Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร - ตอนที่ 600
บทที่ 600 : คำสารภาพของฉินจิวยื่อ!
เมื่อได้เห็นสีหน้าจริงจังของฉินตงเฉี่วยในแบบที่หลิงหยุนไม่เคยได้พบเห็นมาก่อนและได้ยินน้ำเสียงเศร้าสร้อยที่ไม่เคยได้ยินจากปากของนางมาก่อนเช่นนี้ หลิงหยุนจึงรู้สึกแปลกใจอย่างมาก!
หลิงหยุนได้แต่ยกมือขึ้นเกาศรีษะพร้อมกับตอบไปว่า“น้าหญิง.. ไม่ว่าท่านถามอะไร ข้าจะตอบท่านตามความเป็นจริง.. ว่าแต่มีเรื่องอะไรงั้นรึ?!”
หลิงหยุนคาดว่าฉินตงเฉี่วยงคงจะถามเขาเรื่องเมื่อวานนี้และคงจะถามว่าเขาหายไปใหนมาเมื่อคืนนี้ และเขาก็คงจะสารภาพไปตามความจริง แต่อย่างน้อยเขาก็เชื่อว่าฉินตงเฉี่วยคงจะไม่ถึงขั้นลงมือทำร้ายเขาแน่นอน!
ฉินตงเฉี่วยส่ายหน้าพร้อมกับขึ้นเสียงสูงกับหลิงหยุน“นี่เจ้าคิดอะไร..! ข้าไม่ถามเจ้าเรื่องพวกนั้นแน่!”
‘ไม่ถามเรื่องพวกนั้นแล้วจะถามข้าเรื่องอะไรกัน?’ หลิงหยุนยิ่งงงเข้าไปใหญ่ แต่ก็เดาว่าคงจะต้องเป็นเรื่องใหญ่ เขาจึงเร่งเร้าให้นางรีบถาม
“น้าหญิง..ท่านรีบถามมาเร็วเข้า!”
ฉินตงเฉี่วยสูดลมหายใจเข้าลึกพร้อมกับถอนหายใจยาวจากนั้นนางจึงเงยหน้าขึ้นพร้อมกับจ้องมองลึกเข้าไปในดวงตาของหลิงหยุน แววตาของฉินตงเฉี่วยบ่งบอกถึงความลังเลใจ ก่อนจะกระซิบถามเสียงเบา
“หลิงหยุน..หากวันหนึ่งเจ้าได้พบกับพ่อแม่ที่แท้จริงของเจ้า เจ้าจะยอมรับพวกเขาหรือไม่ แล้วเจ้าจะลืมพี่สาวของข้า ลืมหลิงยู่ แล้วก็ลืม.. ข้า.. หรือไม่?”
หลิงหยุนได้ยินถึงกับตัวสั่นเทิ้ม!สภาพจิตใจของเขาในเวลานี้ไม่ต่างจากท้องฟ้าที่มืดครึ้ม และรู้สึกกังวลใจอยู่ลึกๆ
พ่อแม่ที่แท้จริงงั้นหรือสายเลือดที่แท้จริงงั้นหรือ?
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไหร่..หลิงหยุนได้แต่กำหมัดสองข้างแน่น สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปเล็กน้อย
จู่ๆหลิงหยุนก็นึกถึงเหล่ากุ่ยขึ้นมาทันที เขาต้องการพบเหล่ากุ่ย การที่ฉินตงเฉี่วยเปลี่ยนไปเช่นนี้ อาจเป็นไปได้ว่านางอาจรู้ว่าเหล่ากุ่ยเกี่ยวข้องกับพ่อแม่ผู้ให้กำเนิดเขา และเหล่ากุ่ยก็คือคนที่พวกเขาส่งมา?
ในช่วงเวลาสั้นๆความคิดมากมายผุดขึ้นมาในใจของหลิงหยุนราวกับหนังภาพยนตร์ และภาพต่างๆก็ฉายซ้ำวนไปวนมาอยู่เช่นนั้น!
ในความเห็นของหลิงหยุนจู่ๆเหล่ากุ่ยก็ปรากฏตัวอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย แม้เหล่ากุ่ยจะไม่ได้บอกเล่าสิ่งใดให้เขาฟัง แต่การกระทำของเหล่ากุ่ยก็ได้บ่งบอกทุกอย่างไว้ชัดเจน!
