Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร - บทที่ 1161 : สู้กับพญางูโอโรชิ! (2
- Home
- Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร
- บทที่ 1161 : สู้กับพญางูโอโรชิ! (2
)
“ห๊ะ!นี่มันอะไรกัน?!”
“เป็นเช่นนี้ได้ยังไง!”
“นี่..”
การที่หลิงหยุนสามารถฟันหัวของพญางูโอโรชิจนเป็นแผลลึกเข้าไปถึงกะโหลกได้นั้นทำให้นินจาขั้นเงาทั้งสามของตระกูลโทคุงาวะถึงกับตกใจไม่น้อย!
นินจาทั้งสามดูแทบไม่อยากจะเชื่อในสิ่งตาเห็น!
โดยเฉเพาะอย่างยิ่งโทคุงาวะฮิโรชิ.. นั่นเพราะพญาอสรพิษโอโรชิแปดหัวแปดหางนั้น เป็นสัตว์อสูรที่จะสามารถเรียกใช้งานด้วยการบูชายัญเท่านั้น เขาจึงรู้ถึงความแข็งแกร่ง และดุร้ายของมันได้ดี!
พญาอสรพิษโอโรชิได้ดื่มเลือดและกินเนื้อของนินจาขั้นเงาระดับสองไปถึงสองคน จึงทำให้มันมีร่างกายที่เป็นเนื้อหนัง แม้ว่าเลือดและเนื้อของนินจาขั้นเงาทั้งสองจะเป็นเลือดเนื้อจากร่างที่ไร้ลมหายใจไปแล้ว ไม่ใช่การบูชายัญด้วยร่างที่ยังมีชีวิต แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้พญางูโอโรชิมีพละกำลัง และความดุร้ายที่ด้อยไปกว่ากันนัก!
ยิ่งไปกว่านั้น..พญางูโอโรชิยังได้ดูดเอาพลังปราณจากร่างของนินจาขั้นเงาระดับสองที่ยังเหลือถึงเก้าสิบส่วนเข้าไปด้วย พลังปราณจากนินจาทั้งสองคนเมื่อรวมกันนั้น จะแข็งแกร่งเท่ากับขั้นพลังเหนือธรรมชาติระดับสามเลยทีเดียว!
แต่สิ่งที่สำคัญกว่านั้นก็คือ..วิญญาณของพญาอสรพิษโอโรชิที่ถูกปลดปล่อยมาจากแจกันเล็กๆใบนั้น ซึ่งเป็นวิญญาณของพญาอสรพิษโอโรชิที่ตระกูลโทคุงาวะบูชาไว้ แม้ว่าจะเป็นเพียงแค่เศษเสี้ยวของดวงวิญญาณ แต่ก็เป็นสัตว์อสูรที่ดุร้ายยิ่งนัก!
ด้วยเหตุนี้..การที่พญางูโอโรชิได้ดื่มเลือด กินเนื้อ และดูดลมปราณของนินจาขั้นเงาระดับสองเข้าไป ประกอบกับความดุร้ายซึ่งเป็นสัญชาติญาณพญางูโอโรชิเองแล้ว จึงทำให้พญางูโอโรชิตนนี้มีเลือดมีเนื้อสามารถจับต้องได้จริงๆเลยทีเดียว!
เรียกได้ว่าต่อให้ไม่มีโทคุงาวะฮิโรชิคอยสั่งการควบคุมอยู่ พญางูโอโรชิตนนี้ก็สามารถต่อสู้ได้ด้วยสัญชาติญาณของตนเองได้!
และครั้งนี้หากหลิงหยุนถูกพญางูโอโรชิเขมือบร่างเข้าไปแล้วล่ะก็เลือด และเนื้อของหลิงหยุนที่ถูกบดขยี้อยู่ในท้องของมันนั้น ก็จะหลอมละลาย และกลายเป็นหนึ่งเดียวกับพญางูโอโรชิต่อไป และเมื่อถึงตอนนั้นดวงจิตและจิตหยั่งรู้ที่ทรงพลังของหลิงหยุน ก็จะถูกกลืนเป็นหนึ่งเดียวกับพญางูโอโรชิด้วย..
และพลังปราณที่แข็งแกร่งของหลิงหยุนก็จะทำให้พญางูโอโรชิแข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิมสามถึงสี่เท่าในทันที!
แต่ช่างน่าเสียดายที่โทคุงาวะฮิโรชิคงได้แต่ฝันกลางวันไปเท่านั้น เพราะสิงที่เกิดขึ้นจริงในเวลานี้ ไม่ได้เป็นอย่างที่โทคุงาวะ ฮิโรชิคิดไว้เลยแม้แต่น้อย! เพราะไม่เพียงพญางูโอโรชิไม่ได้เขมือบร่างของหลิงหยุนเข้าไปแต่ตัวมันเองกลับถูกหลิงหยุนฟันเข้าที่ศรีษะใหญ่โตจนมีบาดแผลลึกไปจนถึงกะโหลกเลยทีเดียว!
“นั่นมันกระบี่อะไรกัน!”
โทคุงาวะฮิโรชิร้องตะโกนถามออกไปอย่างเดือดดาล เขาแทบไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง และแทบไม่อยากเชื่อในสิ่งที่ตาเห็น!
เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นจริงในเวลานี้ล้วนตรงข้ามกับสิ่งที่เขาได้คิดไว้อย่างสิ้นเชิง!
แต่ในระหว่างนั้น..หลิงหยุนกลับพบว่าบาดแผลบนหัวของพญางูโอโรชิที่เพิ่งจะถูกเขาฟันนั้น สามารถสมานกันได้เอง และค่อยๆ คืนกลับสู่สภาพเดิม เพียงแต่ศรีษะใหญ่ที่เคยมีสีแดงสดนั้น เวลานี้กลับดูซีดลงอย่างเห็นได้ชัด!
และนั่นเป็นเพราะอิทธฤทธิ์ของกระบี่โลหิตแดนใต้กระบี่โลหิตแดนใต้เล่มนี้ ไม่ว่าจะฟันเข้ากับสิ่งมีชีวิตใดๆ มันก็จะดูดเอาเลือดของสิ่งมีชีวิตนั้นเข้าไปด้วย ไม่เว้นแม้แต่เลือดของพญางูโอโรชิที่ดุร้ายนี้..
เวลานี้..หากจะเปรียบเทียบสีแดงในร่างของพญางูโอโรชิ กับกระบี่โลหิตแดนใต้ของหลิงหยุนแล้ว แม้ตัวกระบี่โลหิตแดนใต้จะเป็นสีดำ แต่กลับมีลำแสงสีแดงสดปรากฏขึ้นอยู่รอบตัวกระบี่ ซึ่งเป็นสีที่แดงที่สดยิ่งกว่าสีแดงบนร่างของพญางูโอโรชิเสียอีก และนั่นทำให้กระบี่โลหิตแดนใต้ของหลิงหยุนดูราวกับมังกรที่มีชีวิตจริงๆ!
