Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร - บทที่ 1159 : โอโรชิ - พญาอสรพิษแปดหัวแปดหาง!
- Home
- Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร
- บทที่ 1159 : โอโรชิ - พญาอสรพิษแปดหัวแปดหาง!
โทคุงาวะฮิโรชินั้น นอกเหนือจากที่เคยประมือกับเหล่านินจาที่เก่งกาจภายในตระกูลโทคุงาวะด้วยกันมาแล้ว เขายังเคยพบเจอกับยอดฝีมือจากชาติต่างๆมามากมาย ทั้งที่ไปฝึกฝนวิชาด้วย และทั้งที่เคยต่อสู้ประมือกันอย่างเอาเป็นเอาตายมาด้วย
ด้วยเหตุนี้..แม้จะต่อสู้กับหลิงหยุนมาจนถึงตอนนี้ โทคุงาวะ ฮิโรชิจึงไม่มีท่าทีว่าจะยอมแพ้ง่ายๆ!
และที่ครั้งนี้โทคุงาวะฮิโรชิยอมมาประลองกับหลิงหยุนตามคำเชิญของเฉินจิ้งเฉวียนนั้น เบื้องหน้าอาจดูเหมือนว่าเขามาเพื่อต้องการช่วยเหลือตระกูลเฉิน แต่ความจริงแล้วที่โทคุงาวะ ฮิโรชิยอมรับคำเชิญในครั้งนี้นั้น จุดประสงค์ที่แท้จริงก็คือ.. โทคคุงาวะ ฮิโรชินั้นเชื่อมั่นในพลังเหนือธรรมชาติที่แข็งแกร่งของตนเองมาก จึงต้องการที่จะมาแสดงแสนยานุภาพของตนในผืนแผ่นดินจีน ด้วยการบดขยี้ยอดฝีมือจีนที่ล้ำเลิศให้ชาวจีนด้วยกันได้เห็นนั่นเอง!
และเพื่อการนี้..โทคุงาวะ ฮิโรชิก็ได้เตรียมตัวมาอย่างดี ทั้งด้านการประลอง และการสื่อสาร ไม่เช่นนั้นภาษาจีนของเขาคงจะไม่ดีถึงเพียงนี้แน่!
โทคุงาวะฮิโรชินั้นเชื่อมั่นในฝีมือ และความแข็งแกร่งของตนเองเป็นอย่างมาก จนแทบไม่เคยเห็นจอมยุทธชาวจีนอยู่ในสายตาเลยแม้แต่น้อย แม้แต่ยอดฝีมือขั้นพลังเหนือธรรมชาติในหน่วยนภา..
แต่หลังจากที่ได้ประลองกับหลิงหยุนความคิดความอ่าน และความมั่นใจของโทคุงาวะ ฮิโรชิก็เริ่มเปลี่ยนไปอย่างมาก!
เมื่อครั้งเริ่มต้นการประลองนั้นโทคุงาวะ ฮิโรชิยังไม่มีท่าทีหวาดหวั่นต่อหลิงหยุนเลยแม้แต่น้อย หนำซ้ำยังเอ่ยชมหลิงหยุนอีกด้วย นั่นเพราะโทคุงาวะ ฮิโรชิมั่นใจว่าลมปราณในขั้นพลังเหนือธรรมชาติของตนนั้น จะสามารถสังหารหลิงหยุนได้ไม่ยาก และเชื่อมั่นว่าตนเองจะเป็นผู้คุมสถานการณ์ในสนามประลองแห่งนี้..
แต่ตอนนี้..กลับกลายเป็นว่าหลิงหยุนสามารถใช้พลังเหนือธรรมชาติของตน สังหารนินจาขั้นเงาระดับสองตายได้ภายในเวลาเพียงแค่ชั่วพริบตาเดียว ในขณะที่นินจาขั้นเงาระดับหนึ่งอีกสองคนนั้นก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่ตัวหลิงหยุนเองกลับยังไม่มีแม้แต่รอยขีดข่วน ทำให้โทคุงาวะ ฮิโรชิเริ่มจะหวาดหวั่นใจขึ้นมาในทันที!
และเพียงแค่รู้สึกเช่นนั้นขึ้นในใจก็ทำให้โทคุงาวะ ฮิโรชิรู้สึกอับอายอย่างที่สุดแล้ว!
