Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร - บทที่ 1167 : การประลองในยกสุดท้าย!
- Home
- Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร
- บทที่ 1167 : การประลองในยกสุดท้าย!
“ไร้ประโยชน์!”
หลิงหยุนเห็นจากจิตหยั่งรู้แล้วว่าเฉินจิ้งเฉวียนกับหลวงจีนจื้อกงได้ทำลายค่ายกลที่กักขังตนไว้ได้แล้วแต่เขาไม่ได้รีบร้อนที่จะจัดการกับยอดฝีมือทั้งสองมากนัก หลิงหยุนได้เสกโล่ปราณขึ้นมาเป็นเกราะป้องกันร่างกายของตนไว้อีกครั้ง และเดินเข้าหาร่างของตี๋ยั่วถังทันที..
ส่วนตี๋ยั่วถังซึ่งไม่สามารถฝ่าค่ายกลวราหกออกไปได้จึงรวบรวมลมปราณทั้งหมดสร้างกระบี่ลมปราณขึ้นมาทั้งหมดยี่สิบแปดเล่ม และควบคุมให้พุ่งเข้าใส่ร่างของหลิงหยุนที่กำลังเดินเข้ามาหาทันทีเช่นกัน แต่กระบี่ลมปราณของตี๋ยั่วถังกลับไม่สามารถทะลุผ่านโล่ลมปราณของหลิงหยุนไปได้แม้แต่เล่มเดียว
และเวลานี้ร่างของหลิงหยุนได้วิ่งวนอยู่รอบตัวตี๋ยั่วถังด้วยความเร็วดั่งพายุและเพราะมีโล่ลมปราณเป็นเกราะป้องกัน หลิงหยุนจึงไม่หวั่นเกรงต่อกระบี่ลมปราณที่ยังคงพุ่งเข้าใส่ร่างของตนอย่างต่อเนื่อง
ในระหว่างที่หลิงหยุนวิ่งวนอยู่รอบตัวตี๋ยั่วถังนั้นดาบในมือของเขาก็ฟันเข้ากับร่างของตี๋ยั่วถังครั้งแล้วครั้งเล่า ทำให้เวลานี้ตามร่างกายของตี๋ยั่วถังนั้นมีบาดแผลอยู่เต็มไปหมด แต่ละแผลนั้นลึกไปจนถึงกระดูกเลยทีเดียว
“อ๊าก!”
ตี๋ยั่วถังกรีดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดและเวลานี้ร่างของเขาก็โชกไปด้วยเลือด ตีัยั่วถังตัดสินใจซัดกระบี่ลมปราณทั้งหมดใส่ลูกเหล็กแทน เพื่อหมายที่จะทลายค่ายกลออกไปให้ได้ แต่ก็ไม่เป็นผล..
หลังจากที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส..ร่างของตี๋ยั่วถังก็ทรุดลงไปกองกับพื้น กระบี่ลมปราณจึงสูญสิ้นพลังในการจู่โจมไปด้วย และเริ่มแตกสลายกลายเป็นพลังปราณ..
“วิชาดูดลมปราณ!” หลิงหยุนเห็นเช่นนั้นจึงรีบเดินวิชาดูดลมปราณและทำการดูดเอาพลังปราณจากกระบี่ลมปราณที่ค่อยๆสลายตัวนั้นเข้าไปในร่างกายทันที..
หลังจากที่หลิงหยุนดูดเอากระบี่ลมปราณของตี๋ยั่วถังเข้าไปแล้วเขาก็รู้สึกว่าพลังปราณในร่างกายของตนเองเริ่มเข้าสู่ระดับสมบูรณ์สูงสุดอีกครั้ง และพลังหยิน–หยางในจุดตันเถียนของเขาเวลานี้ ก็หนาแน่นจนเริ่มกลั่นตัวเป็นหยดของเหลวแล้ว!
หยดของเหลวนี้ไม่ใช่พลังหยิน–หยางธรรมดาเท่านั้นแต่มันคือหยิน–หยางที่เข้มข้น และหากไม่ถูกนำไปใช้ก็จะเริ่มหลอมรวมกันเป็นเกล็ดหยิน–หยาง..
เกล็ดหยิน–หยางนี้เกิดจากการหลอมรวมตัวกันของพลังปราณจำนวนมากและมีคุณสมบัติเหนือกว่าพลังปราณทั่วไปมากนัก และยากที่ผู้ใดจะสามารถทำลายได้ง่ายๆ
หลังจากที่หลิงหยุนพบว่าภายในจุดตันเถียนของตนนั้นมีเกล็ดหยิน–หยางเกิดขึ้นเขาก็รีบเผาหยดเสินหยวน และทำการหลอมรวมเกล็ดหยิน–หยางเหล่านั้นให้กลายเป็นกระบี่อยู่ภายในทันที!
และนี่คือกระบี่กังชี่!
เวลานี้..พลังหยิน และหยางที่ควบแน่นจนกลายเป็นเกล็ดนั้น กำลังหลอมรวมกัน และก่อตัวขึ้นเป็นกระบี่กังชี่อยู่ในจุดตันเถียนของหลิงหยุน!
“ฮ่า..ฮ่า.. ช่างเป็นกระบี่ลมปราณที่บริสุทธิ์ยิ่งนัก ขอบใจเจ้าสำหรับของขวัญล้ำค่าชิ้นนี้!”
ตี๋ยั่วถังนอนกองอยู่กับพื้นและกำลังจ้องมองหลิงหยุนดูดเอาพลังปราณของตนเข้าไปด้วยความเคียดแค้น และท้อแท้!
ไม่เพียงเขาจะต้องเจ็บปวดอย่างสาหัสกับบาดแผลเต็มร่างกายแต่ยังต้องเจ็บปวดใจอย่างมากอีกด้วย!
แต่ถึงแม้หลิงหยุนจะดูดเอาลมปราณจากกระบี่ลมปราณของตี๋ยั่วถังเข้าไปจนเวลานี้จุดตันเถียนของตี๋ยั่วถังนั้นว่างเปล่า แต่ขั้นของเขาก็ไม่ได้ลดลงเลย หากตี๋ยั่วถังใช้เวลาฝึกฝนอีกราวหนึ่งปี พลังปราณของเขาก็จะสามารถฟื้นกลับคืนมาดังเดิมได้
แต่ตี๋ยั่วถังรู้ตัวดีว่า..ตนเองจะไม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้นานเช่นนั้นแน่!
หลังจากนั้น..หลิงหยุนก็ได้ใช้ดัชนีห้าธาตุสลายลมปราณ ทำการปิดบาดแผลให้กับตี๋ยั่วถังเพื่อป้องกันไม่ให้เขาเสียเลือดมากจนเกินไป
ในระหว่างนั้นเฉินจิ้งเฉวียนกับหลวงจีนจื้อกงก็พุ่งเข้าไปในค่ายกลที่ขังตี๋ยั่วถังเพื่อหมายสังหารหลิงหยุน
“ฮ่า..ฮ่า.. ออกไปเล่นกันข้างนอกจะดีกว่า!”
