Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร - ตอนที่ 698
บทที่ 698 : คลังแสงตระกูลหลิง!
การจะก้าวขึ้นมาเป็นหนึ่งในตระกูลใหญ่ของประเทศจีนได้นั้นจำเป็นที่จะต้องมีทรัพยากรครบถ้วน..
ทรัพยากรอะไรบ้างอย่างนั้นน่ะหรือ
นอกเหนือจากอำนาจบารมีของตระกูลแล้วก็จำเป็นต้องมีเงินทอง บุคลากร เส้นสาย และอื่นๆอีกมากมาย สิ่งเหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็นเครื่องวัดความแข็งแกร่ง และความยิ่งใหญ่ของตระกูลไม่ใช่หรือ
แต่ถึงกระนั้น..สิ่งเหล่านี้ยังนับว่าเป็นเรื่องพื้นๆเท่านั้น หากมีเพียงสิ่งเหล่านี้ ชนชั้นสูงร่ำรวยทั่วประเทศ ก็คงสามารก้าวขึ้นเป็นตระกูลใหญ่ได้มากมาย
และไม่ว่าจะเป็นในอินเทอร์เน็ตและสื่อต่างๆอย่างทีวีวิทยุ หนังสือพิมพ์ หรือสื่ออื่นๆ ก็มักจะพบเห็นตระกูลที่มีทรัพยากรที่ว่ามานั้นอยู่มากมายไม่น้อย
แต่ยากนักที่จะพบเห็นคนที่มีพลังอำนาจที่แท้จริงปรากฏอยู่ในสื่อต่างๆเช่นนี้พวกเขาล้วนแล้วแต่คอยชักใยในเรื่องต่างๆอยู่เบื้องหลังเท่านั้น และเป็นผู้ที่คอยจัดการทุกอย่างอยู่เงียบๆ ยากนักที่คนธรรมดาทั่วไปจะได้รู้จัก หรือว่าพบเจอ..
ผู้คนที่พวกเราต่างได้พบเห็นอยู่ตามสื่อต่างๆนั้นล้วนแล้วแต่เป็นตัวแทน หรือหุ่นกระบอกที่พวกเขาเชิดไว้เท่านั้น แต่ผู้สั่งการตัวจริงมักจะควบคุมเกม และสั่งการอยู่อย่างเงียบๆ
และสิ่งที่ทำให้ตระกูลใหญ่เป็นที่นับหน้าถือตานั้นก็ไม่ใช่เงินทอง หรือเส้นสายอย่างที่สายตาชาวโลกมอง แต่มันคือสิ่งอื่น..
มันคือยอดฝีมือที่มีวรยุทธต่างหากที่ทำให้ตระกูลนั้นๆได้รับการนับหน้าถือตาอย่างแท้จริง!
และนอกเหนือยจากยอดฝีมือแล้วก็ยังมีอีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญไม่แพ้กัน นั่นก็คือคลังแสงอาวุธของตระกูล!
ในเจ็ดตระกูลใหญ่แห่งปักกิ่งนั้นแต่ละตระกูลล้วนมีคลังแสงอาวุธของตัวเองทั้งนั้น และจะมีทั้งช่างผลิตอาวุธที่สืบทอดวิชามาจากต้นตระกูลบ้าง และช่างที่ใช้เทคโนโลยีในยุคสมัยปัจจุบันบ้าง
หลิงหยุนเดินตามเหล่ากุ่ยเข้าไปในประตูเล็กๆที่มีป้ายเขียนว่า‘ห้ามผู้ที่ไม่มีกิจเกี่ยวข้องเข้า’ และเดินไปตามสนามหญ้าเล็กๆ จากนั้นเขาก็เห็นเหล่ากุ่ยกดรหัสที่อยู่หน้าประตู เมื่อประตูลับเปิดขึ้น และทั้งคู่ก้าวผ่านประตูลับเข้าไปแล้ว ประตูลับก็ปิดลงทันที
ภายในเป็นโรงงานขนาดใหญ่ซึ่งมีความกว้างเท่ากับสนามฟุตบอลด้านในถึงแม้จะร้อน แต่ก็มีการถ่ายเทหมุนเวียนอากาศได้ดี..