สิ่งที่หลิงหยุนสัมผัสได้อีกอย่างหลังจากที่กระบี่โลหิตแดนใต้ได้ดูดเลือดของพญางูโอโรชิเข้าไปก็คือน้ำหนักของตัวกระบี่ที่เพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัวในทันทีนั่นเอง!
‘ดูท่ากระบี่โลหิตแดนใต้คงจะดูดเอาเลือดของพญางูโอโรชิเข้าไปมากมายเลยทีเดียว!’
หลิงหยุนได้แต่กระหยิ่มยิ้มย่องอยู่ในใจพร้อมกับแอบคิดว่า ‘พญางูโอโรชิมีฤทธิ์เพียงนี้เองหรอกรึ!’
“เตรียมตัวตายได้แล้ว!” หลิงหยุนไม่รีรออีกต่อไปเขาตัดสินใจที่จะเป็นฝ่ายจู่โจมพญางูโอโรชิ จึงได้ใช้มังกรพรางร่างพุ่งเข้าใส่ และใช้เพลงกระบี่นวสังหารเข้าโจมตีในทันที!
ทางด้านพญางูโอโรชิเห็นเช่นนั้นก็อ้าปากใหญ่ทั้งแปดขึ้นพร้อมกัน ราวกับจะบอกหลิงหยุนว่า.. มันนั้นกำลังโกรธเกรี้ยวที่ถูกมนุษย์ตัวเล็กๆอย่างเขาทำร้ายเช่นนี้!
จากนั้น..พญางูโอโรชิก็พุ่งร่างใหญ่ยักษ์ของมันฉกเข้าใส่หลิงหยุนอย่างคลุ้มคลั่งในทันที!
แต่ครั้งนี้..พญางูโอโรชิเริ่มเฉลียวฉลาดขึ้นบ้างแล้ว หัวงูที่เคยถูกหลิงหยุนฟันจนเป็นแผลลึกนั้น รีบหลบเข้าไปซ่อนอยู่หลังหัวงูอีกเจ็ดหัวที่กำลังอ้าปากใหญ่ของมันออกพร้อมกับแลบลิ้นแผลบๆ ในขณะที่แต่ละศรีษะของพญางูโอโรชิ ก็พุ่งข้าใส่ร่างของหลิงหหยุนจากหลายทิศทาง!
และในระหว่างที่หัวงูทั้งแปดพุ่งเข้าใส่ร่างของหลิงหยุนนั้นมันก็ได้พ่นของเหลวบางอย่างที่มีสีม่วงคล้ำ และมีกลิ่นเหม็นน่าสะอิดสะเอียนเข้าใส่หลิงหยุนด้วย!
แต่ในช่วงเวลานั้น..เป็นจังหวะที่หลิงหยุนกำลังใช้ดาบพายุในมือปัดป้องหัวงูสองหัว ที่กำลังพุ่งเข้ามาจนใกล้จะถึงร่างของเขาแล้ว และเสียงดาบพายุที่กระทบกับหัวงูนั้นก็ดังคล้ายกับโลหะสองชนิดกันกระทบกันดังเคร้งๆ
ในระหว่างที่มือซ้ายปัดป้องอยู่นั้นมือขวาของหลิงหยุนก็เงื้อกระบี่โลหิตแดนใต้ขึ้น และฟันเข้าไปที่หัวงูทั้งสองของพญาอสรพิษโอโรชิทันที แต่ครั้งนี้กลับไม่มีเลือดสีแดงสดไหลออกมา และพญางูโอโรชิก็ไม่ได้แสดงอาการเจ็บปวดรวดร้าวใดๆแม้แต่น้อย..
ทันทีที่หัวงูทั้งสองถูกกระบี่โลหิตแดนใต้ฟันจนเกิดเป็นแผลลึกนั้นของเหลวสีม่วงคล้ำจำนวนมากมายก็พุ่งทะลักออกมาจากบาดแผลนั้น และพุ่งกระฉูดเข้าใส่ร่างของหลิงหยุนทันที!
หลิงหยุนเห็นเช่นนั้นจึงรีบกระโดดถอยหลังหลบอย่างรวดเร็ว!
แต่ถึงอย่างนั้น..ก็ยังถูกไอของของเหลวสีม่วงคล้ำพุ่งกระเด็นเข้าใส่เสื้อภูษาเกราะของหลิงหยุนอยู่ดี และทันทีที่ของเหลวสีม่วงคล้ำนั้นกระทบเข้ากับเสื้อภูษาเกราะของหลิงหยุน ภูษาเกราะของเขาก็กลายเป็นรูเล็กๆ และมีควันสีม่วงเข้มโชยขึ้นมาในทันที..
“แย่แล้ว!”
หลิงหยุนถึงกับตกตะลึงและเริ่มตระหนักถึงความน่ากลัวของพญางูโอโรชิได้ในทันที!
เพราะเสื้อภูษาเกราะของหลิงหยุนตัวนี้ไม่เพียงทำจากผ้าแพรราชาไหมดำ แต่หลิงหยุนยังได้สลักค่ายกลลงไปที่เสื้อเพื่อให้มันกลายเป็นวัตถุวิเศษชนิดหนึ่ง หนำซ้ำหลิงหยุนยังได้ปิดยันต์เพชรและยันต์เกราะไว้ที่เสื้อของตนก่อนจะปะทะกับพญางูโอโรชิตนนี้ไว้ด้วย..
แต่ถึงอย่างนั้น..พิษของพญางูโอโรชิที่พ่นใส่ร่างของเขานั้น ยังสามารถกัดกร่อนเกราะป้องกันมากมายที่หลิงหยุนใช้ปกป้องร่างกายว้ได้!
และเวลานี้..หัวของพญางูโอโรชิที่หลิงหยุนฟันจนเป็นแผลลึกนั้น บาดแผลก็ค่อยๆสมานเข้าด้วยกัน จนเวลานี้เหลือบาดแผลกว้างเพียงแค่ครึ่งฟุตเท่านั้น!
ในขณะที่ศรีษะที่เหลือของพญางูโอโรชิก็ชูขึ้นสูงจากพื้นถึงสามเมตร พร้อมกับแลบลิ้นสีแดงแผลบๆอยู่ตลอดเวลา ดวงตาทั้งสิบหกดวงที่กำลังจ้องมองหลิงหยุนนั้น บ่งบอกว่ามันกำลังโกรธเกรี้ยว และไม่พอใจหลิงหยุนอย่าางมาก..
