Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร - ตอนที่ 558
บทที่ 558 : ของขวัญ!
แม้ตระกูลฉินตกต่ำก็จริงแต่สำหรับคุณหนูที่เย่อหยิ่งแห่งตระกูลฉินนั้น เงินห้าร้อยล้านไม่มีความหมายสำหรับนาง แต่หากฉินจิวยื่ออยู่ด้วย นางคงไม่ยอมให้ฉินตงเฉี่วยทำเช่นนี้อย่างแน่นอน
หลิงหยุนกำเช็คจำนวนห้าร้อยล้านไว้แน่นเพราะเกรงว่ามันอาจถูกลมพัดและลอยหลุดมือไป เขายืนนิ่งอย่างไม่อยากจะเชื่ออยู่ครู่ใหญ่ จึงได้แต่เอ่ยถามออกไปว่า
“น้าหญิง..นี่ท่านให้ข้าจริงๆรึ”
“จริงสิ!ข้าไม่จำเป็นต้องใช้เงิน ในเมื่อเจ้าจะเปิดคลินิก ข้าจึงมอบเงินก้อนนี้ให้กับเจ้า!” ฉินตงเฉี่วยตอบพร้อมกับส่งยิ้มหวานให้กับหลิงหยุน
หากไม่มีไป๋เซียนเอ๋อหนิงหลิงยู่ และป้าเหมยอยู่ในห้องด้วยแล้วล่ะก็ สาบานได้เลยว่าเขาคงต้องวิ่งเข้าไปกอดฉินตงเฉี่วย และหอมแก้มนางฟอดใหญ่อย่างแน่นอน!
ช่างเป็นน้าหญิงที่ใจดีเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ แล้วก็มีเมตตามากจริงๆ!
“ฮ่า..ฮ่า.. น้าหญิงท่านดีกับข้าจริงๆ! ขอให้ท่านอายุยืนยาว!” หลิงหยุนร้องบอกอย่างตื่นเต้น
เมื่อเห็นภาพที่สะเทือนอารมณ์เช่นนี้หนิงหลิงยู่ถึงกับสะเทือนใจจนต้องหลั่งน้ำตาออกมา
หนิงหลิงยู่รู้ดีว่าในเวลานี้หลิงหยุนมีศักยภาพที่จะหาเงินห้าร้อยล้านได้ด้วยตัวเองและตัวเธอเองก็ไม่ได้ตื้นตันกับจำนวนเงินห้าร้อยล้านนี้เช่นกัน แต่เธอดีใจและตื้นตันใจที่ได้เห็นพี่ชายของเธอมีความสุขเช่นนี้
หลิงหยุนเคยพูดกับหนิงหลิงยู่ว่าจะต้องสอบเข้ามหาวิทยาลัยเพื่อไปเรียนเอาความรู้ขยะมาทำไม เพราะสุดท้ายเมื่อจบออกมาแล้ว ความรู้พวกนั้นก็นำไปใช้งานอะไรแทบไม่ได้?
และวันนี้..สิ่งที่หลิงหยุนทำอยู่ ก็เป็นการอธิบาย และยืนยันคำพูดของเขาได้อย่างชัดเจน!
สำหรับหนิงหลิงยู่แล้ว..คงยากที่จะหาพี่ชายที่สมบูรณ์แบบอย่างหลิงหยุนได้อีก! หากเธอกับหลิงหยุนไม่ใช่พี่น้องกันก็คงจะดี..
เพราะถึงแม้ทั้งคู่จะไม่ได้ผูกพันกันทางสายเลือดแต่หลิงหยุนก็รู้สึกกับเธอเพียงแค่พี่ชายกับน้องสาว มีหรือที่คนเฉลียวฉลาดอย่างหนิงหลิงยู่จะมองไม่ออก!
หนิงหลิงยู่ได้แต่ถอนหายใจแต่ก็มีความสุขไปกับหลิงหยุนด้วย!
