Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร - บทที่ 1160 : สู้กับพญางูโอโรชิ!
‘นี่มันตัวอะไรกัน!’
หลิงหยุนที่อยู่ห่างไปราวสิบกว่าเมตรยืนจ้องมองพญาอสรพิษโอโรชิที่ตอนนี้มีลำตัวสูงใหญ่อย่างมาก เขาสัมผัสได้ถึงพลังอันน่ากลัว และความดุร้ายที่แผ่ซ่านออกมา!
กลิ่นอายสังหารจากพญางูโอโรชินั้นรุนแรงยิ่งนักเพียงแค่รูปร่าง และขนาดของมันก็สามารถสร้างความกดดัน และความหวาดหวั่นให้กับผู้พบเห็นได้อย่างมากแล้ว อีกทั้งดวงตาสีแดงเพลิงทั้งสิบหกดวงนั้น ก็ดูทรงพลังจนสามารถสะกดทุกคนให้หวาดผวาได้ในทันที!
แม้กระทั่งหลิงหยุนซึ่งเตรียมร่างกายมาจนพร้อมถึงขั้นสมบูรณ์สูงสุดแล้วยังแทบจะไม่สามารถทานทนต่อพลังอันน่าสะพรึงกลัวของพญางูโอโรชิตนนี้ได้!
หลิงหยุนสัมผัสได้ในทันทีว่าปีศาจพญางูโอโรชิตนนี้นั้น ดุร้ายเสียยิ่งกว่าเทพอสูรทมิฬของซือกงถูหลายเท่านัก!
ยิ่งไปกว่านั้นเทพทมิฬของซือกงถูก็เป็นเพียงแค่พลังปราณทมิฬของซือกงถูเท่านั้นแต่ปีศาจพญางูโอโรชินั้นแตกต่างกัน มันได้ดื่มเลือดและกินเนื้อของนินจาทั้งสองเข้าไป ภายในตัวจึงมีเลือดและเนื้อหนังของมนุษย์ไหลเวียนอยู่ภายใน ทำให้มันมีอานุภาพเหนือกว่าเทพอสูรทมิฬซึ่งเป็นเพียงแค่เงาเสมือนจริงเท่านั้น!
ดวงตาทั้งสิบหกดวงของปีศาจงูโอโรชินั้นแดงก่ำราวกับสีเลือดทำให้เหล่ายอดฝีมือในบริเวณนั้นถึงกับขนลุกขนพองไปตามๆกัน!
และนี่คือสัตว์อสูรที่น่าสะพรึงกลัวอย่างแท้จริง!
……
ท่ามกลางค่ำคืนที่มืดมิดเวลานี้..สูงขึ้นไปบนท้องฟ้าราวสามกิโลเมตร มีชายหญิงคู่หนึ่งกำลังแอบดูการประลองอยู่ห่างๆ
ชายหญิงคู่นี้ต่างก็กำลังยืนทรงตัวอยู่บนตัวกระบี่คนละเล่ม..
ชายผู้นั้นยืนเอามือไขว้หลังและกำลังลอยอยู่กลางอากาศ รอบตัวของเขามีพลังปราณสีเขียวปกคลุมอยู่ทั่วทั้งร่าง ทำให้ไม่สามารถมองเห็นใบหน้า และเรือนร่างที่แท้จริงได้ เห็นเพียงแค่กลุ่มควันสีเขียวจางๆ ที่ครอบคลุมอยู่เท่านั้น
พลังปราณสีเขียวหมุนรอบตัวชายผู้นั้นดูคล้ายกับมังกรสีเขียวที่มีเขี้ยวเล็บ และกำลังหมุนวนอยู่รอบร่างกายของชายผู้นั้นราวกับมีชีวิต..
ส่วนผู้หญิงที่ยืนอยู่คู่กันนั้นนางสวมชุดสีเขียว และมีกลุ่มควันจางๆ รายล้อมร่างกายไว้เช่นกัน ทำให้ไม่สามารถมองเห็นใบหน้า และเรือนร่างที่แท้จริงของนางได้เช่นกัน!
ทั้งสองคนต่างก็กำลังจ้องมองและสังเกตดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในสนามประลองด้านล่างอย่างไม่กระพริบตา..
ระยะทางที่สูงถึงสามกิโลเมตรอีกทั้งยังเป็นเวลาค่ำคืนที่มืดมิด ไม่มีผู้ใดรู้ว่าชายและหญิงคู่นี้อยู่ในขั้นใดกันแน่ แต่ทั้งคู่ก็สามารถมองเห็นเหตุการณ์ภายในสนามประลองด้านล่างได้อย่างชัดเจนเลยทีเดียว!
และในระยะความสูงเช่นนั้น..แม้แต่จิตหยั่งรู้ของหลิงหยุนยังไม่สามารถจับภาพชายหญิงคู่นี้ไว้ได้..
“หึ..นั่นมันพญางูโอโรชินี่! เด็กหลิงหยุนนั่นคงต้องพบกับปัญหาใหญ่แล้ว!”
ทันทีที่เห็นปีศาจพญางูโอโรชิปรากฏตัวขึ้นชายผู้นั้นก็พึมพำออกมาด้วยสีหน้าที่ยิ้มแย้ม..
“หลงฮ่าวหลาน..นินจาญี่ปุ่นกล้าเข้ามาผยองในผืนแผ่นดินจีนเช่นนี้ หนำซ้ำยังกล้าปล่อยปีศาจพญางูโอโรชิออกมาอาละวาดด้วย ท่านยังทำเป็นไม่สนใจได้อีกงั้นรึ”
หญิงผู้นั้นเอ่ยปากถามขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชาแต่ในความหมายของคำพูดนั้น บ่งบอกว่ากำลังตำหนิหลงฮ่าวหลานซึ่งๆหน้า!
“เย่ชิงซิน..เจ้าเองก็อย่าได้ตำหนิข้านัก!หลายปีมานี้ตระกูลเย่ได้ทำอะไรให้กับประเทศนี้บ้าง เอาแต่เก็บตัวอยู่เงียบๆ แอบเสริมสร้างความแข็งแกร่ง และไม่สนใจโลกภายนอกเช่นนี้ คิดจะทำอะไรอย่างนั้นรึ?!”
ชายและหญิงคู่นี้นั้นคนหนึ่งก็คือผู้นำตระกูลหลิงนามว่าหลงฮ่าวหลาน ส่วนอีกคนก็คือยอดฝีมือผู้มีพรสวรรค์ล้ำเลิศของตระกูลเย่นามว่าเย่ชิงซิน!
