Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร - บทที่ 1089 : คุกเข่าคาราวะจินเหยียว!
- Home
- Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร
- บทที่ 1089 : คุกเข่าคาราวะจินเหยียว!
“เจ้าเด็กเมื่อวานซืน..เจ้ากล้าสังหารข้างั้นรึ”
หลังจากที่ซือกงถูถูกหลิงหยุนทำร้ายจนได้รับบาดเจ็บสาหัสหนำซ้ำยังถูกดัชนีสายฟ้าของหลิงหยุนเข้าไปในระหว่างหลบหนีอีก พลังปราณในร่างกายของมันจึงถูกใช้ไปจนหมด และเวลานี้ก็ได้ถูกหลิงหยุนตัดเส้นเอ็นข้อมือข้อเท้า ซือกงถูจึงนอนกองหมดเรี่ยวหมดแรงอยู่กับพื้นเช่นนั้น..
ซือกงถูมีฐานะสูงส่งในพรรคมารจึงไม่อาจยอมรับความจริงได้ว่าตนเองพ่ายแพ้ให้แก่หลิงหยุน มันยังคงร้องตะโกนเรียกหลิงหยุนว่าเด็กเมื่อวานซืนไม่ยอมเปลี่ยน..
ในเมื่อพลังปราณในร่างกายของซือกงถูถูกใช้ไปจนหมดสิ้นแล้วเวลานี้ไอดำที่เคยพวยพุ่งอยู่รอบตัวจึงได้อันตธานหายไปด้วย ทำให้หลิงหยุนสามารถมองเห็นใบหน้าของมันได้อย่างชัดเจน..
ใบหน้าที่ซีดเซียวของซือกงถูนั้นมีร่องรอยแผลเป็นที่น่าเกลียดน่ากลัวปรากฏอยู่ดวงตาที่จ้องมองหลิงหยุนนั้นก็เต็มไปด้วยความโกรธแค้นราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ..
“เจ้ายังไม่หุบปากอีกรึหนวกหูสิ้นดี!”
หลิงหยุนร้องบอกซือกงถูพร้อมกับยกเท้าขึ้นเหยียบใบหน้าของมันทันทีนี่คือศัตรูที่สร้างความโกรธแค้นใจให้กับหลิงหยุน และคนที่เขารัก มีหรือที่หลิงหยุนจะปฏิบัติต่อมันอย่างปราณี..
“ข้าบอกเจ้าแล้วไม่ใช่รึต่อให้เจ้าขอร้องให้ข้าสังหารเจ้า ข้าก็จะไม่ยอมทำเช่นนั้นแน่! เพราะนั่นจะทำให้เจ้าตายอย่างสบายเกินไป!”
หลิงหยุนร้องบอกซือกงถูพร้อมกับกับออกแรงบดขยี้ฝ่าเท้าลงไปบนใบหน้าอัปลักษณ์ของซือกงถูและไม่เปิดโอกาสให้มันได้พูดอะไรอีก!
หลิงหยุนยังไม่ลงมือสังหารซือกงถูตอนนี้แน่!
เพราะจินเหยียวนั้นแค้นซือกงถูฝังใจอีกทั้งซือกงถูเองก็ยังจับพ่อของเขามาทรมานจนมีสภาพแทบไม่เป็นผู้เป็นคนเช่นนั้น หลิงหยุนจะต้องตอบแทนซือกงถูกลับไปเป็นร้อยเท่าพันทวีเสียก่อน!
เหตุผลที่หลิงหยุนเลือกที่จะตัดเส้นเอ็นข้อมือข้อเท้าของมันแทนการตัดแขนตัดขาทิ้งนั้นก็เพราะเกรงว่าหากไร้ซึ่งแขนขา ซือกงถูจะได้รับความเจ็บปวดจากการถูกทรมานน้อยลง!
ในใจของหลิงหยุนกำลังครุ่นคิดว่าจะทรมานซือกงถูอย่างไรให้ได้รับความเจ็บปวดอย่างแสนสาหัสที่สุด!
หลิงหยุนใช้ดัชนีห้าสายถ่ายเทลมปราณในร่างกายผ่านนิ้วมือทั้งห้าและจัดการผนึกจุดตันเถียน และเส้นลมปราณวิสามัญทั้งแปดของซือกงถูไว้ เพื่อป้องกันไม่ให้มันสามารถแอบฟื้นฟูพลังปราณในร่างกายได้!
“ซือกงถู..ข้าจะฆ่าเจ้าไปทำไมกัน ในเมื่อสภาพของเจ้าเวลานี้ก็แทบไม่สามารถทำอะไรได้แล้ว..”
