Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร - บทที่ 1130 : เตรียมทำแหวนพื้นที่!
- Home
- Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร
- บทที่ 1130 : เตรียมทำแหวนพื้นที่!
สวนชั้นที่แปดของคฤหาสน์ตระกูลหลิงนั้นเป็นสวนขนาดใหญ่ และมีกำแพงกั้นเพื่อความเป็นส่วนตัว จุดประสงค์ของการสร้างสวนนี้ขึ้นมา ก็เพื่อให้เป็นที่ฝึกวรยุทธของเหล่าสมาชิกตระกูลหลิงนั่นเอง
ส่วนสนามที่ใช้ฝึกหน่วยกล้าตายของตระกูลหลิงนั้นอยู่แยกไปต่างหากเพราะหากมีการฝึกฝนทั้งวันทั้งคืนเช่นนั้น สมาชิกตระกูลหลิงคงไม่ต้องหลับต้องนอนแน่..
ทันทีที่เข้าไปยังสวนชั้นที่แปดหลิงหยุนก็เอ่ยทักทายหลิงเสี่ยวทันที “ท่านพ่อ”
“หลิงหยุน..เจ้ามาแล้วรึ”
ดูเหมือนหลิงเสี่ยวเองก็คาดเดาได้อยู่แล้วว่าหลิงหยุนจะมาจึงไม่ได้มีท่าทีตกใจ หรือประหลาดใจนัก และรีบหยุดการฝึกฝนแล้วลุกขึ้นยืนทันที
นับจากวันกราบไหวบรรพชนมาหลิงเสี่ยวก็เอาแต่ตั้งหน้าตั้งตาฝึกวิชาเพื่อให้สามารถก้าวหน้าได้มากกว่านี้ หลังจากที่เข้าสู่ระดับสูงสุดขั้นเซียงเทียน-6 ได้แล้ว หลิงเสี่ยวก็รู้สึกว่าจะสามารถเข้าสู่ขั้นต่อไปได้ในอีกไม่ช้า..
และการที่เหล่าสมาชิกตระกูลหลิงฝึกฝนได้ก้าวหน้ารวดเร็วเช่นนี้ก็เพราะปราณอมตะเสวียนหวงในร่างกาย ซึ่งมีอานุภาพแข็งแกร่งกว่าปราณเสวียนหวงธรรมดาๆของตระกูลหลิงเสียอีก..
หลิงหยุนก้าวเข้าไปหาหลิงเสี่ยวพร้อมกับยกมือขึ้นเกาศรีษะและพูดขึ้นว่า “ท่านพ่อ.. สองสามวันที่ผ่านมาลูกมีหลายสิ่งหลายอย่างต้องจัดการ จึงไม่มีเวลาแวะเวียนมาหาท่านพ่อ ขออย่าได้ตำหนิลูก!”
หลิงเสี่ยวยิ้มออกมาพร้อมกับเอื้อมมือไปตบบ่าหลิงหยุน“หลิงหยุน.. เจ้าไม่จำเป็นต้องอธิบาย เรื่องนั้นข้าเข้าใจดี!”
“เอาล่ะ..เจ้ามาพบข้าแต่เช้ามีเรื่องอะไรงั้นรึ” “ท่านพ่อ..คาดว่าอีกไม่กี่วันท่านพ่อคงจะสามารถเข้าสู่ขั้นต่อไปได้แล้วใช่หรือไม่”
หลิงเสี่ยวพยักหน้า“ถูกต้อง.. นับจากวันกราบไหว้บรรพชน ข้าเองก็รู้สึกว่าจะสามารถก้าวเข้าสู่ขั้นต่อไปได้ตลอดเวลา แต่เกรงว่ารากฐานจะไม่มั่นคง จึงไม่รีบร้อนที่จะก้าวเข้าสู่ขั้นต่อไปเร็วนัก..”
“แต่คาดว่าไม่คืนนี้ก็คืนพรุ่งนี้ ข้าคงต้องเข้าสู่ขั้นต่อไปได้อย่างแน่นอน!”
