Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร - บทที่ 1003 : ชดเชยความโกรธ!
หลังจากที่ไป๋เซียนเอ๋อกลายร่างสำเร็จและสามารถผ่านการลงทัณฑ์จากสวรรค์มาได้ หลิงหยุนได้ตั้งใจไว้ว่าจะไม่ให้ไป๋เซียนเอ๋อดื่มน้ำลายมังกร เพราะต้องการให้นางขยันฝึกฝนวิชาในคัมภีร์ปีศาจเก้าดวงดาวแทน..
อีกทั้งน้ำลายมังกรก็คือสิ่งที่ได้มาจากร่างกายของมังกรแม้ว่าพลังชีวิตจากน้ำลายมังกรจะมีพลังมากมาย แต่ไป๋เซียนเอ๋อก็เป็นสุนัขจิ้งจอกเก้าหาง หลิงหยุนเกรงว่าหากให้นางดื่มมากจนเกินไป อาจส่งผลร้ายต่อนางได้ และนั่นจะยิ่งทำให้การฝึกฝนของไป๋เซียนเอ๋อล่าช้าไปโดยใช่เหตุ!
เมื่อครั้งที่สามารถเข้าสู่ขั้นปรับร่างกาย-7ได้ในขณะที่อยู่บนเกาะเตียวหยูนั้น และด้วยอานุภาพของพลังอมตะสีทองที่พวยพุ่งออกมาชั่วคราว ทำให้จิตหยั่งรู้ของหลิงหยุนในครั้งนั้นมีอานุภาพเข้าขั้นสูงสุด เขาจึงรีบใช้โอกาสนั้นสำรวจดูสิ่งที่เกิดขึ้นภายในร่างกายของตนเอง..
หลิงหยุนสามารถมองเห็นภายในร่างกายของตนเองได้ราวกับส่องกล้องครั้งนั้นหลิงหยุนพบว่าจุดตันเถียนของตนเองมีลักษณะคล้ายไท่จี๋ (รูปแปดเหลี่ยมที่มีสัญลักษณ์หยิน-หยางรูปร่างคล้ายปลาอยู่ด้านใน) และตรงกลางระหว่างหยินและหยางนั้น ก็มีเส้นโค้งรูปมังกรสีทองคั่นไว้ อีกทั้งกระดูกสันหลังของเขานั้นก็ได้กลายเป็นสีทองด้วย..
สิ่งที่เห็นทำให้หลิงหยุนค่อนข้างงุนงงและตกใจเป็นอย่างมากเพราะแม้กระทั่งเมื่อครั้งอยู่ในโลกบ่มเพาะที่ยิ่งใหญ่ หลิงหยุนก็ไม่เคยได้ยินว่าจะมีผู้ใดที่มีจุดตันเถียนอันน่าอัศจรรย์เยี่ยงนี้มาก่อน ตัวเขาเองก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ และไม่รู้ว่าสีทอง และเส้นโค้งรูปมังกรเหล่านั้น หมายถึงอะไร? และคืออะไรกันแน่? อีกทั้งไม่รู้มันว่าเกิดขึ้นมาได้อย่างไร?
แต่หลิงหยุนก็คาดเดาเอาเองว่าเส้นโค้งรูปมังกรในจุดตันเถียนของเขานั้น น่าจะเกี่ยวข้องกับการที่เขาดื่มน้ำลายมังกรเข้าไปมากจนเกินไป
และด้วยเหตุนี้..หลิงหยุนจึงระมัดระวังอย่างมากกับการที่จะใช้น้ำลายมังกรกับการฝึกฝนของไป๋เซียนเอ๋อ มังกรเป็นสิ่งมีชีวิตที่ทรงพลานุภาพอย่างมาก หลิงหยุนจึงเกรงว่าอาจจะเกิดปัญหากับสุนัขจิ้งจอกเก้าหางอย่างไป๋เซียนเอ๋อได้
แต่คืนนี้เป็นการต่อสู้ระหว่างความเป็นความตาย!หากหลิงหยุนตัดสินใจที่จะประมือกับศัตรู เขาจำต้องมีคนที่สามารถไว้ใจได้ มาคอยช่วยปกป้องคุ้มครองคนในบ้านทุกๆคนแทนตนเอง และภารกิจที่สำคัญยิ่งเช่นนี้ ก็มีเพียงไป๋เซียนเอ๋อคนเดียวเท่านั้นที่จะสามารถทำได้..
