Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร - บทที่ 1104 : พัฒนาขั้นกันถ้วนหน้า!
- Home
- Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร
- บทที่ 1104 : พัฒนาขั้นกันถ้วนหน้า!
“ผู้นำตระกูล..เจ้ามาลองดู!”
หลิงลี่รีบตะโกนเรียกหลิงเจิ้นให้มาลองทดสอบดูหลิงเจิ้นเดินตรงเข้าไปที่ต้นหลิวเทวะ แล้วกัดนิ้วหยดเลือดลงไปทันที แต่แล้วก็ต้องส่ายศรีษะพร้อมกับพูดขึ้นว่า
“ท่านพ่อ..หลิวเทวะไม่ดื่มเลือดของข้าเช่นกัน มันเพียงแค่ดูดซับปราณเสวียนหวงเท่านั้น”
หลิงลี่นึกประหลาดใจยิ่งนักและรีบเรียกหลิงเสี่ยวให้มาลองดูเช่นกัน แต่ปรากฏว่าเลือดของคนตระกูลหลิงทั้งหมด ล้วนไม่ถูกหลิวเทวะดื่มเข้าไปเช่นเคย..
“โอ้..มรดกตระกูลหลิงไม่ยอมดื่มเลือดคนตระกูลหลิงเช่นนี้ นี่คงจะเป็นลางร้าย!”
หลิงห่าวที่ได้เห็นเหตุการณ์แปลกประหลาดซึ่งไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนก็สบโอกาสที่จะได้ทำลายความน่าเชื่อถือของหลิงหยุน จึงได้พูดออกมาเพื่อเป็นการโยนหินถามทาง.. “เจ้าหุบปากเดี๋ยวนี้!”
หลิงเจิ้นถึงกับหันไปตะโกนดุหลิงห่าวด้วยความโกรธทันที!
หลิงหยุนเห็นหลิงห่าวตั้งใจใช้โอกาสนี้โจมตีตนเองจึงได้แต่ยิ้มและก้าวเท้าขึ้นไปด้านหน้าพร้อมกับพูดขึ้นด้วยท่าทางสงบนิ่ง
“ท่านปู่..ให้ข้าลองดู!”
หลังจากที่ได้รับความเห็นชอบจากหลิงลี่หลิงหยุนจึงกัดนิ้วมือข้างซ้ายของตนเอง และหยดเลือดลงบนฝ่ามือข้างขวา หลิงหยุนไม่รอช้า เขารีบใช้มืออีกข้ายกต้นหลิวเทวะขึ้นมาถือไว้ทันที..
ปรากฏว่าหยดเลือดที่อยู่บนฝ่ามือของหลิงหยุนนั้นได้ถูกหลิวเทวะดูดเข้าไปอย่างรวดเร็ว และยังคงดื่มเลือดที่ไหลออกจากนิ้วของหลิงหยุนไม่หยุด หลิงหยุนรับรู้ได้ถึงความตระกละตระกรามของเจ้าหลิวเทวะต้นนี้
ทั้งหลิงลี่หลิงเจิ้น และหลิงเสี่ยวนั้นถึงกับตกตะลึงไปตามๆกัน! หลิงหยุนจึงยิ้มให้กับทุกคนก่อนจะอธิบายต่อว่า“หลิวเทวะทั้งสองต้นนี้เคยดื่มเลือดของข้าอยู่เป็นประจำ และเลือดของข้าคงจะมีรสหอมหวานถูกปากพวกมันมัน!”
ร่างกายของหลิงหยุนนั้นผ่านขั้นปรับร่างกายมาแล้วหนำซ้ำในร่างกายของหลิงหยุนยังมีพลังอมตะอยู่ด้วย ดังนั้นร่างกายของหลิงหยุนจึงเปรียบเสมือนสมบัติล้ำค่า หากเทียบกับคนตระกูลหลิงทุกคนแล้ว เลือดของหลิงหยุนนั้นนับว่ามีคุณสมบัติที่สูงส่งกว่าเลือดตระกูลหลิงคนอื่นๆ ไม่รู้กี่เท่าต่อกี่เท่า..
