Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร - ตอนที่ 673
บทที่ 673 : เกาเทียนหลงหนีตาย!
หลิงหยุนนั้นได้ชื่อว่าเป็นปรมาจารย์ด้านการหลอมโอสถสมุนไพรและโอสถใดก็ตามที่อยู่ในมือของหลิงหยุนนั้น ล้วนแล้วแต่ต้องมีสรรพคุณที่เหนือกว่าโอสถที่ปรุงโดยนักหลอมโอสถคนอื่นๆอย่างแน่นอน
จากนั้น..หลิงหยุนก็เริ่มทำการปลุกเสกยันต์ต่างๆอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นยันต์อัคนี ยันต์บำบัด ยันต์เกราะเพชร และอีกมากมาย ยันต์แต่ละชนิดที่หลิงหยุนปลุกเสกได้ในครั้งนี้ ล้วนแล้วแต่เป็นยันต์ระดับห้าทั้งสิ้น อีกทั้งครั้งนี้หลิงหยุนยังสามารถปลุกเสกยันต์ชำระใจได้สำเร็จอีกด้วย
หลิงหยุนได้แบ่งยันต์จำนวนหนึ่งให้ถังเมิ่งกับตี้เสี่ยวอู๋และคนอื่นๆ เขาสั่งให้ทั้งคู่นำยันต์เหล่านี้ไปให้ และกำชับไว้ว่าให้ใช้สำหรับป้องกันตนเอง
“เสี่ยวอู๋..ระหว่างที่ฉันไม่อยู่ที่นี่ นายมาฝึกวิชาที่บ้านหลังนี้ และต้องตั้งใจฝึกฝนให้เข้าสู่ขั้นโฮ่วเทียน-7 ให้ได้โดยเร็วที่สุด และนายมีหน้าที่ดูแลปกป้องหญ้าที่ปลูกอยู่สวนด้านหลังทั้งสามต้นไว้ให้ดีด้วย นายเข้าใจมั๊ย”
สมบัติล้ำค่าอย่างหญ้าหยินหญ้าหยาง และหญ้าน้ำลายมังกรนั้น หลิงหยุนไว้ใจให้ตี้เสี่ยวอู๋เป็นผู้ดูแลเท่านั้น!
ตี้เสี่ยวอู๋มองตามมือของหลิงหยุนไปพร้อมกับพยักหน้าอย่างเข้าใจ!
หลังจากที่จัดการสั่งงานทุกอย่างเรียบร้อยแล้วหลิงหยุนก็สั่งให้ถังเมิ่งและตี้เสี่ยวอู๋ออกไปจัดการธุระตามคำสั่งของเขา ส่วนตัวเขาก็เข้าไปนั่งในห้องรับแขกอย่างสบายใจ
ผ่านไปครู่ใหญ่หลิงหยุนจึงโทรหากงเสี่ยวลู่ ซูปิงหยาน และคนอื่นๆ เขาบอกกับทุกคนว่าเขามีความจำเป็นต้องเดินทางออกนอกจิงฉูชั่วระยะเวลาหนึ่ง และบอกให้ทุกคนไม่ต้องวิตกกังวลแต่อย่างใด
คืนนั้น..หลิงหยุนขับรถอออกไปกินข้าวกับเหล่ากุ่ยเพียงแค่สองคนเท่านั้น เพื่อที่จะได้พูดคุยปรึกษาหารือกันในเรื่องต่างๆ
…………
ห่างจากตัวเมืองจิงฉูไปราวยี่สิบกิโลเมตรท่ามกลางค่ำคืนที่มืดมิด รถหรูสีดำคันหนึ่งขับมาด้วยความเร็วสูง และกำลังมุ่งหน้าเข้าสู่ตัวเมืองจิงฉู!
หากใครพบเห็นเข้าก็คงพอจะเดาได้ว่ารถหรูสีดำคันนั้นต้องขับมาด้วยความเร็วอย่างต่ำสองร้อยกิโลเมตรต่อชั่วโมงอย่างแน่นอน
และด้วยความเร็วขนาดนี้..เพียงแค่เจ็ดหรือแปดนาทีก็จะเข้าสู่ตัวเมืองจิงฉูแล้ว แต่เพียงแค่สามนาทีต่อมา รถคันนั้นก็ค่อยๆชะลอและหยุดนิ่งในที่สุด..
