Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร - ตอนที่ 546
บทที่ 546 : ย้ายมาอยู่กับหลิงหยุน!
“เซียนเอ๋อ.. เจ้ารีบพรางตัวไว้ก่อน รอจนคนนอกกลับไปแล้วค่อยปรากฏตัวใหม่”
หลิงหยุนรู้ดีว่าตอนนี้ในบ้านมีคนนอกอยู่มากมาย เขาจึงหันไปร้องบอกไป๋เซียนเอ๋อ
ไป๋เซียนเอ๋อเองก็ไม่ต้องการให้คนเหล่านั้นเห็นนาง และเพื่อไม่ให้เกิดความยุ่งยากที่ไม่จำเป็น นางจึงพยักหน้ารับคำสั่งพร้อมกับยิ้มให้หลิงหยุน
“ถังเมิ่ง.. นี่นายมัวทำอะไรอยู่? ยังไม่รีบไปช่วยคนอื่นขนของอีก!” หลิงหยุนร้องบอกถังเมิ่งที่ยังคงนั่งเฉย
“พี่หยุน.. พี่เองก็ไม่ได้ทำอะไร ทำไมไม่ไปช่วยขนล่ะ?!”
ทันทีที่ลงมาจากรถ ขาเรียวยาวสวยงามของเสี่ยวเม่ยหนิงก็วิ่งตรงเข้าไปหาหลิงหยุน พร้อมกับกอดแขนของเขาไว้แน่น และบ่นพึมพำว่า
“วันนี้ฉันยุ่งมากเลย..!”
หลิงหยุนได้แต่ยิ้มขณะที่ฟังเสี่ยวเม่ยหนิงบ่น..
เหมี่ยวเสี่ยวเหมาที่เพิ่งลงมาจากรถ ได้แต่มองสำรวจไปรอบบ้านด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความตกใจที่ไม่อาจปกปิดไว้ได้
เมื่อครั้งที่หลิงหยุนออกเดินทางไปที่เกาะกลางทะเลนั้น เหมี่ยวเสี่ยวเหมา กับเสี่ยวเม่ยหนิงได้แวะมาที่บ้านของหลิงหยุนหลายครั้งหลายครา และทุกครั้งที่มา เหมี่ยวเสี่ยวเหมาจะสัมผัสได้ว่าพลังชีวิตที่อยู่ในบริเวณบ้านของหลิงหยุนนั้น มีความเข้มข้นเพิ่มขึ้นจากเดิมทุกครั้งไป
การใช้หนอนกู่นั้นเป็นเรื่องของเวทย์มนต์คาถา และการที่เหมี่ยวเสี่ยวเหมาฝึกกำลังภายในนั้น ทำให้เธอสามารถสัมผัสกับพลังชีวิตที่มีอยู่บนโลกใบนี้ได้ และตอนนี้เธอเองก็อยู่ในระดับเริ่มต้นของขั้นโฮ่วเทียน-8 แม้ว่าจะไม่สามารถดูดซับพลังชีวิตนี้ได้โดยตรง แต่ก็สามารถใช้มันได้ผ่านการใช้หนอนกู่ ดังนั้นพลังชีวิตนี้จึงนับว่ามีผลต่อการฝึกฝนของเธออย่างมากเลยทีเดียว
‘น่าอัศจรรย์มาก..! เหตุใดพลังชีวิตที่นี่ถึงได้เข้มข้นกว่าพลังชีวิตในหุบเขาเหมี่ยวซัน นี่มันเข้มข้นจนแทบจะกลายเป็นของเหลวอยู่แล้ว!’ เหมี่ยวเสี่ยวเหมาทั้งแปลกใจ และตกใจ
ในบริเวณชายแดนแถบที่ราบสูงยูนานและกวงซีนั้น เป็นที่รู้กันดีว่าพื้นที่แถบนั้นล้วนเต็มไปด้วยภูเขานับแสนลูก ไม่เพียงมีสถานที่ลี้ลับที่ยังไม่เคยมีผู้คนเข้าไปอีกมากมาย แต่ยังมีพลังชีวิตที่อุดมสมบูรณ์อีกด้วย
ตั้งแต่เหมี่ยวเสี่ยวเหมาเกิดมา นางก็ได้ติดตามเหมี่ยวเฟิงหวงไปฝึกวิชาหนอนกู่ และฝึกการใช้พิษตามหุบเขาต่างๆที่มีพลังชีวิตอยู่มากมาย เธอจึงค่อนข้างคุ้นเคยกับพลังชีวิตนี้อย่างมาก
เจ้าดักแด้ทองคำตัวอ้วนที่มีพิษร้ายแรงที่สุด กำลังกระพือปีกใสของมันเพื่อบินลงมากเกาะที่ไหล่ของเหมี่ยวเสี่ยวเหมา แต่เมื่อสัมผัสได้ถึงอันตราย มันก็รีบบินหายออกไปทันที
‘ที่นี่มีอะไรบางอย่างที่แข็งแกร่งกว่าเจ้าทองอ้วน..!’