เช่นเดียวกับมนุษย์เรา..หากได้กินอาหารที่มีรสชาติที่ดีแล้ว ก็คงจะไม่อยากจะกลับไปกินอาหารที่มีรสชาติย่ำแย่อีก!
และระหว่างนั้นหลิงหยุนเองก็ไม่ลืมที่จะถ่ายเทปราณเสวียนหวงลงไปในต้นหลิวเทวะด้วย..
หลิวเทวะทั้งดื่มเลือดของหลิงหยุนและดูดซับเอาปราณเสวียนหวงที่หลิงหยุนถ่ายเทเข้าไปมากกมายกว่าทุกครั้ง และจู่ๆก็เกิดการเปลี่ยนแปลงกับหลิวเทวะขึ้นอีกครั้ง!
หลิงหยุนสัมผัสได้ว่า..จู่ๆ หลิวเทวะนั้นก็หยุดดื่มเลือดของตนเองไปเฉยๆ และเอาแต่ดูดซับปราณเสวียนหวงที่เขาถ่ายเทให้เพียงอย่างเดียว..
และเวลานี้ก็ได้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างน่าอัศจรรย์กับหลิวเทวะ..
หลิวเทวะเล็กๆที่สูงเพียงแค่สามฟุตนั้นจู่ๆ ก็สูงขึ้น และลำต้นก็ขยายใหญ่ขึ้น หนำซ้ำยังแตกหน่อออกใบได้อย่างรวดเร็ว เวลานี้หลิวเทวะมีขนาดใหญ่กว่าเดิมถึงสองเท่า!
จากนั้น..หลิงหยุนก็สังเกตเห็นว่าด้านล่างของต้นหลิวเทวะนั้น เริ่มมีรากงอกออกมาทีละเล็กทีละน้อย และเวลานี้มันก็มีขนาดเท่าๆกับนิ้วมือของผู้ใหญ่เลยทีเดียว..
หลิงหยุนร้องอุทานออกมาอย่างอัศจรรย์ใจ“มีรากงอกออกมาด้วยงั้นรึ”
นับเป็นเรื่องที่มหัศจรรย์ยิ่งนัก..ที่จู่ๆ หลิวเทวะเติบโตขึ้นมาภายในเวลาอันรวดเร็ว หนำซ้ำเวลานี้ทั้งใบ และกิ่งก้านของมันก็เริ่มสั่นไหวทั้งที่ไม่มีลมพัด
การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นนั้นทำให้ทุกคนที่ได้พบเห็นถึงกับตกใจยิ่งนัก!
จากนั้น..เสียงตูม! ก็ดังขึ้น และหลิวเทวะก็ปลดปล่อยปราณเสวียนหวงออกมาจากลำต้นอย่างมากมาย
“นี่คือปราณเสวียนหวง!”
“ท่านปู่..ท่านรีบสั่งให้ทุกคนเข้ามารวมกันอยู่ภายในห้องบรรพชนนี้เร็วเข้า!”
หลิงหยุนนั้นมีสมุดจักรพรรดิอยู่ภายในร่างกายเขาจึงสามารถสัมผัส และคาดเดาได้ว่าปราณเสวียนหวงที่หลิวเทวะกำลังจะปลดปล่อยออกมานั้น จะต้องเป็นปราณอมตะเสวียนหวงอย่างแน่นอน!
หลิงหยุนเองก็ไม่รู้จริงๆว่าหลังจากที่หลิวเทวะได้ดื่มเลือดของเขา และดูดซับปราณเสวียนหวงของคนตระกูลหลิงเข้าไปอย่างมากมายนั้นจะทำให้มันเจริญเติบโตได้รวดเร็วถึงเพียงนี้ และเวลานี้หลิวเทวะก็กำลังจะตอบแทนกลับคืนให้กับคนตระกูลหลิง..