ร่างที่อยู่ในเครื่องแบบทหารวิ่งลงมาจากรถทันทีและรีบหันไปมองถนนไฮเวย์ที่อยู่ด้านหลังของตนเองก่อนอย่างอื่น จากนั้นจึงหันไปมองไปที่ป่าข้างถนนอย่างระมัดระวัง ก่อนจะวิ่งเข้าไปในป่าลึกนั้นทันที!
ชายผู้นี้อย่างน้อยก็ต้องเป็นยอดฝีมือขั้นโฮ่วเทียน-8!
ท่ามกลางค่ำคืนที่มืดสลัวนี้แต่ก็สามารถมองออกว่าชายหนุ่มผู้นี้อายุราวยีสิบเอ็ดปี ร่างของเขาสูงราวหนึ่งเมตรแปดสิบเซนติเมตร ใบหน้าหล่อเหลา คิ้วทั้งสองข้างดกดำ ดวงตาเป็นประกายระยิบระยับแข่งกับแสงดาว จมูกโด่งเป็นสัน ริมฝีปากบาง นอกเหนือจากใบหน้าแล้ว ตามร่างกายต่างก็มีคราบเลือดอยู่เต็มไปหมด ชุดเครื่องแบบทหารก็ฉีกขาดจนเผยให้เห็นแผลสดตามร่างกาย และกล้ามเนื้อที่งดงาม!
หลังจากที่ชายหนุ่มวิ่งหนีเข้าไปในป่าลึกข้างทางแล้วเขาก็ยังคงวิ่งไปข้างหน้าอย่างไม่หยุดยั้ง และไม่สนใจกิ่งไม้และหนามตามต้นไม้ที่เกี่ยวหน้าเกี่ยวตาเลยแม้แต่น้อย ในใจของเขาท่องอยู่เพียงคำเดียวเท่านั้นคือ ‘หนี!’
หนึ่งนาทีต่อมา..ก็มีรถหรูสีเงินที่วิ่งมาด้วยความเร็วสูงเช่นกัน และเมื่อคนที่อยู่ในรถเห็นรถหรูสีดำจอดนิ่งอยู่บนถนนไฮเวย์ หนึ่งในนั้นก็ร้องออกมาอย่างเหยียดหยัน
“นี่พอล!เป็นไง.. ผิดจากที่ฉันพูดมั๊ยล่ะ ฉันบอกแล้วว่าน้ำมันในรถของมันไม่พอที่จะขับไปถึงตัวเมืองจิงฉูหรอก!” น้ำเสียงนั่นทั้งเย็นชาและดุดัน
ชาวต่างชาติ!
“แล้วแกยังจะคอยอะไรอยู่ล่ะยังไม่รีบลงไปหามันอีก! เดี๋ยวเหยื่อก็หนีไปได้หรอก! ไม่อยากดื่มเลือดสดๆกันหรือยังไง?!”
น้ำเสียงที่พูดนั้นทั้งเย็นชาและดุดันหากใครได้ยินเข้าคงต้องถึงกับขนหัวลุกอย่างแน่นอน!
“แกจะกังวลอะไรมากมายลืมไปแล้วหรือไงว่าพวกเราเป็นแวมไพร์ที่สามารถได้กลิ่นเลือดของเหยื่อในระยะสองกิโลเมตรน่ะ..”
ส่วนคนที่สามที่อยู่ในรถนั้นไม่พูดอะไรมาก..ทันทีที่รถสีเงินของพวกมันจอดใกล้ๆกับรถหรูสีดำนั่น มันก็กระโจนออกมาจากรถทันทีพร้อมกับทำจมูกฟุดฟิด แล้วจึงแลบลิ้นยาวเลียริมฝีปากของตนเอง..
และนี่ก็คือชาวต่างชาติอีกหนึ่งคนรูปร่างของมันสูงใหญ่ ดวงตาสีฟ้า จมูกโด่งเป็นสัน หน้าตาหล่อเหลา แต่แววตากลับไม่ต่างจากปีศาจ ใบหน้าของมันซีดขาวอย่างน่าประหลาด อีกทั้งในวันที่อากาศร้อนเช่นนี้ มันยังแต่งกายด้วยชุดทักซิโด้สีดำ..
