Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร - บทที่ 1002 : ช่วยไป๋เซียนเอ๋อ!
หลิงหยุนวิ่งมาด้วยความเร็วสูงถึงแม้จะหยุดวิ่งแล้ว แต่ร่างของเขาก็ยังคงเคลื่อนไปข้างหน้าด้วยแรงเฉื่อยอยู่ครู่หนึ่ง จนด้านหลังเกินเป็นเป็นทางยาวลึกขึ้นถึงสองเส้น..
โม่วู๋เตาไม่รู้ว่าหลังจากที่วิ่งมาด้วยความเร็วสูงขนาดนั้นจู่ๆ หลิงหยุนจะหยุดวิ่งเอาดื้อๆเช่นนี้ ทำให้คางของเขากระแทกเข้ากับไหล่ของหลิงหยุนอย่างแรง โม่วู๋เตารู้สึกไม่ต่างจากการกระแทกเข้ากับก้อนหินที่แข็ง และฟันที่อยู่ในปากแทบจะหักร่วงลงมา
“จู่ๆหยุดกะทันหันทำไมกัน! ท่านบ้าไปแล้วหรือยังไง?”
โม่วู๋เตาคางกระแทกเข้ากับไหล่ของหลิงหยุนอย่างแรงจนเห็นดาวเต็มไปหมดจึงได้แต่สะบัดศรีษะไปมาเพื่อให้ตนเองหายงงงวย พร้อมกับร้องตะโกนว่าหลิงหยุนเสียงดังที่หยุดกะทันหันโดยไม่บอกไม่กล่าว..
ความจริงแล้ว..จะตำหนิโม่วู๋เตาก็ไม่ถูกนัก เพราะในช่วงโค้งสุดท้ายก่อนที่จะถึงบ้านเลขที่-1 นั้น หลิงหยุนวิ่งด้วยความเร็วสูงอย่างบ้าคลั่ง จนยากที่จะอธิบายออกมาเป็นคำพูดได้!
ทันทีที่ได้ฟังคำทำนายของโม่วู๋เตาว่าที่บ้านเลขที่-1กำลังเกิดการต่อสู้กันอย่างดุเดือด และเอาเป็นเอาตายนั้น หลิงหยุนก็ไม่เสียเวลาพูดอะไรอีกแม้แต่คำเดียว เขาจัดการเรียกยันต์เทวะเหินออกมาติดไว้ที่ขาทั้งสองข้างทันที ทำให้ความเร็วในการวิ่งของเขานั้นเพิ่มขึ้นจากเดิมอีกถึงสองเท่า!
จากนั้น..หลิงหยุนก็เงยหน้าขึ้นมองไปทางเขามังกรซึ่งเป็นจุดที่อยู่ใกล้กับบ้านเลขที่-1 มากที่สุด สายตาของเขาจับจ้องอยู่ที่ยอดเขามังกรเพียงแห่งเดียวเท่านั้น ก่อนจะตั้งหน้าตั้งตาวิ่งไปเพื่อถึงจุดหมายโดยเร็วที่สุดเท่านั้น!
เพียงแค่ห้าก้าวกระโดดของหลิงหยุนเขาก็สามารถขึ้นไปถึงยอดเขามังกรได้แล้ว จากนั้นจึงวิ่งตรงไปยังผาพยัคฆ์ และจากผาพยัคฆ์ก็วิ่งไปด้วยความเร็วราวกับคนบ้า ก่อนจะกระโดดข้ามไปยังอีกฝั่งของทะเลสาบจิงฉู!
ระหว่างที่กระโดดข้ามทะเละสาบจิงฉูนั้นหลิงหยุนกระโดดขึ้นไปกลางอากาศสูงกว่าสามร้อยเมตร ก่อนจะค่อยๆ ตกลงเป็นเส้นโค้งที่งดงามอยู่เหนือทะเลสาบจิงฉู และสามารถข้ามทะเลสาบที่กว้างกว่าหนึ่งกิโลเมตรไปยืนอยู่อีกฝั่งได้ในที่สุด!
