Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร - บทที่ 1082 : การปรากฏตัวของเย่ซิงเฉิน!
- Home
- Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร
- บทที่ 1082 : การปรากฏตัวของเย่ซิงเฉิน!
“แย่แล้ว!”
ซือกงถูเห็นพลังปราณของซือกงวู่เปิ่นในร่างของหมียักษ์ถูกหลิงหยุนทำลายเช่นนั้นมีหรือที่จะไม่รู้ว่าลูกชายของตนเองได้พ่ายแพ้ให้แก่หลิงหยุนแล้ว!
ซือกงถูที่ได้แต่ยืนมองหลิงหยุนกระหน่ำกระบี่เข้าใส่ร่างของหมียักษ์เป็นครั้งที่สองโดยที่ไม่ไม่สามารถช่วยเหลืออะไรได้นั้น มีหรือที่จะยอมนิ่งดูดายให้หลิงหยุนฟันกระบี่ในมือใส่ร่างของซือกงวู่เปิ่นได้อีก..
ร่างของซือกงถูพุ่งเข้าไปยืนอยู่ด้านหน้าของซือกงวู่เปิ่นทันทีพร้อมกับซัดฝ่ามือข้างหนึ่งขึ้นป้องกันไอกระบี่สีดำของหลิงหยุน ในขณะที่ืมืออีกข้างนั้นก็คว้าร่างที่หมดสติของซือกงวู่เปิ่นกระโดดหนีออกไปด้านข้างพร้อมกันทันที!
หลิงหยุนนั้นรู้ดีอยู่แล้วว่าถึงอย่างไรซือกงถูก็ต้องออกมาช่วยลูกชายของตนอย่างแน่นอน! ดังนั้นดาบสุดท้ายที่หลิงหยุนฟันเข้ากับร่างของซือกงวู่เปิ่นนั้นก็ไม่ได้ตั้งใจที่จะทำร้ายซืองกงวู่เปิ่นโดยตรง แต่เขาเพียงแค่ป้องกันตัวเองเท่านั้น..
หมียักษ์ตัวนี้สร้างขึ้นจากพลังปราณของซือกงวู่เปิ่นการที่หลิงหยุนสู้กับหมียักษ์นั้น ความจริงก็คือสู้กับซือกงวู่เปิ่นนั่นเอง..
พลังปราณที่แข็งแกร่งของซือกงวู่เปิ่นนั้นลำพังเพียงแค่ความคมของกระบี่โลหิตแดนใต้อย่างเดียวนั้น ก็คงจะไม่สามารถเอาชนะได้ แต่หลิงหยุนได้ถ่ายเทพลังหยิน–หยางในร่างกายลงไปที่ตัวกระบี่ด้วย และเพียงแค่สองครั้งที่ฟาดฟันกระบี่ใส่ร่างของเจ้าหมียักษ์นั้น หลิงหยุนก็ได้ใช้พลังปราณในร่างกายไปถึงแปดสิบส่วนแล้ว!
เวลานั้นอีกฝ่ายมีทั้งซือกงถูกับซือกงวู่ฉิงซึ่งต่างก็เป็นยอดฝีมือที่ล้ำเลิศด้วยกันทั้งคู่ หากหลิงหยุนดึงดันจะสังหารซือกงวู่เปิ่นให้ได้ จนถูกทั้งคู่จู่โจมเข้าพร้อมกัน เขาก็อาจจะได้รับบาดเจ็บสาหัสได้..
และแน่นอนว่าหลิงหยุนต้องมีเป้าหมายที่มากกว่านั้น..
ยอดฝีมือที่สามารถใช้พลังเหนือธรรมชาติได้เช่นนี้หากสามารถแยกพลังปราณออกจากร่างได้ ก็ย่อมสามารถดึงพลังปราณกลับเข้าร่างได้เช่นกัน ไม่เช่นนั้นแล้วจะไม่เท่ากับเป็นการสูญเสียพลังปราณไปจนไม่สามารถฟื้นกลับคืนได้อย่างนั้นหรือ เช่นนั้นแล้วการใช้พลังเหนือธรรมชาติ จะเป็นผลดีกับยอดฝีมือระดับนี้ได้อย่างไรกัน?
