไง?”
หลิงหยุนพยักหน้าและหันไปถามถังเมิ่งว่า “หลี่กังจะมาถึงจิงฉูวันนี้ใช่มั๊ย?”
ถังเมิ่งรู้อยู่แล้วว่าหลิงหยุนจะต้องถามเรื่องนี้ เขาจึงตอบกลับไปยิ้มๆ “ฉันโทรถามพี่กังแล้ว เขาบอกว่าจะมาถึงตอนบ่ายสี่โมง!”
พี่กังที่ถังเมิ่งพูดถึงนั้นก็ไม่ใช่ใครอื่น แต่คือหัวหน้าหน่วยสืบสวนคดีอาชญากรรมของสำนักงานรักษาความมั่นคงแห่งจิงฉู – กังหลิวหย่ง
หลิงหยุนอ้าปากร้องออกมาอย่างพอใจ “เยี่ยมมาก.. พาเขามาที่นี่เลย!”
จากนั้นจึงหันไปถามตี้เสี่ยวอู๋ว่า “ยังมีภรรยาของหวังเล่ย.. ใครจะเป็นคนไปพาเธอมาที่นี่!”
ตี้เสี่ยวอู๋พยักหน้าพร้อมกับตอบไปว่า เขาสามารถไปพาตัวภรรยาของหวังเล่ยมาได้ตลอดเวลา
“ถังเมิ่ง.. สองสามวันนี้นายพอมีเวลา.. เดี๋ยวนายไปที่ตลาดค้าของเก่ากับฉันหน่อย พวกเราจะต้องไปพบคุณมู่หลงคนสวยนั่น แล้วก็ซ่งเจิ้งหยางด้วย”
เมื่อพูดถึงตลาดค้าของเก่า ถังเมิ่งก็ถามขึ้นมาอย่างตื่นเต้น.. “พี่หยุน.. ไปเล่นพนันกันด้วยนะ!”
หลิงหยุนพยักหน้า “ได้สิ!”
ตอนนี้หลิงหยุนมีเนตรหยินหยาง อีกทั้งยังมีจิตหยั่งรู้ ไม่มีเหตุผลที่เขาจะพ่ายแพ้ และเสียเงินให้กับการเล่นพนัน จึงไม่มีเหตุผลที่เขาจะไม่เล่น
“โอ้โหพี่หยุน.. ฉันรอพี่พูดคำนี้มานานมาก!” ถังเมิ่งร้องออกมาอย่างตื่นเต้นดีใจ
เมื่อพูดถึงการพนัน ตี้เสี่ยวอู๋ถึงกับขมวดคิ้ว และลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูดขึ้นว่า “พี่หยุน.. สองวันนี้บ่อนใต้ดินของเตาหยงมีนักพนันต่างชาติสองสามคนเล่นพนันได้เก่งมาก พวกมันสามารถเอาชนะได้ตลอด แม้ว่าเตาหยงจะรู้ดีว่าอีกฝ่ายต้องเล่นตุกติก แต่ก็จับไม่ได้ และดูเหมืนว่าเตาหยงจะไม่สามารถรับมือได้อีกแล้ว”
หลิงหยุนถามขึ้นว่า “มีเรื่องแบบนี้ด้วยเหรอ? แล้วตอนนี้ขาดทุนไปเท่าไหร่แล้ว?”
ตี้เสี่ยวอู๋ตอบ “ตอนนี้ก็มากกว่าสามล้านหยวนแล้ว..”
“ได้ไปตั้งสามล้านแล้วยังไม่พอใจอีกเหรอ? ทำไมเตาหยงไม่เชิญพวกเขาออกไปล่ะ?” หลิงหยุนถามต่อ
“พี่หยุน.. ไม่ใช่ไม่เชิญออกไป แต่พวกมันไม่ยอมไป ดูเหมือนพวกมันต้องการเล่นให้เตาหยงหมดตัว!”
ถังเมิ่งพูดขึ้นอย่างรำคาญ “ทำไมถึงได้โง่แบบนี้นะ! ก็ให้คนของเราไปหาเรื่องพวกมัน แล้วก็จัดการไล่มันออกไปสิ!”
ตี้เสี่ยวอู๋ส่ายหน้าพร้อมกับพูดขึ้นว่า “ทำแล้ว.. แต่คนของเราเจ็ดแปดคนที่ส่งไปรวมทั้งมือขวาของเตาหยงก็ถูกพวกมันจัดการจนน่วม พวกมันยังเย้ยเตาหยงอีกว่าถ้าไม่มีปัญญาเล่นชนะพวกมัน ก็ปิดบ่อนไปซะ!”
หลิงหยุนถามด้วยสีหน้านิ่งเรียบ “งั้นเหรอ? แก๊งมังกรเขียวก็มีบ่อนใต้ดินมากมาย ทำไมนายไม่หาคนที่ที่มีฝีมือไปเล่นพนันกับพวกมันล่ะ!”
ตี้เสี่ยวอู๋ฝืนยิ้ม “ฉันคงไม่ต้องทำอย่างนั้นหรอก! เพราะพวกมันประกาศไว้ว่า รอให้เตาหยงยอมแพ้และปิดบ่อนไปก่อน แล้วมันจะมาเล่นที่บ่นของฉัน”
หลิงหยุนคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตอบยิ้มๆ “เล่นพนันเก่งมากงั้นเหรอ? น่าสนใจดีนี่!”
หลิงหยุนบอกกับตี้เสี่ยวอู๋ “นายไปบอกเตาหยงว่าให้ปิดบ่อนสักสองสามวัน แล้วรอดูสถานการณ์ก่อน!”
“แต่นี่ไม่ใช่มารยาทที่คนเปิดบ่อนทำกัน..” ตี้เสี่ยวอู๋อ้ำอึ้ง..
“รู้ทั้งรู้ว่าเปิดไปก็ต้องเสียเงินอยู่ดี ยังจะดื้อดึงเปิดงั้นเหรอ? อย่ามาพูดเรื่องมารยาทกับฉัน.. เพราะมันเป็นเรื่องที่โง่สิ้นดี! ทำตามที่ฉันสั่ง.. ปิดบ่อนสองสามวันดูสถานการณ์ก่อน!”
“ครับพี่หยุน!”
แล้วเสียงโทรศัพท์มือถือของหลิงหยุนดังขึ้น..