Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร - ตอนที่ 545
บทที่ 545 : หนทางอีกยาวไกล!
หลัวเอ้อเฟิงรีบออกจากบ้านของหลิงหยุนไปทันที และหลิงหยุนก็ไม่ได้ล้างความทรงจำของเธอออกไป..
หลังจากที่หลัวเอ้อเฟิงออกไปถึงหน้าหมู่บ้าน ก็รีบเรียกรถกลับไปที่บ้าน เธอจัดการเก็บของเท่าที่จำเป็น จากนั้นจึงลากกระเป๋าไปที่สถานีขนส่ง และรีบนั่งรถออกจากเมื่องจิงฉูไปตั้งแต่วันนั้น และไม่ได้ข่าวคราวอีกเลย
หลิงหยุนตัดสินใจปล่อยหลัวเอ้อเฟิงไปเพราะเธอเพิ่งจะสูญเสียสามี หญิงยากจนคนหนึ่งต้องมาพบกับความหายนะที่ตัวเองไม่ได้เป็นผู้ก่อ และเธอก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการทำร้ายหลิงหยุนเลยแม้แต่น้อย
“แว่นกันแดดนี่ใช้ง่ายก็จริง แต่ก็อึดอัด แล้วก็ไม่สะดวก..”
หลิงหยุนขมวดคิ้วพร้อมกับยกมือขึ้นถอดแว่นกันแดดออกวางไว้ที่โต๊ะรับแขกตรงหน้า
ไป๋เซียนเอ๋อเองก็เช่นกัน เธอจัดการถอดแว่นกันแดดออก และโยนมันไว้ที่โต๊ะรับแขก ดวงตาคู่งามของเธอหรี่ลง ใบหน้างดงามนั้นก็บ่งบอกว่าไม่พอใจกับแว่นกันแดดนี้เป็นอย่างมาก
“ใส่แล้วอึดอัด.. ข้าใช้วิชาลวงตาดีกว่า!” ไป๋เซียนเอ๋อบ่นพึมพำ
หลิงหยุนถึงกับตกใจเหงื่อตก และรีบโบกมือร้องห้ามทันที “ไม่ได้นะ! เพราะหากเจ้าหลงลืมขึ้นมา และเผลอไปปรากฏตัวต่อหน้าผู้คนอีก มีหวังคงโกลาหลวุ่นวายตายแน่!”
การที่ไป๋เซียนเอ๋อจะใช้วิชาลวงตาเพื่อไม่ให้คนอื่นมองเห็นนางนั้น หลังจากที่กลายร่างสำเร็จแล้ว วิชานี้ก็เป็นเพียงวิชาพื้นๆ และสามารถใช้งานได้ง่าย
แต่ความยากลำบากจะอยู่ที่ว่า เมื่อต้องออกไปข้างนอกด้วยกัน หากไป๋เซียนเอ๋อต้องพรางตัวตลอดเวลา แล้วหลิงหยุนจะติดต่อสื่อสารกับเธอได้อย่างไร?
ยกตัวอย่างเช่น.. ระหว่างที่เดินด้วยกันอยู่ในที่สาธารณะโดยที่ไป๋เซียนเอ๋อใช้วิชาลวงตาพรางตัวไว้ แล้วหลิงหยุนเผลอเดินโอบไหล่ หรือพูดคุยกับนาง คนอื่นก็จะมองว่าหลิงหยุนทำท่าทางแปลกประหลาด พูดคุยคนเดียว ก็อาจเข้าใจผิดว่าเขาเป็นบ้า หรือสติไม่สมประกอบอย่างแน่นอน
และแทนที่จะให้คนอื่นมองว่าเขาเสียสติ หลิงหยุนยอมให้เกิดเรื่องโกลาหลวุ่นวายแทนดีกว่า อย่างน้อยก็มีอะไรสนุกๆให้ดู
“นี่เป็นการปรับตัวให้เข้ากับโลกใหม่ เจ้าจะต้องฝึกให้คุ้นเคย..” หลิงหยุนยิ้มพร้อมกับพูดปลอบใจ
จู่ๆหลิงหยุนก็พาไป๋เซียนเอ๋อเดินขึ้นไปชั้นสองพร้อมกับพูดขึ้นว่า “เซียนเอ๋อ.. ภายในบ้านหลังนี้ข้าได้สร้างค่ายกลหลุมพลังไว้ ต่อไปเจ้าก็อาศัยอยู่ที่นี่ เพราะจะต้องอาศัยพลังชีวิตในการฝึกฝน เราขึ้นไปข้างบนดูห้องกันดีกว่า!”
ไป๋เซียนเอ๋อพยักหน้าเอียงอาย และหันไปมองรอบๆ ก่อนจะหันไปถามหลิงหยุน “ไม่ทราบว่าพี่หลิงหยุนจะให้เซียนเอ๋อนอนห้องใหน?”