“เรื่องราวเกี่ยวกับประเทศนี้..เป็นเรื่องของเย่ชิงเฟิงไม่เกี่ยวกับข้า ข้าไม่เคยสนใจอยู่แล้ว!”
“แต่..”
เย่ชิงซินหันไปมองหลงฮ่าวหลานพร้อมกับหัวเราะขบขันก่อนจะพูดต่อว่า “ตระกูลหลงของท่านเองก็เช่นกัน.. หลายสิบปีมานี้เพียงเพื่อต้องการรักษาสถานะตระกูลอันดับหนึ่งเอาไว้ ถึงกับทำเรื่องไม่เหมาะสมหลายเรื่องเลยทีเดียว..”
หลงฮ่าวหลานเห็นเย่ชิงซินหัวเราะขบขันและพูดจาประชดประชันตนเองเช่นนั้น แต่กลับไม่โกรธ และตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ
“ถูกต้อง..การจะรักษาสถานะตระกูลอันดับหนึ่งของประเทศนี้ไว้ได้ นับว่าเป็นเรื่องที่ยากเย็นยิ่งนัก!”
“หึ..”
เย่ชิงซินทำเสียงเย้ยหยันก่อนจะพูดต่อว่า“ข้าว่าคงไม่ยากเย็นถึงเพียงนั้นกระมัง!”
“เพราะเท่าที่ข้ารู้มา..หลังจากที่ท่านรู้ว่ามีการประกาศท้าประลองระหว่างตระกูลหลิงกับตระกูลเฉิน และตระกูลซันขึ้น ท่านในฐานะผู้นำตระกูลหลง ก็รีบให้คนส่งจดหมายไปตระกูลหลิงหนึ่งฉบับในทันที แล้วก็สามารถทำให้หลิงหยุนโกรธจนต้องเข้าร่วมการประลองได้สำเร็จ ส่วนท่าน.. ก็เพียงแค่รอดูเสือกัดกันอยู่บนภูเขา และรอเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ นี่ไม่เท่ากับว่ายืมมือคนอื่นกำจัดคู่แข่งหรอกรึ!”
หลงฮ่าวหลานหันไปมองเย่ชิงซินพร้อมกับพูดยิ้มๆ“ดูท่าแม่นายเย่จะเข้าใจข้าผิดไปมากทีเดียว!”
“เย่ชิงซิน..เจ้าเป็นคนไม่สนใจเรื่องราวในโลกภายนอก บางสิ่งบางอย่างเจ้าเองก็ยังไม่เข้าใจนัก!”
“เรื่องของประเทศชาตินั้นใช่ว่าจะพูดกันเพียงแค่สองสามประโยคก็จะเข้าใจยังมีหลายสิ่งหลายอย่างที่เกี่ยวพันเกี่ยวเนื่องกันอีกมากมาย! เจ้าลองไปถามพี่ชายของเจ้าดู!”
“ยกตัวอย่างตระกูลเฉิน..คนตระกูลเฉินซุ่มเตรียมการมาหลายปี เพื่อหวังที่จะไต่อันดับขึ้นมาเป็นตระกูลอันดับหนึ่งให้ได้ ถึงกับยอมแอบเอาเหล่าแวมไพร์ชาวตะวันตกเข้ามาในประเทศมากมาย หนำซ้ำยังร่วมมือกับชาวญี่ปุ่น และไม่ลังเลที่จะขายประเทศชาติเพียงเพื่อความรุ่งเรืองของตระกูล เช่นนี้แล้ว.. เจ้าว่าผู้ที่สร้างความปั่นป่วนวุ่นวายให้กับประเทศชาติเช่นตระกูลเฉิน สมควรถูกทำลายล้างให้สิ้นซากหรือไม่!”
“ส่วนทางด้านตระกูลซัน..พวกเขาครอบครองกระทรวงศึกษา และกระทรวงสาธารณสุขของประเทศนี้มายาวนานกว่ายี่สิบปีแล้ว เจ้าคิดว่าถึงเวลาที่จะต้องมีการจัดระเบียบเรื่องนี้ใหม่หรือไม่เล่า”
เมื่อได้ฟังคำอธิบายของหลงฮ่าวหลานเย่ชิงซินก็รีบพูดแทรกขึ้นมาทันที “แม้ว่าคำพูดของท่านจะมีเหตุมีผลที่พอฟังได้อยู่บ้าง แต่ในเมื่อตระกูลหลงรู้เรื่องทุกอย่างดีเช่นนี้ เหตุใดยังทำเป็นหลับหูหลับตามาได้ตั้งหลายปี และเหตุใดจึงตระกูลหลงจึงไม่ยื่นมือไปจัดการกับตระกูลเฉิน และตระกูลซันด้วยตัวเอง?”
หลงฮ่าวหลานยิ้มขื่นก่อนจะตอบไปว่า“มันยังไม่ถึงเวลา!”
“อีกอย่าง..ทั้งสองกระทรวงนี้ก็เคยเป็นของตระกูลหลิงมาก่อน ช้าเร็ว.. ก็คงต้องคืนกลับให้ตระกูลหลิงอยู่ดี! ยังไม่ถึงเวลาที่ตระกูลหลงจะต้องออกหน้า..”
เย่ชิงซินได้ฟังจึงพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน“ฮ่า.. ฮ่า.. ช่างน่าขัน! หลงฮ่าวหลาน.. ลิ้นของท่านนี่สามารถพลิกไปมาทำให้ตนเองดูดีได้เสมอสินะ! แต่ท่านอย่าคิดว่าข้าไม่รู้เรื่องชั่วช้าที่ท่านกับเย่ชิงเฟิงร่วมกันทำเมื่อยี่สิบปีก่อนล่ะ!”
ทันทีที่ได้ยินคำพูดประโยคนี้ของเย่ชิงซินพลังปราณสีเขียวที่หมุนวนรอบตัวดั่งมังกรมีชีวิตนั้น ก็หยุดชะงักลงทันที!
หลงฮ่าวหลานยิ้มขื่นอีกครั้งก่อนจะพูดขึ้นว่า “แม่นางเย่.. เจ้าคงจะหมายถึงเรื่องของหลิงเสี่ยวกับหยินชิงเฉวียนสินะ! เรื่องนี้ข้ากับพี่ชายของเจ้าตกที่นั่งลำบากจริงๆ เชื่อว่าเย่ชิงเฟิงเองก็คงจะอธิบายให้เจ้าฟังหลายต่อหลายครั้งแล้ว..”