การใช้พลังเหนือธรรมชาติในการต่อสู้นั้นไม่ว่าจะเป็นฝ่ายแพ้หรือว่าชนะ หลังจากสิ้นสุดการต่อสู้แล้ว หากไม่ตาย หรือไม่ถูกฝ่ายตรงข้ามควบคุมไว้ได้ ยอดฝีมือขั้นเซียงเทียน-9 ก็จะสามารถดึงพลังปราณที่แยกออกไปนั้นกลับมาได้ในทันที แต่ไม่ว่าจะสามารถดึงพลังปราณกลับไปได้รวดเร็วมากเพียงใด ระหว่างนั้นก็จะต้องมีการสูญเสียพลังปราณไปด้วยอย่างแน่นอน!
และหากไม่จำเป็น..ยอดฝีมือในขั้นนี้ก็จะไม่ใช้พลังเหนือธรรมชาติในการต่อสู้ นั่นเพราะหากไม่สามารถฟื้นคืนพลังปราณได้ทันทีหลังจากที่ได้ใช้พลังวิเศษในการต่อสู้ไป ก็อาจตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบจนพ่ายแพ้ หรือไม่ก็ต้องตายเพราะพลังปราณในร่างถูกใช้ไปจนหมด..
เช่นเดียวกับเมื่อครั้งที่หลิงหยุนประมือกับกัวเสี่ยวเทียนแห่งสำนักดาบสวรรค์ขั้นกำลังภายในของเขายังไม่แข็งแกร่งถึงขั้น แต่กลับฝืนที่จะใช้พลังเหนือธรรมชาติ และเมื่อไม่สามารถนำพลังปราณกลับคืนสู่ร่างได้ จึงต้องพ่ายแพ้แก่หลิงหยุน และไม่ต่างจากตะเกียงที่ไร้น้ำมัน และค่อยๆหรี่จนดับลงในที่สุด..
ดังนั้น..จุดประสงค์แท้จริงที่หลิงหยุนฟันกระบี่ลงไปยังร่างของซือกงวู่เปิ่นนั้น ก็เพื่อป้องกันไม่ให้ซือกงวู่เปิ่นสามารถดึงเอาพลังปราณกลับเข้าร่างได้ และเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย หลิงหยุนจึงได้ถ่ายเทพลังหยินที่เยือกเย็นลงไปบนตัวกระบี่ที่ฟันลงไป เพื่อให้พลังปราณของมันถูกแช่แข็งไว้ชั่วคราวนั่นเอง..
พลังปราณก็คือก๊าซชนิดหนึ่งในเมื่อสามารถทำให้มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า ก็ย่อมสามารถทำให้แข็งตัวได้เช่นกัน! หลังจากที่หลิงหยุนฟันกระบี่ลงไปบนร่างของซือกงวู่เปิ่นแล้วเขาก็ใช้เงาลวงตาพุ่งตรงเข้าไปใกล้ร่างของหมียักษ์ที่สูงกว่าสามเมตรซึ่งกำลังแตกสลายนั้น และให้จุดตันเถียนของตนเองหมุนกลับ เกิดเป็นกระแสวนหยิน–หยาง แล้วใช้วิชาดูดพลังดูดเอาพลังปราณที่บริสุทธิ์ของซือกงวู่เปิ่นมาเติมเต็มให้กับตัวเอง
พลังปราณของยอดฝีมือในขั้นนี้ย่อมมีความบริสุทธิ์อย่างมากตราบใดที่สามารถดูดซับเข้าไปได้ ก็ย่อมย่อยสลายได้ในทันที อีกทั้งการดูดพลังปราณที่ถูกแยกออกจากร่างกายเช่นนี้ ก็สามารถดูดเข้าไปได้รวดเร็วยิ่งกว่าการดูดผ่านผิวหนังเสียอีก!