“จิม..นี่แกพบร่องรอยของเหยื่อหรือยัง”
พอลที่สวมชุดทักซิโด้สีดำเดินตามออกมาจากรถด้วยใบหน้าที่ซีดขาวเช่นกันลักษณะท่าทางและการแต่งกายของมันนั้นดูราวกับสุภาพบุรุษ พอลเคลื่อนที่ได้รวดเร็วอย่างน่าอัศจรรย์ เพียงแค่การกระโดดครั้งเดียว มันก็มายืนอยู่ข้างจิมแล้ว
“พบสิ!มันวิ่งหนีเข้าไปในป่านี้..” จิมพูดพร้อมกับเลียริมฝีปากอีกครั้ง
“เจสเตอร์..แกขับรถตามมา พวกเราจะเข้าไปตามเหยื่อในป่า มันวิ่งได้เร็วมากเลยทีเดียว! แต่ถึงยังไงก็หนีพวกเราไม่พ้นอยู่ดีนั่นล่ะ”
พอลร้องบอกเจสเตอร์ที่ทำหน้าที่คนขับรถแล้วก็วิ่งไปตามชายหนุ่มไปทันที และความเร็วของมันนั้นก็นับว่าเร็วกว่าชายหนุ่มที่วิ่งหนีไปก่อนหน้าเสียอีก!
จิมเองก็รีบวิ่งตามไปเช่นกันและเพียงไม่นานก็ไล่ตามพอลทัน ทั้งคู่ไม่สนใจกิ่งไม้และขวากหนามที่อยู่ตรงหน้า พวกมันวิ่งผ่านไปด้วยความเร็วที่ยิ่งกว่าเจสเตอร์ซึ่งขับรถตามมาเสียอีก!
เจสเตอร์ได้แต่ขับรถไปบ่นไป“เวรเอ๊ย.. ทำไมฉันต้องมาขับรถตามพวกแกด้วย”
ด้านหน้าของพอลและจิม..คือชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาที่กำลังดิ้นรนเอาตัวรอดอย่างสุดชีวิต ตอนนี้ในมือซ้ายของเขากำมีดสั้นของทหารไว้แน่น ส่วนมือขวาก็ปัดป่ายกไปตามกิ่งไม้หนาทึบที่ขวางหน้าอยู่ และตั้งหน้าตั้งตาวิ่งอย่างเดียวเท่านั้น!
เหลืออีกเพียงแค่ห้ากิโลเมตรเท่านั้น..หากเขาวิ่งด้วยความเร็วเช่นนี้ อีกเพียงแค่ห้าหรือหกนาทีเขาก็จะสามารถเข้าสู่ตัวเมืองจิงฉูได้ และถึงตอนนั้นเขาก็จะปลอดภัยมากขึ้น!
นับว่าเป็นการวิ่งที่บ้าคลั่งที่สุดในชีวิต..ใบหน้าของชายหนุ่มถูกกิ่งไม้และหนามเกี่ยวจนเลือดหยดเป็นทาง และเลือดบางส่วนก็ได้ไหลเข้าตาทำให้เขาต้องคอยกระพริบตาอยู่เรื่อยๆ และภาพที่เห็นตรงหน้านั้นจึงดูไม่ชัดเจนนัก
“ท่านปู่ท่านพ่อ ท่านแม่ เฉินเฉิน.. คอยผมก่อนนะครับทุกคน! ผมจะต้องหาหลิงหยุนให้พบ ผมจะต้องหาทางช่วยเหลือทุกคนให้ได้! ตระกูลเกาของเราต้องไม่พินาศลงแบบนี้!”
ชายหนุ่มผู้นี้ก็คือ..เกาเทียนหลง! ที่แท้ชายหนุ่มผู้นี้ก็คือเกาเทียนหลงนั่นเอง..