เวลานี้..ทั้งโทคุงาวะ ฮิโรชิ โทคุงาวะ ทาเคชิ และโทคุงาวะ ทาเคฮิโกะ ต่างก็ยืนนิ่งด้วยใบหน้าเคียดแค้น ซึ่งบ่งบอกว่าอยากจะขย้ำหลิงหยุนให้สิ้นใจตายไปต่อหน้าต่อตาโดยเร็ว!
และหากสายตาสามารฆ่าคนได้ป่านนี้หลิงหยุนคงจะตายไปแล้วนับครั้งไม่ถ้วน! แต่ทางด้านหลิงหยุนนั้นกลับยืนยิ้มและไม่สนใจแววตาเคียดแค้นของนินจาทั้งสาม เขากำลังคิดหาวิธีที่จะสังหารเหล่านินจาให้ได้โดยเร็วที่สุด!
นินจาทั้งห้านี้ต่างจากไต้ซือหลู่หมิงฉู่และยอดฝีมือจากกลุ่มพันธมิตรทะเลจีนตะวันออกอย่างตระกูลไป๋หลี่ เพราะพวกมันคือชาวญี่ปุ่น! หลิงหยุนเองยังจำได้ดีว่า.. สหายของเขา – ตู้กู่โม่นั้นเกลียดชัง และเคียดแค้นชาวญี่ปุ่นมากเพียงใด!
ก่อนหน้านี้หลิงหยุนยังไม่ได้ศึกษาประวัติศาสตร์จีนอย่างละเอียดนักแต่หลังจากที่ความฝันครั้งนั้นทำให้เขาหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับหลิงหยุนแล้ว ดูเหมือนความรู้สึกที่เขามีต่อชาวญี่ปุ่นนั้นจะเริ่มรุนแรงขึ้นด้วยเช่นกัน!
เวลานี้..หลิงหยุนรับรู้ว่าคนญี่ปุ่นก็คือศัตรูของแผ่นดินนี้!
และนี่คือความรู้สึกและความหมายของคำว่าคนของประเทศชาติ! ด้วยเหตุนี้การสังหารนินจาทั้งห้า ก็คือการสังหารศัตรูของประเทศชาติ หลิงหยุนจึงไม่รู้สึกสงสาร หรือเห็นใจเหล่านินจาทั้งห้าเลยแม้แต่น้อย!
ส่วนตระกูลไป๋หลี่นั้นถึงแม้แว่าจะเป็นยอดฝีมือจากกลุ่มพันธมิตรทะเลจีนตะวันออก พวกเขาก็คือเลือดเนื้อเชื้อสายของชาวจีน ในเมื่อตระกูลไป๋หลี่ยอมรับความพ่ายแพ้แต่โดยดี จึงไม่มีเหตุผลอันใดที่หลิงหยุนจะต้องเอาชีวิตพวกเขาให้ได้..
อีกทั้งระหว่างหลิงหยุนกับตระกูลไป๋หลี่เองต่างก็ไม่เคยมีเรื่องบาดหมางกันมาก่อน ตระกูลไป๋หลี่มาร่วมประลองกับเขาในครั้งนี้ก็เพราะตระกูลซันของร้อง หากจะพูดไปแล้วระหว่างหลิงหยุนกับตระกูลไป๋หลี่แทบไม่เคยรู้จักกันมาก่อนด้วยซ้ำ เหตุใดจึงต้องลงเอยด้วยการเข่นฆ่ากันด้วยเล่า
แต่สำหรับนินจาญี่ปุ่นนั้น..ในเมื่อพวกมันเป็นฝ่ายเหยียบเข้ามาในผืนแผ่นดินจีนเช่นนี้ ต่อให้พวกมันต้องการที่จะยอมแพ้ หลิงหยุนก็ไม่มีทางที่จะเปิดโอกาสให้พวกมันได้ทำเช่นนั้นอย่างแน่นอน!
ยิ่งไปกว่านั้น..ก่อนหน้านี้เหล่านินจานับสิบก็เคยบุกเข้าไปที่คฤหาสน์ตระกูลหลิง และลงมือสังหารนักรบตระกูลหลิงไปตั้งมากมาย และได้รับบาดเจ็บสาหัสก็ไม่น้อย หากครั้งนั้นหลิงหยุนไปช่วยไว้ไม่ทัน แน่นอนว่าตระกูลหลิงคงต้องล่มสลายด้วยน้ำมือนินจาญี่ปุ่นไปแล้วเป็นแน่!