หากหลิงเสี่ยวสามารถเข้าสู่ขั้นต่อไปได้เขาก็จะเข้าสู่ขั้นเซียงเทียน-7 ซึ่งเป็นด่านสุดท้ายของขั้นเซียงเทียนอย่างที่เขาตั้งหน้าตั้งตารอคอย
แต่หลิงหยุนกลับตอบไปว่า“ท่านพ่อ.. ที่ข้ามาพบท่านวันนี้ก็เพื่อจะเตือนท่านพ่อว่า อย่าได้รีบร้อนเข้าสู่ขั้นต่อไปนัก”
หลิงเสี่ยวถามออกมาอย่างสงสัย“เพราะเหตุใดรึ”
หลิงหยุนจึงอธิบายให้หลิงเสี่ยวฟังอย่างละเอียด“เหตุผลข้อแรก.. ท่านพ่อเพิ่งจะหายจากอาการบาดเจ็บ จุดตันเถียนและเส้นลมปราณเพิ่งกลับสู่ปกติ รากฐานจึงยังไม่มั่นคงพอ”
“ยิ่งไปกว่านั้น..เพราะหลิวเทวะวิญญาณปลดปล่อยพลังปราณให้ในครั้งนั้น ทำให้ท่านพ่อพัฒนาจากขั้นโฮ่วเทียน-5 เข้าสู่ระดับสูงสุดขั้นเซียงเทียน-6 ได้ในทันที นั่นนับว่าเป็นการก้าวหน้าที่รวดเร็วมากจนเกินไป และหากท่านพ่อจะเข้าสู่ขั้นต่อไปในอีกสองวัน ข้าเกรงว่าระยะเวลากระชั้นชิดเช่นนี้ จะทำให้รากฐานของแต่ละขั้นไม่มั่นคงพอ..”
“แม้ว่าท่านพ่อจะสามารถเข้าสู่ขั้นต่อไปได้โดยไม่มีปัญหาอะไรแต่ก็จะทำให้รากฐานในแต่ละขั้นอ่อนแอ และจะทำให้เกิดปัญหาขึ้นในวันข้างหน้าได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเข้าสู่ขั้นเซียงเทียน-9 จะทำให้เกิดปัญหาตามมาอย่างแน่นอน!”
หลิงหยุนบอกเล่าความกังวลใจของตนเองให้กับหลิงเสี่ยวรู้.. หลิงเสี่ยวเองก็เข้าใจในสิ่งที่หลิงหยุนอธิบายได้ดีแต่การประลองกับตระกูลเฉินก็กำลังใกล้จะมาถึงแล้ว เขาจึงรู้สึกกังวลใจไม่น้อย..
หลิงเสี่ยวขมวดคิ้วและพูดขึ้นว่า“แต่ในอาทิตย์หน้าก็จะถึงวันนัดประลองกับตระกูลเฉินแล้ว หากข้าไม่รีบเข้าสู่ขั้นต่อไปโดยเร็ว จะมิกลายเป็นภาระของเจ้าหรอกรึ”
หลิงหยุนยิ้มพร้อมกับตอบไปว่า“ท่านพ่ออย่าได้กังวลใจไป! การประลองกับตระกูลเฉินที่แบ่งเป็นประลองเดี่ยวสองรอบ และแบบกลุ่มหนึ่งรอบนั้น เพียงแค่ข้าคนเดียวก็นับว่าเพียงพอที่จะรับมือพวกมันแล้ว!”
หลิงหยุนเพิ่งจะผ่านการฝึกควบคุมโซ่หยิน–หยางมาเขาจึงมั่นใจอย่างยิ่งว่าจะสามารถเอาชนะตระกูลเฉินได้อย่างแน่นอน!
แต่สิ่งที่หลิงหยุนรู้สึกกังวลอยู่ตลอดเวลานั้นกลับเป็นหลังจากที่จัดการกับตระกูลซัน และตระกูลเฉินแล้วมากกว่า
เพราะหลังจากนั้น..เขาจะต้องเผชิญหน้ากับตระกูลหลงและตระกูลเย่ นี่จึงจะเรียกว่าการต่อสู้แย่งชิงอำนาจได้เต็มปาก ด้วยเหตุนี้.. หลิงหยุนจึงต้องพยายามทุกวิถีทางที่จะพัฒนาตระกูลหลิงให้แกร่งขึ้นในทุกๆด้าน..