“พวกท่านไม่มีทางที่จะปิดบังตระกูลหลิงไปได้ตลอด!”
เมื่อได้ยินชื่อหลิงเสี่ยวกับหยินชิงเฉวียนเย่ชิงซินก็มีอาการตกใจ และสะท้านอย่างเห็นได้ชัด จนกระบี่ที่นางเหยียบอยู่นั้นถึงกับร่วงลงไปเล็กน้อย!
เย่ชิงซินนิ่งเงียบไปนานก่อนจะพูดขึ้นอีกครั้งว่า“ท่านไม่ต้องเอาชื่อพี่ใหญ่มาอ้าง.. ข้าไม่มีพี่ชายเช่นเขา!” “เอาล่ะ..ในเมื่อพูดเรื่องนี้ออกมา ข้าก็มีคำถามที่จะถามท่าน!”
“เหตุใดตระกูลหลงจึงไม่หาทางยับยั้งไม่ให้ตระกูลหลิงประลองกับตระกูลซัน และตระกูลเฉิน”
“คนทั้งยุทธภพต่างก็รู้ว่าตระกูลหลิงเห็นตระกูลหลงเป็นผู้มีพระคุณและซาบซึ้งใจในสิ่งงที่ตระกูลหลงทำให้พวกเขาตลอดมา! เหตุใดตระกูลหลงจึงนิ่งเฉย..”
หลงฮ่าวหลานยิ้มออกมาทันทีพร้อมกับพูดขึ้นด้วยสีหน้าจริงจัง“หลิงหยุนได้กลับเข้าตระกูล และทำการคาราวะบรรพชนตระกูลหลิงแล้ว ในเมื่อเขาต้องการที่จะนำพาตระกูลหลิงให้กลับขึ้นมาผงาดได้อีกครั้ง ย่อมต้องเผชิญกับความยากลำบาก และภัยพิบัติต่างๆ ซึ่งเขาจะต้องก้าวข้ามสิ่งเหล่านี้ให้ได้! การจะนำพาตระกูลให้ขึ้นสู่ที่สูงได้นั้น เจ้าคิดว่าสามารถทำได้ง่ายๆอย่างนั้นรึ”
“หลงฮ่าวหลาน..ท่านอย่าได้ทำเป็นพูดดีไป และอย่าได้ทะนงตนนัก! รอให้ผ่านพ้นคืนนี้ไปก่อน หากตระกูลหลิงสามารถก้าวข้ามเหตุการณ์ในครั้งนี้ไปได้ ข้าเชื่อว่าคนที่หลิงหยุนต้องการจะจัดการต่อไป น่าจะเป็นตระกูลหลงของท่าน ถึงเวลานั้นข้าจะคอยดูว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับตระกูลหลงของท่านบ้าง”
หลงฮ่าวหลานฟังคำพูดประชดประชันของเย่ชิงซินด้วยสีหน้านิ่งเรียบและตอบกลับไปอย่างไม่สะทกสะท้าน
“ข้าจะรอให้ถึงวันนั้น!คงจะสนุกทีเดียวที่ได้ประมือกับเด็กหนุ่มเช่นนี้! น่าเสียดายที่เทียนเจียวกับฮ่าวเฉียงได้พ่ายแพ้ให้กับหลิงหยุนไปแล้ว!”
“ดูจากฝีมือของเด็กคนนี้..ข้าว่าแม้แต่เย่เทียนซิงกับเย่เทียนฟางก็คงยากที่จะรับมือเขาได้ แต่ยังมีเย่เทียนตูที่น่าจะรับมือหลิงหยุนไหว!”
เย่ชิงซินเห็นท่าทางของหลงฮ่าวหลานจึงได้แต่นิ่งเงียบไปครู่หนึ่งในที่สุดก็ร้องถามขึ้นอย่างเหนื่อยใจ “หลงฮ่าวหลาน..ตลอดเวลาที่ท่านขึ้นเป็นผู้นำตระกูลหลง ในหัวของท่านก็มีแต่เรื่องวางแผน ท่านไม่รู้สึกเหน็ดเหนื่อยบ้างเลยรึ”
“หลงฮ่าวหลาน..นี่ท่านไม่กลัวจริงๆหรือว่าหลิงหยุนจะล่วงรู้เรื่องราวเมื่อยี่สิบปีก่อน และเมื่อถึงตอนนี้เขาจะไม่ปล่อยท่านไว้แน่!”
หลงฮ่าวหลานจ้องมองลงไปที่สนามประลองด้านล่างพร้อมกับพูดขึ้นอย่างไม่แยแส “หากหลิงหยุนล่วงรู้เรื่องนี้เข้าเมื่อใด ตระกูลเย่ของเจ้าเองก็ต้องมีส่วนรับผิดชอบด้วย!”
“เอาล่ะ..หยุดพูดเรื่องพวกนี้ก่อน ไปดูว่าหลิงหยุนจะสามารถจัดการกับพญางูโอโรชิได้หรือไม่”
“หลงฮ่าวหลาน..หากหลิงหยุนไม่สามารถเอาชนะงูตัวนั้นได้ ท่านจะไม่ไปช่วยเขาจริงๆรึ”
“เจ้าไม่ต้องห่วง..อย่างไรหลิงหยุนก็ต้องเอาชนะได้อยู่แล้ว” เย่ชิงซินได้แต่ทำเสียงคำรามอยู่ในลำคออย่างไม่พอใจนัก..
……
ในสนามประลองที่กว้างกว่าสามร้อยเมตรคนกับงูยักษ์กำลังยืนประจันหน้ากันอยู่ ส่วนผู้ที่ดูอยู่รอบๆนั้น ก็ได้แต่กลั้นหายใจไว้ด้วยความตื่นเต้น และจดจ่ออยู่กับการประลองที่ดุเดือดตรงหน้า..
ต่อหน้าพญางูโอโรชิที่ดุร้ายหลิงหยุนไม่ลังเลที่จะเดินลมปราณในขั้นซานฉางชี่อย่างสุดกำลัง เพื่อให้พลังปราณที่แข็งแกร่งของตนต้านทานแรงกดดันจากอสูรร้ายตรงหน้าได้..