แต่ในทางกลับกัน..หลิงหยุนเองก็ได้สังหารเหล่านินจาของตระกูลโทคุงาวะไปตั้งมากมายเช่นกัน ด้วยเหตุนี้.. ระหว่างหลิงหยุนกับเหล่านินจาญี่ปุ่น จึงเสมือนมีหนี้เลือดที่ต้องชำระสะสาง พวกมันต้องการสังหารหลิงหยุน หลิงหยุนเองก็ต้องการสังหารพวกมันเช่นกัน!
ด้วยเหตุนี้..เพียงแค่เห็นเหล่านินจาทั้งห้าก้าวลงสนามประลองมา ในหัวของหลิงหยุนจึงมีเพียงแค่คำว่า ‘ต้องฆ่า’ เท่านั้น!
ระหว่างที่ต่างฝ่ายต่างก็ยืนมองหน้ากันด้วยความเคียดแค้นนั้นหลิงหยุนก็อาศัยโอกาสนี้ ทำการย่อยสลายลมปราณของเหล่านินจาที่ดูดเข้าไปในร่างกาย และเปลี่ยนให้เป็นพลังหยิน และหยางหมุนเวียนไปทั่วร่างกายแทน..
ในการประลองทั้งสามยกนั้น..หลิงหยุนไม่เพียงไม่สูญเสียลมปราณ แต่ยังได้รับพลังปราณกลับมาเติมเต็มร่างกายจนเข้าสู่ระดับสมบูรณ์สูงสุดอีกครั้ง!
ก่อนหน้านี้หลิงหยุนได้ดูดเอาพลังปราณของโทคุงาวะทาเคฮิเดะ และโทคุงาวะ ทาเคกิซึ่งเป็นนินจาขั้นเงาระดับสองเข้าไปแล้ว และตอนนี้ก็เพิ่งจะดูดเอาพลังปราณของโทคุงาวะ ทาเคชิ กับโทคุงาวะ ทาเคฮิโกะเข้าไปอีก และเวลานี้พลังปราณของเหล่านินจาที่หลิงหยุนดูดเข้าไปนั้น ก็ได้ถูกแปลงเป็นพลังปราณที่ร่างกายของหลิงหยุนสามารถดูดซับไปใช้ได้ ทำให้จุดตันเถียน และเส้นลมปราณทั่วร่างกายของหลิงหยุนเวลานี้ มีพลังปราณอยู่เต็มเปี่ยมยิ่งกว่าตอนเริ่มประลองเสียอีก!
หลิงหยุนใช้จิตหยั่งรู้สำรวจดูภายในร่างกายของตนเองและพบว่าจุดตันเถียนของเขานั้นมีพลังปราณอัดแน่นอยู่เต็มไปหมด จนเริ่มที่จะเปลี่ยนสถานะมาเป็นของเหลว และอัตราการหมุนเวียนของพลังปราณที่โคจรไปตามเส้นลมปราณต่างๆทั่วร่างกายนั้น ก็เร็วขึ้นกว่าเดิมถึงสองเท่า ทำให้เวลานี้หว่างคิ้วของหลิงหยุนสามารถกลั่นหยดเสินหยวนได้เร็วยิ่งขึ้นด้วย!
ในสภาพการณ์เช่นนี้..หลิงหยุนรู้สึกว่าตนจะสามารถเข้าสู่ระดับสูงสุดขั้นซานฉางชี่ได้ทุกเมื่อ และนี่เท่ากับว่ายิ่งประลอง หลิงหยุนกลับยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้น!
จะไม่ให้หลิงหยุนแข็งแกร่งขึ้นได้อย่างไรกันเล่าในเมื่อพลังปราณที่หลิงหยุนสูญเสียไปในระหว่างการต่อสู้นั้น มันน้อยกว่าพลังปราณที่ได้รับกลับเข้ามา!
และนี่คือความล้ำเลิศของวิชาพลังลับหยิน–หยาง!
….
หลิงหยุนจ้องมองโทคุงาวะฮิโรชิที่อยู่ตรงข้าม พร้อมกับร้องตะโกนออกไปเพื่อยั่วโมโห นี่.. พวกเจ้ามีดีแค่นี้เองหรอกรึ เช่นนั้นแล้วก็ไม่ควรเสนอหน้าเข้ามาประลองกับข้า!
หลิงหยุนจงใจกระตุ้นให้อีกฝ่ายโกรธและต้องการที่จะประลองต่อ เพราะเขาเกรงว่าเหล่านินจาที่เหลือนั้นจะเปลี่ยนใจหนีไปกะทันหัน!