ส่วนบาดแผลบนศรีษะทั้งสองของพญางูโอโรชิที่หลิงหยุนเพิ่งฟันลงไปอีกครั้งนั้นก็ได้สมานกันอย่างรวดเร็ว..
พญาอสรพิษโอโรชิตนนี้นั้น..ไม่เพียงสามารถเคลื่อนไหวได้อย่างรวดเร็ว แต่ยังมีสัญชาติญาณในการป้องกันตัวที่เยี่ยมยอดด้วย อีกทั้งยังมีพิษที่รุนแรงยิ่งนัก เรียกได้ว่าเป็นสัตว์อสูรที่มีความน่ากลัวอย่างมากเลยทีเดียว! และในระหว่างที่หลิงหยุนได้ใช้กระบี่วิเศษในมือสู้กับหัวงูทั้งห้าของพญาอสรพิษโอโรชิที่จู่โจมเข้ามาพร้อมกันอีกครั้งนั้นเขาก็สัมผัสได้ว่ามันมีพละกำลังที่แข็งแกร่งไม่น้อย หนำซ้ำมันยังไม่เปิดโอกาสให้หลิงหยุนได้ตั้งตัวอีกด้วย เพราะเวลานี้หัวงูทั้งเจ็ดกำลังพุ่งเข้าทำร้ายหลิงหยุนพร้อมๆกัน..
ในขณะเดียวกัน..หางทั้งหามของพญางูโอโรชิก็พุ่งเข้าใส่ร่างของหลิงหยุน เพื่อหมายรัดรึงเขาไว้ไม่ให้หนีไปได้..
หางแต่ละหางของพญางูโอโรชินั้นมีความยาวมากกว่าสิบเมตรและเคลื่อนไหวได้อย่างรวดเร็วคล่องแคล่วจนน่าตกใจ!
หลิงหยุนไม่รอช้า..เขารีบใช้วิชาเงาลวงตาหลีกหนีการจู่โจมที่ดุดันของพญางูโอโรชิในทันที!
พญางูโอโรชิยังคงไล่ล่าหลิงหยุนไปอย่างไม่หวั่นเกรงและหากพญางูโอโรชิสามารถรัดร่างของหลิงหยุนไว้ได้ เขาก็คงต้องกลายเป็นฝ่ายพ่ายแพ้อย่างแน่นอน! หลิงหยุนบิดร่างหลบหลีกหัวและหางของพญางูโอโรชิที่พุ่งจู่โจมเข้าใส่ตนเองจากทุกทิศทาง และได้แต่แอบคิดในใจว่าโชคดีที่เขานั้นได้ปิดยันต์เทวะเหิน และยันต์วายุไว้ที่ขาก่อนหน้าแล้ว ทำให้พญางูโอโรชินั้นไม่อาจไล่ตามหลิงหยุนได้ทัน!
‘หากปล่อยให้เป็นเช่นนี้ต่อไปต้องไม่เป็นผลดีแน่!’
ระหว่างที่วิ่งหนีการจู่โจมของพญางูโอโรชิหลิงหยุนก็ได้แต่แอบคิดกังวลใจไปด้วย..
เมื่อเห็นหลิงหยุนถึงกับต้องวิ่งหนีหัวซุกหัวซุนเพื่อเอาชีวิตรอดเช่นนั้นโทคุงาวะ ฮิโรชิก็ถึงกับระเบิดเสียงหัวเราะออกมาด้วยความพอใจ พร้อมกับร้องตะโกนบอกพญางูโอโรชิเสียงดัง..
“สัตว์อสูรในตำนานแห่งแดนอาทิตย์อุทัยมันผู้นั้นคืออาหารอันโอชะของเจ้า รีบเขมือบมันเข้าไปเร็วเข้า!”
….. “วิชาตัวเบาของเด็กหลิงหยุนนี่ไม่เลวเลยทีเดียว!”
สูงจากพื้นดินไปราวสามกิโลเมตรนั้น..หลงฮ่าวหลานยังคงยืนเอามือไขว้หลังอยู่กลางอากาศ และจ้องมองดูการต่อสู้บนพื้นดินเบื้องล่างที่กำลังดำเนินไปอย่างดุเดือด
หลงฮ่าวหลานพูดต่อด้วยน้ำเสียงชื่นชม“หากหลิงหยุนสามารถเคลื่อนที่ได้รวดเร็วถึงเพียงนี้ ข้าว่าอีกไม่นานเขาก็คงสามารถเหาะเหินเดินอากาศได้เป็นแน่..”
เย่ชิงซินเองก็จ้องมองการประลองที่พื้นเบื้องล่างอย่างไม่กระพริบตาเช่นกันและพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ
“นี่มันเกิดอะไรขึ้น!เมื่อครู่หลิงหยุนยังดูเป็นฝ่ายได้เปรียบอยู่เลย เหตุใดจู่ๆ จึงกลายเป็นฝ่ายถูกเจ้างูยักษ์นั่นไล่ล่าจนต้องหนีหัวซุกหัวซุนเช่นนี้ไปได้!”
พญางูโอโรชินั้นเป็นถึงสัตว์อสูรที่ดุร้ายแต่เย่ชิงซินกลับพูดราวกับว่ามันเป็นเพียงงูธรรมดาๆทั่วไปที่ไม่ได้มีพิษสงร้ายแรงอะไร! หลงฮ่าวหลานร้องบอกเย่ชิงซินด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น“วัตถุพื้นที่ของเด็กคนนี้ รวมทั้งกระบี่โลหิตแดนใต้ และยันต์ชนิดต่างๆที่ใช้นั้น ก็ล้วนแล้วแต่น่าอัศจรรย์ใจยิ่งนัก ข้าชักจะอยากได้ซะแล้วสิ!”
แต่เย่ชิงซินตอบกลับหลงฮ่าวหลานด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน“หลงฮ่าวหลาน.. นี่ท่านคิดว่าหลิงหยุนจะกลัวท่านจริงๆงั้นรึ ข้าจะบอกอะไรให้.. ดูจากความแข็งแกร่งของหลิงหยุนเวลานี้ อีกไม่นานเขาก็คงสามารถทัดเทียมท่านได้แล้ว!”
หลังจากที่ได้ฟังคำพูดเย้ยหยันของเย่ชิงซินหลงฮ่าวหลานจึงตอบกลับด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “ก็คงจะจริง.. เพราะเด็กนั่นก้าวหน้าได้รวดเร็วยิ่งนัก!”
“แต่หากเด็กหลิงหยุนกล้าบุกมาที่ตระกูลหลิงจริงข้าก็พร้อมที่จะเผชิญหน้ากับเขา!”