ภายในกับภายนอกนั้นต่างกันโดยสิ้นเชิง!
“ข้านึกไม่ถึงจริงๆ!”
ด้านในมีเตาเผาชนิดต่างๆรวมถึงสายการผลิตอาวุธหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นกระบี่ ดาบ ขวาน ตะขอ และอีกมากมาย หลิงหยุนถึงกับตกใจสุดขีด!
ทุกคนที่ทำงานอยู่ในโรงงานลับแห่งนี้ล้วนแล้วแต่กำลังง่วนและยุ่งอยู่กับงานของตนเอง เสียงเคร้งคร้างของโลหะดังกระทบกันไม่หยุด บางคนก็กำลังวุ่นอยู่กับการทดสอบประสิทธิภาพของโลหะ บางคนก็วุ่นอยู่กับการหลอมเหล็กและโลหะต่างๆ ทุกคนที่อยู่ด้านในล้วนแล้วแต่ต้องสวมใส่เสื้อนิรภัยที่สามารถป้องกันเหล็กร้อนได้ และดูเหมือนการมาของทั้งคนทั้งคู่จะไม่สามารถดึงดูดความสนใจของคนงานได้เลยแม้แต่น้อย
เหล่ากุ่ยพูดกับหลิงหยุนด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อย“นายน้อย.. นี่เป็นคลังผลิตอาวุธของตระกูลหลิง ความจริงแล้วคลังผลิตอาวุธเดิมของตระกูลหลิงใหญ่กว่านี้ถึงสิบเท่า แต่ถูกตระกูลเย่ยึดไป..”
“ตระกูลเย่งั้นรึ”
หลิงหยุนร้องถามพร้อมกับขมวดคิ้วเขาได้แต่คิดในใจว่า.. สุนัขกัดมักจะไม่เห่าก่อน! ตระกูลเย่นั้นทำตัวเงียบๆ ไม่ยุ่งกับใคร แต่ความจริงแล้วชั่วร้ายเกินกว่าที่ใครจะจินตนาการได้
ชายวัยกลางคนอายุราวสี่สิบปีเดินกะเผลกเข้ามาหาเหล่ากุ่ยกับหลิงหยุนขาซ้ายของเขาขาด หลิงหยุนมองออกว่าชายพิการผู้นี้อยู่ในระดับกลางขั้นโฮ่วเทียน-7 และมีอาการบาดเจ็บภายในเช่นเดียวกับเหล่ากุ่ย และเส้นลมปราณถูกทำลายเสียหายเช่นกัน
เหล่ากุ่ยยิ้มพร้อมกับหันไปพูดกับหลิงหยุนว่า“หลังจากการต่อสู้อย่างโหดร้ายของตระกูลหลิงในครั้งนั้น เขาคือหนึ่งในยอดฝีมือของตระกูลหลิงที่รอดมาได้ แต่ก็ต้องสูญเสียขาข้างซ้ายไปในเหตุการณ์ครั้งนั้น นายน้อยเรียกเขาว่าหลิงสือชีก็แล้วกัน” (สือชีในภาษาจีนแปลว่าสิบเจ็ด)
“หลิงสือชีคาราวะเหล่ากุ่ยไม่ทราบว่าท่านมาที่นี่ต้องการอาวุธชนิดใด”
หน้าตาของหลิงสือชีดูแก่กว่าวัยดวงตาของเขาดูหม่นหมอง และท่าทางดูเหมือนคนธรรมดาๆ ขณะที่เอ่ยถามเหล่ากุ่ยเสียงเบา
เหล่ากุ่ยยิ้มเล็กน้อยพร้อมตอบกลับไปว่า“เจ้าพาข้าไปที่ผลิตคันธนูหน่อย..”