หลิงหยุนเห็นยอดฝีมือทั้งสองคนกระโดดเข้ามาเช่นนั้นจึงรีบใช้วิชาเงาลวงตาหลบปลายทวน และคฑาทองคำที่พุ่งเข้าใส่ร่างได้อย่างหวุดหวิด และไม่ลืมที่จะลากร่างของตี๋ยั่วถังออกไปด้วย หลังจากนั้นหลิงหยุนก็กระโดดเข้าไปในค่ายกลที่ขังนักบวชหลงหู่ไว้เพราะค่ายกลนี้ยังคงมีกลุ่มหมอกสีขาวหนาแน่นอยู่ และเหมะที่จะใช้เป็นที่คุมขังตี๋ยั่วถังไว้ชั่วคราว!
ก่อนที่หลิงหยุนจะกระโดดเข้าสู่สนามต่อสู้อีกครั้งเขาได้ทำการดึงกรามของตี๋ยั่วถังให้หลุดออกจากกัน เพื่อป้องกันไม่ให้ตี๋ยั่วถังกัดลิ้นตนเองตายเสียก่อน แม้ตี๋ยั่วถังจะดูไม่ใช่คนที่จะกล้าฆ่าตัวตาได้ แต่หลิงหยุนก็อยากจะป้องกันไว้ก่อน..
จากนั้นหลิงหยุนก็หันไปยิ้มให้กับตี๋ยั่วถังพร้อมกับพูดขึ้นว่า“เจ้าอยู่ที่นี่กับร่างไร้วิญญาณของนักบวชจากเขาหลงหู่ไปก่อน รอให้ข้าจัดการกับสองคนนั้นเสร็จ แล้วข้าจะกลับมาหาเจ้า!”
ตี๋ยั่วถังได้แต่นั่งนิ่งไม่สามารถขยับเขยื้อนได้เพราะถูกหลิงหยุนสกัดจุดไว้ทั่วร่างกาย แม้กระทั่งจุดตันเถียนก็ถูกสะกัดไว้เช่นกัน เขาไม่สามารถขยับเขยื้อนได้ ไม่สามารถพูดได้ และไม่สามารถที่จะฆ่าตัวตายได้ด้วย..
“แล้วก็ไม่ต้องเสียเวลาพยายามคลายจุดล่ะเพราะเจ้าไม่มีทางคลายจุดสกัดของข้าได้แน่!”
หลิงหยุนบอกยิ้มๆก่อนจะกระโดดออกไปจากค่ายกลทันที..
……
“หลิงหยุน..เจ้าเด็กชั่วช้าสามานย์! นี่เจ้าทำอะไรกับจื่อยู่ว นักบวชเลี่ยหั่ว แล้วก็ตี๋ัยั่วถัง”
เฉินจิ้งเฉวียนกับหลวงจีนจื้อกงได้ไปยืนรออยู่กลางสนามประลองอยู่ก่อนแล้ว..
เวลานี้..ค่ายกลที่ขังตี๋ยั่วถังก่อนหน้านี้ได้สลายไปมากแล้ว ทั้งเฉินจิ้งเฉวียน และหลวงจีนจื้อกงจึงกล้าที่จะกระโดดเข้าไปช่วยเขาเช่นนั้น แต่ค่ายกลที่ขังนักบวชเลี่ยหั่วยังคงมีกลุ่มหมอกสีขาวแน่นหนา ทั้งคู่จึงไม่กล้าผลีผลามเข้าไป..
เฉินจิ้งเฉวียนกับหลวงจีนจื้อกงเห็นค่ายกลอีกสองแห่งยังคงไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆก็เริ่มสัมผัสได้ถึงความผิดปกติ ทั้งคู่ต่างก็รู้สึกกระวนกระวายใจ หลังจากรอดูอยู่ครู่หนึ่ง จึงเห็นหลิงหยุนกระโดดออกมา พวกเขาจึงรีบร้องตะโกนถามออกไปทันที!
หลิงหยุนยืนเผชิญหน้าอยู่กับสองยอดฝีมือไปไม่ถึงสามเมตรเขาจ้องมองใบหน้าที่ดุดัน และโกรธเกรี้ยวของเฉินจิ้งเฉวียนกับหลวงจีนจื้อกง พร้อมกับร้องตะโกนตอบกลับไปว่า
“จื่อยู่วกับนักบวชเจ้าเล่ห์ถูกข้าสังหารตายไปแล้วส่วนตี๋ยั่วถังก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส..”
ทันทีที่ได้ฟังคำตอบของหลิงหยุนทั้งเฉินจิ้งเฉวียนและหลวงจีนจื้อกงต่างก็มีสีหน้ากระอักกระอ่วนไม่น้อย..
“อะไรนะ!นี่เจ้ากล้าสังหารยอดฝีมือของหน่วยนภาเชียวรึ?! หลิงหยุน.. เจ้าโอหังเกินไปแล้ว!”
“อามิตตาพุทธ!” ทันทีที่เฉินจิ้งเฉวียนกับหลวงจีนจื้อกงได้ยินว่าจื่อยู่วและนักบวชเลี่ยหั่วถูกหลิงหยุนสังหารตายแล้ว พวกเขาก็ถึงกับเดือดดาลขึ้นมาทันที!
แต่สำหรับอาการโกรธเกรี้ยวของเฉินจิ้งเฉวียนนั้นล้วนแล้วแต่เป็นการเสแสร้งทั้งสิ้น เพราะอุปนิสัยที่แท้จริงของเฉินจิ้งเฉวียนนั้นเป็นคนที่เลือดเย็นยิ่งนัก!
“เฉินจิ้งเฉวียน..เหตุใดจึงกล่าวหาข้าเช่นนั้นเล่า อย่าลืมว่านี่คือการประลองที่ใช้ชีวิตเป็นเดิมพัน ต่อให้เป็นคนของหน่วยนภา ก็ย่อมต้องอยู่ภายใต้กฏเกณฑ์เดียวกัน?”
“ในเมื่อพวกเขาตัดสินใจที่จะเข้าร่วมกับเจ้าเองข้าย่อมมีสิทธิ์ที่จะสังหารพวกเขาไม่ใช่รึ และตัวเจ้าเองก็ต้องตายด้วย!”
“อีกทั้งในการประลองยกที่สาม..ตระกูลซันกับตระกูลเฉินก็เป็นฝ่ายพ่ายแพ้ แต่กลับไม่ยอมรับผลการประลองเช่นนี้ พวกเจ้าต่างหากที่เป็นฝ่ายไม่เคารพกฏเกณฑ์ก่อน แล้วเหตุใดข้าจึงจะสังหารพวกเจ้าไม่ได้เล่า!” “หนำซ้ำพวกเจ้าทั้งห้าคนยังรุมสังหารข้าเพียงคนเดียวแต่ผลกลับกลายเป็นว่าคนของเจ้าถูกข้าสังหารตาย เจ้าไม่เพียงไม่นึกละอายใจ แต่กลับจะพูดกลับผิดให้เป็นถูกเช่นนี้ เจ้าไม่คิดว่ามันน่าขันไปหน่อยงั้นรึ”
หลิงหยุนตอบโต้กลับอย่างฉะฉานทุกคำพูดของเขาล้วนแล้วแต่มีเหตุมีผล และไม่ไว้หน้าเฉินจิ้งเฉวียนเลยแม้แต่น้อย!