อาจมีบางคนสงสัยว่า..หากสามารถดูดลมปราณที่ผู้อื่นแยกออกจากร่างได้เช่นนี้ จะสามารถดูดพลังปราณที่คู่ต่อสู้ปลดปล่อยออกมาในระหว่างต่อสู้ได้หรือไม่
และแน่นอนว่า..ย่อมทำได้! แต่ก็มีข้อควรระวังเบื้องต้นอยู่สองข้อคือ..
หนี่ง..ต้องมั่นใจว่าจะไม่ถูกคู่ต่อสู้สังหารด้วยพลังเหนือธรรมชาตินี้เสียก่อน
และสอง..ต้องมั่นใจว่าตนเองนั้นมีพลังจิตที่แข็งแกร่ง และจะสามารถควบคุมพลังปราณของคู่ต่อสู้ได้
หลิงหยุนอ้าแขนทั้งสองข้างออกคล้ายกำลังจะโอบกอดร่างหมียักษ์และในที่สุดพลังปราณขั้นเซียงเทียนก็ค่อยๆ ถูกดูดเข้าไปในร่างกายของหลิงหยุน และถูกเปลี่ยนให้เป็นพลังหยิน–หยางไหลเวียนไปทั่วร่างกายของเขา จนรู้สึกสบายอย่างไม่น่าเชื่อ!
“ท่านพ่อ..มันกำลังใช้วิชาดูดพลัง!”
ซือกงวู่ฉิงเห็นเช่นนั้นก็รีบหันไปร้องบอกซือกงถูทันที!
ซือกงถูที่เพิ่งจะให้โอสถสองสามเม็ดกับซือกงวู่เปิ่นเมื่อได้ยินคำพูดของซือกงวู่ฉิง ก็รีบหันกลับไปมองทันที..
“นี่เจ้าสามารถดูดพลังปราณได้รวดเร็วถึงเพียงนี้เชียวรึ”
ซือกงถูมองพลังปราณในร่างหมียักษ์ที่ค่อยๆถูกหลิงหยุนดูดเข้าไปด้วยความสงสาร และเวลานี้พลังปราณของซือกงวู่เปิ่นก็กำลังลดลงอย่างรวดเร็ว ซือกงถูจึงรีบส่งสัญญาณให้ซือกงวู่ฉิงเคลื่อนไหว..
ช่างน่าขันสิ้นดี!ซือกงถูสั่งให้ซือกงวู่เปิ่นไปทดสอบหลิงหยุนนั้น ความจริงแล้วก็เพื่อต้องการให้หลิงหยุนใช้พลังปราณในร่างกายออกไปให้มากที่สุด แต่กลับเป็นซือกงวู่เปิ่นเองที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส ในขณะที่หลิงหยุนกลับได้พลังปราณเข้าไปเติมเต็ม นี่ไม่เท่ากับว่าความพยายามทั้งหมดที่ผ่านมาของซือกงถูสูญเปล่าอย่างนั้นหรือ
ฟิ้ว..
ซือกงวู่ฉิงไม่ลังเล..มันรีบซัดเข็มจำนวนหนึ่งเข้าใส่ร่างของหลิงหยุนทันที!
อาวุธลับของยอดฝีมือในขั้นที่สามารถใช้พลังเหนือธรรมชาติได้นั้นแม้หลิงหยุนจะสวมชุดผ้าแพรไหมดำ และยังมีดาราคุ้มกายปกป้องร่างไว้ เขาก็ไม่กล้าที่จะประมาท จึงรีบใช้เงาพรางร่างเปลี่ยนตำแหน่งเพื่อหลบเข็มที่ซัดเข้าใส่ทันทีแต่ฝ่ามือของหลิงหยุนก็ยังคงดูดเอากลุ่มพลังปราณเข้าไปในระหว่างที่เคลื่อนที่หลบด้วย!
ไม่ว่าหลิงหยุนจะเคลื่อนที่ไปทางใดหรือแม้แต่กระโดดหมุนตัวหลบเข็มซัดของซือกงวู่ฉิง พลังปราณทั้งสองสายก็ยังคงถูกดูดผ่านฝ่ามือเข้าไปในร่างของหลิงหยุนอยู่ดี และเวลานี้.. หลิงหยุนจึงไม่ต่างจากปลาวาฬที่กำลังดูดน้ำเข้าไปอย่างต่อเนื่อง..