และนี่คือปราณอมตะเสวียนหวงที่ล้ำค่าหลิงหยุนจะปล่อยให้มันระเหยทิ้งไปอย่างเปล่าประโยชน์ได้อย่างไรกัน!
แต่เนื่องจากนาทีคับขัน..หลิงหยุนจึงไม่สามารถอธิบายอะไรได้มากนัก เขาจึงรีบร้องบอกหลิงลี่ให้เรียกทุกคนเข้ามารวมกันภายในห้องบรรพชนอย่างรวดเร็ว
เมื่อหลิวเทวะเปลี่ยนภายในเวลาอันรวดเร็วเช่นนี้ทุกคนในตระกูลหลิงต่างก็ตื่นเต้น และอยากจะเห็นอย่างชัดเจน จึงรีบพากันกรูเข้าไปในห้องบรรพชนอีกครั้งทันที!
และเวลานี้หลิงหยุนก็ยืนอยู่ตรงกลางพลังอมตะเสวียนหวงก็เริ่มพวยพุ่งออกมาจนเต็มห้อง หลิงหยุนจึงร้องตะโกนบอกกับทุกคนว่า..
“ทุกคนนั่งลงแล้วรีบเดินลมปราณดูดซับปราณเสวียนหวงนี้เข้าไปในร่างกาย!” ส่วนตัวหลิงหยุนที่ถือต้นหลิวเทวะอยู่ในมือนั้นก็นั่งลงขัดสมาธิ และรีบเดินลมปราณตามคัมภีร์เสวียนหวงทันที..
แต่หลิงหยุนแทบไม่ต้องดูดซับเอาปราณอมตะเสวียนหวงนี้เข้าไปด้วยตัวเองเพราะเขานั่งถือหลิวเทวะไว้ในมือ ปราณอมตะเสวียนหวงจึงไหลเข้าสู่ร่างกายของโดยตรงในปริมาณที่มากกว่าปลดปล่อยอออกมา..
ทันทีที่ปราณอมตะเสวียนหวงถูกปลอดปล่อยออกมานั้นเหล่าสมาชิกตระกูลหลิงต่างก็สัมผัสได้ถึงบรรยากาศที่พิเศษ ในฐานะสมาชิกตระกูลหลิง ทุกคนต่างก็ต้องฝึกวิชาตามคัมภีร์เสวียนหวงอยู่แล้ว จึงรับรู้ได้ว่าพลังปราณที่ถูกปลดปล่อยออกมานั้น จะมีประโยชน์อย่างมากมายมหาศาล..
ภายในเวลาเพียงแค่ประเดี๋ยวเดียวสมาชิกตระกูลหลิงทั้งหมด ต่างก็มานั่งรายล้อมหลิงหยุนไว้ และเริ่มดูดซับเอาปราณอมตะเสวียนหวงนี้เข้าไป..
และยิ่งหลิวเทวะสั่นไหวมากเท่าใดปราณอมตะเสวียนหวงก็จะถูกปลดปล่อยออกมามากขึ้นเท่านั้น เมื่อปราณเสวียนหวงถูกปลดปล่อยออกมาจนกระจายเต็มห้องบรรพชนแล้ว การปลดปล่อยจึงค่อยๆลดระดับลง..
เวลานี้ภายในห้องบรรพชนอบอวลไปด้วยปราณอมตะเสวียนหวงและภายในห้องก็ได้กลายเป็นสีเหลืองไปหมด.
ก่อนหน้านี้..หลิงหยุนเป็นห่วงว่าปราณอมตะเสวียนหวงที่หลิวเทวะปลดปล่อยออกมานั้น จะกระจายและลอยไปตามอากาศทิ้งขว้างอย่างน่าเสียดาย จึงรีบเรียกให้ทุกคนดูดซับเข้าไปในร่างกาย แต่กลับกลายเป็นว่าเขาคิดผิดไป เพราะเวลานี้ปราณอมตะเสวียนหวงนั้น หลังจากถูกปลดปล่อยออกจากหลิวเทวะ ก็เข้าครอบคลุมภายในห้องบรรพชนตระกูลหลิงเท่านั้น ไม่กระจายออกไปด้านนอกเลยแม้แต่น้อย..
