Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร - บทที่ 1169 : กลายร่างเป็นปีศาจ!
- Home
- Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร
- บทที่ 1169 : กลายร่างเป็นปีศาจ!
ในสนามต่อสู้ด้านล่าง..
“ฆ่ามัน!”
“แก้แค้นให้กับผู้นำตระกูลซัน!”
เมื่อเหล่านักรบตระกูลซันที่ยังมีชีวิตอยู่เห็นหลิงหยุนสังหารซันเจิ้นหวู่ตายทุกคนต่างก็ดวงตาแดงก่ำด้วยความเสียใจ และพุ่งเข้าจู่โจมใส่หลิงหยุนราวกับคนคลุ้มคลั่ง..
หลิงหยุนยังคงยืนนิ่งอยู่ที่เดิมแต่มือยังคงตวัดกระบี่ไปมา และในแต่ละครั้งที่กระบีในมือของหลิงหยุนตวัดออกไป ก็จะมีนักรบตระกูลซันตายพร้อมกันถึงครั้งละห้าหกคน..
เวลานี้สายตาของหลิงหยุนที่จ้องมองเหล่านักรบตระกูลซันนั้นเต็มไปด้วยความว่างเปล่าไร้ความรู้สึก แต่ก็แฝงไว้ด้วยความดุดันโหดเหี้ยม และสามารถฟาดฟันกระบี่ใส่ร่างของเหล่านักรบราวกับว่ากำลังฟันใส่ต้นไม้ใบหญ้า.. ด้านหน้าของหลิงหยุนเวลานี้..มีซากของแขนขากระเด็นเกลื่อนกลาด และศรีษะที่ร่วงหล่นกลิ้งไปกับพื้นเกลื่อนกลาดอยู่เต็มไปหมด ร่างไร้วิญญาณกองพะเนินราวกับเขาลูกใหญ่ เลือดสีแดงฉานเจิ่งนองไปทั่วทั้งบริเวณราวกับแม่น้ำสีเลือด..
หลงงจีนหลู่หมิงฉู่ลืมตาขึ้นมาพบกับภาพที่ไม่ต่างจากขุมนรกเช่นนี้ก็ได้แต่นึกสะท้อนใจ แล้วรีบจากไปทันทีโดยไม่สนใจแม้แต่คฑาซึ่งเป็นอาวุธประจำกายของตนเอง..
ชัวะ!
กระบี่ในมือของหลิงหยุนฟาดฟันออกไปอีกครั้งใส่นักรบตระกูลซันทั้งสามคนที่พุ่งเข้ามาทางด้านหน้าแล้วร่างไร้วิญญาณของพวกมันทั้งสามคนก็ลอยละลิ่วออกไปกองรวมกับซากศพด้านหน้าทันที
หลังจากที่ซันเจิ้นหวู่เสียชีวิต..เหล่านักรบตระกูลซันก็ถูกหลิงหยุนสังหารตายจนหมด และเวลานี้ก็เหลือเพียงแค่นักรบตระกูลเฉินบางส่วน และตัวเฉินจิ้งเฉวียนเท่านั้น.. ……
เวลานี้เฉินจิ้งเฉวียนยืนมองสนามประลองที่ได้กลายเป็นนรกบนดินด้วยดวงตาแดงก่ำแม้เฉินจิ้งเฉวียนจะเห็นหลิงหยุนกำลังไล่ล่าสังหารเหล่านักรบตระกูลเฉินร่วมสามสิบคนที่อยู่ตรงหน้า แต่เขากลับยืนนิ่งเฉยโดยไม่คิดที่จะหยุดยั้งหลิงหยุน และปล่อยให้หลิงหยุนใช้กระบี่โลหิตแดนใต้กับกระบี่พายุในมือฟาดฟันเข้าใส่ร่างของเหล่านักรบตระกูลเฉินอย่างเลือดเย็น..