หลิงเสี่ยวฟังแล้วถึงกับตกใจอย่างที่สุดและรีบระล่ำระลักถามออกไปว่า “หลิงหยุน.. นี่เจ้า.. เจ้าเพียงคนเดียวจะประลองกับตระกูลเฉินทั้งสามรอบเชียวรึ”
หลิงหยุนพยักหน้ายิ้มๆ“ถูกต้องแล้วท่านพ่อ.. ลูกคนเดียวก็เพียงพอที่จะจัดการกับพวกมันได้แล้ว!”
หลิงเสี่ยวรีบถามต่อทันที“เช่นนั้นแล้ว.. พวกเราทั้งหมดล่ะ”
หลิงหยุนยิ้มพร้อมตอบกลับไปว่า“ท่านพ่อกับคนอื่นๆยังต้องช่วยข้าเล็กๆน้อยๆ หลังจากที่ตระกูลเฉินพ่ายแพ้ให้แก่ตระกูลหลิงแล้ว ท่านพ่อและทุกคนต้องระวังอย่าให้คนตระกูลเฉินหลบหนีได้แม้แต่คนเดียว!”
ตั้งแต่โบร่ำโบราณมาแล้ว..ฝ่ายที่พ่ายแพ้ในการประลองด้วยการเอาชีวิตเป็นเดิมพันเช่นนี้ มักจะหนีเอาตัวรอดในที่สุด ตระกูลเฉินเองก็คงไม่ต่างกัน..เพราะคงเป็นไปไม่ได้ที่พวกมันจะร้องขอความเตตาจากตระกูลหลิงหากเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ และหลิงหยุนเองก็ไม่เชื่อว่าตระกูลเฉินจะยอมยืนนิ่งๆ ให้คนตระกูลหลิงสังหารหลังจากรู้ผลแพ้ชนะ!
“ท่านพ่อ..ข้าเองได้เตรียมการให้ท่านพ่อเข้าสู่ขั้นต่อไปแล้ว แต่ยังไม่รีบร้อนที่จะทำในตอนนี้!”
“แต่สิ่งที่ท่านพ่อควรต้องเร่งรีบก็คือการฝึกวรยุทธยิ่งวรยุทธของท่านพ่อล้ำเลิศมากเท่าใด ก็จะยิ่งมีประโยชน์ต่อไปในวันข้างหน้า!”
หลิงเสี่ยวได้ฟังคำอธิบายของหลิงหยุนและรู้ว่าลูกชายเป็นห่วงเป็นใยตนเช่นนี้ ก็ได้แต่ยิ้มออกมาพร้อมกับบอกหลิงหยุนว่า
“ได้..ได้.. พ่อจะเชื่อฟังเจ้า ไม่รีบร้อนเข้าสู่ขั้นต่อไป!”
หลิงหยุนยิ้มออกมาอย่างโล่งใจและแนะนำหลิงเสี่ยวต่อ “ท่านพ่อ.. ข้าได้สอนวรยุทธให้กับท่านปุ่มากมาย หากสองสามวันนี้ท่านพ่อไม่มีอะไรทำ ก็ไปฝึกวรยุทธกับท่านปู่ไปพลางๆก็ได้..”
หลิงเสี่ยวตอบกลับหลิงหยุนด้วยใบหน้าเบิกบาน“อ่อ.. ท่านปู่ของเจ้าได้อธิบายให้ข้าฟังบ้างแล้ว แต่ข้ามัวแต่หมกมุ่นที่จะพัฒนากำลังภายในของตนเอง จึงไม่ได้สนใจนัก แต่สองสามวันนี้คงต้องใส่ใจบ้างแล้ว..”