“ว้าว..สบายมากจริงๆ!”
หลังจากที่หลิงหยุนดูดเอาพลังปราณบริสุทธิ์เข้าไปจำนวนมากเขาก็สัมผัสได้ทันทีว่าทั้งแขนขาและทั่วร่างกาย เริ่มมีพลังวังชาขึ้นมาทันที และพลังหยิน–หยางในร่างกายของตนเองนั้นก็เพิ่มขึ้นมาจากเดิมถึงห้าสิบส่วน..
“ถึงคราวของเจ้าแล้ว!”
ทันทีที่พลังปราณในร่างกายของหลิงหยุนฟื้นคืนมาได้ถึงเจ็ดสิบส่วนหลิงหยุนก็ไม่มีอะไรต้องกังวลใจอีก เขาหันไปยิ้มให้กับซือกงวู่ฉิงพร้อมกับร้องตะโกนท้าทาย.. จากที่หลิงหยุนประเมินด้วยสายตานั้นเขาคิดว่าซือกงวู่ฉิงน่าจะอยู่ในขั้นที่เหนือกว่าซือกงวู่เปิ่นเล็กน้อย แต่ท่าทางจะฉลาดล้ำลึกกว่าเจ้าหมีป่านั่นมาก!
แต่นาทีนั้นเอง..ร่างสีดำสิบเอ็ดร่างก็ได้กระโดดข้ามกำแพงเข้ามาในคฤหาสน์หลังใหญ่ ทั้งหมดนั้นก็คือราชันย์นักฆ่าสามคน และนักฆ่าระดับสวรรค์อีกแปดคนที่หนีไปได้ก่อนหน้านั้น พวกมันได้ย้อนกลับมาอีกครั้ง..
“คาราวะท่านหัวหน้าใหญ่..พวกเราไร้ความสามารถ ขอท่านได้โปรดลงโทษพวกเราด้วย!”
ทันทีที่นักฆ่าทั้งสิบเอ็ดคนถูกมาถึงมันก็ย่อตัวลงด้วยการคุกเข่าข้างหนึ่งลงกับพื้น ทำการคาราวะซือกงถูกับซือกงวู่ฉิงทันที!
“พวกเจ้าลุกขึ้น!”
ซือกงถูโบกมือให้นักฆ่าทั้งสิบเอ็ดคนลุกขึ้นพร้อมกับตอบไปว่า“หากรู้ว่าไม่สามารถสู้ได้ การหลบหนีนับว่าเป็นแผนการที่ชาญฉลาด ครั้งนี้ข้าไม่ตำหนิพวกเจ้า!” ซือกงถูนั้นชัดเจนในการให้รางวัลและทำโทษเพราะหลังจากที่ได้เห็นหลิงหยุนจัดการกับซือกงวู่เปิ่นแล้ว เขาจึงสามารถเข้าใจได้ว่าหากนักฆ่าเหล่านี้ยังฝืนอยู่ที่นี่ต่อไป ก็รังแต่จะถูกหลิงหยุนสังหารตายเสียเปล่า!
“พวกเจ้าสามคนคุ้มครองรองหัวหน้าไว้ให้ดี..เขาได้รับบาดเจ็บสาหัส!”
“ส่วนพวกเจ้าแปดคน..มากับข้า!”
ซือกงถูส่งซือกงวู่เปิ่นให้กับราชันย์นักฆ่าทั้งสามเป็นผู้ดูแลแล้วจึงเดินกลับไปหาหลิงหยุนทันที พร้อมกับร้องตะโกนออกไป..
“หลิงหยุน..เจ้าเด็กเมื่อวานซืน! ในเมื่อหนีได้พวกเจ้ากลับไม่หนี หากคิดจะหนีไปตอนนี้ก็คงไม่ทันแล้ว! ข้าจะสังหารพ่อของเจ้า และจะทำลายตระกูลหลิงของเจ้าด้วย!”