หลิงสือชีเงยหน้ามองหลิงหยุนเงียบๆแต่ไม่พูดอะไร และหันหลังเดินนำหน้าทั้งคู่ไป..
หลิงหยุนเองก็ไม่พูดไม่จาเช่นกันเขาเดินตามหลิงสือชีไปอย่างเงียบๆ และเมื่อไปถึงมุมด้านหนึ่งของโรงงาน หลิงหยุนก็เห็นแม่พิมพ์สำหรับผลิตคันธนูยาว
หลิงหยุนไม่ต้องการเทคโนโลยีขั้นสูงสำหรับผลิตคันธนูและลูกศรอีกทั้งไม่ต้องการรบกวนผู้อื่น เขาเพียงต้องการขอยืมใช้เตาหลอมโลหะ และแม่พิมพ์ที่จำเป็นเท่านั้น
หลิงหยุนเพียงแค่ต้องการทำคันธนูและลูกธนูเท่านั้นส่วนสายธนูเขาได้จัดการตัดจากผ้าแพรไหมดำเตรียมไว้เรียบร้อยแล้ว
ด้านหน้าของหลิงสือชีและคนทั้งคู่มีคันธนูยาวชนิดต่างๆเรียงรายอยู่มากมาย และจัดวางอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย
“คันธนูทั้งหมดนี้ทำเสร็จแล้วมีตั้งแต่แรงน้าว 50 ถึง 500 ปอนด์ ไม่ทราบว่าเหล่ากุ่ยต้องการธนูชนิดใด”
หลิงสือชีจ้องมองธนูนิ่งราวกับกำลังคิดถึงเรื่องเมื่อสิบแปดปีที่แล้วเขากำลังนึกถึงภาพเปื้อนเลือดของพี่น้องร่วมสองร้อยคนที่ร่วมเป็นร่วมตายกับเขาในการต่อสู้ครั้งนั้น และริมฝีปากของเขาก็เม้มเข้าหากันแน่น..
ในที่สุดหลิงหยุนก็เอ่ยปากพูด“คันธนูพวกนี้เบาเกินไป ข้าต้องการทำขึ้นมาใหม่..”
“เอ่อ..”
หลิงสือชีเหลือบมองหลิงหยุนเล็กน้อยแววตาของเขาดูตกใจ แม้เขาจะไม่รู้ว่าเด็กหนุ่มผู้นี้คือใคร และไม่กล้าที่จะเอ่ยถามเหล่ากุ่ย แต่ดูจากลักษณะท่าทางของหลิงหยุนแล้ว หลิงสือชีก็พอจะเดาได้ว่าหลิงหยุนน่าจะต้องเป็นหนึ่งในทายาทตระกูลหลิงอย่างแน่นอน
ตระกูลหลิงมีทายาทรุ่นเล็กที่เก่งกาจเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กันแม้แต่คันธนูที่หนักถึงห้าร้อยกิโลกรัมกลับไม่อยู่ในสายตาของเขา!
สำหรับคันธนูที่มีน้ำหนักห้าร้อยกิโลกรัมนั้นหากต้องการจะง้างสายธนู อย่างน้อยคนผู้นั้นก็ต้องมีกำลังภายในอยู่ในขั้นเซียงเทียน-1
หลิงหสือชีรู้ว่ามีเพียงหลิงลี่หลิงเฉิน และเหล่ากุ่ยในสมัยก่อนเท่านั้นจึงจะทำได้!
