Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร - ตอนที่ 567
บทที่ 567 : ของขวัญจากเหมี่ยวเสี่ยวเหมา!
กระแสน้ำพลุ่งพล่านคลื่นใหญ่ซัดเข้ากระทบฝั่งจนเกิดเสียงดังกึกก้องอย่างน่าหวาดกลัว
“พี่หยุน..เหลือเชื่อมากเลย! นี่มือพี่ไม่หักหรือยังไงที่ปะทะกับคลื่นแบบนั้น!”
ตี้เสี่ยวอู๋จอดรถแล้วรีบวิ่งออกไปพร้อมกับร้องตะกโนอย่างตื่นเต้น
“เมื่อครู่ฉันใช้วิชาหมัดปีศาจเถียนกังอีกไม่นานฉันก็จะสอนให้นายด้วย!”
แม้ว่าเสียงของตี้เสี่ยวอู๋จะถูกกลบด้วยเสียงคลื่นแต่ก็ไม่มีผลใดๆต่อการได้ยินของหลิงหยุน และเขาก็ตอบกลับด้วยการส่งกระแสจิตแทน
“พี่หยุน..แล้วพี่จะสอนให้ฉันเมื่อไหร่”
ตี้เสี่ยวอู๋ได้เห็นพลานุภาพของหมัดเถียนกังเมื่อครู่นี้แล้วจึงรีบร้องถามออกมาโดยไม่รีรอ
“เมื่อไหร่ที่นายฝึกวิชานู่เตาจนถึงขั้นที่ได้ยินเสียงของพลังชี่ที่เคลื่อนอยู่ในเส้นลมปราณในร่างกายได้นายก็จะสามารถฝึกวิชาหมัดปีศาจเถียนกังได้ ซึ่งก็น่าจะอีกราวสามเดือน..”
“โอ้โห..ทำไมถึงนานแบบนั้นล่ะ”
หลิงหยุนหัวเราะ“การฝึกรีบร้อนไม่ได้ และนายควรจดจ่ออยู่กับการฝึกวิชานู่เตาเท่านั้น เพราะนี่คือวิชาพื้นฐาน นายเข้าใจที่ฉันพูดมั๊ย”
ความจริงหลิงหยุนนั้นมองไปข้างหน้าแล้วว่าหากตี้เสี่ยวอู๋สามารถฝึกวิชาหมัดปีศาจเถียนกัง และวิชาพลังมังกรไปพร้อมๆกันได้ ก็จะสามารถสร้างความหวาดกลัวให้กับคู่ต่อสู้ หรือศัตรูได้อย่างมาก
“เข้าใจ!”ตี้เสี่ยวอู๋พยักหน้าอย่างลำบากยากเย็น
หลิงหยุนยกมือขึ้นจับราวที่กั้นล้อมเขื่อนไว้แล้วหันไปสั่งตี้เสี่ยวอู๋ “เอาล่ะ.. นายออกมายืนด้านหน้ารั้ว ห้ามโคจรดาราคุ้มกาย แต่ให้พยายามใช้ร่างกายของนายต้านทานแรงกระแทกของกระแสน้ำขนาดใหญ่นี้แทน!”
“ห๊ะ..อะไรนะ!”
ตี้เสี่ยวอู๋ถึงกับตะลึงเพราะการทำเช่นนั้นอาจทำให้เขาตายในระหว่างที่กระแสน้ำรุนแรงนั่นกระแทกเข้ากับร่างกายเขาก็เป็นได้!
เพราะกระแสน้ำที่รุนแรงเช่นนั้นแน่นอนว่าต้องทำให้สามารถหายใจได้อย่างยากลำบากแน่นอน!
“ฟังนะ..นายต้องทำความเข้าใจกับกระแสน้ำที่ซัดเข้ามาแต่ละครั้งให้ได้ว่ามันมีกระทบอย่างไรบ้าง”
หลิงหยุนคร้านที่จะอธิบายให้ตี้เสี่ยวอู๋ฟังว่าการฝึกวิชานู่เตานั้นมีความสำคัญอย่างไร
แม้วิธีนี้จะเป็นการทารุณกรรมตนเองอย่างมากแต่ก็เป็นวิธีเดียวที่จะสามารถบีบบังคับให้ตี้เสี่ยวอู๋ใช้ศักยภาพสูงสุดของร่างกายออกมาได้..
“มันจะดีเหรอพี่หยุน!”