“นี่เจ้า..!”
เฉินจิ้งเฉวียนได้ฟังคำพูดตอบโต้ของหลิงหยุนก็ถึงกับพูดอะไรไม่ออกและไม่สามารถหาเหตุผลใดมาโต้เถียงหลิงหยุนได้อีก..
หากเป็นไปตามแผนเดิมที่เฉินจิ้งเฉวียนวางไว้นั้นในเวลานี้เขาจะต้องติดต่อให้ยอดฝีมือจากหน่วยนภากลุ่มใหญ่มาช่วยจัดการกับหลิงหยุน แต่เพราะหลิงหยุนอ่านแผนการของทุกคนออก เขาจึงได้ขอให้เกาจิ้งสงทำการตัดสัญญาณเครื่องมือสื่อสารทุกชนิดรอบๆเขาแห่งนี้ตั้งแต่ก่อนเริ่มการประลองแล้วทำให้สถานที่แห่งนี้ถูกตัดขาดจากโลกภายนอก..
และเวลานี้เฉินจิ้งเฉวียนก็เป็นฝ่ายที่คาดการผิดไปหมดและเขาก็แทบอยากจะกรีดร้อง และกระอักออกมาเป็นเลือดด้วยความคับแค้นใจ..
หากเฉินจิ้งเฉวียนต้องการออกจากที่นี่ก็มีเพียงหนทางเดียวเท่านั้น นั่นก็คือต้องสู้กับหลิงหยุน และสังหารหลิงหยุนให้ได้เท่านั้น!
แต่เวลานี้การจะสู้กับหลิงหยุนโดยไม่มีผู้ช่วยก็ยิ่งเป็นไปไม่ได้!
เฉินจิ้งเฉวียนจึงได้ร้องตะโกนสั่งว่า“นักรบตระกูลเฉินทั้งหมดที่อยู่ที่นี่ พวกเจ้าออกจากที่ซ่อน และเข้ามาที่สนามประลองแห่งนี้ให้หมด!”
ภายในสนามประลองด้านนอกและภายในคฤหาสน์หลังใหญ่ เงาดำมากมายต่างก็พุ่งออกมาจากที่ซ่อน นักรบตระกูลเฉินซึ่งสวมชุดดำ และมีผ้าปิดบังใบหน้า ต่างก็พากันออกมาจากที่ซ่อนพร้อมด้วยอาวุธหลากหลายในมือ..
และทั้งหมดก็กำลังมุ่งตรงมาที่สนามประลองแห่งนี้..
ในการประลองคืนนี้แม้เฉินจิ้งเทียนเฉินไห่เผิง และสมาชิกคนอื่นๆของตระกูลเฉินจะไม่ได้มาด้วย แต่เฉินจิ้งเฉวียนก็ได้นำเหล่านักรบตระกุลเฉินเกือบทั้งหมดมาด้วย!
หลิงหยุนถึงกับถอนหายใจเขารู้ว่านับจากนี้ไปจะต้องมีการเข่นฆ่า และมีคนตายราวกับผักปลาเป็นแน่!
นักรบเหล่านี้ก็ไม่ต่างจากนักรบตระกูลหลิงที่เคยเผชิญหน้ากับยอดฝีมือตระกูลเฉินเมื่อครั้งก่อนแม้พวกเขารู้ว่าไม่อาจสู้ได้ แต่ก็ต้องยอมพลีชีพเพื่อปกป้องเจ้านายของตน..
และหลิงหยุนก็ไม่สามารถปราณีกับเหล่านักรบเดนตายพวกนี้ได้เพราะเขารู้ดีว่านักรบเหล่านี้ต่ำสุดก็น่าจะอยู่ในขั้นโฮ่วเทียน-9 หากหลิงหยุนไม่สังหารพวกมันให้ตายหมด ในวันข้างหน้าหากมันกลับไปตระกูลเฉิน ก็อาจได้รับคำสั่งให้มาทำร้าย หรือสังหารคนตระูลหลิงได้อีก..
และนั่นเท่ากับเป็นการปล่อยเสือเข้าป่า..หลิงหยุนจึงไม่สามารถปราณีพวกมันได้!
ไม่เช่นนั้นหลิงหยุนคงจะไม่ประกาศไว้ตั้งแต่ก่อนเริ่มประลองว่าจะไม่มีผู้ใดรอดกลับไปจากที่นี่ได้อีกแม้แต่คนเดียว..
หลังจากที่นักรบตระกูลเฉินร่วมร้อยคนได้มารวมตัวกันแววตาของเฉินจิ้งเฉวียนก็เป็นประกายขึ้นมาทันที พร้อมกับหันไปพูดกับซันเจิ้นหวู่ว่า
“เจิ้นหวู่..หากครั้งนี้เจ้าไม่ร่วมต่อสู้ด้วย ต่อไปก็อย่าได้นึกเสียใจภายหลังล่ะ!”
หลังจากที่ซันเจิ้นหวู่ได้เห็นความแข็งแกร่งของหลิงหยุนเขาก็แทบไม่เหลือความหวังอะไรอีกแล้ว
ในระหว่างที่หลิงหยุนต่อสู้กับเฉินจิ้งเฉวียนและยอดฝีมือคนอื่นๆอยู่นั้น ซันเจิ้นหวู่ก็ได้แอบสั่งให้คนของตนลักลอบออกไปจากหุบเขาแห่งนี้ให้ได้ แต่ทั้งหมดกลับถูกแวมไพร์ได้อีก..
และนั่นเท่ากับเป็นการปล่อยเสือเข้าป่า..หลิงหยุนจึงไม่สามารถปราณีพวกมันได้!
ไม่เช่นนั้นหลิงหยุนคงจะไม่ประกาศไว้ตั้งแต่ก่อนเริ่มประลองว่าจะไม่มีผู้ใดรอดกลับไปจากที่นี่ได้อีกแม้แต่คนเดียว..
หลังจากที่นักรบตระกูลเฉินร่วมร้อยคนได้มารวมตัวกันแววตาของเฉินจิ้งเฉวียนก็เป็นประกายขึ้นมาทันที พร้อมกับหันไปพูดกับซันเจิ้นหวู่ว่า
“เจิ้นหวู่..หากครั้งนี้เจ้าไม่ร่วมต่อสู้ด้วย ต่อไปก็อย่าได้นึกเสียใจภายหลังล่ะ!”
หลังจากที่ซันเจิ้นหวู่ได้เห็นความแข็งแกร่งของหลิงหยุนเขาก็แทบไม่เหลือความหวังอะไรอีกแล้ว
ในระหว่างที่หลิงหยุนต่อสู้กับเฉินจิ้งเฉวียนและยอดฝีมือคนอื่นๆอยู่นั้น ซันเจิ้นหวู่ก็ได้แอบสั่งให้คนของตนลักลอบออกไปจากหุบเขาแห่งนี้ให้ได้ แต่ทั้งหมดกลับถูกแวมไพร์ทั้งห้าสังหารตายจนหมด..