มีเพียงต้องมอบหน้าที่นี้ให้กับไป๋เซียนนเอ๋อเท่านั้นหลิงหยุนจึงจะสามารถต่อสู้กับศัตรูได้โดยไม่ต้องห่วงหน้าพะวงหลัง..
ไม่มีหนทางอื่นนอกจากนี้แล้ว..และในวันข้างหน้าหากเกิดปัญหาจากการดื่มน้ำลายมังกรกับไป๋เซียนเอ๋อ ไม่ว่าจะเป็นร่างกาย หรือว่าการฝึกฝนของนางก็ตาม หลิงหยุนจะเป็นผู้ขับน้ำลายมังกรในร่างของไป๋เซียนเอ๋อออกด้วยตัวเอง..
เวลานี้หลังจากที่ไป๋เซียนเอ๋อได้ดื่มน้ำลายมังกรเข้าไปไม่เพียงสภาพร่างกายของนางจะสามารถฟื้นฟูสู่สภาพสมบูรณ์สูงสุดแล้ว แต่พละกำลังของนางก็ฟื้นฟูขึ้นอย่างรวดเร็ว และอยู่ในสภาพพร้อมรับมือกับศัตรูอีกครั้งด้วย!
แต่ถึงกระนั้น..หลิงหยุนก็ยังคงกังวลใจอยู่บ้างเล็กน้อย เขามองคู่ต่อสู้นิ่งก่อนจะหันไปสั่งพอลกับเจสเตอร์ผ่านทางจิต
-พอล..เจสเตอร์.. พวกเจ้าทั้งสองกางปีกไว้ และคอยปกป้องคุ้มครองทุกคนให้ดี!–
แต่ความจริงแล้ว..หลิงหยุนแทบไม่ต้องสั่งการอะไรกับแวมไพร์สองตนนี้เลย เพราะทั้งพอลกับเจสเตอร์ล้วนทำหน้าที่ของพวกมันอย่างดีที่สุด!
“ขอรับเจ้านาย!”
พอลกับเจสเตอร์ต่างก็ขานรับคำสั่งหลิงหยุนออกมาพร้อมกันทั้งคู่กระโดดออกไปยืนอยู่ด้านหน้าของทุกคน พร้อมกับสยายปีกใหญ่เกือบแปดเมตรของพวกมันออกล้อมร่างทุกคนไว้เป็นวงกลม และเวลานี้แวมไพร์ทั้งสองตนก็ใช้ร่าง และปีกของพวกมันเป็นเกราะกำบังขนาดใหญ่ให้กับหนิงหลิงยู่ และคนอื่นๆ
ท่ามกลางความมืดร่างดำสูงใหญ่ของพอลกับเจสเตอร์ยืนตระหง่านราวกับกำแพงเหล็ก และดวงตาสีม่วงของทั้งคู่นั้น ก็ทำให้พวกมันดูน่ากลัวไม่ต่างจากเทพเจ้าแห่งปีศาจ..
“น้าหญิง..ท่านไม่ต้องประมือกับพวกมัน! ท่านเข้าไปยืนอยู่ด้านในรวมกับทุกๆคน ทางนี้ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของข้าเอง หากข้าเพลี่ยงพล้ำเสียท่าให้กับศัตรู ท่านรีบพาทุกคนหนีออกไปจากที่นี่ ส่วนข้ากับเซียนเอ๋อจะทำหน้าที่ขัดขวางพวกมันไว้เอง!”
หลิงหยุนไม่ประมาทคู่ต่อสู้และไม่กล้าที่จะประเมินศัตรูต่ำจนเกินไป เขาจึงต้องเตรียมพร้อมไว้ทั้งสองทางไม่ว่าจะชนะ หรือแพ้..
ฉินตงเฉี่วยรู้ดีว่าหากนางดื้อดึงที่จะลงไปต่อสู้ด้วย ก็รังแต่จะกลายเป็นภาระให้กับหลิงหยุนโดยใช่เหตุ อีกทั้งยังจะทำให้หลิงหยุนต้องกังวลใจอีกด้วย นางจึงพยักหน้า และบอกให้หลิงหยุนระมัดระวังตัว
“ท่านคอยปกป้องคุ้มครองหลิงยู่ด้วย!”