และเมื่อร่างของหลิงหยุนตกลงบนฝั่งของทะเลสาบอีกด้านนั้นก็เกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหว และเกิดแรงสั่นสะเทือนขึ้นอย่างรุนแรง แต่ถึงกระนั้นหลิงหยุนก็ไม่คิดที่จะชะลอความเร็วเลยแม้แต่น้อย เขายังคงวิ่งตรงไปยังบ้านเลขที่-1 ด้วยความเร็วสูงเท่าเดิม..
โม่วู๋เตาได้แต่ร้องโวยวายไปตลอดทางและสาบานกับตัวเองว่าครั้งนี้จะเป็นครั้งเดียว และครั้งสุดท้ายในชีวิตที่เขาจะทำอะไรบ้าๆ เช่นนี้!
แฮก..แฮก..
หลังจากที่หลิงหยุนหยุดวิ่ง..เขาก็หายใจหอบรุนแรง แต่สีหน้ากลับไม่ได้ดูเหน็ดเหนื่อยเลยแม้แต่น้อย ในขณะที่มือทั้งสองข้างก็ทำการแกะเชือกที่ผูกร่างของโม่วู๋เตาไว้กับแผ่นหลังออกทันที แล้วร่างของโม่วู๋เตาก็หล่นตุ้บลงกระแทกกับพื้น และเป็นจังหวะเดียวกับที่ซือกงวู่จี๋ และคนอื่นๆ หันมามองหลิงหยุนพร้อมๆกัน
หลังจากที่แกะร่างของโม่วู๋เตาออกไปแล้วหลิงหยุนก็รีบพุ่งตรงเข้าไปหาทุกคนทันที!
“พี่หยุน!”
“พี่ใหญ่!”
“เจ้านาย!”
เมื่อทุกคนเห็นหลิงหยุนกลับมาทั้งตี้เสี่ยวอู๋ ถังเมิ่ง เสี่ยวเม่ยหนิง หลินเมิ่งหาน และคนอื่นๆ ต่างก็ร้องเรียกหลิงหยุนออกมาด้วยความดีอกดีใจ และทุกคนต่างก็พากันวิ่งตรงเข้าไปหาหลิงหยุนทันทีเช่นกัน!
หลิงหยุนกลับมาแล้ว!แต่เขาไม่ได้มาคนเดียว เพราะมีคนแปลกหน้าที่ทุกคนไม่รู้จักมากับหลิงหยุนด้วย!
ทุกคนต่างก็คิดเหมือนกันว่า..คืนนี้ไม่ว่าใครจะเป็นฝ่ายแพ้ หรือว่าชนะก็ไม่สำคัญแล้ว เพราะสำหรับทุกคนในบ้านนั้น เพียงแค่หลิงหยุนกลับมาอย่างปลอดภัยก็พอแล้ว!
เพราะหลิงหยุนไม่เพียงเป็นสามีของหลินเมิ่งหานกับเหยาลู่แต่ยังเป็นพี่ชายของหนิงหลิงยู่ เป็นลูกพี่ของตี้เสี่ยวอู๋กับถังเมิ่ง อีกทั้งยังเป็นเจ้านายของพอลกับเจสเตอร์ด้วย…
หลิงหยุนมีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกับทุกคนภายในบ้านหลังนี้เขาไม่เพียงเป็นเสาหลักของบ้าน แต่ยังเปรียบเสมือนกับจิตใจของทุกๆคนด้วย!
และในใจของทุกคนนั้นต่างก็คิดเหมือนกันว่าหลิงหยุนจะตายไม่ได้!
และหลิงหยุนก็ไม่ทิ้งทุกคนไปอย่างที่ลั่นวาจาไว้จริงๆเขากลับในช่วงวินาทีที่อันตรายอย่างที่สุด และเป็นการกลับมาที่เร่งรีบมาก!
