Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร - ตอนที่ 676
บทที่ 676 : สู้กับแวมไพร์.!
หลิงหยุนกระโจนออกไปนอกรถแล้วร่างของเขาก็กลืนหายเข้าไปในป่าข้างถนนทันที เหล่ากุยและเกาเทียนหลงตามหลิงหยุนไปติดๆ และทั้งสามคนก็หายเข้าไปในป่าทึบ..
จิมพอล และเจสเตอร์ แวมไพร์ทั้งสามตัวต่างก็พุ่งออกมาจากรถสีเงินเช่นกัน แต่พวกมันไม่รีบร้อนที่จะวิ่งตามทั้งสามคนเข้าไปในป่าทึบ พวกมันยืนนิ่งสำรวจไปรอบๆบริเวณเสียก่อน จากนั้นใบหน้าซีดขาวของพวกมันก็ปรากฏรอยยิ้มที่เยือกเย็นจนน่าขนหัวลุก
“ที่แท้เหยื่อของพวกเราไปจิงฉูก็เพื่อหาคนมาช่วยนี่เอง..”พอลพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“พระเจ้า!นี่ข้าต้องขอบคุณเหยื่อของเราสินะ.. เจ้านายสั่งไม่ให้พวกเราดูดเลือดของเหยื่อ แต่ไม่ได้สั่งไม่ให้พวกเราดูดเลือดคนอื่นนี่ หมอนี่ทำดีมากทีเดียว ฉันชักจะชอบมันแล้วสิ!” เจสเตอร์ยักไหล่ขณะที่พูดกับแวนไพร์ตนอื่น
“ฉันว่าเด็กหนุ่มที่เป็นคนขับรถคงจะไม่รู้จักสายเลือดแวมไพร์ที่แข็งแกร่งอย่างพวกเราน่ะสิ!มันถึงได้กล้าจงใจขับรถนำพวกเรามาที่นี่ ดูท่ามันจะยะโสโอหังมากเลยทีเดียว! ฉันคงจะต้องสั่งสอนมัน และทำให้มันมาเป็นทาสรับใช้ที่ซื่อสัตย์ซะแล้ว..” จิมพูดไปหัวเราะไปอย่างผยอง
พอลมองจิมพร้อมกับร้องเตือนว่า“จิม.. ฉันยอมรับว่านายแก่กว่า แล้วก็แข็งแกร่งกว่าพวกเราสองคน แต่ฉันขอเตือนนายไว้ก่อนว่าคุณสมบัติของนายยังไม่พอที่จะเอามนุษย์มาเป็นทาสได้..”
เมื่อจิมได้ฟัง..แววตาเย็นชาของมันถึงกับปรากฏอารมณ์ขุ่นเคืองทันที จึงตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นแต่แฝงไว้ด้วยความไม่พอใจ
“แต่ก็คงอีกไม่ช้าหรอก..หลังจากได้ดื่มเลือดของเด็กหนุ่มที่ขับรถนั่น ก็คงอีกไม่นานนักหรอก..”
เจสเตอร์อดรนทนไม่ได้“หยุดทะเลาะกันแล้วรีบตามพวกมันไปได้แล้ว! ฉันได้กลิ่นเลือดหอมหวานของมนุษย์ กลิ่นเลือดของเจ้านั่นหอมหวนกว่าเลือดของคนธรรมดาเสียอีก ดูท่าเลือดของมันคงจะหวานมากเลยทีเดียว! และเลือดของมันก็น่าจะช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับพวกเราได้อย่างมากด้วย!”
พูดจบ..เจสเตอร์ก็แลบลิ้นเลียริมฝีปากของตนเอง ร่างสูงผอมของมันพุ่งเข้าไปในป่าทึบทันที และความเร็วของมันนั้นก็ช่างน่าอัศจรรย์อย่างมาก
พอลมองจิมที่ยังคงขุ่นเคืองใจยิ้มๆแล้วจึงพูดขึ้นว่า “มนุษย์ผู้ชายสองคนนั่นอุตส่าห์มาหาพวกเราถึงที่ เลือดของพวกมันสองคนคงจะเพียงพอสำหรับเป็นอาหารของพวกเราได้หนึ่งมือสินะ! รีบตามไปเร็วเข้า.. ขืนชักช้าเจสเตอร์มันคงขโมยดูดเลือดไปจนหมดแน่!”