เมื่อตี้เสี่ยวอู๋เห็นว่าไม่มีช่องทางต่อรองเขาจึงได้แต่พยักหน้า และรีบตรงไปยืนที่หน้ารั้วกั้นซึ่งอยู่ห่างออกไป
ระหว่างที่รอกระแสน้ำซัดเข้ามาอยู่นั้นตี้เสี่ยวอู๋ก็กระโดดข้ามราวเหล็ก ไปยืนหันหน้าเข้าหากระแสน้ำ จากนั้นจึงหลับตาลงเพื่อพร้อมเผชิญกับกระแสน้ำที่รุนแรง
“ในช่วงเริ่มต้นนายใช้มือจับราวเหล็กไว้ให้แน่น เพื่อไม่ให้ร่างถูกกระแสน้ำพัดลอยไป! แต่อย่าให้แผ่นหลังพิงกับราว นายต้องใช้ร่างกายของตัวเองรับแรงกระแทกของกระแสน้ำ และต้องอดทนต่อความเจ็บปวดทรมานที่เกิดขึ้นให้ได้!”
จากนั้น..ร่างของตี้เสี่ยวอู๋ก็ถูกกระแสน้ำกระแทกเข้าใส่อย่างรุนแรง จนเกิดความเจ็บปวดรวดร้าวไปทั่วทั้งร่างกายเกินกว่าที่จะจินตนาการได้
ยิ่งไปกว่านั้น..นาทีที่กระแสน้ำกระแทกเข้ากับร่างกายนั้น ตี้เสี่ยวอู๋ก็แทบจะไม่สามารถหายใจได้ หลิงหยุนสามารถจินตนาการได้ว่าตี้เสี่ยวอู๋จะได้รับความเจ็บปวดทรมานมากเพียงใด แต่หากไม่ผ่านประสบการณ์ความเจ็บปวดที่ยากจะลืมเลือน เขาจะสามารถเรียนรู้ของจริงได้อย่างไรกัน
หากไม่ผ่านพายุฝนมีหรือที่จะได้เห็นสายรุ้ง!
หนึ่งชั่วโมงผ่านไปหลิงหยุนจึงนำร่างของตี้เสี่ยวอู๋ที่เกือบจะหมดสติกลับเข้าไปหลังรั้ว แต่ยังคงให้เขายืนหยัดด้วยลำแข้งของตัวเอง
ตี้เสี่ยวอู๋มาถึงขีดจำกัดสูงสุดของร่างกายแล้วเขาจะต้องไม่ล้มก่อน เพราะหากเขาล้มเสียก่อนในครั้งนี้ ก็จะไม่สามารถทะลุทะลวงผ่านขีดจำกัดของร่างกายไปได้
ตี้เสี่ยวอู๋อ้าปากและรีบสูบเอาออกซิเจนเข้าปอดทันทีเรี่ยวแรงแทบไม่เหลือ และแข้งขาก็แทบจะยืนไม่อยู่เมื่อนึกถึงหนึ่งชั่วโมงที่แสนจะทรมานเมื่อครู่นี้
“ความรู้สึกที่นายได้รับอยู่เมื่อครู่นี้และในตอนนี้เป็นความรู้สึกของคนที่กำลังต่อสู้กับนายซึ่งใช้วิชานู่เตา! คราวนี้นายพอจะเข้าใจหรือยังว่า วิชานู่เตานั้นมีอานุภาพที่น่ากลัวเพียงใด” หลิงหยุนอธิบายยิ้มๆ
“ฉันรู้..ฉันเข้าใจแล้ว..”
ตี้เสี่ยวอู๋พยักหน้าพร้อมกับปวดร้าวไปทั่วทั้งหน้าอกและแขนขา!
“เป็นไง..สาหัสเลยสิท่า” หลิงหยุนล้อเลียนตี้เสี่ยวอู๋
“เจ็บปวดจนแทบลืมไม่ลงเลยล่ะ..”ตี้เสี่ยวอู๋ตอบยิ้มๆ
ร่างของตี้เสี่ยวอู๋นั้นนับว่าแข็งแกร่งทีเดียวหากเป็นคนอื่นคงจะต้องตายไปตั้งนานแล้ว แต่ตี้เสี่ยวอู๋กลับยังสามารถพูดคุยได้เป็นปกติ
“พี่หยุน..ฉันรู้สึกว่าตัวเองแกร่งขึ้นมานิดหน่อย..”
จู่ๆตี้เสี่ยวอู๋ก็สัมผัสได้ถึงความแปลกประหลาดในร่างกาย เขาตื่นเต้นจนร้องออกมาเสียงดัง
“อ่อ..นั่นเป็นความรู้สึกที่เกิดขึ้นหลังจากที่เราสามารถก้าวข้ามขีดจำกัดของร่างกายได้..” หลิงหยุนตอบยิ้มๆ
“ในวันข้างหน้านายต้องฝึกตามแนวทางนี้ แต่นายสามารถเลือกสสถานที่ได้ แต่ฉันไม่สามารถอยู่กับนายได้ทุกวัน นายก็ไปหาพี่น้องแก๊งมังกรเขียว และออกไปพร้อมกับพวกเขา!”