หลิงหยุนตอบยิ้มๆ “ชั้นสองมีห้องนอนหลายห้อง เจ้าอยากอยู่ห้องใหนก็ไปเลือกเองได้เลย..”
ไป๋เซียนเอ๋อกลับตอบไปว่า “เซียนเอ๋ออยากอยู่ห้องเดียวกับท่าน..”
อยู่ห้องเดียวกับไป๋เซียนเอ๋อน่ะเหรอ? หลิงหยุนยินดีมากอยู่แล้ว แต่หากเขาทำเช่นนั้น เกรงว่าเสี่ยวเม่ยหนิงจะต้องโกรธเป็นฟืนเป็นไฟอย่างแน่นอน
“เอ่อ.. คืนนี้หนิงน้อยก็จะย้ายมาอยู่ที่บ้านหลังนี้เช่นกัน เจ้าลองปรึกษากับนางดูก็ได้ แต่ข้าจะพาเจ้าไปเดินดูก่อน..”
บ้านหลังนี้มีสองชั้น ห้องนอนใหญ่จะอยู่ฝั่งที่แสงแดดส่องถึง และแน่นอนว่าห้องนอนใหญ่นี้เป็นห้องนอนของหลิงหยุนเอว แต่ตั้งแต่ตกแต่งเสร็จ หลิงหยุนก็ยังไม่เคยเข้ามานอนที่นี่เลยสักครั้ง
หลิงหยุนจึงเปิดประตูห้องนอนใหญ่นี้ไว้เพื่อระบายอากาศ แล้วจึงเดินเข้าไปด้านในพร้อมกับไป๋เซียนเอ๋อ
หน้าต่างสูงจากพื้นจรดเพดาน ผ้าม่านหรูหราสวยงาม พรมที่แสนนุ่ม และโซฟาหนังสีแดง เครื่องปรับอากาศ ทีวี และของตกแต่งอื่นๆอีกมากมาย..
และสิ่งที่โดดเด่นที่สุดในห้องนี้ก็คือเตียงขนาดใหญ่ที่สามารถนอนเรียงกันได้ถึงห้าหกคนเลยทีเดียว
“นี่เป็นห้องของข้า..” หลิงหยุนบอกไป๋เซียนเอ๋อยิ้มๆ
“ห้องนอนนี้ใหญ่มาก!” ไป๋เซียนเอ๋อมองไปรอบๆห้องพร้อมกับร้องอุทานออกมา
แต่ถึงแม้ว่าห้องนี้จะใหญ่โต และสวยงามมากเพียงใด มันก็เทียบไม่ได้กับถ้ำที่หลิงหยุนสร้างไว้บนเกาะเตียวหยู และที่นั่นยังคงเป็นสถานที่แห่งเดียวที่ตราตรึงอยู่ในจิตใจของไป๋เซียนเอ๋อ
หลิงหยุนเองก็ได้แต่จ้องมองเตียงขนาดใหญ่นั้น พร้อมกับกำลังคิดว่าวันใหนหนอที่เขาจะมีโอกาสได้นอนรายล้อมด้วยเหล่าสาวงาม..
“เฮ้อ.. เส้นทางคงจะยังอีกยาวไกล..” หลิงหยุนได้แต่พึมพำกับตัวเอง
“พี่หลิงหยุน.. ท่านพูดอะไรอีกยาวไกล?!” ไป๋เซียนเอ๋อได้ยินเสียงพึมพำของหลิงหยุน ก็ได้แต่ถามออกมาด้วยความอยากรู้อยากเห็น
หลิงหยุนได้สติ และตื่นจากฝันหวานทันที เขารีบเบือนหน้าจากเตียงขนาดใหญ่ และหันไปมองหน้าต่างแทน
“เอ่อ.. ไม่มีอะไร! ถังเมิ่งเคยบอกข้าไว้ว่าทุกอย่างในบ้านหลังนี้ควบคุมด้วยรีโมท ไม่ว่าจะเป็นหน้าต่าง ผ้าม่าน เขาบอกให้ข้าค่อยๆเรียนรู้ไปน่ะ..”