ก่อนที่พญางูโอโรชิจะจู่โจมเข้าใส่นั้นหลิงหยุนได้เรียกยันต์เทวะเหิน ยันต์วายุ ยันต์เพชร ยันต์เกราะออกมาปิดไว้ทั่วร่างกาย และยันต์ทุกประเภทที่หลิงหยุนเรียกมาใช้นั้น ก็ล้วนแล้วแต่เป็นยันต์ระดับหกทั้งสิ้น
ยันต์ทั้งหมดนี้จะช่วยเพิ่มความเร็วความแข็งแกร่ง และเกราะป้องกันให้กับหลิงหยุนเพื่อให้เขาสามารถต่อสู้กับอสูรร้ายอย่างพญางูโอโรชิได้!
หลังจากนั้น..หลิงหยุนก็สัมผัสได้ว่าแรงกดดันต่างๆ ตามร่างกายเริ่มลดลงบ้าง และเขาก็กำลังจะเริ่มเข้าสู่การต่อสู้ที่หนักหน่วงอีกครั้ง
หากจะถามว่าหลิงหยุนหวาดกลัวพญางูโอโรชิซึ่งมีแปดหัวแปดหางนี้หรือไม่คำตอบคือเขาไม่กลัวแม้แต่น้อย!
นั่นเพราะเมื่อครั้งที่อยู่ในโลกบ่มเพาะที่ยิ่งใหญ่นั้นหลิงหยุนเคยฆ่างูยักษ์ที่มีขนาดเกือบเท่าภูเขาหนึ่งลูกมาแล้วถึงเก้าตัว..
แต่เวลานี้..หลิงหยุนซึ่งอยู่เพียงแค่ระดับกลางขั้นซานฉางชี่ แต่ต้องต่อสู้กับอสูรร้ายอย่างพญางูโอโรชิเช่นนี้ นับว่าเป็นการต่อสู้ที่หนักหน่วงที่สุด เขาจึงไม่กล้าที่จะประมาทแม้เพียงเล็กน้อย!
เมื่อคันธนูทองปรากฏขึ้นในมือของหลิงหยุนเขาก็จัดการเล็งลูกธนูสามดอกไปที่หัวทั้งสามของพญางูโอโรชิ และจัดการยิงเข้าใส่ทันที!
นี่เป็นเพียงแค่การทดสอบความแข็งแกร่งของพญางูโอโรชิเท่านั้น!
แต่กลับคิดไม่ถึงว่า..เมื่อพญางูโอโรชิเห็นลูกศรทั้งสามดอกพุ่งเข้าใส่เช่นนั้น ไม่เพียงมันไม่ยอมหลบ แต่ยังอ้าปากกัดลูกศรแหลมคมทั้งสามดอกไว้ และกลืนลงท้องไปทันที!
‘ลูกศรของข้าทำอะไรเจ้างูยักษ์ไม่ได้เลยรึ’
หลิงหยุนจึงเรียกคันธนูทองเก็บเข้าไปและเรียกกระบี่โลหิตแดนใต้กับดาบพายุออกมาถือไว้ในมือแทน!
ลูกศรทั้งสามดอกของหลิงหยุนที่ยิงใส่พญางูโอโรชินั้นได้ทำให้มันโกรธและปลุกเร้าความดุร้ายในตัวของมันให้พลุ่งพล่านยิ่งขึ้น หัวงูทั้งแปดซัดส่ายไปมา และร่างใหญ่ยักษ์ของมันก็พุ่งฉกเข้าใส่หลิงหยุนด้วยความเร็วที่น่าเหลือเชื่อ.. หัวงูทั้งแปดนั้นชูขึ้นกลางอากาศและอ้าปากออกกว้างพร้อมกับแลบลิ้นสีแดงออกมาตลอดเวลา..
“ตายซะ!”
หลิงหยุนไม่ได้รู้สึกหวาดกลัวเลยแม้แต่น้อยเขารวบรวมพละกำลังทั้งหมดที่มีกระโดดพุ่งตัวเข้าใส่หัวงู พร้อมกับใช้กระบี่โลหิตแดนใต้ในมือฟันลงไปที่หัวของพญางูจนเป็นแผลลึกกว่าครึ่งเมตร!
แต่การฟันในครั้งนี้หลิงหยุนยังไม่ได้ใช้พละกำลังทั้งหมดที่มีในการฟันลงไปเขาเพียงแค่ต้องการทดสอบเท่านั้นว่า กระบี่ในมือตนนั้นจะสามารถฟันร่างของพญางูโอโรชิได้ขาดหรือไม่
บาดแผลลึกครึ่งเมตรเมื่อครู่ทำให้หัวของพญางูมีบาดแผลเปิดไปถึงกระโหลก และได้สร้างความเจ็บปวดให้กับมันเป็นอย่างมาก มันสะบัดหัวไปมาอย่างรุนแรง และร่างใหญ่ยักษ์ก็เลื้อยถอยกลับไปทันที!
และเวลานี้เลือดสีแดงสดก็ได้ไหลออกมาอาบร่างใหญ่ยักษ์ของพญางูโอโรชิ..
หลังจากที่ได้รับชัยชนะในครั้งนี้หลิงหยุนก็ไม่ผลีผลามที่จะไล่ตามไป เขากระโดดลงมายืนกับพื้นพร้อมกับพึมพำว่า
“ใช่แล้ว!กระบี่โลหิตแดนใต้สามารถใช้ปราบพญางูโอโรชิได้!”
นั่นเพราะภายในกระบี่โลหิตแดนใต้นั้นมีการผนึกดวงจิตของมังกรไว้ภายใน และหลิงหยุนเองก็ได้เห็นกับตาตัวเองเมื่อครั้งที่รับทัณฑ์สวรรค์อยู่บนเกาะเตียวหยู เขาเห็นมังกรสีดำพุ่งออกมาจากกระบี่เล่มนี้ มาช่วยต้านทัณฑ์เมฆาไว้ให้เขา..
แม้ว่าพญางูโอโรชิจะเป็นสัตว์อสูรที่ดุร้ายและน่ากลัวมากเพียงใด แต่ก็ไม่อาจเทียบได้กับมังกร!
หลิงหยุนจ้องมองกระบี่โลหิตแดนใต้ในมือด้วยความรู้สึกโล่งอกและได้แต่แอบคิดว่านี่คงเป็นอาวุธชนิดเดียวที่หลิงหยุนจะสามารถใช้ปราบพญางูโอโรชิได้!