แม้จะอยู่ในสถานการณ์ที่อันตรายเช่นนนี้ในสายตาของหลิงหยุน หนิงหลิงยู่ก็ยังสำคัญกว่าผู้อื่นเสมอ!
ฉินตงเฉี่วยฟังแล้วก็ได้แต่ยิ้มและตอบกลับไปว่า “ข้ายังต้องให้เจ้ากำชับเรื่องนี้อีกรึ”
“เซียนเอ๋อ..เจ้าอยู่รวมกับน้าหญิงตรงนี้ ข้าจะเป็นฝ่ายประมือกับพวกมัน ส่วนเจ้าคอยคุ้มครองดูแลทุกคน!”
ไป๋เซียนเอ๋อทำปากคว่ำพร้อมกับพูดออกมาอย่างไม่พอใจนัก“พี่หลิงหยุน.. ข้าอยากสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับท่าน!”
หากจะพูดไปแล้ว..ไป๋เซียนเอ๋อนั้นก็เทียบเท่ากับเด็กสาวอายุเพียงสิบหกปีเท่านั้น หลิงหยุนเข้าใจดีว่าเวลานี้ไป๋เซียนเอ๋อกำลังคิดอะไร และรู้สึกเช่นใด เขาจึงตอบกลับยิ้มๆ
“เซียนเอ๋อ..ข้าเก่งกว่าพวกมันมากนัก! แต่ระหวางที่ข้าสู้กับพวกมัน อาจมีบางคนแอบเข้ามาจู่โจมคนของเรา หรือไม่ก็ฉวยโอกาสหนีในระหว่างที่ข้าเผลอ..”
“เพราะฉะนั้น..ไม่ว่าใครก็ตามที่จู่โจมเข้ามา เจ้ามีหน้าที่สังหารพวกมันทันที และหากใครคิดที่จะหนี เจ้าก็จัดการสังหารได้ทันทีเช่นกัน!”
เรียกได้ว่าห้ามจู่โจม..แล้วก็ห้ามหนีด้วย!
ไป๋เซียนเอ๋อพยักหน้าเข้าใจในแผนการของหลิงหยุนและไม่โต้เถียงอะไรอีก!
…………….
ทางด้านของโม่วู๋เตาที่ตอนนี้กำลังเวียนศรีษะอย่างมากนั้นก็คิดไม่ถึงว่าจู่ๆ หลิงหยุนจะแกะเชือกที่พันตัวเองไว้ออกอย่างกะทันหันเช่นนั้น และกว่าจะรู้ตัว.. ร่างของโม่วู๋เตาก็ร่วงลงกระแทกกับพื้นแล้ว!
ตุ้บ..
โม่วู๋เตาตกลงในลักษณะก้นกบกระแทกกับพื้นดินอย่างแรงเขาทั้งเจ็บตัว แล้วก็ตกใจอย่างที่สุด!
“หลิงหยุน..ข้าเกลียดเจ้า สักวันข้า – โม่วู๋เตาจะ..”
โม่วู๋เตากำสมบัติของตนเองไว้ในมือแน่นส่วนมืออีกข้างก็ถือกระบี่ไม้ไว้ และดูเหมือนเขาจะเป็นห่วงสมบัติเหล่านั้นมาก..
ทันทีที่เงยหน้าขึ้นมา..โม่วู๋เตาก็ถึงกับนั่งนิ่งอ้าปากค้าง ดวงตาเบิกโพลง ก่อนจะร้องอุทานออกมาอย่างตกใจ!
“ห๊ะ!”
“นี่..นี่มัน.. เหตุใดจึงมีซากศพเกลื่อนกลาดมากมายถึงเพียงนี้!”
หลิงหยุนพาโม่วู๋เตาวิ่งมาด้วยความเร็วตลอดทางจนกระทั่งร่วงหล่นก้นกระแทกกับพื้น แต่โม่วู๋เตามัวแต่เวียนศรีษะ จึงยังไม่ทันได้สนใจสิ่งรอบตัว..
