Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร - บทที่ 1051: สั่นสะเทือนไปทั่ว!
ภายในตระกูลหลิง– เมืองปักกิ่ง..
“หลานชายของข้ากำลังจะเปิดบริษัทใหญ่โตในจิงฉูข้าควรไปทำหน้าที่เป็นประธานเปิดพิธีให้จึงจะถูกต้องไม่ใช่รึ เหตุใดพวกเจ้าจึงต้องคัดค้านเช่นนี้ด้วย?”
ร่างสูงใหญ่ของหลิงลี่หันหลังกลับมาอย่างรวดเร็วสีหน้าท่าทางของเขาบ่งบอกว่ากำลังโกรธเกรี้ยวอย่างที่สุด!
ภายในสวนของคฤหาสน์ตระกูลหลิงเวลานี้..มีผู้คนคุกเข่าอยู่ที่พื้นมากมาย ตั้งแต่ผู้นำตรกูลหลิงคนปัจจุบัน – หลิงเจิ้น คุณชายสองหลิงเย่ว และทายาทตระกูลหลิงอีกหลายคน ไม่ว่าจะเป็นหลิงซิ่ว หลิงหย่ง หลิงเฟิง หลิงเลี่วย และแม้กระทั่งเหล่ากุ่ย..
ตั้งแต่หลิงหยุนเดินทางออกจากปักกิ่งนั้นแม้ว่าหลิงลี่จะเก็บตัวอยู่แต่ในบ้าน แต่เขาก็มักจะคอยติดตามข่าวสาร และเรื่องราวที่เกิดขึ้นในเมืองจิงฉูอย่างละเอียด แน่นอนว่าข่าวที่เขาติดตามนั้นล้วนแล้วแต่ต้องเกี่ยวข้องกับหลิงหยุน!
และกว่าครึ่งเดือนมานี้..สื่อต่างๆในเมืองจิงฉูต่างก็รายงานเรื่องของบริษัทเทียนตี้คอร์ปอเรชั่นอย่างต่อเนื่อง และหลิงลี่เองก็ติดตามข่าวอยู่แทบทุกวัน..
เมื่อทราบว่าบริษัทเทียนตี้กำหนดพิธีเปิดอย่างเป็นทางการในวันที่8 เดือน 8 นั้น หลิงลี่ก็แทบนั่งไม่ติด และได้ตัดสินใจที่จะเดินทางมาร่วมพิธิเปิดบริษัทของหลานชายสุดที่รักด้วยตัวเอง..
แต่ทุกคนจะปล่อยให้หลิงลี่ทำเช่นนั้นได้อย่างไร..ในเมื่อเวลานี้ตระกูลหลิงได้กลายเป็นเป้าสายตาของหลายตระกูลทั่วปักกิ่ง ทุกฝ่ายต่างก็จับตามองการเคลื่อนไหวของตระกูลหลิงอยู่ทุกย่างก้าว หากหลิงลี่ไปร่วมพิธีเปิดบริษัทเทียนตี้คอร์ปอเรชั่นด้วยตัวเองเช่นนี้ แน่นอนว่าความลับระหว่างหลิงหยุนกับตระกูลหลิงคงต้องถูกเปิดเผยต่อชาวยุทธภพ และชาวโลกอย่างแน่นอน!
หลังจากนั้น..ทุกคนที่เฝ้าจับตามองก็จะกระจ่างแจ้งในใจว่า ตระกูลหลิงจะกลับมารุ่งเรืองและผงาดอีกครั้ง และเรื่องการพบกันระหว่างหลิงลี่กับหลิงหยุนก็ต้องถูกเปิดเผยเช่นกัน!
และด้วยสาเหตุนี้..ทันทีที่หลิงเจิ้นกับหลิงเย่วทราบข่าวการตัดสินใจของหลิงลี่ ทั้งคู่ต่างก็พากันแสดงตัวคัดค้านทันที!
“ท่านพ่อ..นั่นเป็นเพียงแค่พิธีเปิดบริษัทเท่านั้น มันไม่ได้มีความสำคัญมากพอที่จะทำให้ตระกูลหลิงต้องลงทุนเปิดเผยความลับ ในเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างหลิงหยุนกับตระกูลหลิงได้เลย!”