“ท่านต้องการทำธนูเองอย่างนั้นรึ!”หลิงสือชีถามย้ำ
“แล้วไม่ทราบว่าท่านต้องการขนาดเท่าไหร่”
“ก็น่าจะ..”หลิงหยุนตอบพร้อมกับเดินไปที่แม่พิมพ์ผลิตคันธนูยาวที่มีขนาดหนึ่งเมตรครึ่งพร้อมกับชี้ไปที่แม่พิมพ์
หลิงหยุนคิดไม่ถึงว่าตระกูลหลิงจะมีสถานที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้และเมื่อเป็นเช่นนี้การทำคันธนูและลูกธนูก็จะยิ่งสะดวกมากขึ้น อีกทั้งจะเป็นประโยชน์ต่อการเล่นแร่แปรธาตุในวันข้างหน้าของเขาด้วย
หลิงหยุนส่งกระแสจิตถามเหล่ากุ่ย-หลิงสือชีไว้ใจได้แค่ใหน-
เหล่ากุ่ยรีบพยักหน้าพร้อมกับตอบไปว่า–นายน้อย.. เขาเชื่อใจได้อย่างแน่นอน! หลิงสือชีเชื่อฟังคำสั่งของผู้นำตระกูลคนก่อนเท่านั้น แม้แต่ลุงของท่านก็สั่งเขาไม่ได้–
-ถ้าเช่นนั้นก็ดี..-
จากนั้นหลิงหยุนจึงหันไปทางหลิงสือชีพร้อมกับยิ้มให้แล้วพูดขึ้นว่า“ข้าจำเป็นต้องจัดการทำอะไรบางอย่างก่อน…”
หลิงหยุนให้เหล่ากุ่ยกับหลิงสือชีช่วยนำแท่งเหล็กและก้อนเหล็กมาให้36 ชิ้น และเพียงไม่นานเขาก็สร้างค่ายกลงเขาวงกตขึ้นในบริเวณที่ผลิตคันธนูยาว
ในการใช้เตาหลอมและแม่พิมพ์ในการผลิตนั้นหลิงหยุนจำเป็นต้องใช้ทักษะพิเศษบางอย่างในการผลิต และต้องเรียกวัตถุดิบบางส่วนจากแหวนพื้นที่ เขาจึงไม่ต้องการให้คนภายนอกได้รู้เห็น..
“นี่..”
หลังจากที่หลิงหยุนสร้างค่ายกลเขาวงกตแยกมุมหนึ่งของโรงงานออกจากส่วนอื่นแล้วทั้งเหล่ากุ่ยกับหลิงสือชีถึงกับตกตะลึงกับสิ่งที่ได้เห็น!
“นี่เรียกว่าค่ายกลเขาวงกต..”หลิงหยุนร้องบอกทั้งคู่อย่างไม่คิดที่จะปิดบัง
หลิงสือชีจ้องมองหลิงหยุนด้วยแววตาตกใจและถึงกับพูดอะไรไม่ออก แม้กระทั่งหลิงหยุนร้องเรียกให้เขามาช่วย หลิงสือฉียังไม่ได้ยินอะไรด้วยซ้ำไป..
เหล่ากุ่ยตบบ่าของหลิงสือชีเบาๆพร้อมกับกระซิบว่า“นี่คือทายาทตระกูลหลิง เขาคือลูกชายของคุณชายสาม นายน้อยของพวกเรากลับมากแล้ว!”
ร่างของหลิงสือชีถึงกับสั่นเทา..เขาทิ้งของในมือลงที่พื้น และรีบคุกเข่าทำการคาราวะหลิงหยุนทันที!
“หลิงสือชีสมควรตาย!ข้าคิดไม่ถึงจริงๆว่านายน้อยจะสามารถรอดพ้นจากเหตุการณ์ชั่วร้ายในครั้งนั้นมาได้ และยังสามารถกลับคืนสู่ตระกูลหลิงได้ด้วย ข้าคิดไม่ถึงว่าจะได้พบนายน้อยจริงๆ!”