“หนิงน้อย..ตกใจกลัวมากมั๊ย”
หลิงหยุนยื่นมือออกไปโอบไหล่บอบบางของเสี่ยวเม่ยหนิงไว้อย่างอ่อนโยนจากนั้นก็รีบประคองหนิงน้อยเดินตรงเข้าไปหาไป๋เซียนเอ๋อ เขายิ้มกับให้ไป๋เซียนเอ๋อเป็นการขอโทษ..
“พี่หลิงหยุน..ฉันไม่กลัวพวกมันหรอก! แล้วก็ไม่กลัวตายด้วย! แต่ฉันกลัว.. ฉันกลัวว่า..”
เสี่ยวเม่ยหนิงยกกำปั้นเล็กๆขึ้นชกไปมากลางอากาศ พร้อมกับพรั่งพรูคำพูดออกมามากมาย ก่อนจะกัดริมฝีปากแน่น และได้แต่คิดอยู่ในใจว่า
‘แต่ฉันกลัวว่าพี่จะตายและจะไม่ได้พบกับพี่อีก..!’
หลิงหยุนเห็นท่าทางเช่นนั้นจึงรีบยกมือขึ้นรวบกำปั้นเล็กๆของเสี่ยวเม่ยหนิงไว้ พร้อมกับลูบไล้นิ้วมือไปมาอย่างอ่อนโยน..
ในมือของเสี่ยวเม่ยหนิงนั้นกำซองยาที่มีผงสีแดงอยู่ซองหนึ่ง!
หลิงหยุนแทบไม่จำเป็นต้องถามก็รู้ว่ามันคือยาพิษชนิดร้ายแรง เห็นได้ชัดว่าเสี่ยวเม่ยหนิงพร้อมที่จะยอมตายได้ในทันที…Aileen-novel.
หลิงหยุนมองเสี่ยวเม่ยหนิงด้วยความสงสารจับใจจากนั้นจึงหันไปมองเกาเฉินเฉิน หลินเมิ่งหาน เหยาลู่ และคนอื่นๆ แล้วก็พบว่าในมือของทุกคนต่างก็มีห่อยาไม่ต่างจากของเสี่ยวเม่ยหนิง และในแววตาของทุกคนนั้นล้วนบ่งบอกถึงความมุ่งมั่นในใจออกมาอย่างชัดเจน..
ในเมื่อเป็นผู้หญิงของหลิงหยุนแล้วพวกนางต่างก็ไม่ต้องการตกไปอยู่ในกำมือของศัตรู!
ในเวลานั้น..หลิงหยุนได้เดินไปถึงไป๋เซียนเอ๋อแล้ว แต่เขายังคงไม่นั่งลงในทันที และเหลือบมองไปทางเหมี่ยวเสี่ยวเหมาที่กำลังเปล่าขลุ่ยอยู่..
แทบไม่ต้องถาม..ซองยาพิษในมือของหญิงสาวทุกคนนั้น ล้วนแล้วแต่ได้มาจากเหมี่ยวเสี่ยวเหมาทั้งสิ้น และทุกคนยินดีที่จะฆ่าตัวตายพร้อมกัน!
เหมี่ยวเสี่ยวเหมายังคงเป่าขลุ่ยไม่หยุดและเมื่อเห็นหลิงหยุนมาถึง เธอก็เพียงส่งยิ้มให้..
หลิงหยุนพูดออกมาอย่างโมโห“เสร็จจากงานนี้เมื่อไหร่ ผมจะคิดบัญชีกับคุณ!”
เหมี่ยวเสี่ยวเหมายิ้มให้กับหลิงหยุนพร้อมกับขยิบตาให้ก่อนจะก้มหน้าก้มตาเป่าขลุ่ยต่ออย่างไม่สนใจ..
“ไม่จำเป็นต้องใช้แล้ว..เอามาให้ผม!”