เกาเทียนหลงอยู่ในกรมทหารเมื่อไม่ได้รับข่าวคราวจากครอบครัวเป็นเวลานาน เขาจึงรู้สึกประหลาดใจอย่างมาก จึงได้ขอลาพักร้อนเพื่อกลับมาเยี่ยมบ้าน แต่เมื่อมาถึงกลับพบว่าในครอบครัวของเขามีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้น ทุกคนในบ้านมีท่าทางเย็นชาและเฉยเมยผิดปกติ ทำให้เกาเทียนหลงถึงกับหวาดกลัวจนขนหัวลุก!
แต่นับว่าโชคดีที่เขากลับมาในเวลากลางวันและมาพร้อมกับเพื่อนทหารอีกสองสามคน จึงหาข้ออ้างที่จะหลบหนีออกมาจากบ้านได้!
เวลานี้คนของตระกูลเกาได้ตกเป็นทาสของเหล่าแวมไพร์ดูดเลือดแล้ว!
เมื่อเป็นเช่นนี้..จะกลับบ้านก็กลับไม่ได้! จะกลับกรมก็กลับไม่ได้! เพราะตระกูลเกากำลังเผชิญกับหายนะอย่างใหญ่หลวง หากเขาไม่ทำอะไร ตระกูลเกาคงต้องพินาศไปในพริบตา!
เกาเทียนหลงจำต้องระงับความหวาดกลัวไว้และคิดหาวิธีที่จะช่วยตระกูลเกาให้พ้นจากมหันตภัยครั้งนี้ให้ได้
ในที่สุดเขาก็คิดถึงหลิงหยุน!
เกาเทียนหลงยังจำได้ว่าก่อนที่เกาเฉินเฉินจะกลับบ้านครั้งที่สองนั้นเธอได้เล่าเรื่องพละกำลังมหาศาล และทักษะทางการแพทย์ที่ล้ำเลิศอย่างหาใครเทียบไม่ได้ของหลิงหยุนให้เขาฟัง เธอเล่าว่าไม่มีโรคอะไรที่หลิงหยุนไม่สามารถรักษาได้!
แต่ในเรื่องขั้นกำลังภายในของหลิงหยุนนั้นเกาเฉินเฉินไม่เคยเล่าให้เกาเทียนหลงฟังเลยแม้แต่น้อย
เมื่อคิดได้เช่นนี้เกาเทียนหลงจึงเห็นว่ามีเพียงหลิงหยุนเท่านั้นที่จะช่วยตระกูลเกาที่ตอนนี้ตกเป็นทาสของแวมไพร์ได้ เมื่อคิดได้ว่าต้องมาขอให้หลิงหยุนไปช่วยรักษาคนในตระกูลเกา เขาจึงตัดสินใจเดินทางมาที่จิงฉู!
เกาเทียนหลงไม่สามารถเล่าเรื่องนี้ให้เพื่อนทหารด้วยกันฟังได้เพราะมันเป็นเรื่องที่เหลือเชื่อจนเกินไป!
เกาเทียนหลงขับรถมุ่งหน้าเข้าสู่เมืองจิงฉูแต่คิดไม่ถึงว่าอีกเพียงแค่สิบกิโลเมตรก็จะเข้าสู่ตัวเมืองจิงฉูแล้ว จู่ๆรถของเขาก็เกิดน้ำมันหมดและดับไปแบบนั้น เขาจึงต้องใช้วิธีวิ่งหนีเพื่อเอาชีวิตรอดให้ได้!
เกาเทียนหลงไม่เคยไปบ้านของหลิงหยุนด้วยซ้ำ..เขารู้เพียงว่าหลิงหยุนอาศัยอยู่บ้านเลขที่-1 ในหมู่บ้านเดียวกับเกาเฉินเฉิน และหากเขาหนีเข้าไปในตัวเมืองจิงฉูได้ แวมไพร์สามตัวที่กำลังไล่ล่าเขาอยู่นั้น คงไม่กล้าทำอะไรมาก เขาเองก็จะได้มีเวลาตามหาหลิงหยุนให้พบ..