ภายในห้องนอนขนาดใหญ่นี้มีห้องน้ำอยู่ในตัว และภายในห้องน้ำก็แยกออกเป็นสองส่วน ส่วนหนึ่งเป็นห้องอาบน้ำเหมือนห้องน้ำทั่วๆไป มีฝักบัว อ่างน้ำ แล้วก็โถส้วม แต่อีกส่วนนั้นตกแต่งหรูหรา และดูไม่เหมือนห้องน้ำทั่วไป
พื้นที่ภายในยี่สิบตารางเมตรนั้น มีสระว่ายน้ำเล็กๆที่สามารถปรับอุณหภูมิได้ มีเตียงน้ำขนาดใหญ่ และมีถังไม้ขนาดที่สามารถนั่งได้ถึงสองคนเพื่อให้คู่รักสามารถลงไปอาบน้ำด้วยกันได้
หลิงหยุนพาไป๋เซียนเอ๋อเข้าไปด้านใน เขาลงไปนั่งลงบนเตียงน้ำอยู่ครู่หนึ่ง แต่ก็ไม่เข้าใจว่าเพราะเหตุใดจึงต้องมีเตียงน้ำไว้ในห้องน้ำ
“ในบ้านหลังนี้มีของใช้มากมายที่ข้าเองก็ไม่เคยใช้มาก่อน ข้าคงต้องไปขอให้ถังเมิ่งค่อยๆสอนให้.”
หากเป็นเรื่องการฝึกฝน การแพทย์ การต่อสู้ หรือแม้แต่การฆ่า รับรองได้ว่าหลิงหยุนคือผู้ที่อยู่ในระดับปรมาจารย์ที่หาใครเทียบได้ยากเลยทีเดียว แต่หากพูดถึงความรู้หรือเรื่องราวต่างๆในเมือง และอุปกรณ์ไฮเทค หลิงหยุนนับว่าเป็นเพียงมือใหม่เท่านั้น
นอกเหนือจากการฝึกฝนแล้ว หลิงหยุนเองก็ไม่มีเวลาที่จะมานั่งเรียนรู้ และเพลิดเพลินกับเทคโนโลยีที่ทันสมัยเหล่านี้เลย
หลิงหยุนพาไป๋เซียนเอ๋อเดินออกจากห้องนอนของตนเองไปยังห้องต่อไป..
ภายในห้องนี้ตกแต่งด้วยโทนสีม่วงและสีชมพู ห้องทั้งห้องจึงดูอ่อนหวาน และให้ความรู้สึกอบอุ่นสบาย แต่ที่ผนังกลับมีโปสเตอร์รูปคนที่บอกรายละเอียดของจุดฝังเข็มต่างๆตามร่างกายติดอยู่ ซึ่งดูขัดแย้งกับสไตล์การตกแต่งของห้องอย่างมาก
“ในภาพมีหลายจุดที่ระบุจุดฝังเข็มที่คลาดเคลื่อนไป..”
หลิงหยุนขมวดคิ้วเล็กน้อย พร้อมกับคิดว่าเขาคงต้องหาเวลาว่างวาดภาพจุดฝังเข็มบนร่างกายมนุษย์ที่ถูกต้องขึ้นมาใหม่
ระหว่างนั้น จิตหยั่งรู้ของหลิงหยุนก็สำรวจพบว่าถังเมิ่งกับคนของแก๊งมังกรเขียวกลับมาแล้ว เขาจึงพาไป๋เซียนเอ๋อเดินลงไปยังห้องนั่งเล่น
ถังเมิ่งที่กำลังเดินเข้ามาในห้องนั่งเล่นก็ร้องบอกหลิงหยุนทันที “พี่หยุน.. ฉันส่งหลี่กังกลับไปที่สำนักงานรักษาความมั่นคงแล้ว แต่.. พอเขาตื่นขึ้นมา เขาก็กลายเป็นคนที่งงๆ แล้วก็จำอะไรไม่ได้! ตำรวจถามอะไรก็ไม่รู้เรื่อง..”
หลิงหยุนได้แต่คิดในใจว่าเขาเป็นคนลบความทรงจำตลอดหนึ่งปีของหลี่กังทิ้งไปเอง ถ้าหลี่กังจำอะไรได้ต่างหากล่ะจึงจะเป็นเรื่องแปลก!
หลิงหยุนเพียงแค่ตอบกลับไปยิ้มๆ “ก็ดีแล้วนี่.. จำอะไรไม่ได้แบบนี้ พวกเราก็จะได้ไม่ต้องยุ่งยาก!”
ถังเมิ่งรู้ได้ทันทีว่าหลิงหยุนได้จัดการลบความทรงจำของหลี่กังไปแล้ว เขาจึงไม่ถามอะไรต่อ และเพียงแค่ตอบกลับยิ้มๆเช่นกัน
“ฉันเข้าใจแล้ว!”
“พี่หยุน. แล้วเรื่องพิธีเปิดคลินิกสามัญชนล่ะ? พี่จะจัดพิธีเปิดแบบใหน? แบบอลังการหน่อยดีมั๊ย?”