และในเวลานี้..ดวงตาที่แดงก่ำของเฉินจิ้งเฉวียนก็ได้เปลี่ยนเป็นสีแดงเข้ม และร่างกายของเขาก็ค่อยๆ เปลี่ยนเป็นแดงไปทั่วทั้งร่างด้วยเช่นกัน
หลวงจีนจื้อกงเห็นเช่นนั้นจึงรีบกระโดดเข้าไปยืนข้างเฉินจิ้งเฉวียนเขาจ้องดูอาการของเฉินจิ้งเฉวียนอยู่ครู่หนึ่ง ก็สามารถคาดเดาได้ว่าเฉินจิ้งเฉวียนกำลังคิดที่จะทำอะไร จึงรีบร้องถามออกไปอย่างร้อนใจ..
“จิ้งเฉวียน..นี่เจ้า.. เจ้าคิดจะ..” “ตระกูลเฉินถึงเวลาล่มสลายแล้ว!ไต้ซือได้โปรดสังหารข้าด้วย..”
เฉินจิ้งเฉวียนกัดฟันกรอดก่อนจะเอ่ยคำพูดประโยคนี้ออกมาด้วยน้ำเสียงที่เรียบเฉย..
“อามิตตาพุทธ..”
หลวงจีนจื้อกงพึมพำออกมาแต่ในที่สุดก็ยกคฑาทองคำในมือของตนขึ้น พร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงมั่นคงคล้ายคนที่ตัดสินใจแน่วแน่แล้ว..
“ใหนๆคืนนี้เจ้ากับข้าก็คงไม่สามารถหลีกพ้นความตายได้ถ้าเช่นนั้น.. ข้าจะเป็นฝ่ายไปก่อนเจ้า และจะช่วยให้เจ้าได้กลายร่างเป็นปีศาจอย่างที่ต้องการ!”
หลังจากที่หลวงจีนจื้อกงพูดจบ..เขาก็แนบฝ่ามือไปที่แผ่นหลังของเฉินจิ้งเฉวียน พร้อมกับถ่ายเทพลังปราณที่ตนเฝ้าฝึกฝนมานานหลายสิบปีลงไปในร่างของเฉินจิ้งเฉวียนอย่างไม่นึกเสียดาย!
ตูม! ภายในเวลาเพียงแค่ชั่วพริบตา..จู่ๆร่างของเฉินจิ้งเฉวียนก็สูงขึ้น และลำตัวก็ขยายพองขึ้น เวลานี้ร่างกายของเฉินจิ้งเฉวียนดูราวกับลูกโป่งที่กำลังถูกสูบลมเข้าไป และเป็นลูกโป่งที่มีสีแดง..
หัวใจของเฉินจิ้งเฉวียนเริ่มเต้นแรงขึ้นเลือดในกายเริ่มสูบฉีด และหมุนเวียนได้รวดเร็วจากเดินมากขึ้นถึงสิบเท่า ใบหน้าที่เป็นสีแดงเข้ม ก็เริ่มเปลี่ยนเป็นสีม่วง และทั่วทั้งร่างกายก็ได้กลายเป็นสีแดงราวกับเลือด
ทันทีที่เฉินจิ้งเฉวียนสัมผัสได้ว่าร่างกายของตนนั้นได้ขยายออกและแข็งแกร่งจนถึงขีดสุดแล้ว เขาก็ได้ยกขวดที่ภายในบรรจุโอสถสีแดงขึ้น และจัดการเทโอสถสีแดงทั้งหมดนั้นเข้าไปในปากทันที..
และนี่ลมปราณที่หมุนกลับด้านซึ่งจะนำคนผู้นั้นให้กลายเป็นมารในที่สุด!
เฉินจิ้งเฉวียนใช้พลังวิเศษของตนทำการหมุนลมปราณภายในร่างกายให้เดินกลับด้านเพื่อที่ตนเองจะได้กลายเป็นปีศาจเต็มตัวนั่นเอง!
แต่การกระทำเช่นนี้..จะต้องแลกมาด้วยความเจ็บปวดอย่างที่สุด!
“อ๊าก..”