หลิงลี่เงยหน้าขึ้นพร้อมตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความไม่พอใจ“เปิดเผยความสัมพันธ์ระหว่างหลิงหยุนกับตระกูลหลิงแล้วยังไง ด้วยสถานะของตระกูลหลิงเวลานี้ ก็เกือบจะใกล้เคียงกับตระกูลหลิงเมื่อสิบแปดปีก่อนแล้วไม่ใช่รึ?”
ด้วยความช่วยเหลือของหลิงหยุนในครั้งนั้นทำให้หลิงลี่สามารถเข้าสู่ระดับกลางขั้นเซียงเทียน-8 และในเวลานี้ก็สามารถเข้าสู่ระดับสูงสุดขั้นเซียนเทียน-8 ได้แล้ว!
นับว่าหลิงลี่ก้าวหน้าได้รวดเร็วอย่างมากส่วนหนึ่งมาจากเมื่อครั้งที่หลิงหยุนได้ถ่ายเทลมปราณของตนเองให้กับหลิงลี่นั้น ได้มีพลังอมตะจากสมุดจักรพรรดิซึ่งอยู่ในจุดตันเถียนของเขานั้นปะปนเข้าไปด้วย อีกทั้งยังมีปราณเสวียน-หวง และหลิงลี่เองก็ฝึกวิชาตามคัมภีร์เสวียนหวงซึ่งเป็นมรกดกตระกูลหลิงด้วยเช่นกัน!
หลิงลี่นั้นโมโหจนลมปราณภายในร่างกายพวยพุ่งออกมาดูช่างน่าเกรงขามยิ่งนัก!
แต่จะตำหนิชายชราว่าดื้อดึงหัวรั้นก็ไม่ถูกนัก..เพราะหลิงลี่เชื่อว่าหากตัวเขากับหลานชายหัวแก้วหัวแหวนนี้ร่วมมือกัน ความแข็งแกร่งของพวกเขาทั้งคู่นั้น ก็ยากที่ผู้ใดในปักกิ่งจะเทียบเคียงได้!
ยิ่งไปกว่านั้น..เวลานี้ตระกูลหลิงยังมีแวมไพร์ที่แข็งแกร่งซึ่งเป็นบริวารของหลิงหยุนอยู่อีกหลายตน ตระกูลหลิงจึงนับว่าผงาดขึ้นมาได้อีกครั้งแล้ว เหตุใดยังต้องอยู่อย่างหลบๆซ่อนๆเช่นนี้อีกเล่า
และคำพูดของหลิงลี่นั้น..ก็มีเหตุผลจนแม้แต่หลิงเจิ้นกับหลิงเย่วไม่อาจโต้แย้งได้!
ที่ผ่านมา..ตระกูลหลิงถูกกดไว้มานานหลายปี และต้องอยู่อย่างหวานอมขมกลืน อยู่อย่างผู้แพ้มาตลอดสิบแปดปี เมื่อสามารถขึ้นมาผงาดได้อีกครั้งเช่นนี้ ใครเล่าจะสามารถทนนิ่งเฉยสงบจิตสงบใจอยู่ได้อีก..
“นายผู้เฒ่า..ข้าเข้าใจความรู้สึกของเท่านเวลานี้ได้ดี! ตระกูลหลิงของเราไม่จำเป็นต้องหวาดเกรงผู้ใดอีกแล้วก็จริง แต่ท่านต้องนึกถึงคุณชายสามด้วย!”
เหล่ากุ่ยซึ่งเวลานี้นั่งคุกเข่าข้างหนึ่งอยู่บนพื้นและพยายามพูดจาหว่านล้อมหลิงลี่อีกครั้ง..
หลิงลี่ถึงกับนิ่งอึ้งไป“ใช่.. เจ้าสาม!”
ที่ผ่านมา..แม้ว่าตระกูลหลิงจะพยายามสืบหาร่องรอยของหลิงเสี่ยวมานานนับเดือน แต่ก็ไม่เคยได้ข่าวคราว หรือร่องรอยของหลิงเสี่ยวเลยแม้แต่น้อย..
และนั่นทำให้หลิงลี่อดคิดไม่ได้ว่าลูกชายคนที่สามของเขานั้นได้ตกไปอยู่ในมือของศัตรู และอาจถูกศัตรูสังหารตายไปแล้วก็ได้!
“เฮ้อ..”