โทคุงาวะฮิโรชิได้ฟังคำยั่วยุของหลิงหยุน ก็ถึงกับโกรธจนควบคุมสติไม่อยู่ เขาเดินตรงเข้าไปหาหลิงหยุนอย่างไม่หวั่นเกรง ดวงตาทั้งสองข้างแดงก่ำ และร้องตะโกนออกไปเสียงดัง!
หุบปากสามหาวของเจ้าซะ!
จากนั้นจึงหันหน้าไปทางโทคุงาวะทาเคชิ และโทคุงาวะ ทาเคฮิโกะที่ยืนอยู่ข้างๆเขา และร้องสั่งเป็นภาษาญี่ปุ่น..
หลังจากที่นินจาทั้งสองได้ฟังคำสั่งของโทคุงาวะฮิโรชิ นินจาทั้งคู่ก็ถึงกับมีสีหน้าหวาดผวา และดูเหมือนกำลังพยายามที่จะห้ามปรามโทคุงาวะ ฮิโรชิ! พวกเจ้าสองคนหุบปาก!
โทคุงาวะฮิโรชิตะคอกใส่นินจาทั้งสองด้วยเสียงที่ดังราวกับฟ้าร้อง จนนินจาทั้งสองถึงกับหน้าซีดเผือด และได้แต่ทำตามที่ฮิโรชิสั่ง..
โทคุงาวะทาเคชิเดินกลับไปข้างสนามประลอง และหยิบกล่องสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาดหนึ่งฟุตออกมาจากกระเป๋าเดินทางที่นำติดตัวมาด้วย จากนั้นจึงนำกล่องดังกล่าวมายื่นให้กับโทคุงาวะ ฮิโรชิ
ถึงแม้ว่าหลิงหยุนจะไม่เข้าใจภาษาญี่ปุ่นแต่จากท่าทาง และสีหน้าของโทคุงาวะ เทเคชิ และมือไม้ที่สั่นเทาของเขา ทำให้หลิงหยุนรู้ได้ว่ากล่องใบนั้นต้องไม่ใช่กล่องธรรมดาอย่างแน่นอน!
‘ข้างในกล่องมีของวิเศษอะไรกันแน่!’
หลิงหยุนที่ยืนนิ่งอยู่นั้นจึงรีบเปิดจิตหยั่งรู้ออกขั้นสุด และเริ่มสำรวจดูสิ่งที่อยู่ภายในกล่องใบนั้น แต่เมื่อเห็นสิ่งของที่อยู่ด้านใน คิ้วรูปดาบของหลิงหยุนก็ถึงกับขมวดเข้าหากัน พวกเจ้าสองคนหุบปาก!
โทคุงาวะฮิโรชิตะคอกใส่นินจาทั้งสองด้วยเสียงที่ดังราวกับฟ้าร้อง จนนินจาทั้งสองถึงกับหน้าซีดเผือด และได้แต่ทำตามที่ฮิโรชิสั่ง..
โทคุงาวะทาเคชิเดินกลับไปข้างสนามประลอง และหยิบกล่องสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาดหนึ่งฟุตออกมาจากกระเป๋าเดินทางที่นำติดตัวมาด้วย จากนั้นจึงนำกล่องดังกล่าวมายื่นให้กับโทคุงาวะ ฮิโรชิ
ถึงแม้ว่าหลิงหยุนจะไม่เข้าใจภาษาญี่ปุ่นแต่จากท่าทาง และสีหน้าของโทคุงาวะ เทเคชิ และมือไม้ที่สั่นเทาของเขา ทำให้หลิงหยุนรู้ได้ว่ากล่องใบนั้นต้องไม่ใช่กล่องธรรมดาอย่างแน่นอน!
‘ข้างในกล่องมีของวิเศษอะไรกันแน่!’
หลิงหยุนที่ยืนนิ่งอยู่นั้นจึงรีบเปิดจิตหยั่งรู้ออกขั้นสุด และเริ่มสำรวจดูสิ่งที่อยู่ภายในกล่องใบนั้น แต่เมื่อเห็นสิ่งของที่อยู่ด้านใน คิ้วรูปดาบของหลิงหยุนก็ถึงกับขมวดเข้าหากันทันที..
เพราะภายในกล่องใบนั้นบรรจุแจกันสีเขียวขุ่นซึ่งดูเหมือนว่าจะทำมาจากหยก หากดูผิวเผินจะคล้ายกับแจกันที่วางอยู่ตามแท่นบูชา..