เวลานี้แวมไพร์ทั้งห้าซึ่งเป็นบริวารของหลิงหยุนนั้นพอลกับเจสเตอร์ที่แข็งแกร่งน้อยที่สุดยังอยู่ในระดับสูงสุดขั้นเคานต์แล้ว มีหรือที่เหล่านักรบจะรอดชีวิตไปได้..
ซันเจิ้นหวู่ที่ท้อแท้สิ้นหวังนั้นเมื่อได้ยินเสียงร้องตะโกนของเฉินจิ้งเฉวียน ก็ได้แต่เงยหน้าขึ้นมองด้วยแววตาเศร้าสร้อย หลิงหยุนได้ทำให้ซันเจิ้นหวู่สูญสิ้นความมั่นใจทั้งหมดที่เคยมี..
แต่เฉินจิ้งเฉวียนยังคงร้องตะโกนบอกซันเจิ้นหวู่ด้วยเสียงที่ดังกึกก้อง..
“ซันเจิ้นหวู่..อย่าลืมว่าเจ้าเป็นถึงผู้นำตระกูลซัน! ในเมื่อพวกเราสองตระกูลตัดสินใจเป็นพันธมิตรกันแล้ว ในยามคับขันเช่นนี้.. มีเพียงหนทางเดียวที่จะพาพวกเราสองตระกูลให้รอดได้ นั่นก็คือการร่วมแรงร่วมใจกันต่อสู้!”
หลังจากที่ร้องตะโกนออกไปแล้วเฉินจิ้งเฉวียนก็บอกกับซันเจิ้นหวู่ผ่านกระแสจิตว่า –อย่างน้อยพวกเราสองคนก็ต้องสู้ตายกับหลิงหยุน ต่อให้เราสองคนต้องตาย ก็จะไม่ให้มันมีชีวิตรอดออกไปจากที่นี่ได้..-
เฉินเจิ้งเฉวียนกัดฟันกรอดพร้อมกับพูดต่อว่า..–พวกเราจะสู้กับเด็กชั่วนี้อย่างสุดความสามารถ และทำตามแผนการทุกอย่างที่ได้ตระเตรียมไว้ อย่าให้ผู้เฒ่าอย่างข้าต้องรู้สึกสมเพชเจ้ามากไปกว่านี้เลย!-
หลังจากที่ได้ฟังคำพูดประโยคนี้ของเฉินจิ้งเฉวียนแววตาของซันเจิ้นหวู่ก็เป็นประกายขึ้นมาทันที!
‘ใช่แล้ว..ในเมื่อทำอะไรไม่ได้ ก็เดินตามแผนสุดท้ายที่วางไว้!’
‘ผนึกกำลังร่วมกันจัดการกับหลิงหยุน’
ซันเจิ้นหวู่กระโดดเข้าไปในสนามประลองพร้อมกับร้องตะโกนออกมาอย่างทรนง “เหล่านักรบตระกูลซันทั้งหมด พวกเจ้าออกมาร่วมกันต่อสู้ให้ถึงที่สุด!”
สิ้นเสียงสั่งการของซันเจิ้นหวู่เหล่านักรบตระูลซันที่หลบซ่อนอยู่ตามที่ต่างๆ ก็พุ่งตรงเข้ามาในสนามประลองทันที และพร้อมพลีชีพต่อสู้ร่วมกับตระกูลเฉิน!.
ในไม่ช้า..กลุ่มคนมากมายก็ได้รายล้อมร่างของหลิงหยุนไว้อย่างมืดฟ้ามัวดิน หลิงหยุนกวาดตามองคร่าวๆ ก็พบว่านักรบเดนตายจากทั้งสองตระกูลนั้นมีอยู่ทั้งหมดหนึ่งร้อยสามสิบคน และทุกคนจะต้องตายในคืนนี้..
แต่ถึงกระนั้นจิตหยั่งรู้ของหลิงหยุนก็สำรวจพบว่า..ภายในคฤหาสน์หลังใหญ่นั้น ยังมีกลุ่มคนซ่อนอยู่ในที่ต่างๆอีกห้าแห่ง แต่คนเหล่านั้นยังคงเก็บตัวเงียบไม่ยอมออกมา..
‘ดูท่าเฉินจิ้งเฉวียนคงจะมีแผนสำรองไว้อีกสินะ!’
หลิงหยุนได้แต่แอบคิดว่ายอดฝีมือเหล่านั้นน่าจะเป็นนักรบกลุ่มสุดท้ายที่เฉินจิ้งเฉวียนเก็บไว้สังหารตนเองเป็นแน่!
และเวลานี้เหล่านักรบตระกูลเฉินกับนักรบตระกูลซันต่างก็มารวมตัวกันอยู่ที่สนามประลองเรียบร้อยแล้ว ในเมื่อเป็นเช่นนี้.. หลิงหยุนจึงไม่จำเป็นต้องให้แวมไพร์ทั้งห้าของตนคอยระมัดระวังไม่ให้มีผู้ใดหลบหนีออกไปจากหุบเขาแห่งนี้อีกแล้ว..
“พวกเจ้าทั้งห้า..ลงมาช่วยข้าจัดการกับพวกมัน!”
หลิงหยุนร้องตะโกนสั่งแวมไพร์ทั้งห้าด้วยเสียงที่ดังกึกก้องไปทั่วทั้งขุนเขา..
“ครับ..เจ้านายที่เคารพ!”
ทันทีที่ได้ยินคำสั่งของหลิงหยุนแวมไพร์ทั้งห้าก็ร้องตะโกนออกมาพร้อมกับ และรีบกระพือปีกพาร่างใหญ่ยักษ์ร่อนลงมายืนเคียงข้างหลิงหยุนอย่างรวดเร็ว!
“เจ้านายที่เคารพ!”
หลังจากที่แวมไพร์ทั้งห้าบินลงมาครบแล้วเอ็ดเวิร์ดในฐานะหัวหน้าของเหล่าแวมไพร์ เป็นผู้เอ่ยทักทายหลิงหยุนด้วยน้ำเสียงที่เคารพนบนอบ..
“พวกเจ้าทั้งห้าจงฟังข้า!”
“คำสั่งของข้ามีเพียงประโยคเดียวเท่านั้น..ฆ่าพวกมันให้หมด อย่าให้หนีรอดไปได้แม้แต่คนเดียว!”
“ฆ่ามัน!”
หลังจากที่หลิงหยุนประกาศเสียงดังกึกก้องออกไปเช่นนั้นร่างของเขาก็พุ่งไปทางเฉินจิ้งเฉวียนทันที!
“นักรบตระกูลเฉิน..สังหารพวกมันให้หมด!”
เฉินจิ้งเฉวียนร้องตะโกนสั่งเหล่านักรบและกระโจนเข้าใส่หลิงหยุนพร้อมกับหลวงจีนจื้อกงทันทีเช่นกัน!
และภายในหุบเขาลึกแห่งนี้..การประลองในยกสุดท้ายระหว่างหลิงหยุนกับตระกูลเฉิน และตระกูลซันก็ได้เริ่มขึ้นอีกครั้ง!