เมื่อนึกถึงหลิงเสี่ยวขึ้นมาหลิงลี่ก็ได้แต่ถอนหายใจทุกครั้งไป และได้แต่พึมพำออกมาเสียงเบา
“ข้าได้หลานชายกลับมาแต่กลับต้องเสียลูกชายไป! เช่นนี้แล้วชายชราอย่างข้าจะหาความสุขได้อย่างไรกัน”
เหล่ากุ่ยพยายามสงบจิตสงบใจและพูดโน้มน้าวต่อ “นายผู้เฒ่า.. คุณชายสามแค่หายตัวไปเท่านั้น ท่านอย่าได้กังวลใจไปนัก! ข้าน้อยเชื่อว่าหลังจากผ่านพ้นพิธีเปิดบริษัทเทียนตี้ไปแล้ว นายน้อยหลิงหยุนจะต้องรีบกลับปักกิ่งทันที..”
“และทันทีที่นายน้อยกลับมา..เขาจะต้องหาทางช่วยคุณชายสามกลับมาให้ได้แน่ แม้ว่าพวกเราจะหาคุณชายสามไม่พบ แต่ข้าเชื่อว่านายน้อยจะต้องมีวิธีหาตัวคุณชายสามพบได้อย่างแน่นอน..”
“แต่หากท่านไปจิงฉูและเปิดเผยฐานะของนายน้อยให้ชาวยุทธภพล่วงรู้ ถึงตอนนั้นก็ยากจะคาดเดาความปลอดภัยของคุณชายสามได้!”
หลังจากได้ฟังเหตุผลของเหล่ากุ่ยหลิงลี่ถึงกับนิ่งไป และเริ่มมีท่าทีลังเล..
หลิงเย่วเห็นว่าหลิงลี่เริ่มลังเลเขาจึงรีบพูดเสริมขึ้นทันที “ท่านพ่อ.. ที่เหล่ากุ่ยพูดก็มีเหตุมีผล หากให้ผู้คนล่วงรู้ความสัมพันธ์ระหว่างหลิงหยุนกับตระกูลหลิง น้องสามคงต้องได้รับอันตรายเป็นแน่ อีกทั้งยังจะนำปัญหามากมายมาให้หลิงหยุนด้วย..”
“ลูกว่า..พวกเราไม่ควรให้เรื่องอันตรายเช่นนี้เกิดขึ้น!”
“เฮ้อ..”
หลิงลี่ครุ่นคิดอยู่นานก่อนจะถอนหายใจออกมาเสียงดังในที่สุดเขาก็ตัดสินใจที่จะไม่เดินทางไปจิงฉูด้วยตัวเอง.
“เอาล่ะ..ครั้งนี้ข้าจะรับฟังพวกเจ้าสักครั้ง!”
เมื่อเห็นว่าในที่สุดหลิงลี่ก็ยอมเข้าใจเหตุผลเช่นนี้ผู้นำตระกูลหลิงคนปัจจุบันถึงกับถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก แต่แล้วกลับได้ยินหลิงลี่พูดขึ้นว่า..
“แต่ถึงแม้ข้าจะไม่ไปด้วยตัวเอง..ก็ต้องมีใครสักคนจากตระกูลหลิงไปเป็นตัวแทนของข้า!”
“ท่านปู่..ข้าไปเอง!”
ทันทีที่หลิงลี่เอ่ยปากว่าจะต้องมีตัวแทนจากตระกูลหลิงไปนั้นเหล่าทายาททั้งหลายต่างก็ร้องตะโกนออกมาพร้อมกัน เพื่อจะเสนอตัวเองเป็นตัวแทน เพราะทุกคนล้วนแล้วแต่ต้องการไปพบหลิงหยุนที่ได้จากไปนาน..
“พวกเจ้าหุบปาก!”
เสียงตะโกนของหลิงลี่ทำให้ทายาทตระกูลหลิงทั้งหมดถึงกับเงียบกริบทันที..
“พวกผู้ชายอยู่บ้านฝึกฝนวิชาต่อไป!ให้เหล่ากุ่ยพาหลิงซิ่วไปจิงฉู เพราะหลิงซิ่วดูเป็นเด็กสาวธรรมดาๆ คงไม่เป็นที่จับตามองของผู้คนนัก อีกอย่างมีเหล่ากุ่ยคอยดูแลเช่นนี้ ข้าเองก็ไม่ต้องเป็นห่วง..”