“เวลานี้ข้าอยากจะรู้นักว่า..ต่อหน้าพญางูโอโรชิที่ดุร้ายเช่นนี้ หลิงหยุนยังมีไพ่อะไรอยู่ในมืออีกบ้าง” …..
การที่หลงฮ่าวหลานกับเย่ชิงซินมาปรากฏตัวในคืนนี้แน่นอนว่าทั้งคู่ต่างก็ย่อมมีจุดประสงค์บางอย่าง..
ข้อแรก..การประลองระหว่างตระกูลหลิงกับตระกูลซันและตระกูลเฉินในคืนนี้นั้น นับเป็นการประลองของเหล่าตระกูลใหญ่เป็นครั้งแรกในรอบยี่สิบปีเลยทีเดียว
และผลแพ้–ชนะในคืนนี้ก็ไม่เพียงจะเป็นการจัดอันดับตระกูลใหญ่ในประเทศนี้เสียใหม่แต่ยังส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงกลยุทธ์ในหลายๆเรื่องของประเทศนี้ในวันข้างหน้าด้วย!
การประลองที่สำคัญยิ่งเช่นนี้หลงฮ่าวหลาน และเย่ชิงซินซึ่งนับว่าเป็นยอดฝีมือที่เก่งกาจที่สุดของสองตระกูล จะไม่มาดูให้เห็นกับตาตัวเองได้อย่างไรกันเล่า
ข้อที่สอง..จากคำพูดที่หลิงหยุนกล้าฝากไปบอกกับหลงฮ่าวหลานนั้น ทำให้เขาอยากจะมาดูให้เห็นกับตาว่า หลิงหยุนนั้นจะเก่งกาจสักเพียงใด และเขามีไพ่อะไรอยู่ในมือบ้าง
และสุดท้ายแล้ว..การที่หลงฮ่าวหลานกับเย่ชิงซินปรากฏตัวขึ้นที่สนามประลองในคืนนี้นั้น ก็เพื่อมาคอยควบคุมสถานการณ์ที่อาจบานปลายขึ้นจนยากที่จะควบคุมได้
และที่สำคัญ..ทั้งตระกูลหลงกับตระกูลเย่ต่างก็เป็นตระกูลที่มีอำนาจอิทธิพลมากที่สุดในแปดตระกูลใหญ่ของประเทศนี้ มีหรือที่จะทนนิ่งเฉยอยู่ได้!
แต่นอกเหนือจากเหตุผลทั้งหมดทั้งมวลที่พูดมานั้นทั้งคู่ยังมีเหตุผลส่วนตัวที่ไม่อาจบอกให้คนนอกล่วงรู้ได้ด้วย!
และจู่ๆเย่ชิงซินก็พูดประชดประชันขึ้นมาว่า “หลงฮ่าวหลาน.. เมื่อได้มาเห็นความแข็งแกร่งของหลิงหยุนด้วยตาตัวเองเช่นนี้ ท่านคงจะเริ่มรู้สึกหวาดกลัวหลิงหยุนขึ้นมาบ้างแล้วสินะ!”
หลงฮ่าวหลานไม่สนใจคำพูดประชดประชันของเย่ชิงซินและได้แต่นิ่งเงียบ แล้วก้มลงดูการประลองที่พื้นด้านล่างต่อไป.. ……
แม้หลิงหยุนจะใช้เงาลวงตาขั้นสุดที่สามารถหายตัวไปโผล่อีกที่หนึ่งได้เป็นระยะทางที่ไกลถึงหนึ่งร้อยเมตรแต่ก็ดูเหมือนว่าจะไร้ประโยชน์ เพราะเวลานี้พญางูโอโรชิเริ่มดุร้าย และแข็งแกร่งมากขึ้นเรื่อยๆ อีกทั้งยังสามารถเคลื่อนที่ได้เร็วมากขึ้นเรื่อยๆด้วยเช่นกัน มันยังคงไล่ล่าตามหลิงหยุนไปอย่างไม่หยุดหย่อน!
“ดูท่าหากข้าไม่สั่งสอนเจ้าให้หนักกว่านี้เจ้าคงจะไม่เห็นข้าอยู่ในสายตาสินะ!”
หลิงหยุนเห็นพญางูโอโรชิไล่ล่าตนเองเข้ามาใกล้เรื่อยๆเช่นนี้ก็ยิ่งโมโห จึงได้เรียกยันต์เตโชออกมาจากแหวนจักรวางแปดแผ่น แล้วจัดการซัดเข้าใส่ศรีษะของพญางูโอโรชิทั้งแปดหัวทันที!
ตูม!ตูม! ตูม!
หลังจากที่หลิงหยุนร้องสั่งให้ยันต์ออกฤทธิยันต์เตโชระดับหกก็ระเบิดขึ้นพร้อมกันใน และลูกไฟขนาดใหญ่ก็ลุกโชนขึ้นเผาไหม้ศรีษะทั้งแปดของพญางูโอโรชิในทันที!
ร่างใหญ่ยักษ์ของพญางูโอโรชิถึงกับหยุดชะงัก!ศรีษะทั้งแปดของมันสะบัด และซัดส่ายไปมาอย่างรุนแรง เห็นได้ชัดว่ายันต์เตโชของหลิงหยุนนั้นทำให้มันเจ็บปวดอย่างมากเลยทีเดียว!
เวลานี้..เปลวไฟที่ร้อนแรงจากยันต์เตโชระดับหกของหลิงหยุน ได้ทำให้พญางูโอโรชิเจ็บปวดร้อนรนจนศรีษะทั้งแปดซัดส่ายไปมาจนพันเข้าด้วยกันบ้าง ทั้งเขี้ยว และดวงตาแดงโตของมันนั้น ได้ถูกเปลวเพลิงเผารนจนต้องดิ้นทรุนทุราย และกำลังส่งเสียงคำรามออกมาด้วยความเจ็บปวด..
และยันต์เตโชทั้งหกของหลิงหยุนก็สามารถหยุดพญางูโอโรชิไว้ได้อีกครั้ง!
เสียงร้องคำรามของพญางูโอโรชินั้นดังกึกก้องสนั่นหวั่นไหวไปทั่วทั้งบริเวณจนยอดฝีมือบางคนถึงกับต้องนั่งลง และยกมือขึ้นปิดหูของตนเองไว้เลยทีเดียว!
หลิงหยุนได้ทำให้พญาอสรพิษโอโรชิโกรธและคลุ้มคลั่งอย่างหนัก มันจึงพุ่งเข้าไปหาหลิงหยุนอีกครั้งอย่างบ้าคลั่ง..
ด้วยสัญชาติญาณนั้น..หลิงหยุนกำลังจะกระโดดหนี แต่เมื่อเห็นยันต์เตโชทั้งแปดแผ่นกำลังออกฤทธิ์ เขาจึงเกิดความคิดบางอย่างขึ้นมาแทน!