หลิงหยุนยอมรับการคาราวะจากหลิงสือชีเขาจ้องมองหลิงสือชีที่คุกเข่าอยู่กับพื้นครู่หนึ่ง จากนั้นจึงถอนหายใจเบาๆ พร้อมกับพูดขึ้นว่า
“เจ้าลุกขึ้นเถิด!เจ้าช่วยปกป้องตระกูลหลิงไว้ และสู้เพื่อพ่อแม่ของข้าจนได้รับบาดเจ็บสาหัสและพิการ ข้าอยากจะขอบใจเจ้าแม้ว่าจะสายเกินไป และรู้สึกเสียใจที่ทำให้ผู้บริสุทธิ์หลายคนต้องตาย”
“ปกป้องตระกูลหลิงเป็นหน้าที่ของข้าหลิงสือชีข้าไม่เคยนึกเสียใจแม้แต่น้อย นายน้อยอย่าได้กังวลใจไปเลย!”
ร่างของหลิงสือชีสั่นเทิ้มด้วยความตื่นเต้นดีใจแม้แต่เสียงที่พูดออกมาก็สั่นเทา เขาคิดไม่ถึงว่าเด็กน้อยในครรภ์ของธิดาพรรคมารในครั้งนั้น จะเติบโตกลายเป็นผู้ที่ประสบความสำเร็จยิ่งใหญ่เช่นนี้ และยังสามารถกลับมาตระกูลหลิงเพื่อทำความรู้จักกับบรรพบุรุษของตนเองอีก!
“เจ้าลุกขึ้นได้แล้ว!ข้าต้องรีบทำคันธนูยาว รีบไปหาคนที่ไว้ใจได้มาช่วยข้าเร็วเข้า!” หลิงหยุนสั่งยิ้มๆ
“หากนายน้อยไม่ว่าอะไร..ข้าหลิงสือชีขอช่วยนายน้อยเอง!” หลิงสือชียังคงนั่งคุกเข่าอยู่ที่พื้นและปฏิเสธที่จะลุกขึ้น
“ได้สิ!แต่ก่อนอื่นเจ้าต้องลุกขึ้นก่อน พวกเราจะได้เริ่มงานกันเลย!”
หลิงสือชีรีบกระโดดลุกขึ้นยืนขาเดียวทันที..
หลิงหยุนรีบโน้มลงไปช่วยประคองร่างของหลิงสือชีขึ้นจากพื้นอย่างไม่ถือตัวหลิงสือชีถึงกับยืนอึ้งและยากที่จะเชื่อในสิ่งที่พบเห็น
คุณชายหลิงห่าวเองก็เคยมาที่นี่มากกว่าหนึ่งครั้งแต่เขาไม่เคยทำเช่นนี้กับหลิงสือชีเลย เขาเป็นถึงทายาทตระกูลหลิงมีหรือที่จะลดตัวลงมาแตะต้องคนออย่างหลิงสือชี..
หลิงสือชีเข้ามาทำงานในคลังผลิตอาวุธของตระกูลหลิงหลังจากที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสเมื่อสิบแปดปีก่อนเขาจึงคุ้นเคยกับที่นี่มาก และด้วยความช่วยเหลือของเหล่ากุ่ย หลิงหยุนจึงเริ่มทำคันธนูทองคำด้วยตัวเอง
ทันทีที่เปิดเบรกเกอร์ไฟฟ้าหลิงหยุนก็เรียกทองคำแท่งออกมาสองก้อน และจัดการโยนเข้าไปในเตาหลอม เขาเริ่มจากการหลอมทองคำ..
เมื่อของเหลวสีทองเย็นลงที่อุณหภูมิปกติแล้วคันธนูทองคำก็เป็นอันว่าเสร็จเรียบร้อย หลิงหยุนหยิบคันธนูออกมาจากแม่พิมพ์ และจัดการเรียกผ้าแพรไหมดำที่เตรียมไว้ออกมาจากแหวนพื้นที่
หลิงหยุนจัดการรัดสายธนูที่ทำจากผ้าแพรไหมดำเข้าไปในคันธนูทองคำขนาดหนึ่งเมตรครึ่งทันที!