“ท่านปู่..ท่านไม่ต้องห่วง ข้ารับปากจะไม่สร้างปัญหาอย่างแน่นอน!” ไอลีนโนเวล
ในเมื่อหลิงซิ่วถูกเลือกให้ไปเป็นตัวแทนเดินทางไปจิงฉูนางก็ดีอกดีใจอย่างมาก และแอบเหลือบมองพี่น้องที่ต่างก็พากันอิจฉา
“เอาล่ะ..ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ทุกคนก็แยกย้ายกันไปได้!”
หลิงลี่โบกมือให้ทุกคนลุกขึ้นยืนหลังจากที่นั่งคุกเข่ากันอยู่นานจากนั้นก็บ่นพึมพับตัวเอง
“เฮ้อ..น่าอิจฉาเฒ่าฉินฉางชิงจริงๆ! หลิงหยุนเป็นหลานชายของเข้าแท้ๆ แต่ข้ากลับไม่สามารถไปร่วมแสดงความยินดีกับเขาด้วยตัวเองได้..”
………..
เวลานี้ภายในคฤหาสน์ตระกูลหลิงนั้นยังมีคนของตระกูลเกาซ่อนตัวอยู่ชั่วคราว และเกาเทียนหลงก็กำลังพูดกับทุกคนในตระกูลด้วยเรื่องเดียวกันนี้..
“ท่านปู่..ท่านพ่อ.. ข้ามีเรื่องที่ต้องรายงานให้พวกท่านทราบ!”
“เรื่องแรก..เฉินเฉินโทรมาบอกว่าหลิงหยุนค้นพบวิธีรักษาพวกท่านแล้ว และทันทีที่เขากลับมาปักกิ่ง ก็จะรีบทำการรักษาให้กับทุกคน!”
เมื่อคนในตระกูลเกาได้ยินคำบอกเล่าของเกาเทียนหลงต่างก็ยิ้มแย้มออกมาอย่างมีความสุข และพากันตื่นเต้นดีใจกันยกใหญ่..
หลังจากที่ทุกคนสงบสติอารณ์ได้แล้วเกาเทียนหลงก็เริ่มรายงานเรื่องต่อไป..
“เรื่องที่สอง..บริษัทเทียนตี้คอร์ปอเรชั่นของหลิงหยุนใกล้จะมีพิธีเปิดเร็วๆนี้แล้ว เฉินเฉินบอกว่าเรื่องนี้ขอให้ท่านปู่เป็นผู้ตัดสินใจ..”
หลังจากได้ฟังคำบอกเล่าของเกาเทียนหลงเกาจิ้นสงก็ได้แต่นิ่งเงียบไปครู่ใหญ่ จากนั้นจึงเงยหน้าขึ้นมองเกาเทียนหลงพร้อมกับพูดออกไปอย่างช้าๆ
“อาหลง..เจ้าต้องทำหน้าที่นี้แทนตระกูลเกา!”
เกาเทียนหลงถึงกับร้องอุทานออกมาอย่างตกใจ“ท่านปู่.. นี่ท่านคิดว่าตระกูลเกาควรไปร่วมงานครั้งนี้ด้วยงั้นรึ”
เกาจิ้นสงตอบยิ้มๆ“อาหลงเจ้าผิดแล้ว! ไม่ใช่ควรไป.. แต่ต้องไป!”
“หลิงหยุนกลับจากปักกิ่งไปไม่เท่าไหร่แต่กลับสามารถสร้างความสั่นสะเทือนได้ถึงเพียงนี้!”
“ตระกูลเกาของเราเป็นหนี้บุญคุณหลิงหยุนมากตอนนี้เขาเปิดบริษัททั้งที จะปล่อยให้มีเพียงแค่เฉินเฉินก็คงจะไม่เหมาะสมนัก!”
“อาหลง..จำไว้ว่าการไปจิงฉูของเจ้าในฐานะคนของตระกูลเกาครั้งนี้ ไม่ใช่การไปอย่างหลบๆซ่อนๆ แต่ต้องแสดงให้ผู้คนเห็นถึงความสนิทสนมระหว่างหลิงหยุนกับตระกูลเกา ยิ่งใกล้ชิดหลิงหยุนได้มากเท่าไหร่ ก็จะยิ่งเป็นการดีมากเท่านั้น!”