หลิงหยุนยื่นมือออกไปหยิบห่อยาพิษจากมือของเสี่ยวเม่ยหนิงเกาเฉินเฉิน หลินเมิ่งหาน เหยาลู่ และคนอื่นๆ จากนั้นจึงเรียกห่อยาทั้งหมดเข้าไปเก็บไว้ในแหวนพื้นที่
“เซียนเอ๋อ..เจ้าเป็นยังไงบ้าง”
หลิงหยุนย่อตัวลงและใช้มือข้างหนึ่งจับไหล่ของไป๋เซียนเอ๋อไว้ ส่วนมืออีกข้างก็วางแนบลงไปบนเอวบอบบางของนาง พร้อมกับถ่ายเทพลังปราณลงไปในร่างกายของไป๋เซียนเอ๋อทันที
หลิงหยุนแทบไม่อยากจะเชื่อว่าตนเองจะต้องกลับมาพบเจอไป๋เซียนเอ๋อในสภาพที่ได้รับบาดเจ็บเช่นนี้ เขาแทบอยากจะคิดว่ามันเป็นเพียงแค่ความฝัน!
ภายในสวนรอบๆบ้านเลขที่-1นั้น มีซากศพมากมายเกือบร้อยนอนเกลื่อนกลาดอยู่ และนั่นทำให้หลิงหยุนพอที่จะจินตนาการออกว่า ไป๋เซียนเอ๋อต้องพบเจอกับอะไรมาบ้างก่อนที่เขาจะมาถึง!
หลิงหยุนจึงคิดว่าสภาพของไป๋เซียนเอ๋อที่เห็นอยู่ในเวลานี้เกิดจากการเหนื่อยล้า และหมดเรี่ยวแรง จนเป็นเหตุให้ถูกศัตรูทำร้ายบาดเจ็บเช่นนี้..
หลิงหยุนรู้สึกเศร้าใจและคับแค้นอย่างที่สุดจนไม่สามารถอธิบายออกมาเป็นคำพูดได้ แต่ถึงกระนั้นเขาก็ไม่แสดงความรู้สึกใดๆ ออกมาทางสีหน้าเลยแม้แต่นิดเดียว..
หลิงหยุนได้แต่คิดอยู่ในใจเงียบๆว่า..ไม่ว่าจะต้องใช้วิธีใด และไม่ว่าศัตรูของเขาจะแข็งแกร่งมากเพียงใด ใครก็ตามที่กล้าบุกรุกเข้ามาในบ้านเลขที่-1 ของเขาในคืนนี้ มันผู้นั้นจะต้องตายเพียงสถานเดียวเท่านั้น จึงไม่จำเป็นที่เขาจะต้องแสดงความโกรธเกรี้ยวใดๆ ออกมา..
แต่แล้วฉินตงเฉี่วยก็ร้องบอกหลิงหยุนด้วยน้ำเสียงที่เจ็บปวดใจ“เป็นเพราะกลองนั่น.. เซียนเอ๋อบาดเจ็บเพราะกลองสะบัดมารของนักบวชจากเขาหลงหู่!”
หลิงหยุนพยายามรักษาไป๋เซียนเอ๋อและถ่ายเทพลังปราณลงไปในร่างกายของนาง เขาฟังคำบอกเล่าของฉินตงเฉี่วยโดยไม่พูดอะไรแม้แต่คำเดียว และยังคงถ่ายเทพลังปราณให้กับไป๋เซียนเอ๋ออย่างเงียบๆ
“พี่หลิงยุน..พี่.. กลับมาแล้วหรือ.. ข้า..”
หลังจากได้รับการรักษาจากหลิงหยุนไป๋เซียนเอ๋อก็เริ่มฟื้นคืนสติ ริมฝีปากของนางยังคงมีคราบเลือดติดอยู่ และพยายามยกมือขึ้นเพื่อที่จะสัมผัสใบหน้าของหลิงหยุน..
หลิงหยุนยิ้มให้ไป๋เซียนเอ๋ออย่างอ่อนโยน“เซียนเอ๋อ.. เจ้าอย่าเพิ่งพูดอะไรในตอนนี้! ที่ผ่านมาเจ้าทำได้ดีมากแล้ว พี่หลิงหยุนพอใจมาก! เอาล่ะ.. ตอนนี้เจ้ารีบอ้าปากก่อนเร็วเข้า!”