หลิงหยุนเห็นจากจิตหยั่งรู้แล้วว่าเฉินจิ้งเฉวียนกับหลวงจีนจื้อกงได้ทำลายค่ายกลที่กักขังตนไว้ได้แล้วแต่เขาไม่ได้รีบร้อนที่จะจัดการกับยอดฝีมือทั้งสองมากนัก หลิงหยุนได้เสกโล่ปราณขึ้นมาเป็นเกราะป้องกันร่างกายของตนไว้อีกครั้ง และเดินเข้าหาร่างของตี๋ยั่วถังทันที..
ส่วนตี๋ยั่วถังซึ่งไม่สามารถฝ่าค่ายกลวราหกออกไปได้จึงรวบรวมลมปราณทั้งหมดสร้างกระบี่ลมปราณขึ้นมาทั้งหมดยี่สิบแปดเล่ม และควบคุมให้พุ่งเข้าใส่ร่างของหลิงหยุนที่กำลังเดินเข้ามาหาทันทีเช่นกัน แต่กระบี่ลมปราณของตี๋ยั่วถังกลับไม่สามารถทะลุผ่านโล่ลมปราณของหลิงหยุนไปได้แม้แต่เล่มเดียว
และเวลานี้ร่างของหลิงหยุนได้วิ่งวนอยู่รอบตัวตี๋ยั่วถังด้วยความเร็วดั่งพายุและเพราะมีโล่ลมปราณเป็นเกราะป้องกัน หลิงหยุนจึงไม่หวั่นเกรงต่อกระบี่ลมปราณที่ยังคงพุ่งเข้าใส่ร่างของตนอย่างต่อเนื่อง
ในระหว่างที่หลิงหยุนวิ่งวนอยู่รอบตัวตี๋ยั่วถังนั้นดาบในมือของเขาก็ฟันเข้ากับร่างของตี๋ยั่วถังครั้งแล้วครั้งเล่า ทำให้เวลานี้ตามร่างกายของตี๋ยั่วถังนั้นมีบาดแผลอยู่เต็มไปหมด แต่ละแผลนั้นลึกไปจนถึงกระดูกเลยทีเดียว
“อ๊าก!”
ตี๋ยั่วถังกรีดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดและเวลานี้ร่างของเขาก็โชกไปด้วยเลือด ตีัยั่วถังตัดสินใจซัดกระบี่ลมปราณทั้งหมดใส่ลูกเหล็กแทน เพื่อหมายที่จะทลายค่ายกลออกไปให้ได้ แต่ก็ไม่เป็นผล..
หลังจากที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส..ร่างของตี๋ยั่วถังก็ทรุดลงไปกองกับพื้น กระบี่ลมปราณจึงสูญสิ้นพลังในการจู่โจมไปด้วย และเริ่มแตกสลายกลายเป็นพลังปราณ..
“วิชาดูดลมปราณ!” หลิงหยุนเห็นเช่นนั้นจึงรีบเดินวิชาดูดลมปราณและทำการดูดเอาพลังปราณจากกระบี่ลมปราณที่ค่อยๆสลายตัวนั้นเข้าไปในร่างกายทันที..
หลังจากที่หลิงหยุนดูดเอากระบี่ลมปราณของตี๋ยั่วถังเข้าไปแล้วเขาก็รู้สึกว่าพลังปราณในร่างกายของตนเองเริ่มเข้าสู่ระดับสมบูรณ์สูงสุดอีกครั้ง และพลังหยิน–หยางในจุดตันเถียนของเขาเวลานี้ ก็หนาแน่นจนเริ่มกลั่นตัวเป็นหยดของเหลวแล้ว!
หยดของเหลวนี้ไม่ใช่พลังหยิน–หยางธรรมดาเท่านั้นแต่มันคือหยิน–หยางที่เข้มข้น และหากไม่ถูกนำไปใช้ก็จะเริ่มหลอมรวมกันเป็นเกล็ดหยิน–หยาง..
เกล็ดหยิน–หยางนี้เกิดจากการหลอมรวมตัวกันของพลังปราณจำนวนมากและมีคุณสมบัติเหนือกว่าพลังปราณทั่วไปมากนัก และยากที่ผู้ใดจะสามารถทำลายได้ง่ายๆ
หลังจากที่หลิงหยุนพบว่าภายในจุดตันเถียนของตนนั้นมีเกล็ดหยิน–หยางเกิดขึ้นเขาก็รีบเผาหยดเสินหยวน และทำการหลอมรวมเกล็ดหยิน–หยางเหล่านั้นให้กลายเป็นกระบี่อยู่ภายในทันที!
และนี่คือกระบี่กังชี่!
เวลานี้..พลังหยิน และหยางที่ควบแน่นจนกลายเป็นเกล็ดนั้น กำลังหลอมรวมกัน และก่อตัวขึ้นเป็นกระบี่กังชี่อยู่ในจุดตันเถียนของหลิงหยุน!
“ฮ่า..ฮ่า.. ช่างเป็นกระบี่ลมปราณที่บริสุทธิ์ยิ่งนัก ขอบใจเจ้าสำหรับของขวัญล้ำค่าชิ้นนี้!”
ตี๋ยั่วถังนอนกองอยู่กับพื้นและกำลังจ้องมองหลิงหยุนดูดเอาพลังปราณของตนเข้าไปด้วยความเคียดแค้น และท้อแท้!
ไม่เพียงเขาจะต้องเจ็บปวดอย่างสาหัสกับบาดแผลเต็มร่างกายแต่ยังต้องเจ็บปวดใจอย่างมากอีกด้วย!
แต่ถึงแม้หลิงหยุนจะดูดเอาลมปราณจากกระบี่ลมปราณของตี๋ยั่วถังเข้าไปจนเวลานี้จุดตันเถียนของตี๋ยั่วถังนั้นว่างเปล่า แต่ขั้นของเขาก็ไม่ได้ลดลงเลย หากตี๋ยั่วถังใช้เวลาฝึกฝนอีกราวหนึ่งปี พลังปราณของเขาก็จะสามารถฟื้นกลับคืนมาดังเดิมได้
แต่ตี๋ยั่วถังรู้ตัวดีว่า..ตนเองจะไม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้นานเช่นนั้นแน่!
หลังจากนั้น..หลิงหยุนก็ได้ใช้ดัชนีห้าธาตุสลายลมปราณ ทำการปิดบาดแผลให้กับตี๋ยั่วถังเพื่อป้องกันไม่ให้เขาเสียเลือดมากจนเกินไป
ในระหว่างนั้นเฉินจิ้งเฉวียนกับหลวงจีนจื้อกงก็พุ่งเข้าไปในค่ายกลที่ขังตี๋ยั่วถังเพื่อหมายสังหารหลิงหยุน
“ฮ่า..ฮ่า.. ออกไปเล่นกันข้างนอกจะดีกว่า!”