เหมี่ยวเสี่ยวเหมาเริ่มรู้สึกหวาดกลัว และสัมผัสได้ถึงอันตรายที่เจ้าทองอ้วนรู้สึก เธอจึงคาดเดาว่าน่าจะเป็นสุนัขจิ้งจอกสีขาวที่เธอเคยพบก่อนหน้านี้
อากัปกิริยาของเหมี่ยวเสี่ยวเหมาอยู่ในสายตาของหลิงหยุนตลอดเวลา เขานึกขบขันอยู่ในใจเมื่อเห็นว่าเจ้าทองอ้วนดูจะหวาดกลัวไป๋เซียนเอ๋อ และนี่เป็นสัญชาติญาณของสัตว์วิญญาณด้วยกันเมื่อสัมผัสได้ว่ามีสัตว์วิญญาณที่แข็งแกร่งกว่าอยู่ด้วย
ไม่ว่าจะเป็นเจ้าสีนิลมังกรน้อย หรือดักแด้ทองคำอย่างเจ้าทองอ้วน แม้ว่าทั้งคู่จะเป็นสัตว์วิญญาณที่นับว่าพลังมากในโลกใบนี้ แต่ก็ยังด้อยกว่าสุนัขจิ้งจอกสวรรค์เก้าหางอย่างเจ้าขาวปุย
เมื่อครั้งที่เจ้าสีนิลได้พบกับขาวปุยซึ่งมีหางที่สามงอกมาแล้วนั้น มันก็หวาดกลัวจนต้องหนีไปซ่อนตัว
แต่เมื่อใดก็ตามที่เจ้าสีนิลพัฒนาร่างเป็นมังกรจริงๆ และเมื่อการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของมันมาถึง เจ้าสีนิลจะเติบโตเป็นมังกรดำที่ทรงพลังระหว่างสวรรค์กับโลกอย่างมาก
เจ้าทองอ้วนเองก็สามารถพัฒนาร่างได้เช่นกัน และหากมันสามารถเปลี่ยนเป็นตัวไหมครั้งที่เก้าได้สำเร็จ มันก็จะกลายเป็นสัตว์วิญญาณที่น่าสะพรึงกลัวอย่างมาก และจะร้ายกาจกว่าจิ้งจอกสวรรค์เก้าหางอยู่บ้าง
หลิงหยุนมองสีหน้าที่เต็มไปด้วยความแปลกประหลาดใจของเหมี่ยวเสี่ยวเหมา แล้วจึงก้าวออกไปทักทาย
“สาวสวยยินดีต้อนรับ.. วันนี้คงจะวุ่นวายมากเลยสินะ!”
แต่เหมี่ยวเสียวเพียงแค่เหลือบมองหลิงหยุน..
“ฮ่า.. ฮ่า.. ดูเหมือนคุณจะห่วงว่าผมจะรังแกหนิงน้อยสินะ?” หลิงหยุนถามพร้อมกับฉีกยิ้มให้
“โอ๊ย.. กล่องไม้นี่ใส่อะไรมา? ทำไมถึงได้หนักแบบนี้?”
ถังเมิ่งเดินไปที่ท้ายรถเฟอรารี่ และกำลังยกลังไม้สี่เหลี่ยมออกมา ซึ่งเขาเองก็คิดไม่ถึงว่ามันจะหนักถึงเพียงนี้
เด็กสาวตัวแสบ – เสี่ยวเม่ยหนิงถึงกับหัวเราะออกมา เธอยิ้มเยาะถังเมิ่งพร้อมกับร้องสั่งว่า
“อย่ามัวแต่พูดไร้สาระ รีบๆยกเข้ามาเร็วเข้า!”