‘นี่คือไม้วิญญาณ..’
นี่คือความคิดแรกที่ผุดขึ้นมาในหัวของหลิงหยุน..เช่นเดียวกับกระบี่เหินของหลิงหยุนซึ่งก็คือกระบี่วิญญาณ และหลิวเทวะวิญญาณต้นนี้ก็คือไม้วิญญาณ!
ไม่เช่นนั้น..เป็นไปไม่ได้ที่มันจะดื่มเลือดคนตระกูลหลิงได้ และยิ่งไม่สามารถที่จะดูดซับเอาปราณเสวียนหวงของคนตระกูลหลิงเข้าไปได้ด้วยเช่นกัน และยิ่งเป็นไปไม่ได้ที่จะสามารถควบคุมการปลดปล่อยปราณอมตะเสวียนหวงไม่ให้กระจายออกนอกห้องเช่นนี้ได้..
หลิงหยุนปล่อยวางจิตใจและเริ่มจดจ่ออยู่กับการเดิมลมปราณเสวียนหวง เพื่อดูดซับเอาปราณที่ล้ำค่าเข้าไปในร่างกายให้ได้มากที่สุด..
หลิงลี่หลิงเสี่ยว หลิงเจิ้น หลิงเย่ว และคนอื่นๆ ต่างก็เริ่มเดินลมปราณเสวียนหวง และดูดซับเอาปราณอมตะเสวียนหวงนี้เข้าไปในร่างกายให้ได้มากที่สุด..
หลิงลี่ที่นั่งอยู่ใกล้กับหลิงหยุนที่สุดนั้นก็ได้หลับตาและเดินลมปราณเช่นกัน ริมฝีปรากของเขาเม้มเบาๆ กล้ามเนื้อที่ใบหน้านั้นสั่นระริกด้วยความตื่นเต้น..
เพราะนี่คือมรดกตระกูลหลิง! ในบรรดาตระกูลใหญ่ในประเทศนี้..นอกเหนือจากตระกูลเกา ตระกูลซัน และตระกูลหลี่แล้ว เมื่อสิบแปดปีก่อนนั้นทั้งตระกูลหลิง ตระกูลหลง ตระกูลฉิน ตระกูลเย่ และตระกูลเฉินนั้น ต่างก็มีมรดกที่ตกทอดกันจากรุ่นสู่รุ่นทั้งสิ้น.. ไอลีนโนเวล
ตามคำร่ำลือที่พูดกันต่อๆมานั้นมรดกของตระกูลหลงก็คือโลหิตมังกร ส่วนตระกูลฉินนั้นเป็นตราหยกจักรพรรดิแห่งราชวงศ์ฉิน ตระกูลเย่นั้นไม่มีผู้ใดล่วงรู้ และตระกูลเฉินนั้นก็น่าจะเป็นประคำโลหิต!
ส่วนมรดกของตระกูลหลิงนั้น..ก็คือซากไม้แห้งสีดำที่ราวกับถูกฟ้าผ่าจนไหม้เป็นตอตะโกนั่นเอง..
เรียกได้ว่า..มรดกของตระกูลอื่นๆนั้นสามารถใช้งานได้ แต่มรดกตระกูลหลิงนั้น นอกจากดื่มเลือด และดูดซับปราณเสวียนหวงของคนตระกูลหลิงแล้ว ก็ไม่เห็นมีประโยชน์อะไรอีก!