หลิงหยุนเห็นยอดฝีมือทั้งสองคนกระโดดเข้ามาเช่นนั้นจึงรีบใช้วิชาเงาลวงตาหลบปลายทวน และคฑาทองคำที่พุ่งเข้าใส่ร่างได้อย่างหวุดหวิด และไม่ลืมที่จะลากร่างของตี๋ยั่วถังออกไปด้วย หลังจากนั้นหลิงหยุนก็กระโดดเข้าไปในค่ายกลที่ขังนักบวชหลงหู่ไว้เพราะค่ายกลนี้ยังคงมีกลุ่มหมอกสีขาวหนาแน่นอยู่ และเหมะที่จะใช้เป็นที่คุมขังตี๋ยั่วถังไว้ชั่วคราว!
ก่อนที่หลิงหยุนจะกระโดดเข้าสู่สนามต่อสู้อีกครั้งเขาได้ทำการดึงกรามของตี๋ยั่วถังให้หลุดออกจากกัน เพื่อป้องกันไม่ให้ตี๋ยั่วถังกัดลิ้นตนเองตายเสียก่อน แม้ตี๋ยั่วถังจะดูไม่ใช่คนที่จะกล้าฆ่าตัวตาได้ แต่หลิงหยุนก็อยากจะป้องกันไว้ก่อน..
จากนั้นหลิงหยุนก็หันไปยิ้มให้กับตี๋ยั่วถังพร้อมกับพูดขึ้นว่า“เจ้าอยู่ที่นี่กับร่างไร้วิญญาณของนักบวชจากเขาหลงหู่ไปก่อน รอให้ข้าจัดการกับสองคนนั้นเสร็จ แล้วข้าจะกลับมาหาเจ้า!”
ตี๋ยั่วถังได้แต่นั่งนิ่งไม่สามารถขยับเขยื้อนได้เพราะถูกหลิงหยุนสกัดจุดไว้ทั่วร่างกาย แม้กระทั่งจุดตันเถียนก็ถูกสะกัดไว้เช่นกัน เขาไม่สามารถขยับเขยื้อนได้ ไม่สามารถพูดได้ และไม่สามารถที่จะฆ่าตัวตายได้ด้วย..
“แล้วก็ไม่ต้องเสียเวลาพยายามคลายจุดล่ะเพราะเจ้าไม่มีทางคลายจุดสกัดของข้าได้แน่!”
หลิงหยุนบอกยิ้มๆก่อนจะกระโดดออกไปจากค่ายกลทันที..
……
“หลิงหยุน..เจ้าเด็กชั่วช้าสามานย์! นี่เจ้าทำอะไรกับจื่อยู่ว นักบวชเลี่ยหั่ว แล้วก็ตี๋ัยั่วถัง”
เฉินจิ้งเฉวียนกับหลวงจีนจื้อกงได้ไปยืนรออยู่กลางสนามประลองอยู่ก่อนแล้ว..
เวลานี้..ค่ายกลที่ขังตี๋ยั่วถังก่อนหน้านี้ได้สลายไปมากแล้ว ทั้งเฉินจิ้งเฉวียน และหลวงจีนจื้อกงจึงกล้าที่จะกระโดดเข้าไปช่วยเขาเช่นนั้น แต่ค่ายกลที่ขังนักบวชเลี่ยหั่วยังคงมีกลุ่มหมอกสีขาวแน่นหนา ทั้งคู่จึงไม่กล้าผลีผลามเข้าไป..
เฉินจิ้งเฉวียนกับหลวงจีนจื้อกงเห็นค่ายกลอีกสองแห่งยังคงไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆก็เริ่มสัมผัสได้ถึงความผิดปกติ ทั้งคู่ต่างก็รู้สึกกระวนกระวายใจ หลังจากรอดูอยู่ครู่หนึ่ง จึงเห็นหลิงหยุนกระโดดออกมา พวกเขาจึงรีบร้องตะโกนถามออกไปทันที!
หลิงหยุนยืนเผชิญหน้าอยู่กับสองยอดฝีมือไปไม่ถึงสามเมตรเขาจ้องมองใบหน้าที่ดุดัน และโกรธเกรี้ยวของเฉินจิ้งเฉวียนกับหลวงจีนจื้อกง พร้อมกับร้องตะโกนตอบกลับไปว่า
“จื่อยู่วกับนักบวชเจ้าเล่ห์ถูกข้าสังหารตายไปแล้วส่วนตี๋ยั่วถังก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส..”
ทันทีที่ได้ฟังคำตอบของหลิงหยุนทั้งเฉินจิ้งเฉวียนและหลวงจีนจื้อกงต่างก็มีสีหน้ากระอักกระอ่วนไม่น้อย..
“อะไรนะ!นี่เจ้ากล้าสังหารยอดฝีมือของหน่วยนภาเชียวรึ?! หลิงหยุน.. เจ้าโอหังเกินไปแล้ว!”
“อามิตตาพุทธ!” ทันทีที่เฉินจิ้งเฉวียนกับหลวงจีนจื้อกงได้ยินว่าจื่อยู่วและนักบวชเลี่ยหั่วถูกหลิงหยุนสังหารตายแล้ว พวกเขาก็ถึงกับเดือดดาลขึ้นมาทันที!
แต่สำหรับอาการโกรธเกรี้ยวของเฉินจิ้งเฉวียนนั้นล้วนแล้วแต่เป็นการเสแสร้งทั้งสิ้น เพราะอุปนิสัยที่แท้จริงของเฉินจิ้งเฉวียนนั้นเป็นคนที่เลือดเย็นยิ่งนัก!
“เฉินจิ้งเฉวียน..เหตุใดจึงกล่าวหาข้าเช่นนั้นเล่า อย่าลืมว่านี่คือการประลองที่ใช้ชีวิตเป็นเดิมพัน ต่อให้เป็นคนของหน่วยนภา ก็ย่อมต้องอยู่ภายใต้กฏเกณฑ์เดียวกัน?”
“ในเมื่อพวกเขาตัดสินใจที่จะเข้าร่วมกับเจ้าเองข้าย่อมมีสิทธิ์ที่จะสังหารพวกเขาไม่ใช่รึ และตัวเจ้าเองก็ต้องตายด้วย!”
“อีกทั้งในการประลองยกที่สาม..ตระกูลซันกับตระกูลเฉินก็เป็นฝ่ายพ่ายแพ้ แต่กลับไม่ยอมรับผลการประลองเช่นนี้ พวกเจ้าต่างหากที่เป็นฝ่ายไม่เคารพกฏเกณฑ์ก่อน แล้วเหตุใดข้าจึงจะสังหารพวกเจ้าไม่ได้เล่า!” “หนำซ้ำพวกเจ้าทั้งห้าคนยังรุมสังหารข้าเพียงคนเดียวแต่ผลกลับกลายเป็นว่าคนของเจ้าถูกข้าสังหารตาย เจ้าไม่เพียงไม่นึกละอายใจ แต่กลับจะพูดกลับผิดให้เป็นถูกเช่นนี้ เจ้าไม่คิดว่ามันน่าขันไปหน่อยงั้นรึ”
หลิงหยุนตอบโต้กลับอย่างฉะฉานทุกคำพูดของเขาล้วนแล้วแต่มีเหตุมีผล และไม่ไว้หน้าเฉินจิ้งเฉวียนเลยแม้แต่น้อย!