หลิงหยุนถึงกับนิ่งอึ้งไปเล็กน้อยเพราะคิดไม่ถึงว่าเหล่านักฆ่าที่หนีไปได้จะย้อนกลับมาอีก เพราะไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะจัดการกับคู่ต่อสู้ที่มีผู้ช่วยเก่งกาจอยู่ถึงแปดคน และแต่ละคนก็ล้วนแล้วแต่อยู่ในขั้นเซียงเทียน-6 ทั้งสิ้น! การสังหารนักฆ่าทั้งแปดนั้นแม้จะไม่ใช่เรื่องยากสำหรับหลิงหยุนแต่เวลานี้มีทั้งซือกงถู และซือกงวู่ฉี จึงนับว่าไม่ใช่เรื่องที่ง่ายนัก..
“ลูกพ่อ..เจ้าเห็นแล้วไม่ใช่รึ เด็กนั่นมีทั้งกระบี่โลหิตแดนใต้ และมีวิชาดูดลมปราณ หากไม่สังหารมันในคืนนี้ ต่อไปมันจะต้องกลายเป็นศัตรูที่น่ากลัวของพวกเรา!”
“เราสองพ่อลูกต้องร่วมมือกันจัดการกับมันอย่าให้มันหนีรอดออกไปได้!”
เวลานี้ซือกงวู่เปิ่นมีราชันย์นักฆ่าถึงสามคนคอยคุ้มกันอยู่แล้วซือกงถูกับซือกงวู่ฉิงจึงไม่มีความกังวลใจใดๆ และสามารถจัดการกับหลิงหยุนได้อย่างอิสระ.. ไอรีนโนเวล
ทั้งคู่ต่างก็เชื่อมั่นว่า..พวกเขาทั้งสองคนต่างก็เป็นยอดฝีมือที่สามารถใช้พลังเหนือธรรมชาติได้ทั้งคู่ จะต้องสามารถสังหารหลิงหยุนได้อย่างแน่นอน!
“ซือกงถู..เจ้าคิดจะสังหารหลิงหยุนซึ่งเป็นคนในครอบครัวของข้า เจ้าคิดว่าข้าจะยินยอมให้เจ้าทำได้ง่ายๆงั้นรึ” ยังไม่ทันที่สองพ่อลูกพรรคมารจะได้ลงมือกับหลิงหยุน..พวกมันสองคนก็ได้ยินเสียงร้องตะโกนดังออกมาจากป่าทึบแต่ไกล ไม่เพียงสองพ่อลูกที่ได้ยิน แต่ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นต่างก็ได้ยินกันหมด..
สิ้นเสียงร้องตะโกนนั้น..ร่างบอบบางเย้ายวนที่พันไว้ด้วยผ้าแพรสีดำ ก็ร่อนลงมายืนข้างกายหลิงหยุนทันที!
หลิงหยุนเห็นเพียงแค่นั้น..ก็ถึงกับส่ายหัวพร้อมกับยิ้มออกมา หญิงสาวรูปร่างบอบบางเย้ายวน พันร่างไว้ด้วยผ้าแพรสีดำ และเดินเหินด้วยเท้าเปล่าเช่นนี้.. หากไม่ใช่ธิดาพรรคมาร – เย่ซิงเฉินแล้ว จะเป็นใครไปได้อีกเล่า
“สาวงาม!เจ้าอยากจะร่วมสนุกด้วยข้าก็ไม่ขัด แต่ข้าไปเป็นคนในครอบครัวของเจ้าตั้งแต่เมื่อไหร่กัน”
หลิงหยุนคิดไม่ถึงจริงๆว่าเย่ซิงเฉินจะมาปรากฏตัวที่นี่ได้อีกทั้งยังมาถึงก่อนหลิงลี่และฉินตงเฉี่วยเสียอีก แต่มีนางมาช่วยเช่นนี้ หลิงหยุนก็รู้สึกผ่อนคลาย และโล่งใจขึ้นมาก จึงได้กระเซ้าเย้าแหย่นางไปอย่างอารมณ์ดี
“เวลาเช่นนี้..ข้าไม่มีเวลามาต่อล้อต่อเถียงกับเจ้า!”