หลิงหยุนที่อยู่ห่างไปราวสิบกว่าเมตรยืนจ้องมองพญาอสรพิษโอโรชิที่ตอนนี้มีลำตัวสูงใหญ่อย่างมาก เขาสัมผัสได้ถึงพลังอันน่ากลัว และความดุร้ายที่แผ่ซ่านออกมา!
กลิ่นอายสังหารจากพญางูโอโรชินั้นรุนแรงยิ่งนักเพียงแค่รูปร่าง และขนาดของมันก็สามารถสร้างความกดดัน และความหวาดหวั่นให้กับผู้พบเห็นได้อย่างมากแล้ว อีกทั้งดวงตาสีแดงเพลิงทั้งสิบหกดวงนั้น ก็ดูทรงพลังจนสามารถสะกดทุกคนให้หวาดผวาได้ในทันที!
แม้กระทั่งหลิงหยุนซึ่งเตรียมร่างกายมาจนพร้อมถึงขั้นสมบูรณ์สูงสุดแล้วยังแทบจะไม่สามารถทานทนต่อพลังอันน่าสะพรึงกลัวของพญางูโอโรชิตนนี้ได้!
หลิงหยุนสัมผัสได้ในทันทีว่าปีศาจพญางูโอโรชิตนนี้นั้น ดุร้ายเสียยิ่งกว่าเทพอสูรทมิฬของซือกงถูหลายเท่านัก!
ยิ่งไปกว่านั้นเทพทมิฬของซือกงถูก็เป็นเพียงแค่พลังปราณทมิฬของซือกงถูเท่านั้นแต่ปีศาจพญางูโอโรชินั้นแตกต่างกัน มันได้ดื่มเลือดและกินเนื้อของนินจาทั้งสองเข้าไป ภายในตัวจึงมีเลือดและเนื้อหนังของมนุษย์ไหลเวียนอยู่ภายใน ทำให้มันมีอานุภาพเหนือกว่าเทพอสูรทมิฬซึ่งเป็นเพียงแค่เงาเสมือนจริงเท่านั้น!
ดวงตาทั้งสิบหกดวงของปีศาจงูโอโรชินั้นแดงก่ำราวกับสีเลือดทำให้เหล่ายอดฝีมือในบริเวณนั้นถึงกับขนลุกขนพองไปตามๆกัน!
และนี่คือสัตว์อสูรที่น่าสะพรึงกลัวอย่างแท้จริง!
……
ท่ามกลางค่ำคืนที่มืดมิดเวลานี้..สูงขึ้นไปบนท้องฟ้าราวสามกิโลเมตร มีชายหญิงคู่หนึ่งกำลังแอบดูการประลองอยู่ห่างๆ
ชายหญิงคู่นี้ต่างก็กำลังยืนทรงตัวอยู่บนตัวกระบี่คนละเล่ม..
ชายผู้นั้นยืนเอามือไขว้หลังและกำลังลอยอยู่กลางอากาศ รอบตัวของเขามีพลังปราณสีเขียวปกคลุมอยู่ทั่วทั้งร่าง ทำให้ไม่สามารถมองเห็นใบหน้า และเรือนร่างที่แท้จริงได้ เห็นเพียงแค่กลุ่มควันสีเขียวจางๆ ที่ครอบคลุมอยู่เท่านั้น
พลังปราณสีเขียวหมุนรอบตัวชายผู้นั้นดูคล้ายกับมังกรสีเขียวที่มีเขี้ยวเล็บ และกำลังหมุนวนอยู่รอบร่างกายของชายผู้นั้นราวกับมีชีวิต..
ส่วนผู้หญิงที่ยืนอยู่คู่กันนั้นนางสวมชุดสีเขียว และมีกลุ่มควันจางๆ รายล้อมร่างกายไว้เช่นกัน ทำให้ไม่สามารถมองเห็นใบหน้า และเรือนร่างที่แท้จริงของนางได้เช่นกัน!
ทั้งสองคนต่างก็กำลังจ้องมองและสังเกตดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในสนามประลองด้านล่างอย่างไม่กระพริบตา..
ระยะทางที่สูงถึงสามกิโลเมตรอีกทั้งยังเป็นเวลาค่ำคืนที่มืดมิด ไม่มีผู้ใดรู้ว่าชายและหญิงคู่นี้อยู่ในขั้นใดกันแน่ แต่ทั้งคู่ก็สามารถมองเห็นเหตุการณ์ภายในสนามประลองด้านล่างได้อย่างชัดเจนเลยทีเดียว!
และในระยะความสูงเช่นนั้น..แม้แต่จิตหยั่งรู้ของหลิงหยุนยังไม่สามารถจับภาพชายหญิงคู่นี้ไว้ได้..
“หึ..นั่นมันพญางูโอโรชินี่! เด็กหลิงหยุนนั่นคงต้องพบกับปัญหาใหญ่แล้ว!”
ทันทีที่เห็นปีศาจพญางูโอโรชิปรากฏตัวขึ้นชายผู้นั้นก็พึมพำออกมาด้วยสีหน้าที่ยิ้มแย้ม..
“หลงฮ่าวหลาน..นินจาญี่ปุ่นกล้าเข้ามาผยองในผืนแผ่นดินจีนเช่นนี้ หนำซ้ำยังกล้าปล่อยปีศาจพญางูโอโรชิออกมาอาละวาดด้วย ท่านยังทำเป็นไม่สนใจได้อีกงั้นรึ”
หญิงผู้นั้นเอ่ยปากถามขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชาแต่ในความหมายของคำพูดนั้น บ่งบอกว่ากำลังตำหนิหลงฮ่าวหลานซึ่งๆหน้า!
“เย่ชิงซิน..เจ้าเองก็อย่าได้ตำหนิข้านัก!หลายปีมานี้ตระกูลเย่ได้ทำอะไรให้กับประเทศนี้บ้าง เอาแต่เก็บตัวอยู่เงียบๆ แอบเสริมสร้างความแข็งแกร่ง และไม่สนใจโลกภายนอกเช่นนี้ คิดจะทำอะไรอย่างนั้นรึ?!”
ชายและหญิงคู่นี้นั้นคนหนึ่งก็คือผู้นำตระกูลหลิงนามว่าหลงฮ่าวหลาน ส่วนอีกคนก็คือยอดฝีมือผู้มีพรสวรรค์ล้ำเลิศของตระกูลเย่นามว่าเย่ชิงซิน!