หลิงหยุนได้พบเหล่ากุ่ยที่มอบทั้งความห่วงใยและความรักให้กับเขา มันเป็นความรักที่ญาติผู้ใหญ่คนหนึ่งพึงมีให้กับบุตรหลานของตนเอง
หลิงหยุนยังจำได้ว่า..เหล่ากุ่ยสมัครใจที่จะติดตามเขาไปในที่ที่อันตราย โดยที่ไม่รู้ว่าด้วยซ้ำว่าด้วยความแข็งแกร่งของหลิงหยุนในครั้งนั้นพร้อมด้วยกระบี่โลหิตแดนใต้ และกระบี่มังกรขาวในมือ ทำให้หลิงหยุนสามารถสังหารยอดฝีมือขั้นเซียงเทียนได้อย่างง่ายดาย
แต่เหล่ากุ่ยก็ยังยินดีที่จะตามเขาไปที่บ้านตระกูลเฉิงพร้อมกับตู้กู่โม่ครั้งนั้นชายสามคนบุกเข้าไปในรังของยอดฝีมือหลายสิบคน และต่อมายังตามเขาบุกไปเผชิญหน้ากับซันเทียนเปียว และยอดฝีมือขั้นเซียงเทียนอีกสองคน เหล่ากุ่ยไม่เพียงไม่ถอยหนี แต่กลับพยายามที่จะคุ้มครองความปลอดภัยให้กับเขาอย่างสุดความสามารถ
สิ่งที่เหล่ากุ่ยทำนั้น..มันเหนือกว่าความเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน แต่มันมีความรักที่ซ่อนอยู่ในส่วนลึกของหัวใจ หลิงหยุนยังเคยคิดว่าหากเขาไม่ได้พบกับพ่อแม่ที่แท้จริงของตนเอง เขาก็จะปฏิบัติต่อเหล่ากุ่ยเฉกเช่นปู่ของเขาเอง
สำหรับคำถามที่ว่า..เขาจะอยากพบพ่อแม่ที่แท้จริงหรือไม่ และเมื่อพบแล้วเขาจะยอมรับพวกท่านหรือไม่?
แน่นอนว่าคำตอบคือ..เขาต้องการพบพวกท่าน และต้องยอมรับอย่างแน่นอน!
ส่วนฉินตงเฉี่วยกับหนิงหลิงยู่นั้นนับว่าเป็นญาติสนิทเพียงไม่กี่คนที่หลิงหยุนมีอยู่ และความจริงของนี้ก็จะไม่มีวันแปรเปลี่ยนไป! แม้หญิงสาวทั้งสองคน และหลิงหยุนจะไม่ได้ผูกพันกันทางสายเลือด แต่ก็นับว่าเป็นคนในครอบครัวเดียวกัน!
แม้ว่าหลิงหยุนจะไม่ได้ใยดีกับฐานะของตนเองหรือใส่ใจกับการมีครอบครัวที่สมบูรณ์แบบ! แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าเขาไม่ต้องการตาหาพ่อแม่ที่แท้จริงของตนเอง!
เพราะอย่างน้อยพวกท่านทั้งสองก็ได้มอบร่างกายที่ดีงามนี้ให้กับหลิงหยุน– หลังจากที่เขาได้ทำการรักษาเส้นลมปราณหยางเจี๋วย และลดน้ำหนักลงอย่างรวดเร็ว
แต่จนกระทั่งตอนนี้..ก็ยังมีสิ่งหนึ่งที่หลิงหยุนแทบไม่อยากจะยอมรับ นั่นก็คือเรื่องรูปลักษณ์ของหลิงหยุนที่ตายไปแล้วนั้น มีลักษณะเหมือนกับเขาในโลกบ่มเพาะอย่างไม่ผิดเพี้ยน เรียกได้ว่าไม่มีความแตกต่างกันเลยแม้แต่นิดเดียว
แต่ด้วยเหตุผลอะไรนั้นแม้เขาจะพยายามครุ่นคิด แต่ก็ยังไม่สามารถยืนยันได้!