��
“ห๊ะ!นี่มันอะไรกัน?!”
“เป็นเช่นนี้ได้ยังไง!”
“นี่..”
การที่หลิงหยุนสามารถฟันหัวของพญางูโอโรชิจนเป็นแผลลึกเข้าไปถึงกะโหลกได้นั้นทำให้นินจาขั้นเงาทั้งสามของตระกูลโทคุงาวะถึงกับตกใจไม่น้อย!
นินจาทั้งสามดูแทบไม่อยากจะเชื่อในสิ่งตาเห็น!
โดยเฉเพาะอย่างยิ่งโทคุงาวะฮิโรชิ.. นั่นเพราะพญาอสรพิษโอโรชิแปดหัวแปดหางนั้น เป็นสัตว์อสูรที่จะสามารถเรียกใช้งานด้วยการบูชายัญเท่านั้น เขาจึงรู้ถึงความแข็งแกร่ง และดุร้ายของมันได้ดี!
พญาอสรพิษโอโรชิได้ดื่มเลือดและกินเนื้อของนินจาขั้นเงาระดับสองไปถึงสองคน จึงทำให้มันมีร่างกายที่เป็นเนื้อหนัง แม้ว่าเลือดและเนื้อของนินจาขั้นเงาทั้งสองจะเป็นเลือดเนื้อจากร่างที่ไร้ลมหายใจไปแล้ว ไม่ใช่การบูชายัญด้วยร่างที่ยังมีชีวิต แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้พญางูโอโรชิมีพละกำลัง และความดุร้ายที่ด้อยไปกว่ากันนัก!
ยิ่งไปกว่านั้น..พญางูโอโรชิยังได้ดูดเอาพลังปราณจากร่างของนินจาขั้นเงาระดับสองที่ยังเหลือถึงเก้าสิบส่วนเข้าไปด้วย พลังปราณจากนินจาทั้งสองคนเมื่อรวมกันนั้น จะแข็งแกร่งเท่ากับขั้นพลังเหนือธรรมชาติระดับสามเลยทีเดียว!
แต่สิ่งที่สำคัญกว่านั้นก็คือ..วิญญาณของพญาอสรพิษโอโรชิที่ถูกปลดปล่อยมาจากแจกันเล็กๆใบนั้น ซึ่งเป็นวิญญาณของพญาอสรพิษโอโรชิที่ตระกูลโทคุงาวะบูชาไว้ แม้ว่าจะเป็นเพียงแค่เศษเสี้ยวของดวงวิญญาณ แต่ก็เป็นสัตว์อสูรที่ดุร้ายยิ่งนัก!
ด้วยเหตุนี้..การที่พญางูโอโรชิได้ดื่มเลือด กินเนื้อ และดูดลมปราณของนินจาขั้นเงาระดับสองเข้าไป ประกอบกับความดุร้ายซึ่งเป็นสัญชาติญาณพญางูโอโรชิเองแล้ว จึงทำให้พญางูโอโรชิตนนี้มีเลือดมีเนื้อสามารถจับต้องได้จริงๆเลยทีเดียว!
เรียกได้ว่าต่อให้ไม่มีโทคุงาวะฮิโรชิคอยสั่งการควบคุมอยู่ พญางูโอโรชิตนนี้ก็สามารถต่อสู้ได้ด้วยสัญชาติญาณของตนเองได้!
และครั้งนี้หากหลิงหยุนถูกพญางูโอโรชิเขมือบร่างเข้าไปแล้วล่ะก็เลือด และเนื้อของหลิงหยุนที่ถูกบดขยี้อยู่ในท้องของมันนั้น ก็จะหลอมละลาย และกลายเป็นหนึ่งเดียวกับพญางูโอโรชิต่อไป และเมื่อถึงตอนนั้นดวงจิตและจิตหยั่งรู้ที่ทรงพลังของหลิงหยุน ก็จะถูกกลืนเป็นหนึ่งเดียวกับพญางูโอโรชิด้วย..
และพลังปราณที่แข็งแกร่งของหลิงหยุนก็จะทำให้พญางูโอโรชิแข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิมสามถึงสี่เท่าในทันที!
แต่ช่างน่าเสียดายที่โทคุงาวะฮิโรชิคงได้แต่ฝันกลางวันไปเท่านั้น เพราะสิงที่เกิดขึ้นจริงในเวลานี้ ไม่ได้เป็นอย่างที่โทคุงาวะ ฮิโรชิคิดไว้เลยแม้แต่น้อย! เพราะไม่เพียงพญางูโอโรชิไม่ได้เขมือบร่างของหลิงหยุนเข้าไปแต่ตัวมันเองกลับถูกหลิงหยุนฟันเข้าที่ศรีษะใหญ่โตจนมีบาดแผลลึกไปจนถึงกะโหลกเลยทีเดียว!
“นั่นมันกระบี่อะไรกัน!”
โทคุงาวะฮิโรชิร้องตะโกนถามออกไปอย่างเดือดดาล เขาแทบไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง และแทบไม่อยากเชื่อในสิ่งที่ตาเห็น!
เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นจริงในเวลานี้ล้วนตรงข้ามกับสิ่งที่เขาได้คิดไว้อย่างสิ้นเชิง!
แต่ในระหว่างนั้น..หลิงหยุนกลับพบว่าบาดแผลบนหัวของพญางูโอโรชิที่เพิ่งจะถูกเขาฟันนั้น สามารถสมานกันได้เอง และค่อยๆ คืนกลับสู่สภาพเดิม เพียงแต่ศรีษะใหญ่ที่เคยมีสีแดงสดนั้น เวลานี้กลับดูซีดลงอย่างเห็นได้ชัด!
และนั่นเป็นเพราะอิทธฤทธิ์ของกระบี่โลหิตแดนใต้กระบี่โลหิตแดนใต้เล่มนี้ ไม่ว่าจะฟันเข้ากับสิ่งมีชีวิตใดๆ มันก็จะดูดเอาเลือดของสิ่งมีชีวิตนั้นเข้าไปด้วย ไม่เว้นแม้แต่เลือดของพญางูโอโรชิที่ดุร้ายนี้..
เวลานี้..หากจะเปรียบเทียบสีแดงในร่างของพญางูโอโรชิ กับกระบี่โลหิตแดนใต้ของหลิงหยุนแล้ว แม้ตัวกระบี่โลหิตแดนใต้จะเป็นสีดำ แต่กลับมีลำแสงสีแดงสดปรากฏขึ้นอยู่รอบตัวกระบี่ ซึ่งเป็นสีที่แดงที่สดยิ่งกว่าสีแดงบนร่างของพญางูโอโรชิเสียอีก และนั่นทำให้กระบี่โลหิตแดนใต้ของหลิงหยุนดูราวกับมังกรที่มีชีวิตจริงๆ!