“ไปๆรีบกลับไปได้แล้ว!” หลังจากที่มอบเช็คห้าร้อยล้านให้กับหลิงหยุนไปแล้ว ฉินตงเฉี่วยก็รีบไล่หลิงหยุนกลับไป
“ถ้างั้นข้าต้องรีบไปก่อนแล้ว!”พูดจบหลิงหยุนก็กำเช็คเดินตัวปลิวออกไปจากบ้านทันที
“พี่ใหญ่..อย่าขับรถเร็วล่ะ..” หนิงหลิงยู่ร้องตะโกนไล่หลังหลิงหยุนไป
“เจ้าเด็กร้ายกาจ!”เมื่อเห็นหลิงหยุนยกเช็คในมือขึ้นจูบ ฉินตงเฉี่วยก็ได้แต่บ่นพึมพำขณะที่เดินตามไป๋เซียนเอ๋อออกไปส่งหลิงหยุนที่รถ
………
ทันทีที่เข้าไปในรถหลิงหยุนก็เรียกเช็คเข้าไปเก็บไว้ในแหวนพื้นที่ แต่แล้วก็เรียกออกมาดูใหม่อีก หลิงหยุนทำเช่นนั้นอยู่หลายรอบ
ห้าร้อยล้านจริงๆด้วย!
หลงคุนมอบแก๊งมังกรเขียวให้กับหลิงหยุนและทิ้งเงินไว้ในบัญชีให้กับเขาจำนวนสามร้อยล้านหยวน ถังเมิ่งก็เพิ่งกู้เงินมาสองร้อยล้านหยวน บวกกับทรัพย์สินที่หลิงหยุนมีอยู่ ก็น่าจะรวมเป็นเงินทั้งหมดราวหกร้อยล้านได้
ไม้ใหญ่ให้ร่มเงาคำพูดนี้ไม่ผิดจริงๆ!
แม้หลิงหยุนจะไม่ได้คิดอะไรมากแต่ป้าเหมยกลับมองหลิงหยุนเป็นนายน้อยของตระกูลฉินจริงๆ ในเมื่อหลิงหยุนเป็นบุตรชายของฉินจิวยื่อ ในความรู้สึกของนางเขาก็ต้องเป็นนายน้อยของตระกูลฉินด้วย
ฐานะของหลิงหยุนค่อยๆเปลี่ยนไปอย่างเงียบๆแต่เพราะหลิงหยุนเป็นคนที่เชื่อมั่นในตัวเอง และไม่เคยขึ้นต่อใคร เขาจึงไม่ได้รู้สึกกับการเปลี่ยนแปลงนี้เลยแม้แต่น้อย
หรืออาจเป็นเพราะหลิงหยุนใช้แซ่หลิง..ไม่ใช่แซ่ฉิน! ดังนั้นถึงแม้ว่าฉินจิวยื่อจะเป็นคนของตระกูลฉิน แต่จิตใต้สำนึกของหลิงหยุนกลับไม่ได้รู้สึกว่าตนเองเป็นทายาทตระกูลฉินเลยแม้แต่น้อย!
หนิงหลิงยู่เองก็เช่นเดียวกันเธอใช้แซ่หนิง ในความรู้สึกของเธอ.. ตระกูลฉินจึงเป็นเหมือนครอบครัว แต่เธอก็ไม่ได้รู้สึกถึงขั้นที่จะเป็นทายาทของตระกูลฉินได้!
แต่เพราะฉินจิวยื่อไม่ได้เข้าพิธีแต่งงานกับหนิงเทียนหยาลูกๆของนางก็ต้องเป็นทายาทของตระกูลฉินไปโดยปริยาย
หลิงหยุนขับรถเข้าไปในบ้านเลขที่-1อย่างมีความสุข และเมื่อเดินลงมาจากรถ เขาก็ร้องบอกตี้เสี่ยวอู๋ที่กำลังฝึกอยู่กลางลานบ้าน
“ตี้เสี่ยวอู๋..นายดูฉันแล้วฝึกตาม..”