หลิงหยุนยิ้มพร้อมกับจ้องมองเขาจนกระทั่งผ่านไปครู่หนึ่ง เขาก็หยิบเข็มทองเก้าเล่มออกมา และปักลงไปตามเส้นลมปราณของตี้เสี่ยวอู๋ เพื่อช่วยฟื้นฟูสภาพร่างกายของเขาให้กลับมาเร็วที่สุด
“ไว้นายฝึกวิชานู่เตานี้จนมีพลังชี่ในร่างกายมากพอฉันจะสอนวิชาตัวเบา และการจี้จุดให้ เพราะถ้านายมีพลังชี่ที่เพียงพอ ทุกอย่างก็จะง่ายขึ้น”
นอกจากจะเป็นพี่ชายหลิงหยุนยังเป็นอาจารย์ของเขาอีกด้วย..
“ขอบคุณพี่หยุน!”ตี้เสี่ยวตื่นเต้นจนทำอะไรไม่ถูก
“นี่..เราสองคนเป็นพี่น้องกัน นายไม่จำเป็นต้องมีมารยาทกับฉันขนาดนี้ก็ได้ นายเองก็ช่วยงานฉันมากมาย..” หลิงหยุนยิ้มพร้อมกับตบไหล่ตี้เสี่ยวอู๋
“งานที่ฉันทำให้พี่ยังเทียบกับที่พี่ดีต่อฉันไม่ได้เลย!อีกอย่างความจริงงานง่ายๆพวกนั้นพี่จะหาใครช่วยทำก็ย่อมได้!” ตี้เสี่ยวอู๋เกาศรีษะอายๆ..
หลิงหยุนหันกลับไปมองแม่น้ำไกลๆเขายิ้มเล็กน้อยแล้วจึงพูดขึ้นว่า “เอาล่ะ.. พรุ่งนี้เปิดคลินิกคงจะยุ่งน่าดู พวกเรากลับกันดีกว่า!”
……….
หลิงหยุนกลับมาถึงบ้านเลขที่-1เมื่อเดินผ่านห้องนอนของเสี่ยวเม่ยหนิง หลิงหยุนก็ได้ยินเสียงสดใสดังออกมา เขาจึงเปิดประตูเข้าไปทักทาย
“นี่สองสาว..ดึกดื่นป่านนี้ทำไมยังไม่หลับไม่นอนอีก”
“ไม่ได้อยู่รอนายก็แล้วกัน! ฉันแค่ไม่รู้จะไปใหนก็เท่านั้นเอง!” เหมี่ยวเสี่ยวเหมาตอบหลิงหยุนด้วยน้ำเสียงที่ไม่พอใจนัก
“คุณจะทำอะไรหรือจะไปใหน ก็ไม่เกี่ยวกับผมเหมือนกัน!” หลิงหยุนเองก็ตอบเหมี่ยวเสี่ยวเหมากลับไปอย่างโมโหเช่นกัน สองคนนี้ไม่ต่างจากลิ้นกับฟันที่มักกระทบกระทั่งกันอยู่ตลอดเวลา
“พี่หลิงหยุน..”เมื่อเสี่ยวเม่ยหนิงเห็นหลิงยุนกลับมาบ้าน เธอก็รีบพุ่งเข้าไปหาทันที
หลิงหยุนจึงรีบหันไปพูดกับเสี่ยวเม่ยหนิงว่า“หนิงน้อย.. รอผมเดี๋ยวนะ! ผมขอตัวไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนแล้วจะมาหา”
หลิงหยุนกลับไปที่ห้องนอนของตนเองหลังจากที่อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้ว ก็กลับไปที่ห้องนอนของหนิงน้อย..
“นี่คุณ..!ผมอยากคุยกับคนในครอบครัว คุณช่วยออกไปข้างนอกก่อนจะได้มั๊ย แล้วก็ห้ามแอบฟังพวกเราสองคนคุยกันล่ะ!” หลิงหยุนหันไปบอกเหมี่ยวเสี่ยวเหมา
“เชอะ..ไม่เห็นจะอยากอยู่ด้วยเลย!” พูดจบเหมี่ยวเสี่ยวเหมาก็ลุกขึ้นยืน และเดินออกจากห้องนอนของเสี่ยวเม่ยหนิงไปทันที แต่ก็ตั้งใจที่จะไม่ปิดประตูห้องนอนให้
“นี่พี่ใหญ่คะ..”เสียงร้องของเสี่ยวเม่ยหนิงยังไม่ทันจบ ร่างของเหมี่ยวเสี่ยวเหมาก็หายไปแล้ว
“พี่หลิงหยุน..พี่นี่จริงๆเลย เป็นผู้ชายแท้ๆ แต่กลับชอบรังแกพี่ใหญ่เรื่อย!”