สิ่งที่หลิงหยุนสัมผัสได้อีกอย่างหลังจากที่กระบี่โลหิตแดนใต้ได้ดูดเลือดของพญางูโอโรชิเข้าไปก็คือน้ำหนักของตัวกระบี่ที่เพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัวในทันทีนั่นเอง!
‘ดูท่ากระบี่โลหิตแดนใต้คงจะดูดเอาเลือดของพญางูโอโรชิเข้าไปมากมายเลยทีเดียว!’
หลิงหยุนได้แต่กระหยิ่มยิ้มย่องอยู่ในใจพร้อมกับแอบคิดว่า ‘พญางูโอโรชิมีฤทธิ์เพียงนี้เองหรอกรึ!’
“เตรียมตัวตายได้แล้ว!” หลิงหยุนไม่รีรออีกต่อไปเขาตัดสินใจที่จะเป็นฝ่ายจู่โจมพญางูโอโรชิ จึงได้ใช้มังกรพรางร่างพุ่งเข้าใส่ และใช้เพลงกระบี่นวสังหารเข้าโจมตีในทันที!
ทางด้านพญางูโอโรชิเห็นเช่นนั้นก็อ้าปากใหญ่ทั้งแปดขึ้นพร้อมกัน ราวกับจะบอกหลิงหยุนว่า.. มันนั้นกำลังโกรธเกรี้ยวที่ถูกมนุษย์ตัวเล็กๆอย่างเขาทำร้ายเช่นนี้!
จากนั้น..พญางูโอโรชิก็พุ่งร่างใหญ่ยักษ์ของมันฉกเข้าใส่หลิงหยุนอย่างคลุ้มคลั่งในทันที!
แต่ครั้งนี้..พญางูโอโรชิเริ่มเฉลียวฉลาดขึ้นบ้างแล้ว หัวงูที่เคยถูกหลิงหยุนฟันจนเป็นแผลลึกนั้น รีบหลบเข้าไปซ่อนอยู่หลังหัวงูอีกเจ็ดหัวที่กำลังอ้าปากใหญ่ของมันออกพร้อมกับแลบลิ้นแผลบๆ ในขณะที่แต่ละศรีษะของพญางูโอโรชิ ก็พุ่งข้าใส่ร่างของหลิงหหยุนจากหลายทิศทาง!
และในระหว่างที่หัวงูทั้งแปดพุ่งเข้าใส่ร่างของหลิงหยุนนั้นมันก็ได้พ่นของเหลวบางอย่างที่มีสีม่วงคล้ำ และมีกลิ่นเหม็นน่าสะอิดสะเอียนเข้าใส่หลิงหยุนด้วย!
แต่ในช่วงเวลานั้น..เป็นจังหวะที่หลิงหยุนกำลังใช้ดาบพายุในมือปัดป้องหัวงูสองหัว ที่กำลังพุ่งเข้ามาจนใกล้จะถึงร่างของเขาแล้ว และเสียงดาบพายุที่กระทบกับหัวงูนั้นก็ดังคล้ายกับโลหะสองชนิดกันกระทบกันดังเคร้งๆ
ในระหว่างที่มือซ้ายปัดป้องอยู่นั้นมือขวาของหลิงหยุนก็เงื้อกระบี่โลหิตแดนใต้ขึ้น และฟันเข้าไปที่หัวงูทั้งสองของพญาอสรพิษโอโรชิทันที แต่ครั้งนี้กลับไม่มีเลือดสีแดงสดไหลออกมา และพญางูโอโรชิก็ไม่ได้แสดงอาการเจ็บปวดรวดร้าวใดๆแม้แต่น้อย..
ทันทีที่หัวงูทั้งสองถูกกระบี่โลหิตแดนใต้ฟันจนเกิดเป็นแผลลึกนั้นของเหลวสีม่วงคล้ำจำนวนมากมายก็พุ่งทะลักออกมาจากบาดแผลนั้น และพุ่งกระฉูดเข้าใส่ร่างของหลิงหยุนทันที!
หลิงหยุนเห็นเช่นนั้นจึงรีบกระโดดถอยหลังหลบอย่างรวดเร็ว!
แต่ถึงอย่างนั้น..ก็ยังถูกไอของของเหลวสีม่วงคล้ำพุ่งกระเด็นเข้าใส่เสื้อภูษาเกราะของหลิงหยุนอยู่ดี และทันทีที่ของเหลวสีม่วงคล้ำนั้นกระทบเข้ากับเสื้อภูษาเกราะของหลิงหยุน ภูษาเกราะของเขาก็กลายเป็นรูเล็กๆ และมีควันสีม่วงเข้มโชยขึ้นมาในทันที..
“แย่แล้ว!”
หลิงหยุนถึงกับตกตะลึงและเริ่มตระหนักถึงความน่ากลัวของพญางูโอโรชิได้ในทันที!
เพราะเสื้อภูษาเกราะของหลิงหยุนตัวนี้ไม่เพียงทำจากผ้าแพรราชาไหมดำ แต่หลิงหยุนยังได้สลักค่ายกลลงไปที่เสื้อเพื่อให้มันกลายเป็นวัตถุวิเศษชนิดหนึ่ง หนำซ้ำหลิงหยุนยังได้ปิดยันต์เพชรและยันต์เกราะไว้ที่เสื้อของตนก่อนจะปะทะกับพญางูโอโรชิตนนี้ไว้ด้วย..
แต่ถึงอย่างนั้น..พิษของพญางูโอโรชิที่พ่นใส่ร่างของเขานั้น ยังสามารถกัดกร่อนเกราะป้องกันมากมายที่หลิงหยุนใช้ปกป้องร่างกายว้ได้!
และเวลานี้..หัวของพญางูโอโรชิที่หลิงหยุนฟันจนเป็นแผลลึกนั้น บาดแผลก็ค่อยๆสมานเข้าด้วยกัน จนเวลานี้เหลือบาดแผลกว้างเพียงแค่ครึ่งฟุตเท่านั้น!
ในขณะที่ศรีษะที่เหลือของพญางูโอโรชิก็ชูขึ้นสูงจากพื้นถึงสามเมตร พร้อมกับแลบลิ้นสีแดงแผลบๆอยู่ตลอดเวลา ดวงตาทั้งสิบหกดวงที่กำลังจ้องมองหลิงหยุนนั้น บ่งบอกว่ามันกำลังโกรธเกรี้ยว และไม่พอใจหลิงหยุนอย่าางมาก..