หลิงหยุนสัมผัสได้ว่าคำพูดของซือกงถูนั้นมีนัยยะบางอย่างซ่อนอยู่เพราะแม้กระทั่งอยู่ในเงื้อมือของหลิงหยุนเช่นนี้ มันยังกล้าพูดจาข่มขู่เขา ย่อมแสดงว่าอีกฝ่ายยังเชื่อมั่นในพลังอำนาจของตนเองอยู่..
“หึ..พรรคมารมีผู้คุ้มกฏอยู่ถึงแปดคน และข้าเองก็เป็นหนึ่งในนั้น อีกทั้งยังมีผู้เฒ่าพรรคมารอีกเก้าคน หากเจ้ากล้าสังหารข้า.. พรรคมารย่อมไม่ละเว้นเจ้าแน่ และคนของพรรคมารจะต้องมาแก้แค้นให้กับข้า เมื่อถึงตอนนั้น.. รับรองได้ว่าตระกูลหลิงของเจ้าจะต้องพบกับหายนะ และความเจ็บปวดอย่างแสนสาหัส ตระกูลหลิงของเจ้าจะต้องสูญสลาย แม้แต่สุนัขสักตัวก็จะไม่เหลือ!”
หลิงหยุนเพียงแค่สกัดจุดตันเถียนของซือกงถูและเส้นลมปราณสำคัญๆเท่านั้น ไม่ได้สกัดจุดที่ทำให้มันไม่สามารถเคลื่อนไหวร่างกายได้ ซือกงถูจึงยังสามารถพูดคุยได้เป็นปกติ แต่เพราะจุดตันเถียนถูกสกัดไว้ และใบหน้าก็ถูกหลิงหยุนเหยียบไว้ด้วยเท้า น้ำเสียงของมันจึงอ่อนแรง และฟังไม่ชัดเจนนัก..
“’งั้นรึ”หลิงหยุนทำเสียงเย้ยหยันพร้อมกับพูดต่อว่า..
“ผู้คุ้มกฏทั้งแปดและเก้าผู้เฒ่าพรรคมาร..ฟังดูช่างน่ากลัวยิ่งนัก! แต่เจ้าคิดว่าคนอย่างข้าจะกลัวพวกมันงั้นรึ”
“ตระกูลหลิงของข้าจะต้องได้รับหายนะและพบกับความเจ็บปวดอย่างแสนสาหัส แม้แต่สุนัขสักตัวก็จะไม่เหลืองั้นรึ ฮ่า.. ฮ่า.. นี่เจ้าคงคิดว่าทุกอย่างจะง่ายดายเหมือนเมื่อสิบแปดปีก่อนสินะ?”
ซือกงถูสวนกลับทันที“หากเจ้าไม่เชื่อคำพูดของเข้า.. ก็กลับไปถามคนไร้ราคาในตระกูลหลิงของเจ้าดู กลับไปถามปู่ของเจ้า.. และเมื่อเจ้าได้ฟังก็จะรู้ว่าตนเองจะหวาดกลัวมากเพียงใด”
“แต่เจ้าคงจะไม่กล้าสินะ!”
หลิงหยุนออกแรงบดขยี้ฝ่าเท้าลงไปบนใบหน้าของซือกงถูจนใบหน้าของมันจมลึกลงไปในพื้นดิน..
ซือกงถูกรีดร้องโหยหวนอย่างเจ็บปวดและไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้อีกแม้แต่คำเดียว!
และในเวลานั้นเอง..ร่างสองร่างก็ปรากฏขึ้นภายใต้จิตหยั่งรู้ของหลิงหยุน ทั้งสองร่างที่กำลังบินอยู่บนท้องฟ้านั้นเมื่อพบหลิงหยุนก็รีบบินโฉบลงมาทันที!
“เจ้านายที่เคารพ!”
และผู้ที่มาก็คือเจสเตอร์กับเพียร์ซนั่นเองแวมไพร์สองตนร่อนลงข้างกายหลิงหยุนพร้อมกับร้องเรียกเขาด้วยความเคารพ..
“สถานการณ์ทางโน้นเป็นเช่นใดบ้าง”
ก่อนหน้านี้หลิงหยุนถูกกระจกเงาปีศาจของซือกงถูโอบล้อมไว้จิตหยั่งรู้ของเขาจึงไม่สามารถทะลุผ่านกระจกเงาปีศาจเหล่านั้นไปได้ ทำให้ไม่สามารถรับรู้สถานการณ์การต่อสู้ภายในคฤหาสน์หลังใหญ่ได้..