แต่เวลานี้เขาเห็นทุกอย่างภายในบ้านอย่างชัดเจนแล้ว..
มีคนตายมากมายซากศพกระจัดกระจัดกระจายเกลื่อนกลาดอยู่เต็มสวนไปหมด บางศพก็แขนขาด บางศพก็ขาขาด บางศพก็แหลกเหลวไม่มีชิ้นดี เรียกได้ว่าแต่ละศพนั้นล้วนตายอย่างน่าเวทนา และสยดสยอง ทำให้ภายในบ้านหลังนี้ดูไม่ต่างจากขุมนรก!.ไอรีนโนเวล.
ในฐานะที่เป็นศิษย์ของสำนักเหมาซานโม่วู๋เตาย่อมเคยพบเห็นศพมามากมายหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นศพเด็ก ศพผู้ใหญ่ หรือว่าศพคนชรา เขาเคยแม้แต่จัดการกับสิ่งโสโครกตามร่างกายของศพเหล่านั้นมาแล้วเช่นกัน แต่เขาก็ไม่เคยพบเห็นซากศพมากมายเหมือนเช่นครั้งนี้มาก่อน!
โม่วู๋เตาตกใจจนแทบช็อค!
เขายังคงนั่งนิ่งและหันศรีษะกลับไปกลับมาอยู่หลายครั้ง เพื่อสำรวจดูสิ่งที่เห็นรอบแล้วรอบเล่า..
“แล้วนั่นตัวอะไรกัน!”
โม่วู๋เตาหันไปเห็นร่างสีเขียวใหญ่โตของพอลกับเจสเตอร์ที่เวลานี้มีทั้งปีกใหญ่ และเขี้ยวงอกยาว..
โม่วู๋เตาแทบอยากจะเป็นบ้าเขายอมที่จะเจอภูตผีดีกว่าต้องพบเจอสิ่งที่น่าสยอง และน่าขนหัวลุกเช่นนี้ โม่วู๋เตาไม่เคยพบเห็นอะไรแบบนี้มาก่อน เขาจึงแทบรับไม่ได้..
แต่โม่วู๋เตาก็ทำได้เพียงแค่นั่งกอดกระสอบและกำกระบี่ในมือแน่น!
แต่เมื่อโม่วู๋เตาหันไปเห็นฉินตงเฉี่วยหนิงหลิงยู่ และหญิงสาวคนอื่นๆ รวมทั้งไป๋เซียนเอ๋อที่ยืนอยู่ด้านใน ความกลัวที่มีต่อแวมไพร์ทั้งสองตนก็มลายหายไปทันที!
“หญิงงาม!มีหญิงงามอยู่เยอะแยะมากมาย! ช่างงดงามอะไรเช่นนี้! ไม่น่าเชื่อ.. หญิงงามเหล่านี้ล้วนแล้วแต่อยู่ในบ้านของหลิงหยุนหรือนี่!”
โม่วู๋เตาเห็นทุกสิ่งทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นศพเกลื่อนกลาด แวมไพร์สองตน และหญิงงาม แต่กลับไม่เห็นศัตรูที่ยืนอยู่!
จากนั้นโม่วู๋เตาก็รีบลุกขึ้น แล้ววิ่งออกไปจากตรงนั้นอย่างรวดเร็ว จนเกือบสะดุดล้มเมื่อเหยียบเข้ากับล่องที่หลิงหยุนไถลเป็นทางก่อนหน้านี้ พร้อมกับร้องตะโกนเสียงดัง
“นี่พวกเจ้า..ให้ข้าเข้าไปอยู่ในนั้นด้วยสิ!”
เมื่อโม่วู๋เตานึกถึงคำทำนายของตนเองขึ้นมาได้จึงหมดความหวาดกลัวต่อแวมไพร์ทั้งสองตน และรีบวิ่งไปที่ปีกใหญ่ของพวกมัน พร้อมกับยกมือขึ้นแหวกว่ายปีกของพอลกับเจสเตอร์ และพยายามที่จะเข้าไปอยู่ด้านในกับเหล่าหญิงงามด้วย..