ส่วนบาดแผลบนศรีษะทั้งสองของพญางูโอโรชิที่หลิงหยุนเพิ่งฟันลงไปอีกครั้งนั้นก็ได้สมานกันอย่างรวดเร็ว..
พญาอสรพิษโอโรชิตนนี้นั้น..ไม่เพียงสามารถเคลื่อนไหวได้อย่างรวดเร็ว แต่ยังมีสัญชาติญาณในการป้องกันตัวที่เยี่ยมยอดด้วย อีกทั้งยังมีพิษที่รุนแรงยิ่งนัก เรียกได้ว่าเป็นสัตว์อสูรที่มีความน่ากลัวอย่างมากเลยทีเดียว! และในระหว่างที่หลิงหยุนได้ใช้กระบี่วิเศษในมือสู้กับหัวงูทั้งห้าของพญาอสรพิษโอโรชิที่จู่โจมเข้ามาพร้อมกันอีกครั้งนั้นเขาก็สัมผัสได้ว่ามันมีพละกำลังที่แข็งแกร่งไม่น้อย หนำซ้ำมันยังไม่เปิดโอกาสให้หลิงหยุนได้ตั้งตัวอีกด้วย เพราะเวลานี้หัวงูทั้งเจ็ดกำลังพุ่งเข้าทำร้ายหลิงหยุนพร้อมๆกัน..
ในขณะเดียวกัน..หางทั้งหามของพญางูโอโรชิก็พุ่งเข้าใส่ร่างของหลิงหยุน เพื่อหมายรัดรึงเขาไว้ไม่ให้หนีไปได้..
หางแต่ละหางของพญางูโอโรชินั้นมีความยาวมากกว่าสิบเมตรและเคลื่อนไหวได้อย่างรวดเร็วคล่องแคล่วจนน่าตกใจ!
หลิงหยุนไม่รอช้า..เขารีบใช้วิชาเงาลวงตาหลีกหนีการจู่โจมที่ดุดันของพญางูโอโรชิในทันที!
พญางูโอโรชิยังคงไล่ล่าหลิงหยุนไปอย่างไม่หวั่นเกรงและหากพญางูโอโรชิสามารถรัดร่างของหลิงหยุนไว้ได้ เขาก็คงต้องกลายเป็นฝ่ายพ่ายแพ้อย่างแน่นอน! หลิงหยุนบิดร่างหลบหลีกหัวและหางของพญางูโอโรชิที่พุ่งจู่โจมเข้าใส่ตนเองจากทุกทิศทาง และได้แต่แอบคิดในใจว่าโชคดีที่เขานั้นได้ปิดยันต์เทวะเหิน และยันต์วายุไว้ที่ขาก่อนหน้าแล้ว ทำให้พญางูโอโรชินั้นไม่อาจไล่ตามหลิงหยุนได้ทัน!
‘หากปล่อยให้เป็นเช่นนี้ต่อไปต้องไม่เป็นผลดีแน่!’
ระหว่างที่วิ่งหนีการจู่โจมของพญางูโอโรชิหลิงหยุนก็ได้แต่แอบคิดกังวลใจไปด้วย..
เมื่อเห็นหลิงหยุนถึงกับต้องวิ่งหนีหัวซุกหัวซุนเพื่อเอาชีวิตรอดเช่นนั้นโทคุงาวะ ฮิโรชิก็ถึงกับระเบิดเสียงหัวเราะออกมาด้วยความพอใจ พร้อมกับร้องตะโกนบอกพญางูโอโรชิเสียงดัง..
“สัตว์อสูรในตำนานแห่งแดนอาทิตย์อุทัยมันผู้นั้นคืออาหารอันโอชะของเจ้า รีบเขมือบมันเข้าไปเร็วเข้า!”
….. “วิชาตัวเบาของเด็กหลิงหยุนนี่ไม่เลวเลยทีเดียว!”
สูงจากพื้นดินไปราวสามกิโลเมตรนั้น..หลงฮ่าวหลานยังคงยืนเอามือไขว้หลังอยู่กลางอากาศ และจ้องมองดูการต่อสู้บนพื้นดินเบื้องล่างที่กำลังดำเนินไปอย่างดุเดือด
หลงฮ่าวหลานพูดต่อด้วยน้ำเสียงชื่นชม“หากหลิงหยุนสามารถเคลื่อนที่ได้รวดเร็วถึงเพียงนี้ ข้าว่าอีกไม่นานเขาก็คงสามารถเหาะเหินเดินอากาศได้เป็นแน่..”
เย่ชิงซินเองก็จ้องมองการประลองที่พื้นเบื้องล่างอย่างไม่กระพริบตาเช่นกันและพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบ
“นี่มันเกิดอะไรขึ้น!เมื่อครู่หลิงหยุนยังดูเป็นฝ่ายได้เปรียบอยู่เลย เหตุใดจู่ๆ จึงกลายเป็นฝ่ายถูกเจ้างูยักษ์นั่นไล่ล่าจนต้องหนีหัวซุกหัวซุนเช่นนี้ไปได้!”
พญางูโอโรชินั้นเป็นถึงสัตว์อสูรที่ดุร้ายแต่เย่ชิงซินกลับพูดราวกับว่ามันเป็นเพียงงูธรรมดาๆทั่วไปที่ไม่ได้มีพิษสงร้ายแรงอะไร! หลงฮ่าวหลานร้องบอกเย่ชิงซินด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น“วัตถุพื้นที่ของเด็กคนนี้ รวมทั้งกระบี่โลหิตแดนใต้ และยันต์ชนิดต่างๆที่ใช้นั้น ก็ล้วนแล้วแต่น่าอัศจรรย์ใจยิ่งนัก ข้าชักจะอยากได้ซะแล้วสิ!”
แต่เย่ชิงซินตอบกลับหลงฮ่าวหลานด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน“หลงฮ่าวหลาน.. นี่ท่านคิดว่าหลิงหยุนจะกลัวท่านจริงๆงั้นรึ ข้าจะบอกอะไรให้.. ดูจากความแข็งแกร่งของหลิงหยุนเวลานี้ อีกไม่นานเขาก็คงสามารถทัดเทียมท่านได้แล้ว!”
หลังจากที่ได้ฟังคำพูดเย้ยหยันของเย่ชิงซินหลงฮ่าวหลานจึงตอบกลับด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “ก็คงจะจริง.. เพราะเด็กนั่นก้าวหน้าได้รวดเร็วยิ่งนัก!”
“แต่หากเด็กหลิงหยุนกล้าบุกมาที่ตระกูลหลิงจริงข้าก็พร้อมที่จะเผชิญหน้ากับเขา!”
“เวลานี้ข้าอยากจะรู้นักว่า..ต่อหน้าพญางูโอโรชิที่ดุร้ายเช่นนี้ หลิงหยุนยังมีไพ่อะไรอยู่ในมืออีกบ้าง” …..