แล้วหลิงหยุนก็เริ่มลงมือสอนวรยุทธให้กับตี้เสี่ยวอู๋
…………..
“พรุ่งนี้หลิงหยุนจะทำการเปิดคลินิกถังเมิ่งก็เลยยุ่งมากจนไม่มีเวลาไปทำธุระให้ฉันเลย..”
ถังเทียนห่าว– ผู้อำนวยการสำนักงานความมั่นคง ซึ่งอยู่ในชุดเครื่องแบบตำรวจเต็มยศ กำลังนั่งพ่นควันบุหรี่ใส่หลี่ยี่เฟิงซึ่งนั่งอยู่ตรงข้ามพร้อมกับบ่นอย่างหัวเสีย
หลี่ยี่เฟิงในวัยสี่สิบเก้าปีสวมเสื้อเชิ้ตสีขาว กางเกงขายาวสีฟ้า หวีผมเรียบแป้ ก็กำลังนั่งยิ้มฟังถังเทียนห่าวบ่นเป็นหมีกินผึ้ง
“หลิงหยุนจะเปิดคลินิกแล้วนายมานั่งร้อนใจเรื่องอะไร!” หลี่ยี่เฟิงทำเสียงล้อเลียนถังเทียนห่าวพร้อมกับยิ้มขบขัน
“จะไม่ให้ร้อนใจได้ยังไงเล่า..ฉันก็กำลังปวดหัวว่าจะหาอะไรเป็นของขวัญไปให้กับหลิงหยุนในวันเปิดคลีนิคน่ะสิ! จะให้เป็นเงินก็ดูจะน่าเกลียด จะส่งแค่กระเช้าไปก็ดูไม่ดี!”
ที่ถังเทียนห่าวมาหาหลี่ยี่เฟิงวันนี้ก็เพื่อขอให้เขาช่วยคิดเรื่องนี้นั่นเอง..
“อ่อ..ที่แท้นายก็มหาฉันด้วยเรื่องนี้เองสินะ นายเลิกร้อนใจเรื่องของขวัญได้แล้ว เพราะฉันเตรียมการไว้เรียบร้อยแล้ว! พรุ่งนี้เราสองคนไปที่คลีนิคพร้อมกัน จะได้จัดการส่งมอบของขวัญชิ้นนี้ให้กับหลิงหยุนด้วยกัน” หลี่ยี่เฟิงพูดพร้อมกับยิ้มออกมาอย่างมั่นอกมั่นใจ
“นี่พี่หลี่..พี่พูดจริงเหรอ!”
ถังเทียนห่าวได้ฟังถึงกับลุกขึ้นจากเก้าอี้และจับแขนของหลี่ยี่เฟิงไว้พร้อมกับร้องถามอย่างกระวนกระวายใจ
“บอกมาเร็วเข้า..ของขวัญที่เตรียมไว้คืออะไร!”
“นี่นายทำตัวเป็นเด็กไปได้!นั่งลงก่อน..” หลี่ยี่เฟิงขมวดคิ้วพร้อมกับตำหนิถังเทียนห่าว
ถังเทียนห่าวรีบนั่งลงแต่ก็ยังคงเซ้าซี้ต่อว่า “บอกมาเร็วเข้าสิ!”
หลี่ยี่เฟิงยิ้มเล็กน้อยพร้อมกับพูดขึ้นว่า“นายยังสาเหตุที่ฉันเรียกนายมาพบเมื่อครั้งที่แล้วได้มั๊ย เรื่องที่ดินในเขตชานเมืองด้านตะวันออกของเมืองจิงฉู..”