หลิงหยุนยังคงย้ำอีกครั้ง“ท่านพ่อ.. เชื่อฟังข้า.. ฝึกวรยุทธไปก่อน ส่วนเรื่องกำลังภายในนั้นข้าจะช่วยท่านเอง”
หลิงเสี่ยวเห็นหลิงหยุนย้ำด้วยความเป็นห่วงเป็นใยเช่นนั้นจึงหัวเราะออกมาอย่างมีความสุข “ได้.. ข้าจะเชื่อฟังเจ้า และจะฝึกเฉพาะวรยุทธเท่านั้น!”
จากนั้นหลิงหยุนจึงได้เปลี่ยนมาพูดเรื่องของซือกงถู“ท่านพ่อ.. เวลานี้ซือกงถูถูกขังอยู่ที่คุกใต้ดิน และข้าได้ทรมานมันนานพอควรแล้ว เวลานี้สภาพของมันแทบไม่เป็นผู้เป็นคนแล้ว ไม่ทราบว่าท่านพ่อคิดจะจัดการกับคนผู้นี้เช่นใด” และก็เป็นอย่างที่หลิงหยุนคาดคิดไว้ทันทีที่หลิงเสี่ยวได้ยินชื่อของซือกงถู สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปทันที คิ้วของเขาขมวดเข้าหากันแน่น!
นั่นเพราะสำหรับหลิงเสี่ยวแล้ว..ซือกงถูนอกจากจะเป็นศัตรูคู่แค้นของเขามานานถึงสิบแปดปีแล้ว แต่ยังเป็นเสมือนปีศาจชั่วช้าในสายตาของเขาด้วย!
และนี่คืออีกหนึ่งสาเหตุที่หลิงหยุนยังไม่ต้องการให้หลิงเสี่ยวพัฒนากำลังภายในเข้าสู่ขั้นต่อไป..
ความจริงหลิงเสี่ยวเองก็รู้ว่าซือกงถูถูกขังอยู่ในคุกใต้ดินมานานแต่เขากลับไม่เคยเข้าไปที่นั่นเลยแม้แต่ครั้งเดียว นั่นเพราะการได้พบหน้าซือกงถูจะทำให้อารมณ์ของหลิงเสี่ยวเหวี่ยงไปมาไม่สงบนิ่ง ซึ่งมีผลต่อการฝึกฝนของเขา..
และด้วยเหตุผลเดียวกันนี้..หลิงหยุนจึงไม่ลงมือสังหารซือกงถู และรอให้หลิงเสี่ยวลงมือด้วยตัวเอง เพื่อให้เขาได้ปลดเปลื้องความแค้นในใจอัดแน่นมานานนับสิบปี..
“หลิงหยุน..เวลานี้การประลองระหว่างตระกูลหลิงกับตระกูลเฉินก็ใกล้จะมาถึงแล้ว ข้าไม่ต้องการให้คนผู้นี้มาทำให้จิตใจของข้าไม่สงบ รอให้การประลองสิ้นสุดลงก่อน ค่อยสังหารซือกงถูกแก้แค้นก็ยังไม่สาย!”
หลิงหยุนได้แต่ถอนหายใจและคิดว่าเรื่องจิตใจเป็นของแต่ละคน ต่อให้เขาเก่งกาจมากเพียงใดก็ช่วยพ่อปลดภาระทางใจนี้ไม่ได้ จึงได้แต่พูดไปว่า
“เรื่องนี้แล้วแต่ท่านพ่อ..ถ้าเช่นนั้นก็ปล่อยให้มันมีชีวิตอยู่ต่ออีกสังสิบวัน จึงค่อยลงมือสังหารมัน!”
หลิงเสี่ยวเองก็พอที่จะมองออกว่าหลิงหยุนรู้สึกเช่นใดจึงได้ถามออกไปว่า “หลิงหยุน.. พ่อทำให้เจ้าลำบากใจหรือไม่”
“ไม่เลยท่านพ่อ!”
เพื่อลบความเคียดแค้นที่อัดอั้นในใจหลิงเสี่ยวมานานนับสิบปีปล่อยให้ซือกงถูมีชีวิตต่อไปอีกหน่อยก็คงไม่เป็นอะไร..