จากนั้นเสี่ยวเม่ยหนิงก็แนบริมฝีปากเข้าที่ข้างหูของหลิงหยุนพร้อมกับกระซิบเบาๆ “พี่หลิงหยุน.. ในกล่องนั่นเป็นตำราแพทย์ทั่วไปที่ท่านปู่ให้มา!”
หลิงหยุนใช้จิตหยั่งรู้ของตนเองสำรวจดูก็รู้ว่า ในลังไม้ใบนั้นเต็มไปด้วยตำราแพทย์มากมาย
สิ่งของที่เสี่ยวเม่ยหนิงขนมานั้น นอกเหนือจากเสื้อผ้า รองเท้า เครื่องสำอาง และตุ๊กตาแล้ว ที่เหลือก็เป็นหนังสือเรียนกับตำราแพทย์ที่ท่านหมอเสี่ยวเคยใช้ศึกษา และนับว่าเป็นสมบัติที่ล้ำค่ามากอย่างหนึ่ง
ด้วยทักษะทางด้านการแพทย์ของหลิงหยุนในเวลานี้ เขาไม่จำเป็นต้องเรียนรุ้ตำราแพทย์ทั่วไปเหล่านี้แล้ว แต่ก็สามารถอ่านไว้เป็นข้อมูลได้..
ตัวยาต่างๆที่ค้นพบและวิจัยออกมานั้นก็เพื่อใช้รักษาความเจ็บป่วยของมวลมนุษย์ ทักษะทางด้านการแพทย์บนโลกใบนี้นั้น แม้ว่าจะไม่สามารถเทียบเท่ากับความสามารถทางการแพทย์ที่หลิงหยุนมี แต่ตำราแพทย์หลายเล่มนี้ก็ล้วนแล้วแต่ค้นคว้าและเขียนขึ้นโดยปราชญ์ทางด้านการแพทย์หลายท่าน แม้ว่าตำราแพทย์เหล่านี้จะไม่ได้มีประโยชน์ต่อการพัฒนาทักษะทางการแพทย์ของหลิงหยุน แต่ก็ไม่ควรเพิกเฉยหรือไม่ใส่ใจ!
ฮึบ..!
ถังเมิ่งต้องออกแรงอย่างหนักในการยกกล่องไม้ แต่เมื่อเดินไปได้เพียงไม่กี่ก้าว เขาก็ต้องวางกล่องไม้นั่นลงกับพื้น
“พี่หยุน.. ช่วยฉันยกหน่อยสิ..”
ถังเมิ่งร้องบอกด้วยแววตาอ้อนวอนต่อหน้าสาวสวยทั้งสองคน แม้แต่กล่องไม้เล็กๆ เขาก็ยังยกไม่ไหว ช่างน่าอายจริงๆ!
“มา.. ฉันช่วยเอง..”
เหมี่ยวเสี่ยวเหมารู้ว่ากล่องไม้นั่นหนักมาก เธอยิ้มหวานให้กับถังเมิ่งพร้อมกับโน้มตัวลงยกกล่องไม้ขึ้นมา แล้วเดินตัวปลิวเข้าบ้านไป
ถังเมิ่งมองภาพนั้นด้วยความตกตะลึง และตกใจ..
“นายมองอะไร!”
เสี่ยวเม่ยหนิงดุถังเมิ่งพร้อมกับปล่อยมือออกจากแขนของหลิงหยุน และรีบเดินตามเหมี่ยวเสี่ยวเหมาเข้าไปในบ้าน
“พี่ใหญ่.. รอฉันด้วย!”