“เพราะนั่นจะเป็นการประกาศตัวต่อหน้าผู้คนทั้งหลายว่าจากนี้ไปตระกูลเกาของเราจะยืนเคียงข้าง และสนับสนุนหลิงหยุนตลอดไป!”
เกาเทียนหลงคิดไม่ถึงว่าเกาจิ้นสงจะตัดสินใจได้รวดเร็วถึงเพียงนี้เขาพยักหน้าเล็กน้อย แต่ก็ตอบกลับไปอย่างกังวลใจ
“ท่านปู่..แต่ข้าเป็นห่วงพวกท่าน”
เกาจิ้นสงถึงกับหัวเราะเสียงดังเขากวาดสายตามองไปยังสมาชิกของตระกูลเกาที่ได้กลายเป็นแวมไพร์ จากนั้นจึงพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เย้ยหยันตนเอง
“ตระกูลเกาของเราเป็นแบบนี้แล้ว..เจ้ายังต้องกังวลอะไรอีก”
“อาหลง..เจ้าไปจิงฉูเถอะ! ไม่ต้องเป็นห่วงพวกเราทางนี้..”
“ท่านปู่..แล้วของขวัญที่จะนำไปมอบให้กับหลิงหยุนล่ะ’
เกาจิ้นสงตอบยิ้มๆ“ยังต้องมีของขวัญอันใดอีกเล่า การปรากฏตัวของเจ้าก็คือของขวัญชิ้นใหญ่ที่ตระกูลเกามอบให้กับหลิงหยุนแล้ว!”
เพราะการไปร่วมงานของเกาเทียนหลงนั้นก็เท่ากับตระกูลเกาประกาศสนับสนุนหลิงหยุนอย่างออกหน้าออกตาแล้ว จึงไม่จำเป็นต้องแบกของขวัญใดๆไปให้หนักอีก..
“อ่อ..แต่หลิงหยุนเปิดบริษัททั้งที อย่างไรก็ต้องมีของขวัญไปให้ตามธรรมเนียม เจ้านำบัตรธนาคารใบนั้นของปู่ไป และจัดการมอบเป็นเงินสดให้กับเขา..”
……
นอกเหนือจากตระกูลหลิงกับตระกูลเกาแล้วตระกูลที่มีหน้ามีตาอื่นๆในปักกิ่ง ต่างก็พากันเรียกสมาชิกในตระกูลต่างๆ เข้าประชุมหารือในเรื่องนี้โดยด่วนเช่นกัน..
แต่หลังจากถกเถียงกันจนหน้าดำหน้าแดงต่างก็ไม่สามารถหาบทสรุปในเรื่องนี้ได้ นั่นเพราะพวกเขาต่างก็ไม่รู้ว่าตระกูลหลงกับตระกูลเย่นั้น คิดเห็นกับเรื่องนี้เช่นใด
ทั้งสองตระกูลนี้นับว่าเป็นตระกูลที่ยิ่งใหญ่และมีอำนาจต่อการตัดสินใจของตระกูลอื่นๆในปักกิ่งอย่างมาก..
และในเมื่อตระกูลใหญ่ทั้งสองตระกูลอย่างตระกูลเย่และตระกูลหลงยังไม่ขยับ ใครบ้างเล่าที่จะกล้าขยับตัวทำอะไรก่อนได้
….
“นี่เจ้ากำลังจะเปิดกิจการอีกแล้วงั้นรึ!ดูท่าธุรกิจของเจ้าคงจะก้าวหน้ารวดเร็วกว่าที่ข้าคาดคิดมาก..”
ในเวลายามเย็น..บนเทือกเขาเซียนเหยินหลิง ห่างจากน้ำตกมาเล็กน้อย มีร่างงดงามซึ่งอยู่ในชุดสีดำนั่งอยู่บนม้าหิน และกำลังบ่นพึมพำอยู่คนเดียว
“ครั้งนี้ข้าจะไม่ไปก่อกวนเจ้า..”
“แต่ข้าเพียงแค่จะนำของขวัญไปมอบให้กับเจ้าเท่านั้น!”
เย่ซิงเฉินนั่งอยู่บนม้านั่งหินและกำลังทำท่าคล้ายกำลังเจรจาอยู่กับหลิงหยุน ดวงตางดงามมีเสน่ห์คู่นั้นเปล่งประกายระยิบระยับราวกับดวงดาวบนท้องฟ้า..