………
หลังจากรับประทานอาหารเช้าเสร็จแล้วหลิงหยุนก็สอบถามเหล่ากุ่ยถึงเรื่องสมุนไพรที่สั่งให้นำจากบ้านตระกูลหลิงในวงแหวนที่ห้า มาไว้ที่คฤหาสน์ตระกูลหลิงแทน เพราะเมื่อครั้งที่หลิงหยุนมาปักกิ่งครั้งแรกนั้น เขาได้สั่งให้ถังเมิ่งส่งสมุนไพรที่อบด้วยพลังชีวิตในบ้านเลขที่-1 มาไว้ที่นั่น และจนถึงตอนนี้เขายังไม่ได้นำไปใช้อะไรเลย.. ไอลีนโนเวล
เหล่ากุ่ยตอบกลับมาว่า“ท่านผู้นำตระกูล.. ข้าได้ให้คนไปขนมาเรียบร้อยแล้ว”
หลิงหยุนถึงกับถอนหายใจพร้อมกับบอกเหล่ากุ่ยว่า“เหล่กุ่ย.. หากมีแค่ข้ากับท่านสองคน ท่านเรียกข้าว่าหลิงหยุนก็พอ”
เหล่ากุ่ยยิ้มและตอบกลับไปทันที“ข้าสะดวกที่จะเรียกท่านว่าผู้นำตระกูลมากกว่า!”
หลิงหยุนได้แต่ถอนหายใจเพราะไม่สามารถทำอะไรได้.. เวลานี้คฤหาสน์ตระกูลหลิงก็มีค่ายกลหลุมพลังแล้วหลิงหยุนจึงต้องการนำสมุนไพรเหล่านั้นมาไว้ที่นี่ เพื่อให้มันดูดซับเอาพลังชีวิตเข้าไปมากๆ
“ยังมีอีกเรื่อง..ท่านช่วยโทรหาถังเมิ่ง สั่งให้เขาไปขอเมล็ดพันธุ์พืชพลังชีวิตจากท่านหมอเสี่ยว หรือเหมี่ยวเสี่ยวเหมาก็ได้ และรีบจัดส่งมาให้ข้าโดยเร็วที่สุด!”
ภายในสวนชั้นที่ห้าและหกของคฤหาสน์ตระกูลหลิงนั้นมีพื้นที่ว่างสามารถปูลกต้นไม้ได้อีกมากมาย เขาจึงต้องการนำพืชพลังชีวิตชนิดต่างๆมาปลูกไว้ ดีกว่าปล่อยให้เป็นพื้นที่ว่างเปล่าประโยชน์เช่นนี้..
หลังจากสั่งงานเหล่ากุ่ยเรียบร้อยแล้วหลิงหยุนก็ตรงไปหาหลิงซิ่วที่บ้านในสวนชั้นที่หนึ่งของคฤหาสน์ตระกูลหลิง..
“นี่เจ้าเด็กตัวแสบ..ในที่สุดก็มาหาข้าได้แล้วรึ ข้านึกว่าเจ้าจะจำพี่สาวคนนี้ไม่ได้แล้วเสียอีก!”
หลิงซิ่วเห็นหลิงหยุนมาหาตนเช่นนี้ก็ดีใจเป็นอย่างมากแต่ก็ไม่วายที่จะพูดจากระเซ้าเย้าแหย่หลิงหยุนเช่นเคย
หลิงหยุนถึงกับหน้าแดงและตอบกลับไปว่า“พี่หลิงซิ่ว.. ข้าจะลืมเจ้าได้อย่างไรเล่า”
หลิงซิวจ้องมองหลิงหยุนพร้อมกับถามออกไปตรงๆ“บอกมาตรงๆ เจ้ามาหาข้าวันนี้มีเรื่องอะไรจะให้ข้าช่วย”
“พี่หลิงซิ่วทายถูกแล้วข้าอยากให้พี่หลิงซิ่วออกไปช้อปปิ้งเป็นเพื่อนข้าหน่อย!”