หลิงหยุนพยายามใช้จิตหยั่งรู้แอบดูสิ่งที่อยู่ภายในแจกันแต่จิตหยั่งรู้ของเขากลับไม่สามารถมองทะลุแจกันใบนั้นได้ ดูเหมือนแจกันใบนี้จะถูกปิดผนึกมาอย่างดี ไม่เช่นนั้นมีหรือที่จิตหยั่งรู้ของเขาจะไม่สามารถมองทะลุได้..
หลังจากที่โทคุงาวะฮิโรชิรับกล่องใบนั้นมา สีหน้าที่นิ่งเรียบของเขา ก็เปลี่ยนเป็นเย็นชา และดุร้ายราวกับปีศาจมากขึ้นเรื่อยๆ
โทคุงาวะฮิโรชิค่อยๆเปิดกล่องสี่เหลี่ยมผืนผ้านั้นออกอย่างช้าๆ และหยิบเอาแจกันใบเล็กที่อยู่ด้านในออกมา จากนั้นริมฝีปากของเขาก็ขมุบขมิบคล้ายกับกำลังสื่อสารกับสิ่งที่อยู่ในแจกันใบนั้น!
และในเวลาเดียวกันนั้น..ทาเคชิ กับทาเคฮิโกะ ก็ไปช่วยกันเคลื่อนย้ายศพของนินจาที่เสียชีวิตทั้งสองคนเข้ามากลางลานประลองอย่างเงียบๆ
ฮ่า..ฮ่า..
หลังจากที่โทคุงาวะฮิโรชิกระซิบกระซาบกับสิ่งที่อยู่ในแจกันอยู่ครู่หนึ่ง จู่ๆ เขาก็หัวเราะออกมาเสียงดังราวกับคนคลุ้มคลั่ง พร้อมกับโยนแจกันใบนั้นลงไปที่พื้นทันที!
เมื่อแจกันแตกออกจากกันหลิงหยุนก็สังเกตเห็นบางสิ่งบางอย่างกำลังพวยพุ่งออกมา ม่านตาของเขาถึงกับหดเล็กลงอยู่ในอาการระมัดระวังตัว..
‘นี่มันตัวอะไร!’
หลิงหยุนสังเกตเห็นว่าสิ่งที่พุ่งออกมาจากแจกันนั้นมีลักษณะคล้ายเงาสีดำลางๆ แต่ภายใต้จิตหยั่งรู้ของเขานั้น ทำให้หลิงหยุนสามารถมองเห็นรูปร่างที่แท้จริงของเงาดำนั้นได้อย่างชัดเจน..
มันคือสัตว์ชนิดหนึ่งที่มีลำตัวยาวคล้ายงูแต่มีหัวแปดหัว และหางแปดหาง เวลานี้หัวและหางของมันกำลังส่ายไปมาคล้ายกับหนวดปลาหมึก แต่ก็ไม่ใช่ปลาหมึก..
มันคือพญางูอสรพิษที่มีแปดหัวแปดหางนั่นเอง..
ทันทีที่ปรากฏตัวขึ้น..เงาประหลาดของงูสีดำนั้น ก็ได้สร้างความประหวั่นพรั่นพรึง และเผยถึงความดุร้ายออกมาให้ผู้คนได้เห็น!
เงาสีดำที่พวยพุ่งออกมาจากแจกันนั้นแทนที่จะลอยขึ้นไปกลางอากาศ แต่กลับเลื้อยลงบนพื้นดิน จากเงาดำรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า ค่อยๆเปลี่ยนเป็นเงาสีดำยาวที่มีความยาวหลายเมตร และขดเป็นรูปวงกลม..
เริ่มพิธีบูชายัญ!
ทันทีที่เห็นเงาของงูประหลาดที่ค่อยๆเลื้อยขดเป็นวงกลมปรากฏขึ้น โทคุงาวะ ฮิโรชิก็ร้องตะโกนสั่งนินจาทั้งสองคนทันที!
จากนั้นนินจาขั้นเงาทั้งสองรวมทั้งโทคุงาวะฮิโรชิ ก็เริ่มท่องคาถาบางอย่าง แม้หลิงหยุนจะฟังไม่รู้เรื่อง แต่ก็สามารถเข้าใจได้ว่ามันคือมนต์คาถาสำหรับใช้ในพิธีกรรมชนิดใดชนิดหนึ่ง..