แต่เพียงแค่อีกไม่เท่าไหร่เกาเทียนหลงก็จะเข้าตัวเมืองจิงฉูได้แล้วก็เสียงเย็นชาพูดไล่หลังเขามา
“แกจะหนีไปทำไมกลับไปกับพวกเราดีกว่า เป็นแวมไพร์ไม่ดีตรงใหนกัน? อย่างน้อยแกก็สามารถมีชีวิตยืนยาว..”
ยังไม่ทันที่มันจะพูดจบด้วยซ้ำ..ร่างของมันก็เข้ามาใกล้เกาเทียนหลงอย่างมาก เกาเทียนหลงรู้ดีว่าตนเองกำลังตกอยู่ในอันตรายอย่างมาก จึงหันหลังกลับไปและแทงมีดสั้นออกไปทันที!
ฉึก!
มีดสั้นทหารในมือของเกาเทียนหลงนั้นแทงจ้วงเข้าไปในชุดทักซิโด้ของจิมที่มีใบหน้าซีดขาวหน้าอกของมันมีเลือดไหลออกมา และมีดสั้นของเกาเทียนหลงก็ไม่ทำให้เขาผิดหวังเลยแม้แต่น้อย เขาออกแรงกดมีดสั้นให้ฝังลงไปในหน้าอกของจิมสุดแรง!
แต่ถึงกระนั้นริมฝีปากของจิมก็เพียงแค่กระตุกเล็กน้อย สายตาเย็นชาของมันจ้องมองเกาเทียนหลงในขณะที่มือดึงมีดสั้นนั้นออกจากหน้าอก และโยนทิ้งลงพื้นไปอย่างไม่ยี่หระ..
หน้าอกของจิมไม่มีร่องรอยของเลือดที่ไหลออกมาแม้แต่หยดเดียวและบาดแผลก็ค่อยๆสมานกันจนแนบสนิทราวกับไม่เคยถูกแทงด้วยของมีคม
เกาเทียนหลงตั้งหน้าตั้งตาวิ่งไปข้างหน้าอย่างสุดชีวิตอีกครั้งสายตาของเขาเหลือบเห็นปั๊มแก๊สแห่งหนึ่งตั้งอยู่ตรงสามแยกด้านหน้า และมีรถกำลังจอดเติมน้ำมันอยู่พอดี!
เกาเทียนหลงดีใจอย่างมากเขาหันหลังวิ่งสุดชีวิตอีกครั้ง และล้วงปืนขึ้นมาถือไว้ในมือ ก่อนจะเล็งไปทางจิมกับพอลที่กำลังวิ่งตามมา และลั่นไกอย่างไม่ลังเล!
เปรี้ยง!เปรี้ยง! เสียงปืนดังขึ้นสองนัดในยามค่ำคืนที่เงียบสงัด..
แต่ปรากฏว่าลูกปืนที่ยิงออกไปนั้นหยุดนิ่งอยู่กลางอากาศ..แต่ก็สามารถทำให้จิมและพอลชะงักลงได้ เกาเทียนหลงยิ้มและวิ่งต่อไปอย่างไม่คิดชีวิต เขาพุ่งออกจากป่าข้างทางอย่างรวดเร็ว และใช้วิชาตัวเบาไปโผล่อยู่ที่ถนนด้านนอก จากนั้นจึงวิ่งตรงไปที่ปั๊มแก๊สทันที!
เสียงปืนที่ดังขึ้นสองนัดทำให้เจ้าของรถที่กำลังเติมน้ำมันอยู่และคนในปั๊มต่างก็พากันตกใจกลัว เกาเทียนหลงที่พุ่งลงมาจากฟ้านั้น ทำให้ทุกคนถึงกับตกตะลึง และเมื่อเท้าสัมผัสพื้น เขาก็ตรงเข้าไปลากคนขับรถออกมา และขึ้นไปนั่งแทนแล้วเหยียบคันเร่งออกไปทันที!
ทางด้านพอลและจิมต่างก็ยกมือขึ้นรับลูกกระสุนไว้และวิ่งตามออกจากป่าไปด้วยสายตาเย็นชา..
และภาพที่เกาเทียนหลงวิ่งออกจากป่าเข้าปั๊มขโมยรถนั้นก็ได้ถูกกล้องวงจรปิดของทางปั๊มบันทึกไว้หมดแล้ว!