พูดจบ..พอลก็วิ่งตรงไปทางภูเข้าด้านหน้าทันที จิมเองก็ไม่รีรอที่จะวิ่งตามไป และเพียงไม่นานก็วิ่งนำหน้าพอลไป
ในบรรดาแวมไพร์ทั้งสามตนนั้น..ดูเหมือนจิมจะเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุด ตามมาด้วยแวมไพร์หนุ่มอย่างพอล และเจสเตอร์เป็นคนสุดท้าย
หลิงหยุนและพรรคพวกต่างก็วิ่งเข้าป่าไปได้ไม่ลึกนักทั้งสามคนไปหยุดอยู่หลังป่าไม้ทึบซึ่งมีลานโล่งกว้าง และอยู่ห่างจากรถของพวกเขาไปราวแปดสิบเมตร และเป็นบริเวณที่อยู่ในขอบข่ายรัศมีจิตหยั่งรู้ของหลิงหยุน
“อยากจะดื่มเลือดของข้างั้นรึน่าสนใจทีเดียว.. แต่ไม่รู้ว่าใครกันแน่ที่จะเป็นเหยื่อ?”
การกระทำและบทสนทนาของแวมไพร์ทั้งสามตนนั้นอยู่ในการรับรู้ของหลิงหยุนทั้งหมดหลิงหยุนเริ่มรู้สึกสนอกสนใจมากขึ้น และแอบคิดอยู่ในใจว่าคืนนี้เขาต้องจับแวมไพร์เป็นๆสักหนึ่งตัวเพื่อเอามาไว้ศึกษาเรียนรู้..
หลิงหยุนยืนรอแวมไพร์ทั้งสามตนอย่างใจจดใจจ่อในมือของเขาไม่มีอาวุธอะไรแม้แต่ชิ้นเดียว แต่เหล่ากุ่ยนั้นรีบดึงดาบยาวที่ตนเองถนัดออกมาถือไว้ เขาต้องทำหน้าที่คุ้มครองหลิงหยุนกับเกาเทียนหลง และการต้องคุ้มครองเด็กหนุ่มถึงสองคนพร้อมๆกันนั้น ก็ไม่ใช่เรื่องที่ง่ายดายสำหรับเหล่ากุ่ยนัก..
พรึบ..พรึบ.. พรึบ.. เสียงแวมไพร์ทั้งสามตนกระโดดมายืนเผชิญหน้ากับคนทั้งสาม!
“พวกมนุษย์จิ๊บจ๊อย..พวกแกยะโสโอหังมากนักนะ! ถึงกับกล้ายืนคอยพวกเราอยู่นิ่งๆเชียวรึ”
เจสเตอร์ที่ตามมาถึงเป็นคนแรกนั้นจ้องมองมนุษย์ทั้งสามอย่างตื่นเต้น และดวงตาสีฟ้าของมันก็เริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดงจางๆ
“สุภาพบุรุษทั้งสามท่าน..ข้าขอถามหน่อยว่าเจ้านายของพวกเจ้าเป็นใครกัน”
หลิงหยุนร้องถามพร้อมกับยักไหล่อย่างไม่มีความเกรงกลัวอีกทั้งยังส่งยิ้มสวยงามจนเห็นลักยิ้มแก้มซ้ายให้กับเหล่าแวมไพร์ทั้งสามตน
“เจ้ามนุษย์ตัวน้อย!พวกแกไม่มีคุณสมบัติพอที่จะรู้จักชื่อของท่านบารอน!” จิมตอบกลับมาด้วยเสียงเย็นชา
พอลเองก็แสยะยิ้มก่อนจะพูดขึ้นว่า“เจ้าหนุ่มน้อย.. ฉันว่าแกคงจะยังไม่รู้ชะตากรรมของตัวเองดีสินะ! ฉันจะบอกอะไรให้.. ในสายตาของพวกเรา แกก็เป็นได้แค่อาหารอันโอชะเท่านั้นล่ะ! เลือดของแกก็จะเป็นเครื่องดื่มหอมหวานของพวกเราไม่ต่างจากน้ำอัดลม เพียงแค่พวกเราไม่จำเป็นต้องเปิดฝา! แกเข้าใจหรือยัง”
หลิงหยุนแสร้งทำเป็นหวาดกลัว..และหลังจากครุ่นคิดอะไรอยู่ครู่หนึ่ง จู่ๆในมือของเขาก็มีขวดน้ำอัดลมปรากฏออกมา เขาแกว่งขวดน้ำอัดลมไปมาต่อหน้าแวมไพร์ทั้งสามพร้อมกับร้องถามยิ้มๆ
“น้ำอัดลมแบบนี้ใช่มั๊ย”
ทั้งจิมพอล และเจสเตอร์ ต่างก็ได้แต่ยืนตะลึง!