ถังเทียนห่าวยิ้มและรีบถามขึ้นว่า“พี่กำลังพูดถึงที่ดินหนึ่งร้อยไร่ในเขตหลินเจียงใช่มั๊ย”
เมืองจิงฉูมีโครงการจะสร้างเมืองเศรษฐกิจใหม่ขึ้นในเขตหลินเจียงและเชื่อจิงฉูเข้ากับฮู๋ตงเพื่อกระตุ้นให้จิงฉูกลายเป็นเขตเศรษฐกิจอีกแห่งหนึ่ง
ใครๆต่างก็รู้ว่าพื้นที่หนึ่งร้อยไร่ที่หลี่ยี่เฟิงพูดถึงนั้นมีมูลค่าไม่ต่างจากพื้นที่ทองคำ พื้นที่แห่งนี้จึงไม่ต่างจากเนื้อชิ้นใหญ่ที่บริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่มือชื่อเสียง ต่างก็จับจ้องและใช้ทุกวิถีทางที่จะฉกชิงมาเป็นของตนเอง
หลายวันนี้..ถังเทียนห่าวคิดหาของขวัญให้กับหลิงหยุนจนหัวแทบจะระเบิด แต่ก็ยังคิดไม่ออก แต่กลับคิดไม่ถึงว่าหลี่ยี่เฟิงได้เตรียมการเรื่องที่ดินหนึ่งร้อยไร่นี้ไว้แล้ว
ถังเทียนห่าวได้ฟังคำพูดของหลี่ยี่เฟิงก็ได้แต่ตกใจและนิ่งเงียบไปครู่ใหญ่ก่อนจะพึมพำออกมาเบาๆ “นี่.. อย่าบอกนะว่าพี่ต้องการจะ..”
“นายยังจะต้องถามอะไรอีก..ฉันก็เตรียมจะมอบให้กับหลิงหยุนน่ะสิ!” หลี่ยี่เฟิงพูดด้วยสีหน้านิ่งเรียบ
ถังเทียนห่าวถึงกับร้องอุทานเสียงดังออกมาอย่างตกใจเมื่อพอที่จะคาดเดาความคิดของหลี่ยี่เฟิงได้
“นี่พี่หลี่..พี่เป็นบ้าไปแล้วหรือไง มันเป็นไปไม่ได้หรอก!”
“ดูสิ..!นายตกอกตกใจอะไรกัน นั่งลง.. แล้วฟังฉันพูดให้จบก่อน! ฉันไม่ได้เป็นบ้า ฉันมีสติสัมปชัญญะสมบูรณ์ดี!”
ถังเทียนห่าวร้อนใจจนไม่ยอมนั่งลงตามคำขอของหลี่ยี่เฟิงและตั้งใจจะยืนฟังหลี่ยี่เฟิงพูดอยู่แบบนี้
ตอนนี้ถังเทียนห่าวเป็นถึงผู้อำนวยการสำนักงานความมั่นคงแห่งจิงฉูและเขาก็ไม่ต้องการให้คนที่ตนเองนับถือราวกับพี่ชาย ต้องมาทำผิดพลาดอย่างใหญ่หลวงเพียงเพราะเรื่องของขวัญนี้..
หากหลี่ยี่เฟิงไม่มีคำอธิบายที่ดีถังเทียนห่าวจะไม่มีทางยอมรับความคิดนี้อย่างเด็ดขาด! และคงจะให้เพียงแค่กระเช้าดอกไม้แทนอย่างแน่นอน
ความจริงแล้วเรื่องมันก็ง่ายๆหลี่ยี่เฟิงไม่เข้าใจว่าเพราะเหตุใดถังเทียนห่าวจึงได้โง่ถึงเพียงนี้..
“นี่ฟังนะ..!หากนายจะทำการใหญ่ นายต้องรู้จักสงบนิ่งให้มากกว่านี้..” หลี่ยี่เฟิงยิ้มพร้อมกับชี้ไปที่ถังเทียนห่าว
“ที่ดินจำนวนหนึ่งร้อยไร่นี้เป็นที่ดินที่บริษัทอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ๆต่างก็อยากได้ไปครอบครอง ซึ่งนายกับฉันเองก็รู้ดี..”