หลิงหยุนได้แต่ขมวดคิ้วพร้อมกับคิดในใจว่าเขาเอานักพรตขี้ขลาดนี้กลับมาด้วยทำไมกัน
จากนั้นจึงเอื้อมมืออกไปข้างหนึ่งพร้อมกับใช้วิชาดูดลมปราณดูดเอาร่างของโม่วู๋เตาขึ้นมา แล้วจึงใช้ฝ่ามือกำไว้ที่ลำคอของโม่วู๋เตาจนร่างห้อยโตงเตง..
“นี่..นี่.. หลิงหยุน ท่านจะทำอะไรข้า!” โม่วู๋เตาดิ้นขลุกขลักไปมาอยู่ในมือของหลิงหยุนพร้อมกับร้องตะโกนถาม..
“เจ้าเข้าไปไม่ได้เจ้าต้องอยู่ที่นี่แล้วก็คอยดู..”
หลิงหยุนพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาพร้อมกับจับร่างของโม่วู๋เตาโยนไปไว้ด้านข้าง และไม่สนใจเขาอีกเลย..
โม่วู๋เตาถูกจับโยนออกไปเช่นนั้นก็รีบลุกขึ้นมานั่งพร้อมกับถามด้วยน้ำเสียงที่ไม่พอใจ
“ท่านจะให้ข้าดูอะไร”
หลิงหยนุตอบกลับไปอย่างหมดความอดทน“ดูทุกอย่างที่กำลังจะเกิดขึ้น และห้ามเจ้าพูดไร้สาระอะไรอีก ไม่เช่นนั้นข้าจะสังหารเจ้าเป็นคนแรก!”
โม่วู๋เตาได้รีบหุบปากทันที!
เวลานี้..หลิงหยุนยืนอยู่ไม่ห่างจากหญ้าหยิน หญ้าหยาง และหญ้าน้ำลายมังกรนัก และพบว่าสมุนไพรทั้งสามต้นยังปลอดภัยดี เพราะไป๋เซียนเอ๋อได้ใช้ค่ายกลลวงตาซ่อนสมุนไพรทั้งสามต้นไว้!
ที่ผ่านมา..ภายในบ้านหลังนี้เกิดการต่อสู้ที่ดุเดือด ต้นไม้ต่างก็หัก และล้มระเนระนาดไปหลายต้น ก้อนหิน และดินต่างก็ปลิวว่อนไปทั่วทั้งบริเวณ ทำให้ค่ายกลหลุมพลังของหลิงหยุนถูกทำลายไปด้วยเช่นกัน!
นับว่าโชคดีที่ไป๋เซียนเอ๋อใช้ค่ายกลลวงตาซ่อนสมุนไพรล้ำค่าทั้งสามต้นนี้ไว้ไม่เช่นนั้นมันคงไม่รอดพ้นจากหายนะในครั้งนี้ไปได้!
หลิงหยุนปล่อยให้ร่างกายของตนเองดูดซับเอาพลังหยางและพลังหยินที่บริสุทธิ์เข้าไปอย่างเต็มที่ ก่อนจะก้าวเท้าไปข้างหน้าพร้อมกับยกมือขึ้นชี้หน้าเฉินเจี้ยนกุ่ย และพูดขึ้นว่า
“เจ้าคนแซ่เฉิน..คิดไม่ถึงว่าเจ้าจะสามารถปลดปล่อยตนเองออกมาได้ ช่างเป็นเรื่องที่น่าแปลกใจสำหรับข้านัก!”
ดวงตาสีแดงก่ำของเฉินเจี้ยนกุ่ยนั้นเต็มไปด้วยความชิงชังเคียดแค้น และมีไอสังหารรุนแรงพวยพุ่งออกมา ก่อนจะร้องตะโกนเย้ยหยันหลิงหยุน
“หลิงหยุน..ยังมีอีกหลายสิ่งหลายอย่างนักที่คนอย่างเจ้าไม่รู้!”
หลิงหยุนมองเฉินเจี้ยนกุ่ยพร้อมกับยิ้มมุมปาก..เขารู้ว่าการที่เฉินเจี้ยนกุ่ยสามารถปลดปล่อยตนเองออกมาได้ แต่กลับไม่รีบหนีไปนั้น เพราะมันต้องการอยู่ดูเหตุการณ์หลังจากนี้..