แต่ในเมื่อเจสเตอร์กับเพียร์ซสามารถบินกลับออกมาได้ในสภาพที่ปลอดภัยเช่นนี้ย่อมหมายความว่าฝ่ายเของหลิงหยุนเป็นผู้ได้รับชัยชนะ!
เจสเตอร์ตอบกลับทันที“เจ้านายที่เคารพ! ยอดฝีมือทั้งหมดได้ถูกพวกเราสังหารตายหมดแล้ว มีเพียงหนึ่งคนที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส และหนีรอดไปได้ คนผู้นี้ได้ทำร้ายผู้เฒ่าหลิง เหล่ากุ่ย และแม่นางเย่บาดเจ็บ..”
ฟังจากคำบอกเล่าของเจสเตอร์หลิงหยุนพอจะเดาออกว่าผู้ที่ตายทั้งหมดนั้นน่าจะเป็นเหล่านักฆ่าที่ย้อนกลับเข้ามา ส่วนผู้ที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส และสามารถหนีออกไปได้ก็น่าจะเป็นซือกงวู่ฉิง..
“เอาล่ะ..ถ้าเช่นนั้นพวกเราก็กลับกันได้แล้ว!”
หลิงหยุนยกเท้าออกจากใบหน้าของซือกงถูและกระโดดหมุนตัวขึ้นไปกลางอากาศ ในขณะที่มือข้างหนึ่งก็จับร่างของซือกงถูโยนไปให้เจสเตอร์
“อย่าให้มันตายล่ะ!”
หลิงหยุนถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกและกระโดดขึ้นไปยืนบนแผ่นหลังของเพียร์ซ แล้วบินกลับไปที่คฤหาสน์หลังใหญ่ทันที!
ระหว่างทางกลับไปที่คฤหาสน์นั้น..หลิงหยุนก็ได้เรียกยันต์บำบัดออกมาทำการรักษาบาดแผลอีกหลายแห่งที่ยังไม่ได้ทำการรักษาก่อนหน้านี้ จากนั้นจึงเรียกยันต์ธาราออกมาชำระล้างคราบเลือดตามร่างกายออกด้วย
เมื่อไปถึงคฤหาสน์หลังใหญ่เจสเตอร์กับเพียร์ซก็ได้บินเข้าประตูคฤหาสน์ไป..
“ท่านปู่..ท่านพ่อ.. น้าหญิง..”
ทันทีที่กระโดดลงจากแผ่นหลังของเพียร์ซหลิงหยุนก็ร้องทักทายหลิงลี่ หลิงเสี่ยว และฉินตงเฉี่วยทันที!
ในเวลานั้นการต่อสู้ภายในคฤหาสน์หลังใหญ่ก็ได้สิ้นสุดลงแล้วและไฟที่เกิดจากยันต์เตโชก็ได้ดับลงจนหมดแล้วเช่นกัน ทุกคนต่างก็ไม่ต้องการรอคอยหลิงหยุนอยู่ในลานบ้านที่เต็มไปด้วยซากศพ จึงได้ออกมายืนรอเขาอยู่ที่ลานบ้านชั้นนอกสุด!
“ซือกงถู– ศัตรูตัวฉกาจของตระกูลหลิงเราถูกข้าจับตัวไว้ได้แล้ว!”
ความจริงแล้วหลิงหยุนแทบไม่ต้องบอกกับทุกคนเพราะเจสเตอร์ที่ร่อนลงนั้นก็ได้หิ้วร่างใหญ่โตที่ัยังไม่ตายไว้ในมือด้วย และทุกคนต่างก็เห็นกันอย่างชัดเจน..
“เจ้าทำได้ดีมาก!ในวันไหว้บรรพบุรุษตระกูลหลิง พวกเราจะใช้ศรีษะของหัวหน้าพรรคมารผู้นี้เซ่นไหว้ดวงวิญญาณบรรพบุรุษตระกูลหลิง และเหล่าผู้กล้าที่สละชีวิตไปเมื่อสิบแปดปีก่อน!”
หลิงลี่เห็นหลิงหยุนกลับมาอย่างปลอดภัยอีกทั้งยังสามารถจับตัวศัตรูอันดับหนึ่งของคนตระกูลหลิงกลับมาได้ด้วย เขาถึงกับหัวเราะออกมาอย่างสบายอกสบายใจ..