ภายใต้ความเจ็บปวดอย่างแสนสาหัสนั้น..เฉินจิ้งเฉวียนค่อยๆ กลายร่างเป็นปีศาจ ดวงตาของเขาได้กลายเป็นสีแดงเข้มมากขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งเวลานี้ลูกนัยน์ตาของเฉินจิ้งเฉวียนได้กลายเป็นสีแดงสว่างสุกใสราวกับลูกไฟ..
ในขณะที่เฉินจิ้งเฉวียนค่อยๆกลายร่างเป็นปีศาจดั่งที่ใจต้องการ หลวงจีนจื้อกงก็ได้มรณภาพอยู่ด้านหลังของเฉินจิ้งเฉวียนในท่ายืน..
เฉินจิ้งเฉวียนได้ใช้พลังเหนือธรรมชาติของตนผนวกกับพลังปราณทั้งหมดที่หลวงจีนจื้อกงถ่ายเทให้ ทำให้เขาสามารถเข้าสู่ระดับสูงสุดขั้นพลังเหนือธรรมชาติระดับสามได้ในทันที! เฉินจิ้งเฉวียนคำรามอยู่ในลำคอ..
…….
ในขณะที่แกรนด์ดยุคเอ็ดเวิร์ดซึ่งอยู่ในสนามประลองและกำลังสังหารนักรบเดนตายอีกราวสองสามคนที่ถูกกักขังไว้ในกรงโลหิตนั้น มันก็สัมผัสได้ถึงความผิดปกติบางอย่างที่กำลังเกิดขึ้น..
เอ็ดเวิร์ดสัมผัสได้ว่าเวลานี้บริเวณท้องน้อยของตนเริ่มสั่นอย่างรุนแรงนั่นเพราะประคำโลหิตที่อยู่ด้านในเริ่มขยับไปมา คล้ายกับว่ากำลังจะพุ่งทะลุออกไปจากร่างของมันไป..
เอ็ดเวิร์ดรีบร่ายมนต์แวมไพร์สะกดไว้ทันทีและพยายามที่จะควบคุมประคำโลหิตไว้ แต่ครั้งนี้ประคำโลหิตกลับไม่อยู่ภายใต้การควบคุมของมัน..
และในที่สุดประคำโลหิตก็พุ่งทะลุออกจากท้องของเอ็ดเวิร์ดไปแล้วลอยไปหาเฉินจิ้งเฉวียนที่เวลานี้ได้กลายเป็นปีศาจเต็มตัวแล้ว! นี่คือมรดกตกทอดของตระกูลเฉินเฉินจิ้งเฉวียนไม่เพียงต้องการนำประคำโลหิตกลับคืนให้ตระกูลเฉิน แต่เขายังต้องการที่จะใช้มันต่อสู้กับหลิงหยุนในยกสุดท้ายนี้ด้วย!
“แย่แล้ว!”
ในเวลานั้นหลิงหยุนซึ่งกำลังสังหารเหล่านักรบตระกูลเฉินที่เหลืออยู่ก็สัมผัสได้ถึงความผิดปกติในครั้งนี้ แต่เมื่อหลิงหยุนหันกลับไปมอง ก็พบว่าเฉินจิ้งเฉวียนกำลังพยายามที่จะนำประคำโลหิตกลับไป หลิงหยุนจึงพยายามที่แย่งชิงกลับคืนมา..
แต่หลิงหยุนก็ต้องพบว่ามันไร้ประโยชน์ที่จะทำเช่นนั้นแม้เขาจะใช้พลังจิตควบคุมประคำโลหิตได้ แต่เฉินจิ้งเฉวียนนั้นเป็นสายเลือดตระกูลเฉินโดยตรง จึงย่อมมีพลังอำนาจในการควบคุมประคำโลหิตซึ่งเป็นมรดกตกทอดของตระกูลได้ดีกว่าตน..