หลิงหยุนได้แต่คิดในใจว่า‘ในเมื่อเจ้าลำบากยากเย็นกว่าจะออกมาได้ ข้าก็จะให้เวลาเจ้าได้อยู่ข้างนอกต่ออีกสักหน่อย แต่ก็คงอีกไม่นานนัก..’
หลิงหยุนกวาดสายตาไปรอบๆบริเวณก่อนจะมาหยุดอยู่ที่ชายหนุ่มชุดขาว “ซือกงวู่จี๋.. เจ้าพายอดฝีมือมามากมายถึงเพียงนี้ เจ้าต้องการอะไรกันแน่”
ตั้งแต่ที่หลิงหยุนปรากฏตัวซือกงวู่จี๋ก็ได้แต่ยืนเอามือไขว้หลังพร้อมกับจ้องมองหลิงหยุนด้วยความสนอกสนใจ
“ข้าต้องการอะไรน่ะรึ”
“ก็..กระบี่วิเศษของเจ้า แหวนในมือข้างซ้ายของเจ้า หม้อเสินหนง ผู้หญิงของเจ้า ทรัพย์สมบัติของเจ้า แล้วก็ชีวิตของเจ้า!”
“เจ้าพอใจกับคำตอบของข้าหรือไม่”
หลิงหยุนขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนจะตอบกลับไปยิ้มๆ“พอใจมากทีเดียว! แต่ดูเหมือนเจ้าจะโลภมากจนเกินไป แล้วยังค้ากำไรเกินควรอีกด้วย เจ้าลงทุนเพียงแค่น้อยนิด แต่กลับต้องการผลกำไรมากมาย!”
“แต่ข้า– หลิงหยุนไม่โลภมากเช่นเจ้าหรอกนะ! ข้าไม่ต้องการอะไรมาก ข้าต้องการเพียงแค่ชีวิตเจ้าชีวิตเดียวก็เพียงพอแล้ว!”
ซือกงวู่จี๋เงยหน้าขึ้นฟ้าพร้อมกับหัวเราะเสียงดัง“ย่อมได้.. ข้ายินดีมอบชีวิตของข้าให้กับเจ้า ขึ้นอยู่กับเจ้าว่ามีความสามรถพอที่จะเอามันไปหรือไม่”
“ข้าจะพยายามอย่างสุดความสามารถ..”
หลิงหยุนพยักหน้าพร้อมกับตอบซือกงวู่จี๋ไปจากนั้นก็ไม่สนใจซือกงวู่จี๋อีก และหันไปทางนักบวชเลี่ยยื่อแทน จากนั้นจึงพูดกับนักบวชผู้นั้นว่า
“เจ้าเฒ่าหัวหงอกแห่งเขาหลงหู่เจ้าฟังข้าให้ดี.. ชางซง ซีเสีย จุ้ยจู่ และชิงเฟิง พี่น้องของเจ้าทั้งสี่คน ถูกข้าสังหารตายบนยอดเขาหลงเหมินหมดแล้ว และพวกมันก็ตายอย่างน่าเวทนาเสียด้วยสิ!”
“เจ้ามารร้ายชั่วช้า!”
นักบวชเลี่ยยื่อแห่งเขาหลงหู่คิดเพียงแค่ว่าคงจะเกิดเหตุไม่คาดคิดกับทั้งสี่คนเท่านั้น แต่เมื่อได้ยินหลิงหยุนบอกว่าเขาเป็นผู้สังหารทั้งสี่คนตายอย่างน่าอนาถเช่นนั้น ความโกรธก็พุ่งพล่านขึ้นมาทันที..
“เฒ่าหัวหงอก..เจ้าอย่าเพิ่งโมโหไป! เพราะความโกรธมันไม่ดีต่อร่างกายของเจ้า..”
หลิงหยุนจ้องมองนักบวชเลี่ยยื่อด้วยแววตาเย็นชาอีกครู่หนึ่งก่อนจะพูดต่อด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“แต่เวลานี้..เจ้าได้ทำให้ไฟโทสะลุกโชนเผาผลาญใจข้าอย่างรุนแรง! เพราะฉะนั้น.. เจ้าจะต้องเป็นผู้ชดเชยความโกรธครั้งนี้ของข้า!”