“เรื่องราวเกี่ยวกับประเทศนี้..เป็นเรื่องของเย่ชิงเฟิงไม่เกี่ยวกับข้า ข้าไม่เคยสนใจอยู่แล้ว!”
“แต่..”
เย่ชิงซินหันไปมองหลงฮ่าวหลานพร้อมกับหัวเราะขบขันก่อนจะพูดต่อว่า “ตระกูลหลงของท่านเองก็เช่นกัน.. หลายสิบปีมานี้เพียงเพื่อต้องการรักษาสถานะตระกูลอันดับหนึ่งเอาไว้ ถึงกับทำเรื่องไม่เหมาะสมหลายเรื่องเลยทีเดียว..”
หลงฮ่าวหลานเห็นเย่ชิงซินหัวเราะขบขันและพูดจาประชดประชันตนเองเช่นนั้น แต่กลับไม่โกรธ และตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ
“ถูกต้อง..การจะรักษาสถานะตระกูลอันดับหนึ่งของประเทศนี้ไว้ได้ นับว่าเป็นเรื่องที่ยากเย็นยิ่งนัก!”
“หึ..”
เย่ชิงซินทำเสียงเย้ยหยันก่อนจะพูดต่อว่า“ข้าว่าคงไม่ยากเย็นถึงเพียงนั้นกระมัง!”
“เพราะเท่าที่ข้ารู้มา..หลังจากที่ท่านรู้ว่ามีการประกาศท้าประลองระหว่างตระกูลหลิงกับตระกูลเฉิน และตระกูลซันขึ้น ท่านในฐานะผู้นำตระกูลหลง ก็รีบให้คนส่งจดหมายไปตระกูลหลิงหนึ่งฉบับในทันที แล้วก็สามารถทำให้หลิงหยุนโกรธจนต้องเข้าร่วมการประลองได้สำเร็จ ส่วนท่าน.. ก็เพียงแค่รอดูเสือกัดกันอยู่บนภูเขา และรอเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ นี่ไม่เท่ากับว่ายืมมือคนอื่นกำจัดคู่แข่งหรอกรึ!”
หลงฮ่าวหลานหันไปมองเย่ชิงซินพร้อมกับพูดยิ้มๆ“ดูท่าแม่นายเย่จะเข้าใจข้าผิดไปมากทีเดียว!”
“เย่ชิงซิน..เจ้าเป็นคนไม่สนใจเรื่องราวในโลกภายนอก บางสิ่งบางอย่างเจ้าเองก็ยังไม่เข้าใจนัก!”
“เรื่องของประเทศชาตินั้นใช่ว่าจะพูดกันเพียงแค่สองสามประโยคก็จะเข้าใจยังมีหลายสิ่งหลายอย่างที่เกี่ยวพันเกี่ยวเนื่องกันอีกมากมาย! เจ้าลองไปถามพี่ชายของเจ้าดู!”
“ยกตัวอย่างตระกูลเฉิน..คนตระกูลเฉินซุ่มเตรียมการมาหลายปี เพื่อหวังที่จะไต่อันดับขึ้นมาเป็นตระกูลอันดับหนึ่งให้ได้ ถึงกับยอมแอบเอาเหล่าแวมไพร์ชาวตะวันตกเข้ามาในประเทศมากมาย หนำซ้ำยังร่วมมือกับชาวญี่ปุ่น และไม่ลังเลที่จะขายประเทศชาติเพียงเพื่อความรุ่งเรืองของตระกูล เช่นนี้แล้ว.. เจ้าว่าผู้ที่สร้างความปั่นป่วนวุ่นวายให้กับประเทศชาติเช่นตระกูลเฉิน สมควรถูกทำลายล้างให้สิ้นซากหรือไม่!”
“ส่วนทางด้านตระกูลซัน..พวกเขาครอบครองกระทรวงศึกษา และกระทรวงสาธารณสุขของประเทศนี้มายาวนานกว่ายี่สิบปีแล้ว เจ้าคิดว่าถึงเวลาที่จะต้องมีการจัดระเบียบเรื่องนี้ใหม่หรือไม่เล่า”
เมื่อได้ฟังคำอธิบายของหลงฮ่าวหลานเย่ชิงซินก็รีบพูดแทรกขึ้นมาทันที “แม้ว่าคำพูดของท่านจะมีเหตุมีผลที่พอฟังได้อยู่บ้าง แต่ในเมื่อตระกูลหลงรู้เรื่องทุกอย่างดีเช่นนี้ เหตุใดยังทำเป็นหลับหูหลับตามาได้ตั้งหลายปี และเหตุใดจึงตระกูลหลงจึงไม่ยื่นมือไปจัดการกับตระกูลเฉิน และตระกูลซันด้วยตัวเอง?”
หลงฮ่าวหลานยิ้มขื่นก่อนจะตอบไปว่า“มันยังไม่ถึงเวลา!”
“อีกอย่าง..ทั้งสองกระทรวงนี้ก็เคยเป็นของตระกูลหลิงมาก่อน ช้าเร็ว.. ก็คงต้องคืนกลับให้ตระกูลหลิงอยู่ดี! ยังไม่ถึงเวลาที่ตระกูลหลงจะต้องออกหน้า..”
เย่ชิงซินได้ฟังจึงพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน“ฮ่า.. ฮ่า.. ช่างน่าขัน! หลงฮ่าวหลาน.. ลิ้นของท่านนี่สามารถพลิกไปมาทำให้ตนเองดูดีได้เสมอสินะ! แต่ท่านอย่าคิดว่าข้าไม่รู้เรื่องชั่วช้าที่ท่านกับเย่ชิงเฟิงร่วมกันทำเมื่อยี่สิบปีก่อนล่ะ!”
ทันทีที่ได้ยินคำพูดประโยคนี้ของเย่ชิงซินพลังปราณสีเขียวที่หมุนวนรอบตัวดั่งมังกรมีชีวิตนั้น ก็หยุดชะงักลงทันที!
หลงฮ่าวหลานยิ้มขื่นอีกครั้งก่อนจะพูดขึ้นว่า “แม่นางเย่.. เจ้าคงจะหมายถึงเรื่องของหลิงเสี่ยวกับหยินชิงเฉวียนสินะ! เรื่องนี้ข้ากับพี่ชายของเจ้าตกที่นั่งลำบากจริงๆ เชื่อว่าเย่ชิงเฟิงเองก็คงจะอธิบายให้เจ้าฟังหลายต่อหลายครั้งแล้ว..”