“อะไรนะไปช้อปปิ้งงั้นรึ?” หลิงซิ่วร้องอุทานออกมาอย่างตกใจ
หลิงหยุนฉีกยิ้มพร้อมตอบกลับไปทันที“ใช่.. ตั้งแต่ข้ามาถึงปักกิ่ง ยังไม่เคยได้ออกไปเดินช้อปปิ้งที่ใหนเลย!”
หลิงซิ่วถามย้ำอีกครั้ง“เจ้าอยากออกไปช้อปปิ้งจริงๆงั้นรึ นี่เจ้ายังมีเวลาเดินเล่นสบายอกสบายใจอีกรึ?!”
“ว่าแต่เจ้าอยากจะออกไปซื้่ออะไร”
“ข้าอยากจะได้แหวน..!” หลิงซิ่วมองหลิงหยุนด้วยแววตาสังสัยพร้อมกับถามออกไปตรงๆ“ซื้อแหวน บอกข้ามาเดี๋ยวนี้ว่าเจ้าไปชอบหญิงสาวที่ใหนอีก?”
หลิงหยุนส่ายหน้าและรีบอธิบายทันที“ไม่ใช่แบบนั้น! ข้าอยากจะทำแหวนพื้นที่ใหม่ แล้วก็ทำให้พี่หลิงซิ่วด้วย..”
เวลานี้หลิงหยุนอยู่ในระดับสูงสุดขั้นเอ้อเฉิงชี่แล้วและยังมีปราณอมตะเสวียนหวงอยู่ในร่างกายอีกมากมาย ปราณอมตะเสวียนหวงกับเสินหยวน ก็เพียงพอที่จะทำให้เขาทำแหวนพื้นที่ได้แล้ว..
และหลิงหยุนก็ตั้งใจไว้ว่าจะทำให้กับคนอื่นๆด้วย!
หลิงซิ่วได้ยินคำว่าแหวนพื้นที่ถึงกับหู่ผึ่งตาโตขึ้นมาทันทีพร้อมกับตอบรับหลิงหยุนเสียงดัง “ถ้าเช่นนั้นก็รีบไปกันเลย!”
แต่ระหว่างที่เดินออกไปนั้นหลิงเซ่ิวก็ร้องถามขึ้นมาว่า “เจ้าเด็กตัวแสบ.. นี่เจ้าจะทำแหวนพื้นทีให้ใครบ้าง” หลิงหยุนยกนิ้วขึ้นนับ“ก็มีท่านปู่ ท่านพ่อ ลุงสอง พี่หลิงซิ่ว น้องหลิงซวี่ น้าจินเหยียว เหล่ากุ่ย แล้วก็…”
ยังมีเย่ซิงเฉินหนิงหลิงยู่ ฉินตงเฉี่วย แล้วก็เกาเฉินเฉิน แต่หลิงหยุนไม่บอกหลิงซิ่วเพราะกรงว่าจะถูกนางล้อเลียนอีก..
แต่สำหรับของเย่ซิงเฉินกับหนิงหลิงยู่นั้นหลิงหยุนตั้งใจที่จะใช้ศิลากลั่นวิญญาณทำเช่นเดียวกับของตน..
แต่แล้วจู่ๆหลิงซิ่วก็ถามขึ้นว่า“แล้วเจ้าวัดขนาดของพวกเขาแล้วรึยัง”
หลิงหยุนถามออกมาอย่างตกใจ“ห๊ะ! ขนาดอะไร?”
หลิงซิ่วยิ้มพร้อมกับอธิบายว่า“ก็ขนาดนิ้วไงเล่า แต่ละคนมีนิ้วเท่ากันที่ใหน? นี่เจ้าคิดไปถึงใหนกัน?”
หลิงหยุนส่ายหน้าพร้อมกับตอบไปว่า“ข้าลืมเรื่องนี้เสียสนิทเลย.. ทำอย่างไรกันดีล่ะ” หลิงซิ่วหัวเราะคิกคักและตอบกลับไปว่า“เอาล่ะ.. เจ้าบอกรายชื่อคนที่เจ้าจะทำแหวนพื้นทีมาให้หมด ส่วนที่เหลือข้าจะไปจัดการเอง..”