หลิงหยุนเรียกน้ำเต้าวิเศษออกมาจากแหวนพื้นที่และรีบจ่อปากน้ำเต้าไว้ที่ริมฝีปากของไป๋เซียนเอ๋อทันที!
ตึง..ตึง.. ตึง..
แต่กลับมีเสียงกลองดังขึ้นติดต่อกันอีกถึงสามครั้งแล้วร่างของไป๋เซียนเอ๋อก็ถึงกับสั่นสะท้านอย่างรุนแรงอยู่ในอ้อมแขนของหลิงหยุน นางสะบัดศรีษะไปมาราวกับคนคลุ้มคลั่ง และรีบยกมือขึ้นปิดหูทั้งสองข้างไว้ทันที!
น้ำลายมังกรที่กำลังดื่มอยู่จึงกระเด็นออกมา และเลอะลำคอของไป๋เซียนเอ๋อเต็มไปหมด..
ร่างของหลิงหยุนสั่นสะท้านไปด้วยความโกรธและสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนเป็นเคร่งเครียดขึ้นมาทันที!
‘กลองสะบัดมารงั้นรึ!’
ของวิเศษลักษณะนี้ก็คล้ายๆกับเจดีย์สยบมารหลิงหยุนเห็นสิ่งเหล่านี้มามากมายนับไม่ถ้วนเมื่อครั้งที่อยู่ในโลกบ่มเพาะที่ยิ่งใหญ่ เขาจึงรู้ว่าเสียงกลองนี้ถูกออกแบบมาเพื่อใช้ปราบปีศาจระดับต่ำที่เพิ่งกลายร่างอย่างไป๋เซียนเอ๋อ ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับความแข็งแกร่งของผู้ใช้ทั้งสิ้น ตราบใดที่มีคนตีกลองใบนี้ เสียงกลองนั่นก็จะมีผลกระทบต่อจิตวิญญาณของเหล่าปีศาจในระดับนั้นทันที..
แต่หากยังไม่รีบจัดการอะไรสักอย่างและนักบวชผู้นั้นยังคงตีกลองเช่นนี้ไปเรื่อยๆ จิตวิญญาณของไป๋เซียนเอ๋อก็จะถูกเสียงกลองกระแทกกระทั้นอย่างรุนแรง ไป๋เซียนเอ๋อจะไม่เพียงแค่เจ็บปวดรวดร้าวเท่านั้น แต่แก่นปีศาจในตัวก็จะแตกออกเป็นเสี่ยงๆอีกด้วย และเมื่อถึงตอนนั้นวิชาต่างๆที่ฝึกฝนมาก็จะสูญสลายไป และร่างเดิมก็จะปรากฏขึ้น..
หากหลิงหยุนกลับมาไม่ทันเวลาแน่นอนว่าคืนนี้ไป๋เซียนเอ๋อจะต้องเป็นคนแรกที่ตายก่อนใครๆ!
แต่คำว่า‘หาก’ ก็เป็นเพียงแค่การสมมติเท่านั้น..
เพราะความจริงคือหลิงหยุนกลับมาแล้ว..และเขาย่อมมีวิธีที่จะจัดการกับกลองสะบัดมารนั่นอย่างแน่นอน! เวลานี้หลิงหยุนมีสองวิธีที่จะจัดการกับกลองวิเศษ แต่เขาก็ได้เลือกแล้วว่าจะใช้วิธีใด
“หลิงยู่..มาช่วยพี่ประคองเซียนเอ๋อไว้ก่อน!”
หลิงหยุนนึกถึงบางสิ่งบางอย่างที่อยู่ในแหวนพื้นที่ของตนเองมันคือหินสีเทาที่มีรูปร่างหน้าตาไม่ต่างจากหินธรรมดาๆก้อนหนึ่ง..