“พระเจ้า!นี่มันอะไรกัน! นี่มันเป็นซานตานหรือยังไง?!”
“นี่แกเป็นนักมายากลงั้นรึ!”
“น้ำอัดลมมาจากใหน”
แวมไพร์ทั้งสามตนถึงกับตาโตด้วยความตกใจและแทบไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง!
เหล่ากุ่ยไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นตกใจแม้แต่น้อยแต่เกาเทียนหลงถึงกับพูดไม่ออก และได้แต่คิดในใจว่าหลิงหยุนไม่ได้เป็นเพียงแค่คนเก่งกาจเท่านั้น แต่ความสามารถของเขานั้นต้องเรียกว่าอัศจรรย์ใจ และเหลือเชื่ออย่างที่สุดถึงจะถูก!
ต่อหน้าแวมไพร์ทั้งสามตน..หลิงหยุนยกขวดน้ำอัดลมขึ้นเปิดฝา แล้วกระดกขวดน้ำอัดลมในมือขึ้นดื่มรวดเดียวจนหมด จากนั้นจึงเขย่าขวดเปล่าในมือพร้อมกับพูดยิ้มๆว่า
“พวกเจ้าอยากจะดื่มเลือดของข้าแบบนี้ใช่มั๊ยดื่มเสร็จก็โยนขวดเปล่าทิ้งไป..” พูดจบหลิงหยุนก็โยนขวดเปล่าในมือทิ้งไป และขวดเปล่าก็กระแทกกับก้อนหินเสียงดังปัง!
หลิงหยุนฝึกถึงระดับสูงสุดของขั้นปรับร่างกาย-9แล้ว และวิชาดาราคุ้มกายก็ใกล้ที่เข้าสู่ขั้นที่สามแล้ว ผิวของเขาจึงขาวและสว่างไสวราวกับผลึกแก้ว และภายใต้ท้องฟ้าในยามค่ำคืนเช่นนี้ เมื่อหลิงหยุนเงยหน้าขึ้นดื่มน้ำอัดลมนั้น ลูกกระเดือกที่ลำคอขาวสว่างของเขาก็ขยับไปมา แวมไพร์ทั้งสามตนเห็นเข้าถึงกับต้องกลืนน้ำลายอย่างรวดเร็ว
“พระเจ้า!ลำคอของมันขาวนวลเนียนยิ่งกว่าลำคอของสาวพรหมจรรย์ซะอีก! ฉันทนไม่ไหวแล้ว..”
เจสเตอร์นั้นไม่ได้ดื่มเลือดสดๆมาถึงสามวันแล้วเมื่อได้มาพบหลิงหยุนซึ่งไม่ต่างจากอาหารอันโอชะ มันก็ถึงกับบกระวนกระวายแทบคลุ้มคลั่ง!
พอลชื่นชอบคำพูดเปรียบเทียบบของหลิงหยุนจนถึงกับหัวเราะออกมาและอธิบายเพิ่มเติมให้หลิงหยุนฟัง
“ใช่แล้ว!พวกเราจะดูดเลือดมนุษย์อย่างพวกแกจนเหลือแต่ร่างที่ไม่ต่างจากขวดน้ำอัดลมเปล่านั่น ดูเหมือนเลือดของแกไม่เพียงแค่หอมหวาน แต่น่าจะทำให้พวกเราแข็งแกร่งขึ้นมาก เพราะฉะนั้น.. พวกเราจะไม่ดูดเลือดแกจนตาย แต่จะทำให้แกมีชีวิตนิรันดร์เพื่อเป็นจะได้มีเลือดให้เราดื่มตลอดไป..”
จิมพยักหน้าเห็นด้วยกับคำพูดของพอลและเสริมขึ้นอย่างโอหัง “เด็กน้อย.. ฉันยอมรับว่าความสามารถของแกทำให้ฉันรู้สึกตื่นเต้นอย่างมาก! แล้วแกรู้มั๊ยว่าแกกำลังจะไม่ต่างจากขวดน้ำอัดลม..”
สีหน้าของเหล่ากุ่ยกับเกาเทียนหลงเปลี่ยนไปทันที..
จู่ๆพอลก็หันไปพูดกับจิมว่า “จิม.. อีกไม่นานก็จะเช้าแล้ว ใกล้จะหมดเวลาของพวกเราแล้ว! นายรีบๆหน่อย..”