“นอกเหนือจากรายชื่อที่ข้าบอกไปเมื่อครู่เจ้าช่วยซื้อแหวนขนาดเท่านิ้วของเจ้ามาให้ข้าอีกสองวงด้วย”
หลิงหยุนคาดว่านิ้วของเกาเฉินเฉินกับฉินตงเฉี่วยคงจะใกล้เคียงกับนิ้วของหลิงซิ่ว..
“นี่เจ้าจะทำให้หญิงสาวคนอื่นด้วยงั้นรึ”
แต่หลิงหยุนเพียงแค่พยักหน้า..
เมื่อเห็นหว่าหลิงซิ่วเป็นธุระจัดการเรื่องซื้อแหวนให้แล้วหลิงหยุนก็เรียกเช็คจำนวนสิบล้านออกมายัดใส่มือหลิงซิ่ว..
“พี่หลิงซิ่ว..เจ้าต้องหาซื้อแหวนที่ทำจากโลหะที่ดีที่สุดล่ะ แล้วก็ต้องเป็นแหวนเกลี้ยงเท่านั้น ไม่เอาแหวนที่มีลวดลายไม่ว่าจะงดงามเพียงใดก็ตาม เพราะข้าต้องนำมาสลักค่ายกลไว้ด้านในอีก!” “ได้!”
แต่แล้วหลิงซิ่วก็ถามยิ้มๆ“นี่.. เจ้าให้เงินหลิงหย่งกับคนอื่นๆร้อยล้าน แต่ให้ข้าสิบล้านนี่นะ”
หลิงหยุนตอบกลับยิ้มๆ“สำหรับพี่หลิงซิวอย่าว่าแต่ร้อยล้านเลย พันล้านข้าก็ให้ได้!”
แต่หลิงซิ่วกลับไม่ได้สนใจรอฟังคำตอบของหลิงหยุนนางวิ่งออกไปพร้อมกับร้องตะโกนว่า “ข้าจะจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อยภายในวันนี้!”
หลิงหยุนเห็นหลิงเสี่ยววิ่งออกไปโดยไม่สนใจคำตอบของตนเองจึงได้แต่ยิ้มออกมา และคิดว่าหลิงซิ่วช่างเป็นหญิงสาวที่เรียบง่ายยิ่งนัก!
หลังจากหลิงซิ่วออกไปแล้วหลิงหยุนจึงหยิบเครื่องมือสื่อสารออกมาติดต่อหาเย่ซิงเฉินทันที
“มีอะไร”
หลิงหยุนได้ฟังคำถามที่ตรงไปตรงมาของเย่ซิงเฉินก็หมดอารมณ์ที่จะหยอกเย้านาง จึงพูดธุระของตนเองทันที
“เจ้ายังมีผ้าแพรไหมดำเหลืออยู่หรือไม่”
หลิงหยุนมีชุดที่ทำจากผ้าแพรไหมดำอยู่สองชุดแต่ชุดหนึ่งเขาให้หลิงเสี่ยวไว้ใส่ป้องกันตัว ส่วนอีกชุดถูกทำลายเสียหายเมื่อครั้งที่สู้กับซือกงถูแล้ว
เย่ซิงเฉินตอบกลับมาทันที“ข้าไม่มีผ้า.. แต่มีชุดที่ตัดเย็บด้วยผ้าแพรไหมดำอยู่ยี่สิบชุด เจ้าน่าจะใส่ได้พอดี!”
หลิงหยุนตอบกลับไปอย่างมีความสุข“ยี่สิบชุดเชียวรึ เยี่ยม! ข้าจะให้เสี่ยวเม่ยเม่ยไปรับมา!”
เย่ซิงเฉินนิ่งไปครู่หนึ่งจึงถามึ้นว่า“เจ้าไม่มารับเองหรอกรึ”
“ข้ารู้ว่าเจ้ากำลังยุ่งอยู่กับการเตรียมพร้อมเพื่อประลองกับตระกูลเฉิน..”
“ข้าเองก็มีเรื่องของตระกูลเฉินจะบอกกับเจ้า!”