หลิงหยุนพยักหน้าและไม่พูดอะไรอีก แต่กลับเดินตรงเข้าไปยืนอยู่หน้าจินเหยียว และเมื่อนางได้เผชิญหน้ากับหลิงหยุนในระยะประชิดเช่นนี้ จินเหยียวจึงได้แต่จ้องมองหลิงหยุนด้วยสายตารักใคร่ จากนั้นน้ำตาก็เริ่มไหลอาบสองแก้ม และยิ้มออกมาด้วยความยินดี..
“ท่านป้าจินเหยียว..ได้โปรดรับการคาราวะจากข้า – หลิงหยุน!”
หลิงหยุนไม่ลังเลที่จะคุกเข่าลงทำการคาราวะจินเหยียวในทันที.. สำหรับหลิงหยุนนั้น..คนที่เขาไม่ลังเลที่จะคุกเข่าคาราวะให้นั้นมีเพียงแค่หลิงลี่ หลิงเสี่ยว หยิงชิงเฉวียน และฉินจิวยื่อเท่านั้น แต่เวลานี้.. ยังมีอีกหนึ่งคนที่เขาต้องคุกเข่าคาราวะซึ่งก็คือจินเหยียวนั่นเอง!
หากไม่ใช่เพราะในอดีตจินเหยียวได้ใช้ชีวิตตนเองแลกกับชีวิตของหลิงหยุนเวลานี้จะมีหลิงหยุนซึ่งเติบโตมาแก้แค้นซือกงถูได้อย่างไรกัน
“นายน้อย..จินเหยียวไม่กล้ารับ!” ไอลีนโนเวล
ด้วยพลานุภาพของยันต์ชำระใจระดับหกของหลิงหยุนหลังจากสิ้นสุดการต่อสู้ จินเหยียวยังคงมีสติสัมปชัญญะสมบูรณ์ ทำให้นางสามารถจดจำเรื่องราวต่างๆได้มากมาย และรู้ว่าตัวนางได้เสียสติไป และรู้ว่าคนที่กำลังคุกเข่าอยู่ตรงหน้านางนั้นก็คือบุตรชายของหยิงชิงเฉวียน!
เช่นนี้แล้วจินเหยียวจะกล้ารับการคาราวะจากหลิงหยุนได้อย่างไรกัน
จินเหยียวรีบกระโดดหลบไปด้านข้างทันทีและแววตาของนางก็ปรากฏวี่แววของความกระวนกระวายใจ จนต้องการที่จะเข้าไปพยุงตัวหลิงหยุนให้ลุกขึ้นจากพื้น!
“ท่านป้าจินเหยียว..ท่านเป็นผู้มีพระคุณที่ได้ช่วยชีวิตของข้าไว้ อีกทั้งยังเปรียบเสมือนพี่น้องของท่านแม่อีกด้วย ท่านคือผู้ที่ให้ชีวิตใหม่แก่พ่อแม่ของข้า และตัวข้า..”
“หลิงหยุนอยู่ต่อหน้าท่านเช่นนี้จะกล้าให้ท่านเรียกข้าว่านายน้อยได้อย่างไรกัน”
หลิงหยุนพูดจบก็หันหน้าไปทางจินเหยียวพร้อมกับก้มศรีษะลงคาราวะนางอีกครั้ง..
“ท่านพี่หลิง..”
จินเหยียวตื่นตระหนกตกใจและไม่รู้จะทำเช่นไร จึงรีบหันไปทางหลิงเสี่ยวพร้อมกับร้องขอความช่วยเหลือจากเขา..
“น้องจินเหยียว..หลิงหยุนทำถูกต้องแล้ว! หากไม่ได้เจ้าช่วยไว้ในครั้งนั้น เขาคงต้องตายด้วยน้ำมือของซือกงถูไปตั้งแต่เมื่อสิบแปดปีก่อนแล้ว และพวกเราพ่อลูกคงจะไม่มีโอกาสได้กลับมาอยู่ร่วมกันเช่นนี้..”
จินเหยียวทำสีหน้ากระอักระอ่วนใจพร้อมกับพึมพำออกมา“แต่..”
“น้องจินเหยียว..ข้าเชื่อว่าหากชิงเฉวียนอยู่ที่นี่ด้วย นางก็ต้องพูดเช่นด้วยกับข้า!”
จินเหยียวไม่มีทางเลือกจึงได้แต่ยอมรับการคาราวะจากหลิงหยุน!
หลิงหยุนโขกศรีษะให้จินเหยียวสามครั้งแต่ยังไม่ยอมลุกขึ้น เขาเงยหน้าขึ้นมองจินเหยียวพร้อมกับพูดออกไปว่า
“ท่านป้าจินเหยียว..ท่านอย่าได้กังวลเรื่องอาการบาดเจ็บของตนเอง ข้าสามารถรักษาให้หายได้อย่างแน่นอน!”