ดังนั้น..แม้ว่าหลิงหยุนจะไม่เคยป่าวประกาศออกไป เขาก็ยังคงต้องการพบกับพ่อแม่ที่แท้จริงของเขาบนโลกนี้ ในเมื่อเขาเองก็ได้ยอมรับร่างนี้จากหัวใจแล้ว
ไม่ว่าจะเป็นเพราะพลังที่น่าสยดสยองจากบททดสอบของสวรรค์ในครั้งนั้นก็ดีหรือเป็นเพราะโชคชะตาของหลิงหยุนก็ดี ในเมื่อเขาได้ยอมรับทุกสิ่งทุกอย่างของร่างนี้ เขาจึงต้องการมีบ้านที่สมบูรณ์!
จากการที่เส้นลมปราณหยางเจี๋วยของหลิงหยุนถูกทำลายตั้งแต่เด็กทำให้เขามั่นใจว่าพ่อแม่ผู้ให้กำเนิดเขานั้นต้องไม่ใช่คนธรรมดา แต่เพราะไม่มีทางเลือก และสถานการณ์บีบบังคับ พวกท่านจึงต้องทอดทิ้งเขา และเรื่องนี้น่าจะเกิดจากผู้มีวรยุทธชั่วช้าสักคน!
หลิงหยุนไม่เพียงต้องการหาศัตรูที่คิดสังหารเขาให้พบแต่ยังต้องการตามหาครอบครัวที่เป็นสายเลือดของตนเองให้พบอีกด้วย และนี่ล้วนเป็นภารกิจที่หลิงหยุนไม่เคยบอกกับผู้ใด เพราะมันเป็นเรื่องส่วนตัวของเขา!
ถึงแม้หลิงหยุนจะคิดว่าเป็นมันเรื่องส่วนตัวแต่ในเมื่อตอนนี้ฉินตงเฉี่วยกำลังถามคำถามที่น่าเศร้านี้กับเขา..
หลิงหยุนยังคงยืนนิ่งไร้ความรู้สึกและพยายามสงบจิตสงบใจ..
ฉินตงเฉี่วยเองก็ไม่เร่งรัดเอาคำตอบและไม่ถามคำถามซ้ำอีก ตัวนางเองก็ยืนนิ่งไม่ต่างจากหลิงหยุน และกำลังรอคอยคำตอบจากเขาอย่างใจจดใจจ่อเช่นกัน
เพราะไม่ว่าจะเป็นหลิงหยุนคนปัจจุบันหรือจะเป็นหลิงหยุนคนเดิม หลิงหยุนที่ยืนอยู่ต่อหน้าฉินตงเฉี่วยในเวลานี้ ก็คงต้องรู้สึกตกใจราวกับถูกฟ้าผ่าไม่ต่างกัน!
ฉินตงเฉี่วยไม่รู้ว่าหลิงหยุนได้มากำเนิดใหม่ในร่างนี้และไม่รู้ว่าหลิงหยุนกำลังคิดอะไรอยู่ เพราะท่าทางของหลิงหยุนนั้นสงบนิ่งมาก แต่หัวใจของเขากลับกำลังเต้นอย่างรุนแรง..
“น้าหญิง..เหตุใดจู่ๆท่านจึงได้ถามเช่นนี้ออกมา ท่านมีข่าวคราวเกี่ยวกับพ่อแม่ที่แท้จริงของข้างั้นรึ?”
ในที่สุดหลิงหยุนก็เอ่ยปากถามออกมาด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบพร้อมกับจ้องลึกลงไปในดวงตาของฉินตงเฉี่วย
ริมฝีปากรูปสวยของฉินตงเฉี่วยร้องบอกหลิงหยุนด้วยน้ำเสียงจริงๆ“เจ้าเด็กดื้อ.. ข้าถามเจ้า.. ไม่ได้ให้เจ้ามาถามข้า.. เจ้าตอบข้ามาก่อน!”
หลิงหยุนตอบอย่างไม่ลังเล“น้าหญิง.. ไม่ว่าข้าจะพบพ่อแม่ที่แท้จริงหรือไม่ ท่านแม่ หลิงยู่ แล้วก็ตัวท่าน ก็จะยังคงเป็นญาติสนิทของข้าตลอดไป แล้วข้าจะลืมพวกท่านได้อย่างไรกัน? แล้วตัวท่านล่ะ..?”