ระหว่างที่นินจาทั้งสามท่องมนต์คาถาอยู่นั้นเงาดำใหญ่ก็ค่อยๆ เคลื่อนไปลอยอยู่เหนือร่างที่ไร้วิญญาณของนินจาทั้งสอง และภายในเวลาอันรวดเร็ว เงาดำคล้ายงูยักษ์นั้นก็ค่อยๆดูดเอาเลือดเนื้อของนินจาทั้งสองเข้าไปจนไม่เหลือร่องรอยให้เห็นอีกเลย!
ในเวลาเดียวกันนั้น..โทคุงาวะ ฮิโรชิ และนินจาขั้นเงาทั้งสองคน ก็หยิบขวดสีเขียวเข้มออกมาจากร่างกายของตน จากนั้นทั้งสามคนก็รีบเทโอสถสีเขียวเข้มเข้าปากของตัวเองทันที!
จากนั้นนินจาทั้งสามก็เริ่มปลดปล่อยลมปราณภายในร่างกายให้เคลื่อนออกมาภายนอกและครั้งนี้พลังปราณที่นินจาทั้งสามขับออกมานั้น ก็คือพลังปราณที่มีสีเขียวเข้ม!
เหล่านินจาได้ช่วยกันขับพลังปราณสีเขียวเข้มนี้ให้พุ่งเข้าใส่ร่างของงูยักษ์ที่มีแปดหัวแปดหางในทันที!
ร่างของงูยักษ์ค่อยๆขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ จนมีลำตัวกว้างมากกว่าหนึ่งเมตร สูงกว่าหกเมตร และจากเพียงแค่เห็นเป็นเงาที่มีรูปร่างคล้ายงูยักษ์ ก็ได้เปลี่ยนเป็นสัตว์ประหลาดที่มีเนื้อหนังเต็มตัว มีหัวแปดหัว และมีหางแปดหาง ไม่ใช่เงาเสมือนจริงอีกต่อไป!
เวลานี้..ไม่ใช่เพียงแค่หลิงหยุนที่เห็นสัตว์ประหลาดตัวนี้ด้วยตาเปล่า แต่ทุกคนที่อยู่บริเวณนั้นก็เห็นกันชัดเจนทุกคน!
ทุกคนต่างก็เห็นว่าสัตว์ประหลาดแปดหัวแปดหางนี้มีลำตัวเป็นเกล็ดน่าขยะแขยง และดวงตาทั้งสิบหกข้างของมันก็แดงก่ำอย่างน่ากลัว และที่มันสามารถเปลี่ยนรูปร่างจากเงาทะมึนมามีเลือดเนื้อได้ ก็เพราะได้กลืนดื่มเลือดและกินเนื้อของนินจาทั้งสองเข้าไปนั่นเอง..
เวลานี้หัวงูขนาดใหญ่ทั้งแปดหัวกำลังชูคอและอ้าปากที่กว้างกว่าสิบเซ็นติเมตรออก ทำให้ยิ่งดูดุร้าย และน่าสยดสยองมากยิ่งขึ้น! ห๊ะ!
นี่มันตัวอะไรกัน!
นี่มัน..พญาอสรพิษโอโรชิ สัตว์อสูรในตำนานของชาวญี่ปุ่นนี่!
ทุกคนต่างก็พากันตกใจและร้องอุทานออกมาต่างๆนานา พร้อมกับรีบกระโดดถอยห่างออกไปทันที..
…..
โทคุงาวะฮิโรชิไม่สามารถเอาชนะหลิงหยุนได้ และถูกเขายั่วโมโหจนคลุ้มคลั่ง จึงได้ใช้เลือดเนื้อของนินจาที่เสียชีวิตทั้งสองคน เป็นเครื่องสังเวยพญาอสรพิษโอโรชิ เพื่อเรียกให้มันออกมา!
โทคุงาวะฮิโรชิ หันไปมองหลิงหยุนพร้อมกับร้องตะโกนออกไปว่า พญาอสรพิษโอโรชิแห่งแดนอาทิตย์อุทัย ด้านหน้าของเจ้าคือเหยื่ออันโอชะ จงเข้าไปกัดกินร่างของมันเดี๋ยวนี้!
ยังไม่ทันที่เสียงพูดของโทคุงาวะฮิโรชิจะจบลงดี หัวทั้งแปดของพญาอสรพิษโอโรชิ ก็หันไปทางร่างของหลิงหยุนพร้อมกัน และดวงตากลมโตสีแดงสดขนาดเท่าไข่ห่านทั้งสิบแปดข้างนั้น ก็จับจ้องอยู่ที่ร่างของหลิงหยุนเพียงอย่างเดียว..