หลิงหยุนได้มอบเรื่องนี้ให้เป็นหน้าที่ของถังเมิ่งไปจัดการ ส่วนตัวเขามีหน้าที่แค่ทำการรักษาคนไข้เท่านั้น และถังเมิ่งเองก็รู้ดีว่าคลินิกสามัญชนของหลิงหยุนนั้น จะเป็นอีกแหล่งที่สามารถสร้างรายได้ได้อย่างมากมาย
หลิงหยุนรีบโบกมือปฏิเสธ “ไม่เอา.. พิธีเปิดเล็กๆก็พอ!”
ถังเมิ่งเกาศรีษะพร้อมกับตอบไปว่า “พี่หยุน.. ฉันเกรงว่ามันจะทำพิธีเปิดเล็กๆอย่างพี่ว่าไม่ได้แล้วน่ะสิ!”
หลิงหยุนถามอย่างประหลาดใจ “ทำไม.. มีอะไรยุ่งยาก?”
ถังเมิ่งตอบยิ้มๆ “พี่หยุน.. พิธีเปิดคลีนิคทั้งที จะเปิดเรียบๆได้ยังไงกัน ต้องมีทั้งปะทัด แล้วก็ตัดริบบิ้น”
หลิงหยุนร้องขัดขึ้นทันที “ฉันไม่เอาอะไรพวกนั้น.. ไร้สาระ!”
ถังเมิ่งตอบเศร้าสร้อย “แต่.. แต่.. พ่อแม่ของฉันกับลุงหลี่ก็จะมาร่วมพิธีเปิดด้วย..”
หลิงหยุนไม่ต้องการทำตัวเด่นดัง เขาจึงต้องการให้พิธีเปิดเป็นไปอย่างเรียบง่าย ไม่ต้องเด่นดังอะไร..
“ถ้างั้นก็บอกพวกเขาว่าไม่ต้องมาร่วมยินดี..”
“ฉันไม่กล้าไปบอกหรอก.. งั้นพี่ก็ไปบอกเองก็แล้วกัน..”
หลิงหยุนถึงกับพูดอะไรไม่ออก เขาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วจึงตอบไปว่า “เอาล่ะ.. ในเมื่อนายเป็นคนจัดการเรื่องพิธีเปิด ฉันก็จะแค่ไปร่วมพิธี เอาเป็นว่านายจะจัดการยังไงก็แล้วแต่นาย!”
ถังเมิ่งดีใจอย่างมาก เขายกมือขึ้นทำเป็นรูป OK เป็นการบอกว่าไม่มีปัญหา..
“พี่หยุน.. ยังมีอีกเรื่อง..”
หลิงหยุนยิ้มและถามขึ้นว่า “อะไรของนายอีกล่ะ?”
ถังเมิ่งพูดขึ้นว่า “แล้วเรื่องโฆษณาล่ะ จะให้ฉันจัดการลงโฆษณาให้ดังเลยมั๊ย..?”
หลิงหยุนหัวเราะออกมาเสียงดังพร้อมกับพูดขึ้นว่า “ไม่จำเป็น.. การโฆษณาไม่ดีเท่ากับชื่อเสียงที่ได้รับการบอกปากต่อปากว่าที่นี่มีหมอเก่ง! รับรองว่าจะดังยิ่งกว่าการโฆษณาเสียอีก!”
ยังต้องโฆษณาอีกงั้นหรือ? หลิงหยุนเกรงแต่ว่า.. ภายในสองวันเท่านั้น คนไข้ก็จะพากันมาจนเต็มคลีนิคของเขา
ถังเมิ่งหันไปมองหลิงหยุนพร้อมกับถามด้วยน้ำเสียงค่อนข้างเบา “พี่หยุน.. พี่แน่ใจนะว่าจะสามารถรักษาได้ทุกโรคจริงๆ?”
หลิงหยุนตอบกลับไปยิ้มๆ “ถึงเวลานายก็จะรู้เอง!”
ถังเมิ่งรีบถามต่อ “แล้วถ้าแขนขาดขาขาดล่ะ ทำให้มันงอกใหม่ได้มั๊ย?”
หลิงหยุนแทบจะลุกออกไปเตะถังเมิ่ง “นายอยากตายหรือยังไง? นั่นไม่เรียกว่าความเจ็บป่วย แต่เป็นความพิการ ใครจะสามารถสร้างสิ่งที่ไม่มีให้มีได้ ฉันไม่ใช่เซียนนะ!”
แล้วทั้งคู่ก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาพร้อมกัน ระหว่างนั้น ก็มีเสียงรถดังขึ้นอยู่ด้านนอก แล้วรถเฟอรารี่สีแดงก็พุ่งเข้ามาภายในบ้าน
หลิงหยุนหันไปมองสาวน้อยตัวแสบที่เป็นคนขับ และเหมี่ยวเสี่ยวเหมาที่นั่งอยู่ข้างๆ
“ท่าทางคืนนี้คงจะ..”