หลายปีที่ผ่านมา..ลูกหลานตระกูลหลิงถูกพร่ำสอนกันต่อๆมาจากรุ่นสู่รุ่นว่า จะต้องมีการหยดเลือด และถ่ายเทปราณเสวียนหวงของสมาชิกตระกูลหลิงลงไปที่ซากไม้แห้งๆทั้งสองท่อนนี้ แต่ที่ผ่านมานั้นก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง มันยังคงเป็นซากไม้ที่แห้งตายเช่นเดิม..
ผ่านมาสองสามศตวรรษแล้ว..ไม่ว่าจะเป็นช่วงที่เกิดเรื่องราวเมื่อสี่สิบปีที่ผ่านมา หรือเมื่อครั้งที่เกิดโศกนาฏกรรมกับตระกูลหลิงเมื่อสิบแปดปีที่แล้ว หลิวเทวะทั้งสองต้นก็เป็นเพียงแค่ซากไม้ที่ไม่สามารถนำมาใช้ประโยชน์อะไรได้เลย..
แต่ตอนนี้..เพียงเพราะการกลับเข้าตระกูลของหลิงหยุน หลิงลี่ในวัยแปดสิบปีจึงได้มีโอกาสเห็นไม้ตายท่อนหนึ่ง กลับมาเจริญเติบโตเป็นต้นไม้เล็กๆ หนำซ้ำยังสามารถปลดปล่อยปราณอมตะเสวียนหวงตอบแทนใหักับคนตระกูลหลิงอีกด้วย!
นับเป็นการได้เปิดหูเปิดตาตนเองยิ่งนัก!
และเวลานี้..หลิงลี่ที่อยู่ในระดับกลางขั้นเซียงเทียน-8 ก็ได้เข้าสู่ระดับสูงสุดขั้นเซียงเทียน-8 ในทันที! แต่ยังไม่หยุดอยู่เพียงเท่านั้นเมื่อสามารถเข้าสู่ระดับสูงสุดขั้นเซียงเทียน-8 ได้แล้ว หลิงลี่จึงควบคุมตนเองให้อยู่ในความสงบนิ่ง เพื่อรอคอยโอกาสต่อไป!
เพราะเมื่อใดก็ตามที่สามารถเข้าสู่ขั้นเซียงเทียน-9ได้ หลิงลี่ก็จะสามารถเข้าสู่ขั้นที่ใช้พลังจิตได้ และเมื่อถึงตอนนั้นหลิงลี่ก็จะสามารถนั่งคู่กับอาวุโสในตระกูลอื่นได้อย่างทัดเทียมกัน..
แต่ถึงกระนั้น..ผู้ที่ได้รับประโยชน์อย่างมหาศาลกลับไม่ใช่หลิงลี่ และไม่ใช่หลิงหยุน แต่เป็นหลิงเสี่ยว!
อย่างที่เคยกล่าวไว้..เมื่อครั้งที่หลิงเสี่ยวอยู่ในวัยสิบแปดปีนั้น เขาก็ได้เข้าสู่ระดับสูงสุดขั้นเซียงเทียน-3 แล้ว แต่ครั้งนั้นเขาถูกบีบบังคับให้ทำลายวรยุทธตนเอง และเพราะเส้นลมปราณกับจุดตันเถียนที่เสียหายในครั้งนั้น ไม่ว่าหลิงเสี่ยวจะพยายามฝึกฝนอย่างหนักเมากพียงใด เขาก็สามารถฟื้นฟูขั้นได้สูงสุดเพียงแค่ขั้นโฮ่วเทียน-5 เท่านั้น!
แต่ในคืนที่หลิงหยุนไปช่วยเขาออกมานั้นหลิงหยุนก็ได้ทำการรักษาเส้นลมปราณ และจุดตันเถียนให้กับเข้าแล้ว..
ขั้นเซียงเทียนมีความหมายต่อผู้ฝึกวรยุทธเช่นใดอย่างนั้นหรือ
ในขั้นนี้..เส้นลมปราณเยิ่นกับเส้นลมปราณตูของคนผู้นั้นจะเปิดเชื่อมต่อ และรวมเป็นหนึ่งเดียว นี่จึงเป็นขั้นเซียงเทียน!