“พวกท่านไม่มีทางที่จะปิดบังตระกูลหลิงไปได้ตลอด!”
เมื่อได้ยินชื่อหลิงเสี่ยวกับหยินชิงเฉวียนเย่ชิงซินก็มีอาการตกใจ และสะท้านอย่างเห็นได้ชัด จนกระบี่ที่นางเหยียบอยู่นั้นถึงกับร่วงลงไปเล็กน้อย!
เย่ชิงซินนิ่งเงียบไปนานก่อนจะพูดขึ้นอีกครั้งว่า“ท่านไม่ต้องเอาชื่อพี่ใหญ่มาอ้าง.. ข้าไม่มีพี่ชายเช่นเขา!” “เอาล่ะ..ในเมื่อพูดเรื่องนี้ออกมา ข้าก็มีคำถามที่จะถามท่าน!”
“เหตุใดตระกูลหลงจึงไม่หาทางยับยั้งไม่ให้ตระกูลหลิงประลองกับตระกูลซัน และตระกูลเฉิน”
“คนทั้งยุทธภพต่างก็รู้ว่าตระกูลหลิงเห็นตระกูลหลงเป็นผู้มีพระคุณและซาบซึ้งใจในสิ่งงที่ตระกูลหลงทำให้พวกเขาตลอดมา! เหตุใดตระกูลหลงจึงนิ่งเฉย..”
หลงฮ่าวหลานยิ้มออกมาทันทีพร้อมกับพูดขึ้นด้วยสีหน้าจริงจัง“หลิงหยุนได้กลับเข้าตระกูล และทำการคาราวะบรรพชนตระกูลหลิงแล้ว ในเมื่อเขาต้องการที่จะนำพาตระกูลหลิงให้กลับขึ้นมาผงาดได้อีกครั้ง ย่อมต้องเผชิญกับความยากลำบาก และภัยพิบัติต่างๆ ซึ่งเขาจะต้องก้าวข้ามสิ่งเหล่านี้ให้ได้! การจะนำพาตระกูลให้ขึ้นสู่ที่สูงได้นั้น เจ้าคิดว่าสามารถทำได้ง่ายๆอย่างนั้นรึ”
“หลงฮ่าวหลาน..ท่านอย่าได้ทำเป็นพูดดีไป และอย่าได้ทะนงตนนัก! รอให้ผ่านพ้นคืนนี้ไปก่อน หากตระกูลหลิงสามารถก้าวข้ามเหตุการณ์ในครั้งนี้ไปได้ ข้าเชื่อว่าคนที่หลิงหยุนต้องการจะจัดการต่อไป น่าจะเป็นตระกูลหลงของท่าน ถึงเวลานั้นข้าจะคอยดูว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับตระกูลหลงของท่านบ้าง”
หลงฮ่าวหลานฟังคำพูดประชดประชันของเย่ชิงซินด้วยสีหน้านิ่งเรียบและตอบกลับไปอย่างไม่สะทกสะท้าน
“ข้าจะรอให้ถึงวันนั้น!คงจะสนุกทีเดียวที่ได้ประมือกับเด็กหนุ่มเช่นนี้! น่าเสียดายที่เทียนเจียวกับฮ่าวเฉียงได้พ่ายแพ้ให้กับหลิงหยุนไปแล้ว!”
“ดูจากฝีมือของเด็กคนนี้..ข้าว่าแม้แต่เย่เทียนซิงกับเย่เทียนฟางก็คงยากที่จะรับมือเขาได้ แต่ยังมีเย่เทียนตูที่น่าจะรับมือหลิงหยุนไหว!”
เย่ชิงซินเห็นท่าทางของหลงฮ่าวหลานจึงได้แต่นิ่งเงียบไปครู่หนึ่งในที่สุดก็ร้องถามขึ้นอย่างเหนื่อยใจ “หลงฮ่าวหลาน..ตลอดเวลาที่ท่านขึ้นเป็นผู้นำตระกูลหลง ในหัวของท่านก็มีแต่เรื่องวางแผน ท่านไม่รู้สึกเหน็ดเหนื่อยบ้างเลยรึ”
“หลงฮ่าวหลาน..นี่ท่านไม่กลัวจริงๆหรือว่าหลิงหยุนจะล่วงรู้เรื่องราวเมื่อยี่สิบปีก่อน และเมื่อถึงตอนนี้เขาจะไม่ปล่อยท่านไว้แน่!”
หลงฮ่าวหลานจ้องมองลงไปที่สนามประลองด้านล่างพร้อมกับพูดขึ้นอย่างไม่แยแส “หากหลิงหยุนล่วงรู้เรื่องนี้เข้าเมื่อใด ตระกูลเย่ของเจ้าเองก็ต้องมีส่วนรับผิดชอบด้วย!”
“เอาล่ะ..หยุดพูดเรื่องพวกนี้ก่อน ไปดูว่าหลิงหยุนจะสามารถจัดการกับพญางูโอโรชิได้หรือไม่”
“หลงฮ่าวหลาน..หากหลิงหยุนไม่สามารถเอาชนะงูตัวนั้นได้ ท่านจะไม่ไปช่วยเขาจริงๆรึ”
“เจ้าไม่ต้องห่วง..อย่างไรหลิงหยุนก็ต้องเอาชนะได้อยู่แล้ว” เย่ชิงซินได้แต่ทำเสียงคำรามอยู่ในลำคออย่างไม่พอใจนัก..
……
ในสนามประลองที่กว้างกว่าสามร้อยเมตรคนกับงูยักษ์กำลังยืนประจันหน้ากันอยู่ ส่วนผู้ที่ดูอยู่รอบๆนั้น ก็ได้แต่กลั้นหายใจไว้ด้วยความตื่นเต้น และจดจ่ออยู่กับการประลองที่ดุเดือดตรงหน้า..
ต่อหน้าพญางูโอโรชิที่ดุร้ายหลิงหยุนไม่ลังเลที่จะเดินลมปราณในขั้นซานฉางชี่อย่างสุดกำลัง เพื่อให้พลังปราณที่แข็งแกร่งของตนต้านทานแรงกดดันจากอสูรร้ายตรงหน้าได้..