ถังเทียนห่าวขมวดคิ้วพร้อมกับเร่งรัดหลี่ยี่เฟิง“นี่.. ฉันว่านายตรงเข้าประเด็นเลยดีกว่า!”
ถังเทียนห่าวร้อนใจจนลืมฐานะความเป็นพี่น้องเขาและหลี่ยี่เฟิงเพิ่งจะผ่านเหตุการณ์หนักๆมา ถังเทียนห่าวจึงไม่ต้องการให้เกิดเรื่องเลวร้ายกับคนรอบข้างของเขาอีก
“แต่จากการประชุมครั้งที่แล้วคณะกรรมการมีมติห้ามซื้อขายที่ดินผืนนี้!”
ถังเทียนห่าวรู้ดีว่า..มีมติจากคณะกรรมการห้ามซื้อขายที่ดินผืนนี้ แล้วจะยกที่ดินผืนนี้ให้หลิงหยุนเป็นของขวัญได้อย่างไร และต่อให้สามารถขายให้หลิงหยุนได้ หลิงหยุนจะมีกำลังซื้อเช่นนั้นหรือ เพราะที่ดินผืนนี้มีมูลค่ายิ่งกว่าทองคำ!
และหากมีการซื้อขายจริง..มูลค่าของที่ดินผืนนี้ก็ต้องไม่ต่ำกว่าพันล้าน และมีใครบ้างที่ไม่อยากครอบครองหากมีกำลังทรัพย์พอ!
“ทางเทศบาลลงมติกันแล้วว่าจะใช้ที่ดินผืนนี้สร้างศูนย์วิจัยยาขนาดใหญ่ แล้วนายคิดว่าใครที่เหมาะจะมาเป็นผู้บริหารระดับสูงของศูนย์วิจัยทางการแพทย์แห่งนี้ ในความคิดของนาย.. ใครเป็นผู้ที่เหมาะสมที่สุด!”
หลี่ยี่เฟิงยิ้มพร้อมกับถามถังเทียนห่าวและหลังจากที่พูดจบ เขาก็ดึงบุหรี่ในมือของถังเทียนห่าวขึ้นมาจุดสูบ
ถังเทียนห่าวได้แต่นั่งฟังนิ่งๆและมึนงง..
“พี่หลี่..สมองของพี่ทำด้วยอะไรกันแน่ ความคิดล้ำลึกแบบนี้ พี่คิดออกมาได้ยังไงกัน!”
ถังเทียนห่าวเอ่ยชมหลี่ยี่เฟิงอย่างเปิดเผยและจริงใจ..
เพราะหากเป็นเช่นนั้นจริงเรื่องนี้นับว่าเป็นข่าวดีของเมืองจิงฉู หรืออาจนับว่าเป็นข่าวดีของมณฑลเจียงหนานเลยก็ว่าได้!
เพราะเหตุใดน่ะหรือ
นั่นก็เพราะทักษะทางด้านการแพทย์ของหลิงหยุนนั้นสูงส่งจนยากที่จะหาใครบนโลกใบนี้เทียบได้ เมื่อใดก็ตามที่ศูนย์วิจัยแห่งนี้สร้างเสร็จ และมีหลิงหยุนนั่งเป็นผู้บริหาร และเป็นแพทย์ผู้เชียวชาญอยู่ภายในศูนย์วิจัยแห่งนี้ วันข้างหน้าจะต้องมีผู้ป่วยที่มีฐานะร่ำรวย และมีอำนาจอิทธิพลจากทั่วโลกเข้ามาพึ่งพาการรักษาของเขาอย่างแน่นอน
และเมื่อถึงเวลานั้น..ศูนย์วิจัยแห่งนี้จะกลายเป็นโอกาสทางธุรกิจอีกมากมาย!