ฉินตงเฉี่วยเองก็คิดไว้แล้วว่าจะได้ยินคำตอบเช่นนี้จากหลิงหยุนแต่เมื่อได้ยินคำยืนยันจากปากของหลิงหยุนด้วยตัวเองเช่นนี้ นางจึงรู้สึกราวกับได้ยกภูเขาออกจากอก
ฉินตงเฉี่วยยิ้มออกมาราวกับดอกไม้บานรอยยิ้มที่สดใสของนางนั้นทำให้สวนหน้าบ้านสดใสไปด้วยเช่นกัน
“เด็กดื้อ..หากเจ้ามีคุณธรรมเช่นนี้ พี่ใหญ่กับข้าก็คงจะไม่เจ็บปวด!”
นี่เป็นครั้งแรกที่ฉินตงเฉี่วยจ้องมองเขาด้วยความรักใคร่และพูดกับเขาเสียงหวาน
“น้าหญิง..ท่านยังไม่ได้ตอบข้าเลย.. จู่ๆท่านถามข้าเช่นนี้ ท่านได้ข่าวคราวเรื่องพ่อแม่ที่แท้จริงของข้างั้นรึ”
“ข้าไม่รู้..แต่ข้ามีลางสังหรณ์ว่าเหล่ากุ่ยน่าจะเป็นผู้ที่รู้ข่าวคราวเกี่ยวกับพ่อแม่ผู้ให้กำเนิดเจ้า เจ้าไปพบเขาก็จะรู้เอง..”
ฉินตงเฉี่วยโกหกหัวใจของนางจึงเต้นแรง และใบหน้างดงามก็เริ่มแดงในระหว่างที่ตอบคำถามของหลิงหยุน
ฉินจิวยื่อกับฉินตงเฉี่วยนั้นได้แยกจากกันมานานมากแล้วเรื่องของฉินจิวยื่อนางจึงไม่เคยปริปาก และได้ฝังมันไว้ลึกสุดในก้นบึ้งของหัวใจ
………..
“ตงเฉี่วย..ข้าต้องออกเดินทางไกล และระหว่างทางก็มีอันตรายมากมายนับไม่ถ้วน ไม่รู้ว่าจะได้กลับมาพบหน้าเจ้าอีกหรือไม่”
“แต่ข้ามีคำพูดอยากจะบอกกับเจ้าก่อนไป..”
“มีความเป็นไปได้มากที่หลิงหยุนจะเป็นลูกหลานของตระกูลหลิงและน่าจะเป็นลูกนอกกฎหมายที่เกิดจากคุณชายสามแห่งตระกูลหลิง และธิดาพรรคมารคนก่อน!”
“สิบแปดปีที่แล้ว..เมื่อครั้งที่หลิงยู่เพิ่งจะคลอดออกมา นางก็ได้ป่วยหนัก แม้แต่ข้าเองก็ไม่สามารถรักษานางได้ ท้ายที่สุดเมื่อหมดหนทาง และไม่มีทางเลือกอื่น ข้าจึงได้แต่พึ่งพาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ด้วยการไปจุดธูปบนบานที่วัดหลิงเจี๋วย และข้าก็ได้พบหลิงหยุนที่นั่น!”
“คืนนั้นเป็นคืนที่ฝนตกหนักมากเมื่อข้านำหลิงหยุนกลับมาจากวัดหลิงเจี๋วย จึงได้พบว่าเส้นลมปราณหยางเจี๋วยของเขาถูกคนทำลาย แต่ข้าเองก็ไม่สามารถรักษาได้ จึงได้แต่เลี้ยงดูเขาจนเติบใหญ่ และปล่อยให้เป็นเรื่องของโชคชะตา..”
“หลังจากที่ข้านำหลิงหยุนกลับมาถึงบ้านอาการป่วยของหลิงยู่ก็หายเป็นปลิดทิ้ง ข้าเองก็ไม่รู้ว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ต้องการจะบอกอะไร แต่ก็ต้องขอบคุณฝนที่ตกหนักในคืนนั้นซึ่งแม้แต่ข้าเองก็ไม่เคยพบเจอมาก่อน! และชื่อของหลิงยู่ก็ตั้งตามฝนที่ตกในคืนนั้นเช่นกัน..”
“เมื่อสิบแปดปีที่แล้วข้าเองก็ได้แอบใช้กำลังภายในขั้นเซียงเทียนของตนเองต่อชีวิตของหลิงหยุนไปเรื่อยๆ และรู้แก่ใจดีว่าเขาจะมีอายุได้เพียงยี่สิบปีเท่านั้น!”