ในอดีตนั้น..หลิงเสี่ยวก็เคยฝึกฝนจนเข้าสู่ระดับสูงสุดขั้นเซียงเทียน-3 แล้ว เส้นลมปราณเยิ่นกับเส้นลมปราณตูของหลิงเสี่ยวจึงเปิดเชื่อมกันแล้ว และเมื่อหลิงหยุนได้ทำการรักษาจุดตันเถียนกับเส้นลมปราณที่เสียหายให้แล้ว มีหรือที่หลิงเสี่ยวจะไม่ก้าวหน้าได้รวดเร็วอย่างน่าอัศจรรย์
และในวันก่อนนั้น..หลิงหยุนก็พบว่าหลิงเสี่ยวกำลังตั้งหน้าตั้งตาฝึกฝนอย่างหนัก หลิงหยุนพบเข้าจึงได้บอกให้เขาอย่าได้รีบร้อน และพักผ่อนให้ร่างกายฟื้นคืนเป็นปกติเสียก่อน และนั่นก็เป็นผลดีกับหลิงเสี่ยวมาก เพราะเขาได้พักฟื้นร่างกายมาอย่างเพียงพอ ร่างกายของหลิงเสี่ยวเวลานี้จึงเปรียบเสมือนกับบ่อที่เพิ่งขุดใหม่และพร้อมที่จะรองรับน้ำใหม่ได้อีกมากมาย และเวลานี้น้ำที่ว่านั้นก็กำลังไหลลงบ่อที่เพิ่งขุดอย่างไม่หยุดหย่อน..
และภายใต้การเดินลมปราณของหลิงเสี่ยวนั้นปราณอมตะเสวียนหวงจำนวนมากก็ไหลเข้าสู่ร่างกายของหลิงเสี่ยว และเพียงแค่ชั่วพริบตาเดียว.. หลิงเสี่ยวก็สามารถเข้าสู่ขั้นเซียงเทียนได้แล้ว และยังคงพัฒนาขึ้นไปเรื่อยๆ
ในที่สุดหลิงเสี่ยวก็สามารถเข้าสู่ระดับสูงสุดขั้นเซียงเทียน-3!
แต่ยังไม่หยุดอยู่เพียงแค่นั้น..เวลานี้หลิงเสี่ยวได้เข้าสู่ระดับสูงสุดขั้นเซียงเทียน-6 แล้ว และเมื่อรู้สึกว่าเข้าสู่ในระดับที่เหมาะสมแล้ว หลิงเสี่ยวจึงเพียงแค่ดูดซับเอาปราณอมตะเสวียนหวงเข้าไปอีกอย่างต่อเนื่อง เพื่อทำให้จุดตันเถียนและเส้นลมปราณของตนเองแข็งแกร่งมากขึ้น..
และแน่นอนว่าตลอดเวลานั้นหลิงหยุนได้เฝ้าสังเกตพ่อของตนเองอยู่ตลอดเวลาและเมื่อเห็นว่าหลิงเสี่ยวสามารถเข้าสู่ระดับสูงสุดขั้นเซียงเทียน-6 ได้แล้ว..
หลิงหยุนอยากจะลุกขึ้นและนำโอสถหลงหู่ออกมาให้หลิงเสี่ยวกิน เพื่อให้เขาสามารถเข้าสู่ด่านสุดท้ายของขั้นเซียงเทียนได้ แต่กลับเปลี่ยนใจไม่ทำเช่นนั้น ด้วยเหตุผลที่ว่าโอสถหลงหู่ออกฤทธิ์ชั่วครู่เท่านั้น และอีกเหตุผลหนึ่งก็คือเวลานี้เขาอยู่ในระหว่างรอยต่อ..