การที่หลงฮ่าวหลานกับเย่ชิงซินมาปรากฏตัวในคืนนี้แน่นอนว่าทั้งคู่ต่างก็ย่อมมีจุดประสงค์บางอย่าง..
ข้อแรก..การประลองระหว่างตระกูลหลิงกับตระกูลซันและตระกูลเฉินในคืนนี้นั้น นับเป็นการประลองของเหล่าตระกูลใหญ่เป็นครั้งแรกในรอบยี่สิบปีเลยทีเดียว
และผลแพ้–ชนะในคืนนี้ก็ไม่เพียงจะเป็นการจัดอันดับตระกูลใหญ่ในประเทศนี้เสียใหม่แต่ยังส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงกลยุทธ์ในหลายๆเรื่องของประเทศนี้ในวันข้างหน้าด้วย!
การประลองที่สำคัญยิ่งเช่นนี้หลงฮ่าวหลาน และเย่ชิงซินซึ่งนับว่าเป็นยอดฝีมือที่เก่งกาจที่สุดของสองตระกูล จะไม่มาดูให้เห็นกับตาตัวเองได้อย่างไรกันเล่า
ข้อที่สอง..จากคำพูดที่หลิงหยุนกล้าฝากไปบอกกับหลงฮ่าวหลานนั้น ทำให้เขาอยากจะมาดูให้เห็นกับตาว่า หลิงหยุนนั้นจะเก่งกาจสักเพียงใด และเขามีไพ่อะไรอยู่ในมือบ้าง
และสุดท้ายแล้ว..การที่หลงฮ่าวหลานกับเย่ชิงซินปรากฏตัวขึ้นที่สนามประลองในคืนนี้นั้น ก็เพื่อมาคอยควบคุมสถานการณ์ที่อาจบานปลายขึ้นจนยากที่จะควบคุมได้
และที่สำคัญ..ทั้งตระกูลหลงกับตระกูลเย่ต่างก็เป็นตระกูลที่มีอำนาจอิทธิพลมากที่สุดในแปดตระกูลใหญ่ของประเทศนี้ มีหรือที่จะทนนิ่งเฉยอยู่ได้!
แต่นอกเหนือจากเหตุผลทั้งหมดทั้งมวลที่พูดมานั้นทั้งคู่ยังมีเหตุผลส่วนตัวที่ไม่อาจบอกให้คนนอกล่วงรู้ได้ด้วย!
และจู่ๆเย่ชิงซินก็พูดประชดประชันขึ้นมาว่า “หลงฮ่าวหลาน.. เมื่อได้มาเห็นความแข็งแกร่งของหลิงหยุนด้วยตาตัวเองเช่นนี้ ท่านคงจะเริ่มรู้สึกหวาดกลัวหลิงหยุนขึ้นมาบ้างแล้วสินะ!”
หลงฮ่าวหลานไม่สนใจคำพูดประชดประชันของเย่ชิงซินและได้แต่นิ่งเงียบ แล้วก้มลงดูการประลองที่พื้นด้านล่างต่อไป.. ……
แม้หลิงหยุนจะใช้เงาลวงตาขั้นสุดที่สามารถหายตัวไปโผล่อีกที่หนึ่งได้เป็นระยะทางที่ไกลถึงหนึ่งร้อยเมตรแต่ก็ดูเหมือนว่าจะไร้ประโยชน์ เพราะเวลานี้พญางูโอโรชิเริ่มดุร้าย และแข็งแกร่งมากขึ้นเรื่อยๆ อีกทั้งยังสามารถเคลื่อนที่ได้เร็วมากขึ้นเรื่อยๆด้วยเช่นกัน มันยังคงไล่ล่าตามหลิงหยุนไปอย่างไม่หยุดหย่อน!
“ดูท่าหากข้าไม่สั่งสอนเจ้าให้หนักกว่านี้เจ้าคงจะไม่เห็นข้าอยู่ในสายตาสินะ!”
หลิงหยุนเห็นพญางูโอโรชิไล่ล่าตนเองเข้ามาใกล้เรื่อยๆเช่นนี้ก็ยิ่งโมโห จึงได้เรียกยันต์เตโชออกมาจากแหวนจักรวางแปดแผ่น แล้วจัดการซัดเข้าใส่ศรีษะของพญางูโอโรชิทั้งแปดหัวทันที!
ตูม!ตูม! ตูม!
หลังจากที่หลิงหยุนร้องสั่งให้ยันต์ออกฤทธิยันต์เตโชระดับหกก็ระเบิดขึ้นพร้อมกันใน และลูกไฟขนาดใหญ่ก็ลุกโชนขึ้นเผาไหม้ศรีษะทั้งแปดของพญางูโอโรชิในทันที!
ร่างใหญ่ยักษ์ของพญางูโอโรชิถึงกับหยุดชะงัก!ศรีษะทั้งแปดของมันสะบัด และซัดส่ายไปมาอย่างรุนแรง เห็นได้ชัดว่ายันต์เตโชของหลิงหยุนนั้นทำให้มันเจ็บปวดอย่างมากเลยทีเดียว!
เวลานี้..เปลวไฟที่ร้อนแรงจากยันต์เตโชระดับหกของหลิงหยุน ได้ทำให้พญางูโอโรชิเจ็บปวดร้อนรนจนศรีษะทั้งแปดซัดส่ายไปมาจนพันเข้าด้วยกันบ้าง ทั้งเขี้ยว และดวงตาแดงโตของมันนั้น ได้ถูกเปลวเพลิงเผารนจนต้องดิ้นทรุนทุราย และกำลังส่งเสียงคำรามออกมาด้วยความเจ็บปวด..
และยันต์เตโชทั้งหกของหลิงหยุนก็สามารถหยุดพญางูโอโรชิไว้ได้อีกครั้ง!
เสียงร้องคำรามของพญางูโอโรชินั้นดังกึกก้องสนั่นหวั่นไหวไปทั่วทั้งบริเวณจนยอดฝีมือบางคนถึงกับต้องนั่งลง และยกมือขึ้นปิดหูของตนเองไว้เลยทีเดียว!
หลิงหยุนได้ทำให้พญาอสรพิษโอโรชิโกรธและคลุ้มคลั่งอย่างหนัก มันจึงพุ่งเข้าไปหาหลิงหยุนอีกครั้งอย่างบ้าคลั่ง..
ด้วยสัญชาติญาณนั้น..หลิงหยุนกำลังจะกระโดดหนี แต่เมื่อเห็นยันต์เตโชทั้งแปดแผ่นกำลังออกฤทธิ์ เขาจึงเกิดความคิดบางอย่างขึ้นมาแทน!
��