และสิ่งนั้นก็คือศิลากลั่นวิญญาณซึ่งคนในยุทธภพแห่งนี้ต่างก็เรียกขานกันว่า ศิลาเกลาใจ!
“เซียนเอ๋อ..เจ้าไม่ต้องหวาดกลัว! เจ้าถือศิลานี้ไว้!”
หลิงหยุนวางศิลากลั่นวิญญาณลงไปบนมือของไป๋เซียนเอ๋อจากนั้นจึงบอกไป๋เซียนเอ๋อผ่านทางจิต..
-เซียนเอ๋อ..เจ้าเริ่มทำสมาธิให้จิตใจเข้าถึงความสงบบริสุทธิ์อย่างที่ข้าเคยสอน!-
ศิลาเกลาใจนี้จะทำให้ผู้ใช้มีจิตใจสงบบริสุทธิ์จึงสามารถสกัดเสียงจากกลองสะบัดมารของนักบวชใจคอเหี้ยมโหดผู้นี้ได้!
จากนั้นหลิงหยุนจึงค่อยๆทำความสะอาดน้ำลายมังกรที่หกเลอะลำคอให้กับไป๋เซียนเอ๋อ แล้วค่อยๆ รินน้ำเต้าวิเศษลงไปในปากของนางอีกครั้ง..
“เซียนเอ๋อ..เจ้าดื่มเข้าไปอีกสักสองสามอึก จากนั้นพวกเราค่อยสังหารเฒ่าโฉดชั่วผู้นี้!”
ไป๋เซียนเอ๋อกอดศิลากลั่นวิญญาณไว้แนบใจและเริ่มรู้สึกว่าจิตวิญญาณของตนเองค่อยๆสงบลง และมีพลังขึ้นมาก จิตวิญญาณของไป๋เซียนเอ๋อกลับมาสงบเป็นปกติ และความเจ็บปวดรวดร้าวต่างๆ ก็อันตธานหายไปทันที..
คิ้วยาวสวยงามคู่นั้นเลิกสูงขึ้นบ่งบอกถึงความอัศจรรย์ใจที่ชัดเจนอยู่บนใบหน้า!
ไป๋เซียนเอ๋อหายใจเข้าไปลึกและเมื่อมั่นใจแล้วว่าพลังปราณในร่างกายของไป๋เซียนเอ๋อกลับมาแข็งแกร่งดังเดิมแล้ว หลิงหยุนจึงทำการเรียกน้ำเต้าวิเศษกลับเข้าไป
ตึง..ตึง.. ตึง.. ตึง.. ตึง.. ตึง.. ตึง..
เสียงกลองดังขึ้นติดต่อกันอีกเจ็ดครั้งแต่ครั้งนี้กลับไม่มีผลใดๆกับไป๋เซียนเอ๋อเลยแม้แต่น้อย หลังจากสิ้นเสียงตีกลองนางก็ลุกขึ้นยืนทันที!
ในมือของไป๋เซียนเอ๋อมีหินธรรมดาๆก้อนหนึ่งอยู่..
นักบวชเลี่ยยื่อถึงกับตกตะลึงและนิ่งอึ้งไปในทันที! เขาแทบไม่อยากจะเชื่อว่าเสียงของกลองสะบัดมารในครั้งนี้ จะไม่สามารถทำอะไรไป๋เซียนเอ๋อได้อีก..
ในที่สุดหลิงหยุนก็ลุกขึ้นยืนต่อหน้าทุกคนพร้อมกับจ้องมองนักบวชเลี่ยยื่อด้วยสายตาเย็นชา และประกาศกร้าวว่า..
“เจ้าช่างบังอาจยิ่งนัก!ตีกลองนั่นครั้งแล้วครั้งเล่า.. ข้าจะตัดมือของเจ้าทิ้งซะ! ดูสิว่าหากไม่มีมือแล้ว เจ้ายังจะตีกลองนั่นได้อีกหรือไม่”