เพราะเวลานี้ปราณอมตะเสวียนหวงที่อยู่ในร่างกายของหลิงหยุนนั้นกำลังไหลไปตามเส้นลมปราณ และกำลังจะไหลเข้าสู่จุดตันเถียนของหลิงหยุน!
และอีกในไม่ช้า..ปราณอมตะเสวียนหวงนี้ก็จะเต็มจุดตันเถียนของเขาแล้ว และเวลานี้จุดตันเถียนของหลิงหยุนก็หยุดหมุนด้วยเหตุผลสองข้อซึ่งก็คือ..
หนึ่ง..เขาไม่ได้เดินพลังลับหยิน–หยาง และอีกหนึ่งเหตุผลสำคัญก็คือ.. สมุดจักรพรรดิในจุดตันเถียนของเขานั่นเอง!
การที่ปราณอมตะเสวียนหวงไหลเข้าสู่จุดตันเถียนของเขานั้นแน่นอนว่าสมุดจักรพรรดิที่อยู่ภายในเองก็เต็มใจรับ และไม่ปฏิเสธ..
และจากการยอมรับของสมุดจักรพรรดิ..ตัวมันเองก็ได้ปลดปล่อยปราณอมตะเสวียนหวงออกมาในจุดตันเถียนเช่นกัน หลิงหยุนจึงได้เดินลมปราณนำเอาพลังปราณเหล่านี้ไปชำระล้างโลหิต ไขกระดูก กล้ามเนื้อ เส้นลมปราณ จุดฝังเข็ม และอวัยวะภายในร่างกายอื่นๆอีกมากมาย..
และเวลานี้ปราณอมตะเสวียนหวงภายในร่างกายของหลิงหยุนนั้นก็หมุนเวียนด้วยความรวดเร็วอย่างมากจนไม่อาจควบคุมได้ และได้ปราณอมตะเสวียนหวงก็ได้พุ่งตรงเข้าสู่จุดหว่างคิ้วของหลิงหยุนทันที!
หลิงหยุนสัมผัสได้ทันทีว่า..เวลานี้จุดหว่างคิ้วของตนเองนั้นราวกับเขื่อนที่มีน้ำท่วมขัง และพลังอมตะที่ในจุดนั้นพวยพุ่งออกมาอย่างรุนแรง จนเขารู้สึกราวกับว่ามีเสียงดังครืนๆไม่หยุด!
จุดหว่างคิ้วของหลิงหยุนนั้นมีพลังอมตะสีทองอยู่และเมื่อถูกปราณอมตะเสวียนหวงเข้าไปกระตุ้นเช่นนั้น มันจึงพุ่งออกมาทันที และหยดเสินหยวนก็ได้ไหลเข้าสู่ตาเนื้อของเขาอย่างรวดเร็ว!
ตูม!
จากนั้น..หลิงหยุนก็ได้ยินเสียงดังคล้ายระเบิดอยู่ในศรีษะ ก่อนที่จะเข้าสู่ขั้นเอ้อเฉิงชี่ (ขั้นพลังชี่-2) ในทันที!
ในขณะเดียวกัน..หลิงลี่ก็สามารถเข้าสู่ระดับหนึ่งขั้นเซียงเทียน-9 ได้สำเร็จ!
หลิงเจิ้นกับหลิงเย่วเองก็สามารถก้าวหน้าได้ถึงสามขั้นเช่นกัน!
ในขณะที่หลิงซวี่หลิงซิ่ว หลิงหย่ง หลิงเฟิง หลิงเลี่วย แม้แต่หลิงห่าว ทุกคนต่างก็เข้าสู่ขั้นเซียงเทียนกันแล้วทั้งสิ้น!
เพียงเวลาแค่ครึ่งชั่วโมงเท่านั้น..หลังจากได้ดูดซับเอาปราณอมตะเสวียนหวงเข้าไป คนตระกูลหลิงทั้งหมดก็สามารถพัฒนาขั้นได้อย่างน่าอัศจรรย์!