จากนั้นเย่ซิงเฉินก็เหลือบมองขึ้นไปบนท้องฟ้าพร้อมกับจ้องมองร่างของหลิงเสี่ยวที่กำลังยืนอยู่บนแผ่นหลังของมาร์ควิสเอ็ดเวิร์ด จากนั้นจึงคุกเข่าลงหนึ่งข้างทำการคาราวะหลิงเสี่ยวพร้อมกับพูดขึ้นว่า..
“ธิดาพรรคมารเย่ซิงเฉิน..คาราวะท่านลุงหลิง!”
หลิงเสี่ยวที่ยืนอยู่กลางอากาศบนแผ่นหลังของมาร์ควิสเอ็ดเวิร์ดนั้นเมื่อได้ยินคำประกาศตนของเย่ซิงเฉิน เขาก็ถึงกับกำหมัดแน่น และเริ่มสั่นสะท้านไปทั้งร่าง จนต้องกัดฟันแน่นเพื่อสงบจิตสงบใจ ไม่ให้ตื่นเต้นดีใจจนมากเกินไป..
หลิงเสี่ยวซึ่งอยู่เหนือพื้นดินไปหลายสิบเมตรนั้นได้เห็นการแต่งตัวของเย่ซิงเฉินมาแต่ไกล ก็สามารถจดจำได้ก่อนแล้ว..
เพราะเมื่อครั้งที่หลิงเสี่ยวได้พบกับหยิงชิงกระเซ้าเย้าแหย่นางไปอย่างอารมณ์ดี
“เวลาเช่นนี้..ข้าไม่มีเวลามาต่อล้อต่อเถียงกับเจ้า!”
จากนั้นเย่ซิงเฉินก็เหลือบมองขึ้นไปบนท้องฟ้าพร้อมกับจ้องมองร่างของหลิงเสี่ยวที่กำลังยืนอยู่บนแผ่นหลังของมาร์ควิสเอ็ดเวิร์ด จากนั้นจึงคุกเข่าลงหนึ่งข้างทำการคาราวะหลิงเสี่ยวพร้อมกับพูดขึ้นว่า..
“ธิดาพรรคมารเย่ซิงเฉิน..คาราวะท่านลุงหลิง!”
หลิงเสี่ยวที่ยืนอยู่กลางอากาศบนแผ่นหลังของมาร์ควิสเอ็ดเวิร์ดนั้นเมื่อได้ยินคำประกาศตนของเย่ซิงเฉิน เขาก็ถึงกับกำหมัดแน่น และเริ่มสั่นสะท้านไปทั้งร่าง จนต้องกัดฟันแน่นเพื่อสงบจิตสงบใจ ไม่ให้ตื่นเต้นดีใจจนมากเกินไป..
หลิงเสี่ยวซึ่งอยู่เหนือพื้นดินไปหลายสิบเมตรนั้นได้เห็นการแต่งตัวของเย่ซิงเฉินมาแต่ไกล ก็สามารถจดจำได้ก่อนแล้ว..
เพราะเมื่อครั้งที่หลิงเสี่ยวได้พบกับหยิงชิงเฉวียนครั้งแรกนั้นนางก็แต่งกายเช่นเดียวกับเย่ซิงเฉินไม่มีผิด!
และจู่ๆดวงตาของหลิงเสี่ยวก็รื้นไปด้วยน้ำตา!
หลิงเสี่ยวยืนเอามือไขว้หลังไว้..ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า และปล่อยให้สายลมพัดพาน้ำตาที่ไหลออกมาจนแห้งไป จากนั้นจึงสูดลมหายใจเข้าลึกก่อนจะพูดออกไปว่า
“มิสเตอร์เอ็ดเวิร์ด..ช่วยพาข้าลงไปด้านล่างด้วย!”
ธิดาพรรคมารคนใหม่นี้..หลิงเสี่ยวแทบไม่ต้องเสียเวลาครุ่นคิด เขารู้ดีว่าศิษย์ของหยิงชิงเฉวียนได้มาถึงที่นี่แล้ว!