“นี่เจ้า..!”
เฉินจิ้งเฉวียนได้ฟังคำพูดตอบโต้ของหลิงหยุนก็ถึงกับพูดอะไรไม่ออกและไม่สามารถหาเหตุผลใดมาโต้เถียงหลิงหยุนได้อีก..
หากเป็นไปตามแผนเดิมที่เฉินจิ้งเฉวียนวางไว้นั้นในเวลานี้เขาจะต้องติดต่อให้ยอดฝีมือจากหน่วยนภากลุ่มใหญ่มาช่วยจัดการกับหลิงหยุน แต่เพราะหลิงหยุนอ่านแผนการของทุกคนออก เขาจึงได้ขอให้เกาจิ้งสงทำการตัดสัญญาณเครื่องมือสื่อสารทุกชนิดรอบๆเขาแห่งนี้ตั้งแต่ก่อนเริ่มการประลองแล้วทำให้สถานที่แห่งนี้ถูกตัดขาดจากโลกภายนอก..
และเวลานี้เฉินจิ้งเฉวียนก็เป็นฝ่ายที่คาดการผิดไปหมดและเขาก็แทบอยากจะกรีดร้อง และกระอักออกมาเป็นเลือดด้วยความคับแค้นใจ..
หากเฉินจิ้งเฉวียนต้องการออกจากที่นี่ก็มีเพียงหนทางเดียวเท่านั้น นั่นก็คือต้องสู้กับหลิงหยุน และสังหารหลิงหยุนให้ได้เท่านั้น!
แต่เวลานี้การจะสู้กับหลิงหยุนโดยไม่มีผู้ช่วยก็ยิ่งเป็นไปไม่ได้!
เฉินจิ้งเฉวียนจึงได้ร้องตะโกนสั่งว่า“นักรบตระกูลเฉินทั้งหมดที่อยู่ที่นี่ พวกเจ้าออกจากที่ซ่อน และเข้ามาที่สนามประลองแห่งนี้ให้หมด!”
ภายในสนามประลองด้านนอกและภายในคฤหาสน์หลังใหญ่ เงาดำมากมายต่างก็พุ่งออกมาจากที่ซ่อน นักรบตระกูลเฉินซึ่งสวมชุดดำ และมีผ้าปิดบังใบหน้า ต่างก็พากันออกมาจากที่ซ่อนพร้อมด้วยอาวุธหลากหลายในมือ..
และทั้งหมดก็กำลังมุ่งตรงมาที่สนามประลองแห่งนี้..
ในการประลองคืนนี้แม้เฉินจิ้งเทียนเฉินไห่เผิง และสมาชิกคนอื่นๆของตระกูลเฉินจะไม่ได้มาด้วย แต่เฉินจิ้งเฉวียนก็ได้นำเหล่านักรบตระกุลเฉินเกือบทั้งหมดมาด้วย!
หลิงหยุนถึงกับถอนหายใจเขารู้ว่านับจากนี้ไปจะต้องมีการเข่นฆ่า และมีคนตายราวกับผักปลาเป็นแน่!
นักรบเหล่านี้ก็ไม่ต่างจากนักรบตระกูลหลิงที่เคยเผชิญหน้ากับยอดฝีมือตระกูลเฉินเมื่อครั้งก่อนแม้พวกเขารู้ว่าไม่อาจสู้ได้ แต่ก็ต้องยอมพลีชีพเพื่อปกป้องเจ้านายของตน..
และหลิงหยุนก็ไม่สามารถปราณีกับเหล่านักรบเดนตายพวกนี้ได้เพราะเขารู้ดีว่านักรบเหล่านี้ต่ำสุดก็น่าจะอยู่ในขั้นโฮ่วเทียน-9 หากหลิงหยุนไม่สังหารพวกมันให้ตายหมด ในวันข้างหน้าหากมันกลับไปตระกูลเฉิน ก็อาจได้รับคำสั่งให้มาทำร้าย หรือสังหารคนตระูลหลิงได้อีก..
และนั่นเท่ากับเป็นการปล่อยเสือเข้าป่า..หลิงหยุนจึงไม่สามารถปราณีพวกมันได้!
ไม่เช่นนั้นหลิงหยุนคงจะไม่ประกาศไว้ตั้งแต่ก่อนเริ่มประลองว่าจะไม่มีผู้ใดรอดกลับไปจากที่นี่ได้อีกแม้แต่คนเดียว..
หลังจากที่นักรบตระกูลเฉินร่วมร้อยคนได้มารวมตัวกันแววตาของเฉินจิ้งเฉวียนก็เป็นประกายขึ้นมาทันที พร้อมกับหันไปพูดกับซันเจิ้นหวู่ว่า
“เจิ้นหวู่..หากครั้งนี้เจ้าไม่ร่วมต่อสู้ด้วย ต่อไปก็อย่าได้นึกเสียใจภายหลังล่ะ!”
หลังจากที่ซันเจิ้นหวู่ได้เห็นความแข็งแกร่งของหลิงหยุนเขาก็แทบไม่เหลือความหวังอะไรอีกแล้ว
ในระหว่างที่หลิงหยุนต่อสู้กับเฉินจิ้งเฉวียนและยอดฝีมือคนอื่นๆอยู่นั้น ซันเจิ้นหวู่ก็ได้แอบสั่งให้คนของตนลักลอบออกไปจากหุบเขาแห่งนี้ให้ได้ แต่ทั้งหมดกลับถูกแวมไพร์ได้อีก..
และนั่นเท่ากับเป็นการปล่อยเสือเข้าป่า..หลิงหยุนจึงไม่สามารถปราณีพวกมันได้!
ไม่เช่นนั้นหลิงหยุนคงจะไม่ประกาศไว้ตั้งแต่ก่อนเริ่มประลองว่าจะไม่มีผู้ใดรอดกลับไปจากที่นี่ได้อีกแม้แต่คนเดียว..
หลังจากที่นักรบตระกูลเฉินร่วมร้อยคนได้มารวมตัวกันแววตาของเฉินจิ้งเฉวียนก็เป็นประกายขึ้นมาทันที พร้อมกับหันไปพูดกับซันเจิ้นหวู่ว่า
“เจิ้นหวู่..หากครั้งนี้เจ้าไม่ร่วมต่อสู้ด้วย ต่อไปก็อย่าได้นึกเสียใจภายหลังล่ะ!”
หลังจากที่ซันเจิ้นหวู่ได้เห็นความแข็งแกร่งของหลิงหยุนเขาก็แทบไม่เหลือความหวังอะไรอีกแล้ว
ในระหว่างที่หลิงหยุนต่อสู้กับเฉินจิ้งเฉวียนและยอดฝีมือคนอื่นๆอยู่นั้น ซันเจิ้นหวู่ก็ได้แอบสั่งให้คนของตนลักลอบออกไปจากหุบเขาแห่งนี้ให้ได้ แต่ทั้งหมดกลับถูกแวมไพร์ทั้งห้าสังหารตายจนหมด..