ในยามค่ำคืน..เป็นช่วงเวลาที่เหล่าแวมไพร์จะมีพลังอำนาจมากที่สุด พอลจึงรีบร้องเตือนจิมว่าเหลืออีกเพียงแค่สี่ชั่วโมงฟ้าก็จะสว่างแล้ว..
“ฉันจะจัดการพวกมันเอง..”
พูดจบ..เจสเตอร์ก็ทำเสียงคำรามพร้อมกับพุ่งเข้าใส่หลิงหยุนทันที นับว่ามันเคลื่อนไหวได้รวดเร็วอย่างน่าอัศจรรย์ทีเดียว!
หลิงหยุนได้แต่นึกเย้ยหยันอยู่ในใจ..‘ความเร็วเทียบเท่ายอดฝีมือขั้นเซียงเทียน-1 เท่านั้นรึ!’
ร่างสูงของเจสเตอร์มาโผล่อยู่ด้านหน้าหลิงหยุนและดูเหมือนว่ามันไม่ต้องการที่จะให้เรือนร่างของหลิงหยุนต้องบอบช้ำ มันเพียงแค่เอื้อมมือทั้งสองข้างออกไปจับไหล่ของหลิงหยุนไว้!
หลิงหยุนเพียงแค่ยิ้มพร้อมกับคิดในใจว่าจะจัดการกับเจสเตอร์นั้น เขาใช้กำลังปกติเพียงแค่สี่สิบเปอร์เซ็นต์ก็ได้แล้ว..
จากการฝึกฝนจนดาราคุ้มกายอยู่ในระดับสิบสี่และกำลังภายในอยู่ในระดับสูงสุดของขั้นปรับร่างกาย-9 นั้น ทำให้หมัดธรรมดาๆของหลิงหยุนเวลานี้ มีน้ำหนักไม่น้อยกว่าสี่พันกิโลกรัม หรืออาจจะมากกว่านั้น เรียกได้ว่าทรงพลังและน่าสยดสยองเกินกว่าที่ใครจะจินตนาการได้!
ปัง!ปัง! หมัดทั้งสองข้างของหลิงหยุนชกเข้าที่ลำตัวของเจสเตอร์อย่างไม่ปราณี!
เสียงกระดูกในร่างกายของเจสเตอร์หักดังสนั่นและร่างของมันก็ลอยละลิ่วออกไปทันที!
ปัง!ร่างของเจสเตอร์ลอยละลิ่วไปกระแทกกับก้อนหินอย่างแรง จนมันถึงกับกรีดร้องออกมาอย่างเจ็บปวด!
“อะไรกัน!”
จิมกับพอลต่างก็กำลังหงุดหงิดเพราะคิดว่าเจสเตอร์กำลังจะขโมยดูดเลือดหลิงหยุนคนเดียวแต่กลับคิดไม่ถึงว่าเขาจะถูกมนุษย์ผู้นี้ชกเข้าที่ลำตัวจนกระดูกเอวแตกหักเป็นเสี่ยงเช่นนี้!
สำหรับเหล่าแวมไพร์นั้น..พวกมันมีความรู้สึกเจ็บปวดได้เช่นเดียวกับมนุษย์ เพียงแต่ไม่สามารถทำอันตรายอะไรพวกมันได้ ดังนั้นทั้งจิมและพอลจึงไม่ใส่ใจ และกำลังตกตะลึงกับพลังอันมหาศาลของหลิงหยุน!
“โอ๊ย..เจ็บจริงๆ!”
เจสเตอร์ร้องตะโกนออกมาอย่างเจ็บปวด..ร่างของมันค่อยๆลุกขึ้นยืน ใบหน้าที่ซีดขาวอยู่แล้วกลับซีดเซียวมากขึ้นไปอีก และดวงตากลับแดงก่ำมากขึ้นกว่าเดิมอีกด้วย
หลิงหยุนมองหน้าเจสเตอร์พร้อมกับคิดในใจว่าแวมไพร์สามารถฟื้นตัวได้รวดเร็ว และแข็งแกร่งมากจริงๆ! เพราะเพิ่งจะถูกชกจนกระดูกส่วนเอวแตกละเอียด แต่ตอนนี้มันกลับลุกยืนได้ราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น!
“มิน่า..เกาเทียนหลงถึงได้บอกว่าพวกมันไม่มีวันตาย..”
หลิงหยุนแสยะยิ้มพร้อมกับพึมพำเบาๆ..