ในเวลาเดียวกันนั้นเอง ก็มีรถอีกหลายคันเข้ามาจอดหน้าบ้าน ตี้เสี่ยวอู๋เดินลงมาจากรถสีดำพร้อมกับเอ่ยทักทายหลิงหยุน หลังจากนั้นจึงหันไปสั่งพี่น้องแก๊งมังกรเขียวให้จัดการยกของเข้าไปด้านใน
เสี่ยวเม่ยหนิงกับเหมี่ยเสี่ยวเหมาเดินขึ้นไปด้านบนก่อน ส่วนของที่เหลือนั้นตี้เสี่ยวอู๋ ถังเมิ่ง และหนุ่มๆจากแก๊งมังกรเขียวอีกเจ็ดแปดคนก็ช่วยกันยกขึ้นไปด้านบน เพียงแค่ยี่สิบนาที ของทุกอย่างก็ถูกย้ายเข้าไปไว้ในห้องนอนของเสี่ยวเม่ยหนิงจนหมด
“คืนนี้นายพาพี่น้องไปกินไปดื่มให้สนุก!”
หลังจากย้ายของเสร็จเรียบร้อยแล้ว หลิงหยุนก็หยิบเงินออกมาหนึ่งหมื่นหยวนให้กับตี้เสี่ยวอู๋ที่พาพี่น้องของเขามาช่วยในครั้งนี้
ตี้เสี่ยวอู๋รีบปฏิเสธ “พี่หยุน.. ไม่ต้อง..”
พี่น้องแก๊งมังกรเขียวทั้งเจ็ดแปดคนนั้น ล้วนแล้วแต่เป็นคนที่เคยติดตามหลงคุนไปที่หมู่บ้านหลินเจียง ทุกคนต่างก็ได้เคยเห็นวีกรรมของหลิงหยุนในวันนั้นด้วยตาตัวเอง และเมื่อเห็นหลิงหยุนมอบเงินให้ พวกเขาถึงกับกระอึกกระอักและพากันส่ายหน้าปฏิเสธ
“ทุกคนต้องกินต้องใช้.. ในเมื่อฉันให้ พวกนายก็รับไว้!”
หลิงหยุนยิ้มเล็กน้อยพร้อมกับยื่นเงินให้ตี้เสี่ยวอู๋ และคนของแก๊งมังกรเขียว
“นายพาพี่น้องของนายไปกินอาหารดีๆ ต่อไปเขาจะได้มีใจที่จะทำงานให้กับนาย..” เมื่อพี่น้องแก๊งมังกรเขียวเดินออกไปแล้ว หลิงหยุนจึงหันไปพูดกับตี้เสี่ยวอู๋เสียงเบา
“พี่หยุนดูท่าคงต้องจัดการเก็บกวาดอีกพักใหญ่ ฉันจะออกไปหาซื้ออะไรมาให้พี่กินก่อน!”
ถังเมิ่งรู้ว่าคืนนี้หลิงหยุนจะค้างคืนที่นี่ก็ได้แต่ปาดเหงื่อและพูดต่อว่า “เอ่อ.. ให้สองสาวนั่นด้วย!”
หลิงหยุนพยักหน้าให้ถังเมิ่งกับตี้เสี่ยวอู๋ จากนั้นจึงวิ่งขึ้นไปชั้นสองตรงไปยังห้องนอนของเสี่ยวเม่ยหนิง
“คุณสองคนไม่นอนห้องนี้ด้วยกันเหรอ?”
เมื่อเห็นเหมี่ยวเสี่ยวเหมากำลังจัดเตียงในห้องนอนอีกห้องทางฝั่งตะวันตก หลิงหยุนจึงเอ่ยถามยิ้มๆ
“พี่ใหญ่ต้องฝึกวรยุทธเป็นประจำ ส่วนฉันก็ต้องทบทวนการเรียนทุกวัน แล้วก็ทำการบ้านบ้าง พี่ใหญ่ก็เลยไม่อยากรบกวนฉัน..”
เสี่ยวเม่ยหนิงจ้องมองสิ่งของที่กองพะเนินอยู่บนพื้นพร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อย
“เฮ้อ.. ต้องจัดของตั้งเยอะตั้งแยะ น่าจะมีแม่บ้านมาช่วยจัด!” เด็กสาวตัวแสบได้แต่บ่นพึมพำ
หลิงหยุนถึงกับพูดไม่ออก “หนิงน้อย ที่นี่ไม่เหมาะที่จะจ้างแม่บ้านมาอยู่ด้วย..”