“ต่อมา..ข้าก็ได้ใช้ความรู้ด้านโหราศาสตร์ดูดวงชะตาของหลิงหยุน แล้วข้าก็พบว่าเมื่อหลิงหยุนย่างเข้าอายุสิบแปดปี เขาจะต้องเผชิญหน้ากับความตายที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ แต่ไม่ว่าข้าจะคำนวณหาวันตายที่แน่นอนของหลิงหยุนอย่างไร ข้าก็ไม่สามารถคำนวณออกมาได้..”
“แต่ในวันเชงเม้งปีนี้..ข้ารู้สึกสังหรณ์ใจว่าจะเกิดเรื่องไม่ดีกับหลิงหยุน จึงได้แอบตามเขาไปเงียบๆ เพื่อที่จะได้สามารถช่วยเขาได้ทันเวลาหากเกิดอันตรายขึ้นจริงๆ แต่กลับคิดไม่ถึงว่าเขาจะปลอดภัยดี ส่วนตัวข้าเองก็สาวขึ้นสิบปีโดยที่ไม่รู้สาเหตุ! และไม่เพียงแค่ดูสาวขึ้นเท่านั้น แต่ร่างกายทั้งหมดของข้าดูเหมือนจะย้อนกลับไปเมื่อสิบปีที่แล้วด้วยซ้ำ..”
“ดูเหมือนว่า..ความเปลี่ยนแปลงที่น่ากลัวของหลิงหยุนนั้นไม่ได้เพิ่งเกิดในคืนวันเชงเม้ง.. แต่อาจจะเกิดก่อนหน้านั้น! หลายปีมานี้ความรู้ด้านโหราศาสตร์ของข้านับว่าก้าวหน้ามาก แต่น่าแปลกที่ข้าไม่สามารถทำนายโชคชะตาของเด็กคนนี้ได้อีกเลย..!”
“ข้าเองก็ไม่รู้ว่าอะไรทำให้หลิงหยุนเปลี่ยนไปได้มากมายเช่นนี้หลังจากที่ข้าออกเดินทางแล้ว เจ้าก็อย่ารีบร้อนกลับตระกูลนัก เจ้าต้องอยู่ที่จิงฉูคอยปกป้องคุ้มครองเขาก่อน หลังจากที่เขาสอบบเอนทรานซ์เสร็จ ข้าคิดว่าเด็กคนนี้คงต้องเก่งขึ้นอย่างมากแล้ว และเมื่อถึงตอนนั้นคำตอบทุกอย่างก็จะค่อยๆปรากฏขึ้นในไม่ช้า!”
“สัญญาสิบแปดปีกับตระกูลหนิงและศัตรูก็คงกำลังคืบคลานเข้ามาใกล้ อีกทั้งร่างกายของหลิงยู่ก็เหนือคนธรรมดา เป็นไปได้ว่าตระกูลหนิงอาจส่งคนติดตาม ยังไงเจ้าก็อย่าได้ประมาท..”
……….
คืนนั้น..ก่อนที่ฉินจิวยื่อจะออกเดินทางไปที่สำนักระบี่เทียนซัน นางก็ได้พูดคุยกับฉินตงเฉี่วยซึ่งเป็นน้องสาวร่วมสายเลือดอย่างไม่ปิดบัง ราวกับว่ามันคือคำสารภาพของนางก่อนตาย..
ฉินตงเฉี่วยรู้ดีว่าเมื่อพี่สาวของนางตัดสินใจแล้วก็ยากที่ใครจะห้ามปรามได้! เมื่อสิบแปดปีก่อนเป็นเช่นไร สิบแปดปีต่อมานางก็ยังคงเป็นเช่นนั้น ฉินตงเฉี่วยได้แต่ฟังคำบอกเล่าของฉินจิวยื่อด้วยดวงตาแดงก่ำ และหลังจากที่ฉินจิวยื่อจากไป นางจึงได้แต่ทำหน้าที่ดูแลปกป้องหลิงหยุนกับหนิงหลิงยู่ตามคำฝากฝัง..
และเมื่อครั้งที่ฉินตงเฉี่วยได้พบหลิงหยุนอยู่กับตู้กู่โม่และเหล่ากุ่ยนางก็เริ่มสืบหาฐานะของคนทั้งคู่ทันที!
ทันทีที่นางรู้ว่าเหล่ากุ่ยเป็นคนของตระกูลหลิงและฐานะของหลิงหยุนจึงยิ่งชัดเจนในใจของนาง!