เวลานี้แวมไพร์ทั้งห้าซึ่งเป็นบริวารของหลิงหยุนนั้นพอลกับเจสเตอร์ที่แข็งแกร่งน้อยที่สุดยังอยู่ในระดับสูงสุดขั้นเคานต์แล้ว มีหรือที่เหล่านักรบจะรอดชีวิตไปได้..
ซันเจิ้นหวู่ที่ท้อแท้สิ้นหวังนั้นเมื่อได้ยินเสียงร้องตะโกนของเฉินจิ้งเฉวียน ก็ได้แต่เงยหน้าขึ้นมองด้วยแววตาเศร้าสร้อย หลิงหยุนได้ทำให้ซันเจิ้นหวู่สูญสิ้นความมั่นใจทั้งหมดที่เคยมี..
แต่เฉินจิ้งเฉวียนยังคงร้องตะโกนบอกซันเจิ้นหวู่ด้วยเสียงที่ดังกึกก้อง..
“ซันเจิ้นหวู่..อย่าลืมว่าเจ้าเป็นถึงผู้นำตระกูลซัน! ในเมื่อพวกเราสองตระกูลตัดสินใจเป็นพันธมิตรกันแล้ว ในยามคับขันเช่นนี้.. มีเพียงหนทางเดียวที่จะพาพวกเราสองตระกูลให้รอดได้ นั่นก็คือการร่วมแรงร่วมใจกันต่อสู้!”
หลังจากที่ร้องตะโกนออกไปแล้วเฉินจิ้งเฉวียนก็บอกกับซันเจิ้นหวู่ผ่านกระแสจิตว่า –อย่างน้อยพวกเราสองคนก็ต้องสู้ตายกับหลิงหยุน ต่อให้เราสองคนต้องตาย ก็จะไม่ให้มันมีชีวิตรอดออกไปจากที่นี่ได้..-
เฉินเจิ้งเฉวียนกัดฟันกรอดพร้อมกับพูดต่อว่า..–พวกเราจะสู้กับเด็กชั่วนี้อย่างสุดความสามารถ และทำตามแผนการทุกอย่างที่ได้ตระเตรียมไว้ อย่าให้ผู้เฒ่าอย่างข้าต้องรู้สึกสมเพชเจ้ามากไปกว่านี้เลย!-
หลังจากที่ได้ฟังคำพูดประโยคนี้ของเฉินจิ้งเฉวียนแววตาของซันเจิ้นหวู่ก็เป็นประกายขึ้นมาทันที!
‘ใช่แล้ว..ในเมื่อทำอะไรไม่ได้ ก็เดินตามแผนสุดท้ายที่วางไว้!’
‘ผนึกกำลังร่วมกันจัดการกับหลิงหยุน’
ซันเจิ้นหวู่กระโดดเข้าไปในสนามประลองพร้อมกับร้องตะโกนออกมาอย่างทรนง “เหล่านักรบตระกูลซันทั้งหมด พวกเจ้าออกมาร่วมกันต่อสู้ให้ถึงที่สุด!”
สิ้นเสียงสั่งการของซันเจิ้นหวู่เหล่านักรบตระูลซันที่หลบซ่อนอยู่ตามที่ต่างๆ ก็พุ่งตรงเข้ามาในสนามประลองทันที และพร้อมพลีชีพต่อสู้ร่วมกับตระกูลเฉิน!.
ในไม่ช้า..กลุ่มคนมากมายก็ได้รายล้อมร่างของหลิงหยุนไว้อย่างมืดฟ้ามัวดิน หลิงหยุนกวาดตามองคร่าวๆ ก็พบว่านักรบเดนตายจากทั้งสองตระกูลนั้นมีอยู่ทั้งหมดหนึ่งร้อยสามสิบคน และทุกคนจะต้องตายในคืนนี้..
แต่ถึงกระนั้นจิตหยั่งรู้ของหลิงหยุนก็สำรวจพบว่า..ภายในคฤหาสน์หลังใหญ่นั้น ยังมีกลุ่มคนซ่อนอยู่ในที่ต่างๆอีกห้าแห่ง แต่คนเหล่านั้นยังคงเก็บตัวเงียบไม่ยอมออกมา..
‘ดูท่าเฉินจิ้งเฉวียนคงจะมีแผนสำรองไว้อีกสินะ!’
หลิงหยุนได้แต่แอบคิดว่ายอดฝีมือเหล่านั้นน่าจะเป็นนักรบกลุ่มสุดท้ายที่เฉินจิ้งเฉวียนเก็บไว้สังหารตนเองเป็นแน่!
และเวลานี้เหล่านักรบตระกูลเฉินกับนักรบตระกูลซันต่างก็มารวมตัวกันอยู่ที่สนามประลองเรียบร้อยแล้ว ในเมื่อเป็นเช่นนี้.. หลิงหยุนจึงไม่จำเป็นต้องให้แวมไพร์ทั้งห้าของตนคอยระมัดระวังไม่ให้มีผู้ใดหลบหนีออกไปจากหุบเขาแห่งนี้อีกแล้ว..
“พวกเจ้าทั้งห้า..ลงมาช่วยข้าจัดการกับพวกมัน!”
หลิงหยุนร้องตะโกนสั่งแวมไพร์ทั้งห้าด้วยเสียงที่ดังกึกก้องไปทั่วทั้งขุนเขา..
“ครับ..เจ้านายที่เคารพ!”
ทันทีที่ได้ยินคำสั่งของหลิงหยุนแวมไพร์ทั้งห้าก็ร้องตะโกนออกมาพร้อมกับ และรีบกระพือปีกพาร่างใหญ่ยักษ์ร่อนลงมายืนเคียงข้างหลิงหยุนอย่างรวดเร็ว!
“เจ้านายที่เคารพ!”
หลังจากที่แวมไพร์ทั้งห้าบินลงมาครบแล้วเอ็ดเวิร์ดในฐานะหัวหน้าของเหล่าแวมไพร์ เป็นผู้เอ่ยทักทายหลิงหยุนด้วยน้ำเสียงที่เคารพนบนอบ..
“พวกเจ้าทั้งห้าจงฟังข้า!”
“คำสั่งของข้ามีเพียงประโยคเดียวเท่านั้น..ฆ่าพวกมันให้หมด อย่าให้หนีรอดไปได้แม้แต่คนเดียว!”
“ฆ่ามัน!”
หลังจากที่หลิงหยุนประกาศเสียงดังกึกก้องออกไปเช่นนั้นร่างของเขาก็พุ่งไปทางเฉินจิ้งเฉวียนทันที!
“นักรบตระกูลเฉิน..สังหารพวกมันให้หมด!”
เฉินจิ้งเฉวียนร้องตะโกนสั่งเหล่านักรบและกระโจนเข้าใส่หลิงหยุนพร้อมกับหลวงจีนจื้อกงทันทีเช่นกัน!
และภายในหุบเขาลึกแห่งนี้..การประลองในยกสุดท้ายระหว่างหลิงหยุนกับตระกูลเฉิน และตระกูลซันก็ได้เริ่มขึ้นอีกครั้ง!