จินเหยียวถึงกับน้ำตาไหลพร่างพรูออกมา“ขอบใจ.. ขอบใจ.. เด็กดีเจ้าลุกขึ้นเถิด!”
จินเหยียวรีบเอื้อมมือไปพยุงร่างของหลิงหยุนให้ลุกขึ้นจากพื้นและจ้องมองใบหน้าของเขาอย่างพินิจพิจารณา สายตาของนางที่จ้องมองหลิงหยุนนั้นเปี่ยมไปด้วยความรักใคร่ปราณี..
จากนั้นจึงร้องบอกหลิงหยุนด้วยน้ำเสียงที่สั่นเทิ้ม“นายน้อย.. ข้าจำได้ว่าเมื่อสิบแปดปีก่อนที่นำท่านออกมาจากพรรคมาร ท่านยังเป็นเพียงแค่เด็กทารก คิดไม่ถึงจริงๆว่าข้าจะเป็นบ้าไปนานถึงเพียงนี้.. แต่ตอนนี้ข้า.. ข้ามีความสุขมากจริงๆ!”
จินเหยียวพยายามที่จะใช้มือที่สั่นเทิ้มนั้นยื่นออกไปลูบไล้ใบหน้าของหลิงหยุนแต่แล้วจู่ๆก็คล้ายกับนึกอะไรขึ้นมาได้ นางจึงชะงัก และรีบดึงมือกลับไปทันที!
นั่นเพราะมือของจินเหยียวนั้นอัปลักษณ์และน่าเกลียดยิ่งนัก!
ในเมื่อมือของนางน่าเกลียดเช่นนี้เหตุใดจึงจะกล้าใช้มันสัมผัสใบหน้าของหลิงหยุนได้เล่า
หลิงหยุนรีบคว้าข้อมือของจินเหยียวไว้ทันทีและดึงมือของนางไปสัมผัสแก้มของตนเองโดยไม่นึกรังเกียจ พร้อมกับพึมพำออกไปว่า..
“ท่านป้าจินเหยียว..หลิงหยุนเป็นผู้ที่ทำให้ท่านต้องทุกข์ทรมานานถึงเพียงนี้!”
จินเหยียวถึงกับสะอึกสะอื้นและน้ำตาก็ไหลพร่างพรูออกมาไม่หยุด.. ภาพการพบกันระหว่างจินเหยียวกับหลิงหยุนนั้นทำให้ทุกคนที่ได้พบเห็นถึงกับแอบสะอื้นตามไปด้วย..
และในที่สุดหลิงลี่ก็พูดขึ้นมาว่า“หลิงหยุน.. เจ้าช่วยพ่อของเจ้าไว้ได้ และยังได้พบกับจินเหยียวเช่นนี้ ปู่ยินดีกับเจ้าและมีความสุขด้วยอย่างมาก แต่ที่นี่ไม่เหมาะกับการพูดคุย กลับไปคุยกันต่อที่บ้านจะดีกว่า..”
“ตอนนี้ก็ใกล้จะสว่างแล้ว..พวกเราควรรีบออกจากที่นี่กันได้แล้ว!”
หลังจากต่อสู้กันมานาน..นี่ก็เป็นเวลาตีสี่ของเช้าวันใหม่แล้ว และเส้นขอบฟ้าทางด้านทิศตะวันออกก็เริ่มมีแสงสว่างรำไรทอออกมาให้เห็น..
ในเมื่อสามารถช่วยหลิงเสี่ยวกลับมาได้แล้วหลิงลี่จึงไม่ต้องกังวลอะไรอีก ฐานะของหลิงหยุนก็ไม่จำเป็นต้องปกปิดอีกต่อไป..
“ท่านปู่..เหล่ากุ่ย.. พวกท่านสองคนได้รับบาดเจ็บภายใน ท่านพ่อเองก็ต้องการการพักผ่อนเพื่อฟื้นฟูสภาพร่างกาย พวกท่านรีบกลับบ้านกันก่อนจะดีกว่า ข้าจะอยู่ที่นี่กับเจสเตอร์ และจะตามพวกท่านกลับไปทีหลัง..”
หลิงลี่ขยิบตาให้กับหลานชายและหันไปมองเย่ซิงเฉินที่ยังคงยืนนิ่งเงียบ ในที่สุดก็พูดขึ้นว่า
“เอาล่ะ..ถ้าเช่นนั้นที่นี่ก็ปล่อยให้เจ้าจัดการก็แล้วกัน ปู่รีบกลับบ้านก่อนจะดีกว่า!”