ก่อนที่พญางูโอโรชิจะจู่โจมเข้าใส่นั้นหลิงหยุนได้เรียกยันต์เทวะเหิน ยันต์วายุ ยันต์เพชร ยันต์เกราะออกมาปิดไว้ทั่วร่างกาย และยันต์ทุกประเภทที่หลิงหยุนเรียกมาใช้นั้น ก็ล้วนแล้วแต่เป็นยันต์ระดับหกทั้งสิ้น
ยันต์ทั้งหมดนี้จะช่วยเพิ่มความเร็วความแข็งแกร่ง และเกราะป้องกันให้กับหลิงหยุนเพื่อให้เขาสามารถต่อสู้กับอสูรร้ายอย่างพญางูโอโรชิได้!
หลังจากนั้น..หลิงหยุนก็สัมผัสได้ว่าแรงกดดันต่างๆ ตามร่างกายเริ่มลดลงบ้าง และเขาก็กำลังจะเริ่มเข้าสู่การต่อสู้ที่หนักหน่วงอีกครั้ง
หากจะถามว่าหลิงหยุนหวาดกลัวพญางูโอโรชิซึ่งมีแปดหัวแปดหางนี้หรือไม่คำตอบคือเขาไม่กลัวแม้แต่น้อย!
นั่นเพราะเมื่อครั้งที่อยู่ในโลกบ่มเพาะที่ยิ่งใหญ่นั้นหลิงหยุนเคยฆ่างูยักษ์ที่มีขนาดเกือบเท่าภูเขาหนึ่งลูกมาแล้วถึงเก้าตัว..
แต่เวลานี้..หลิงหยุนซึ่งอยู่เพียงแค่ระดับกลางขั้นซานฉางชี่ แต่ต้องต่อสู้กับอสูรร้ายอย่างพญางูโอโรชิเช่นนี้ นับว่าเป็นการต่อสู้ที่หนักหน่วงที่สุด เขาจึงไม่กล้าที่จะประมาทแม้เพียงเล็กน้อย!
เมื่อคันธนูทองปรากฏขึ้นในมือของหลิงหยุนเขาก็จัดการเล็งลูกธนูสามดอกไปที่หัวทั้งสามของพญางูโอโรชิ และจัดการยิงเข้าใส่ทันที!
นี่เป็นเพียงแค่การทดสอบความแข็งแกร่งของพญางูโอโรชิเท่านั้น!
แต่กลับคิดไม่ถึงว่า..เมื่อพญางูโอโรชิเห็นลูกศรทั้งสามดอกพุ่งเข้าใส่เช่นนั้น ไม่เพียงมันไม่ยอมหลบ แต่ยังอ้าปากกัดลูกศรแหลมคมทั้งสามดอกไว้ และกลืนลงท้องไปทันที!
‘ลูกศรของข้าทำอะไรเจ้างูยักษ์ไม่ได้เลยรึ’
หลิงหยุนจึงเรียกคันธนูทองเก็บเข้าไปและเรียกกระบี่โลหิตแดนใต้กับดาบพายุออกมาถือไว้ในมือแทน!
ลูกศรทั้งสามดอกของหลิงหยุนที่ยิงใส่พญางูโอโรชินั้นได้ทำให้มันโกรธและปลุกเร้าความดุร้ายในตัวของมันให้พลุ่งพล่านยิ่งขึ้น หัวงูทั้งแปดซัดส่ายไปมา และร่างใหญ่ยักษ์ของมันก็พุ่งฉกเข้าใส่หลิงหยุนด้วยความเร็วที่น่าเหลือเชื่อ.. หัวงูทั้งแปดนั้นชูขึ้นกลางอากาศและอ้าปากออกกว้างพร้อมกับแลบลิ้นสีแดงออกมาตลอดเวลา..
“ตายซะ!”
หลิงหยุนไม่ได้รู้สึกหวาดกลัวเลยแม้แต่น้อยเขารวบรวมพละกำลังทั้งหมดที่มีกระโดดพุ่งตัวเข้าใส่หัวงู พร้อมกับใช้กระบี่โลหิตแดนใต้ในมือฟันลงไปที่หัวของพญางูจนเป็นแผลลึกกว่าครึ่งเมตร!
แต่การฟันในครั้งนี้หลิงหยุนยังไม่ได้ใช้พละกำลังทั้งหมดที่มีในการฟันลงไปเขาเพียงแค่ต้องการทดสอบเท่านั้นว่า กระบี่ในมือตนนั้นจะสามารถฟันร่างของพญางูโอโรชิได้ขาดหรือไม่
บาดแผลลึกครึ่งเมตรเมื่อครู่ทำให้หัวของพญางูมีบาดแผลเปิดไปถึงกระโหลก และได้สร้างความเจ็บปวดให้กับมันเป็นอย่างมาก มันสะบัดหัวไปมาอย่างรุนแรง และร่างใหญ่ยักษ์ก็เลื้อยถอยกลับไปทันที!
และเวลานี้เลือดสีแดงสดก็ได้ไหลออกมาอาบร่างใหญ่ยักษ์ของพญางูโอโรชิ..
หลังจากที่ได้รับชัยชนะในครั้งนี้หลิงหยุนก็ไม่ผลีผลามที่จะไล่ตามไป เขากระโดดลงมายืนกับพื้นพร้อมกับพึมพำว่า
“ใช่แล้ว!กระบี่โลหิตแดนใต้สามารถใช้ปราบพญางูโอโรชิได้!”
นั่นเพราะภายในกระบี่โลหิตแดนใต้นั้นมีการผนึกดวงจิตของมังกรไว้ภายใน และหลิงหยุนเองก็ได้เห็นกับตาตัวเองเมื่อครั้งที่รับทัณฑ์สวรรค์อยู่บนเกาะเตียวหยู เขาเห็นมังกรสีดำพุ่งออกมาจากกระบี่เล่มนี้ มาช่วยต้านทัณฑ์เมฆาไว้ให้เขา..
แม้ว่าพญางูโอโรชิจะเป็นสัตว์อสูรที่ดุร้ายและน่ากลัวมากเพียงใด แต่ก็ไม่อาจเทียบได้กับมังกร!
หลิงหยุนจ้องมองกระบี่โลหิตแดนใต้ในมือด้วยความรู้สึกโล่งอกและได้แต่แอบคิดว่านี่คงเป็นอาวุธชนิดเดียวที่หลิงหยุนจะสามารถใช้ปราบพญางูโอโรชิได้!