บ้านเลขที่-1 ของหลิงหยุนนั้นไม่เหมาะที่จะให้มีแม่บ้านมาอยู่ดูแล เพราะที่บ้านหลังนี้ไม่เพียงมีความเสี่ยงหลายอย่าง แต่ยังมีเป็นสถานที่ที่หลิงหยุนใช้ฝึกกำลังภายใน ปลุกเสกยันต์ เล่นแร่แปรธาตุ และยังมีเรื่องอื่นๆ ซึ่งล้วนเป็นความลับที่ไม่อาจให้คนนอกรู้ได้ เพื่อป้องกันไม่ให้เรื่องราวภายในบ้านถูกนำออกไปแพร่งพรายสู่คนภายนอก
“ถ้างั้น.. ก็จ้างมาแค่ทำความสะอาดบ้านวันละสองสามชั่วโมงก็ได้..”
เสี่ยวเม่ยหนิงพึมพำก่อนจะลงมือรื้อเสื้อผ้าเข้าไปเก็บไว้ในตู้ หลิงหยุนรู้ว่าเสื้อผ้าของหนิงน้อยมีมากมาย และที่เธอขนมาวันนี้ก็เป็นเพียงแค่ชุดสำหรับใส่ฤดูร้อนเท่านั้น อีกทั้งเธอยังขนมาเพียงแค่ครึ่งเดียว ยังเหลืออีกครึ่งหนึ่งที่อยู่บ้านท่านหมอเสี่ยว
หลิงหยุนจึงตอบกลับไปว่า “เอาล่ะ.. ไว้ผมจะลองปรึกษากับถังเมิ่งเรื่องนี้ดู..”
สำหรับบ้านหลังใหญ่เช่นนี้ ความสะอาดและสุขอนามัยก็เป็นเรื่องจำเป็น และไม่อาจปล่อยปละะละเลยได้
เสี่ยวเม่ยหนิงเห็นหลิงหยุนลงมือช่วยเธอจัดของ ก็ได้แต่ยิ้มออกมาอย่างมีความสุข และเลิกบ่นไปอีกครู่ใหญ่
ที่ผ่านมานั้น.. เธอกับหลิงหยุนแทบไม่มีเวลาอยู่ด้วยกันตามลำพังเลย หลิงหยุนเองก็ยุ่งอยู่ตลอดเวลา ไม่มีเวลาไปใหนมาใหนกับเธอ ทำให้เธอรู้สึกน้อยอกน้อยใจอยู่บ้าง
แต่จากนี้ไป.. ปัญหานี้จะค่อยๆดีขึ้น! เสี่ยวเม่ยหนิงคิดเช่นนั้น เพราะตอนนี้เธอได้ย้ายมาอยู่บ้านเดียวกับหลิงหยุนแล้ว และทั้งเธอและเขาจะได้มีโอกาสอยู่ใกล้ชิดกัน เรียนรู้ปรับตัวเข้าหากัน
แต่เด็กสาวตัวแสบหารู้ไม่ว่า.. เธอจะได้อยู่กับหลิงหยุนในบ้านหลังนี้จนถึงแค่วันสอบเอนทรานซ์เท่านั้น
“หนิงน้อย.. พี่ช่วยเธอเอง.” เหมี่ยวเสี่ยวเหมาร้องบอก
เหมี่ยวเสี่ยวเหมาจัดของที่นำมาเสร็จภายในเวลาอันรวดเร็ว เพราะหากเทียบกับของที่เสี่ยวเม่ยหนิงนำมาแล้ว ของที่ติดตัวเหมี่ยวเสี่ยวเหมามานั้นนับว่าน้อยมาก แม้ว่าจะมาอยู่ที่เมืองจิงฉูนานแล้วก็ตาม
“พี่หลิงหยุน.. ไม่ต้องช่วยแล้ว พี่ใหญ่มาช่วยฉันแล้ว พี่เอาตำราแพทย์พวกนี้ไปไว้ที่ห้องพี่ดีกว่า เพราะฉันยังไม่ต้องใช้ตอนนี้.”
เสี่ยวเม่ยหนิงค้นห้าหนังสือเรียนของตนเองและหยิบออกมา แล้วจึงชี้ไปที่กล่องไม้ที่มีตำราแพทย์อยู่เต็มไปหมด
“ได้สิ!”
หลิงหยุนมองสองสาวพี่น้องที่มีคุณสมบัติเพียบพร้อม และตอบกลับไปอย่างยิ้มแย้ม