เสี่ยวเม่ยหนิงเห็นหลิงหยุนที่พอกลับมาถึงบ้านก็จัดการไล่เหมี่ยวเสี่ยวเหมาออกจากห้องนอนของเธอ จึงอดไม่ได้ที่จะหันไปตำหนิหลิงหยุน
“ผู้หญิงที่ใหนก็ไม่มีใครเหมือนกับหนิงน้อยของผมที่ทั้งอ่อนโยนแล้วก็มีเหตุมีผล แสนดี แล้วก็ไม่ดุเหมือน..”
“เพ้อเจ้อ!”เสียงของเหมี่ยวเสี่ยวเหมาดังขึ้นมาจากหน้าประตู
ความจริงแล้วฉนวนกันเสียงภายในห้องนอนของเสี่ยวเม่ยหนิงนั้นนับว่าเป็นฉนวนชั้นดี แต่ก็ไม่สามารถป้องกันไม่ให้หลิงหยุนและเหมี่ยวเสี่ยวเหมาได้ยินคำพูดของกันและกันได้ ต่างฝ่ายต่างก็พูดประชดชประชันใส่กัน
หลิงหยุนเป็นคนที่คิดอย่างไรก็พูดอย่างนั้นในความเห็นของเขานั้นหากเปรียบเหมี่ยวเสี่ยวเหมากับเด็กสาวตัวแสบแล้ว หนิงน้อยนับว่าดีกว่าเหมี่ยวเสี่ยวเหมาอย่างแน่นอน!
“ห๊ะ!ฉันนี่นะอ่อนโยน แล้วก็มีเหตุมีผล? ฉันเป็นคนแบบนั้นจริงๆเหรอ?
!”
เมื่อหลิงหยุนได้ยินเสียงพูดของเหมี่ยวเสี่ยวเหมาเขาก็ถึงกับถอนหายใจออกมาอย่างหงุดหงิด หลิงหยุนซัดฝ่ามือเข้าไปที่ประตูห้องนอนของเสี่ยวเม่ยหนิง และประตูก็ปิดเสียงดังปัง!
และไม่ทันไรเสี่ยวเม่ยหนิงก็ไปอยู่ในอ้อมแขนของหลิงหยุน..
“หนิงน้อย..ภาพจุดฝังเข็มบนผนังนั่นมีที่ผิดเยอะแยะไปหมด ผมวาดอันใหม่ให้แล้ว ต่อไปคุณต้องท่องตามที่ผมเขียนให้ใหม่”
“ค่ะ..ฉันก็เอาให้พี่ใหญ่ดูเหมือนกัน พี่ใหญ่ยังชมว่าพี่หลิงหยุนเก่งมาก!”
“พี่สาวของคุณกล้าเข้าไปในห้องนอนของผมโดยไม่ได้รับอนุญาตได้ยังไง!ช่างไม่มีมารยาทเอาซะเลย!” หลิงหยุนทำเสียงตกใจ
“ไม่ใช่อย่างนั้น..!ฉันเป็นคนเข้าไปแล้วหยิบออกมาให้พี่ใหญ่ดูต่างหาก..” เสี่ยวเม่ยหนิงรีบเถียงแทน
“พี่หลิงหยุน..คราวหน้าคราวหลังอย่าแกล้งพี่ใหญ่อีกนะ พี่ใหญ่เป็นคนดีมากเลยรู้มั๊ย วันเปิดคลินิกพรุ่งนี้ของพี่.. พี่ใหญ่ก็เตรียมของขวัญไว้ให้ด้วย” เสี่ยวเม่ยหนิงร้องบอกหลิงหยุน
“จริงเหรอ!โกหกหรือเปล่า? ของขวัญอะไรกัน?”
หลิงหยุนอดคิดไม่ได้ว่านี่ดวงอาทิตย์จะขึ้นทางทิศตะวันตกหรือยังไงหรือว่าเหมี่ยวเสี่ยวเหมาเสียสติไปแล้ว?
“โน่นไง..อยู่ตรงโน้น พี่ไปเปิดดูสิ..” เสี่ยวเม่ยหนิงชี้ไปยังกล่องของขวัญที่ตั้งอยู่มุมห้อง
แต่เมื่อหลิงหยุนใช้จิตหยั่งรู้สำรวจดูข้างในเขาก็ถึงกับต้องกลืนน้ำลายอึกใหญ่
ข้างในเป็นทองแท่ง!
ด้านในมีทองคำแท่งขนาดเท่าๆกันทั้งหมดหกแท่งแต่ละแท่งนั้นหนักถึง 50 ปอนด์ รวมแล้วเป็นทองแท่งที่หนักถึง 300 ปอนด์