ประคำโลหิตลอยนิ่งอยู่กลางอากาศครู่หนึ่งแต่ในที่สุดมันก็พุ่งตรงเข้าไปในปากของเฉินจิ้งเฉวียน และกลืนลงท้องไป.. สาเหตุที่เฉินจิ้งเฉวียนไม่ยอมเข้าร่วมการต่อสู้มาจนถึงเวลานี้ก็เพราะกำลังใช้พลังจิตสื่อสารกับประคำโลหิตอยู่นั่นเอง
ทันทีที่เฉินจิ้งเฉวียนกลืนประคำโลหิตเข้าไปในท้องแล้วมันก็กระโดดหมุนตัวขึ้นกลางอากาศ และซัดฝ่ามือออกไปด้านหน้าทันที
ตูม!
สิ้นเสียงดังสนั่นหวั่นไหวนั้น..ทั่วทั้งสนามประลองก็มีหมอกสีเลือดปกคลุมขึ้นทันที และมันก็คือละอองโลหิต มาถึงตอนนี้อย่าว่าแต่เหล่าแวมไพร์ทั้งห้าจะไม่สามารถควบคุมเลือดในตัวได้ แม้แต่หลิงหยุนรับรู้ได้ถึงเลือดในกายที่กำลังพลุ่งพล่านรุนแรง..
“มารดูดโลหิต!”
สิ้นเสียงร้องตะโกนของเฉินจิ้งเฉวียนหมอกสีเลือดเหล่านั้นก็ได้พุ่งเข้าไปในร่างของเฉินจิ้งเฉวียน และหลังจากที่ดูดเอาหมอกโลหิตทั้งหมดเข้าไปในร่างแล้ว ความแข็งแกร่ง และพละกำลังของเฉินจิ้งเฉวียนก็เพิ่มขึ้นถึงขีดสุดอีกครั้ง
ดวงตาสีแดงของเฉินจิ้งเฉวียนที่จ้องมองหลิงหยุนนั้นไม่ต่างจากอสรพิษที่กำลังจ้องจะฉกเหยื่ออยู่นั่นเอง!
……
“นี่มันอะไรกัน!เหตุใดเฉินจิ้งเฉวียนจึงสามารถกลายร่างเป็นปีศาจเช่นนี้ได้?!”
เย่ชิงซินซึ่งเห็นเหตุการณ์ด้านล่างทั้งหมดถึงกับร้องอุทานออกมาด้วยความตกใจ นางยกมือที่เรียวงามขึ้น และกำลังจะควบคุมกระบี่เหินที่นางยืนอยู่นั้น ให้ร่อนลงไปที่พื้นด้านล่างในทันที..
แต่กลับถูกหลงฮ่าวหลานห้ามไว้“แม่นางเย่.. ไม่ต้องรีบร้อนสังหารปีศาจเพื่อผดุงยุทธภพนัก!”
“พวกเขายังไม่ได้ต่อสู้กัน..เจ้าไม่ต้องร้อนใจไป!”
หลงฮ่าวหลานมองไปที่สนามประลองด้านล่างพร้อมกับพูดต่อว่า“เด็กหลิงหยุนนั่นยะโสโอหังยิ่งนัก! แม้แต่ตระกูลหลงของข้า และหน่วยนภายังไม่อยู่ในสายตาของเขา ปล่อยให้เขาได้รับบทเรียนหนักหนาบ้างก็ดี!”
“อีกอย่าง..”
หลงฮ่าวหลานเชิดหน้าขึ้นพร้อมกับพูดยิ้มๆ“เจ้าดูท่าทางของเด็กคนนั้นสิ.. เขายังดูสงบนิ่งอยู่ได้เช่นนั้น เขาย่อมต้องมีวิธีที่จะรับมือกับเฉินจิ้งเฉวียนอย่างแน่นอน! พวกเราอาศัยโอกาสนี้บีบให้เด็กนั่นเผยไพ่ในมือออกมาให้มากกว่านี้จะดีกว่า..”
“หึ..”
เย่ชิงซินทำเสียงขึ้นจมูกอย่างไม่พอใจนักและหันไปจ้องหน้าหลงฮ่าวหลานพร้อมกับตำหนิไปว่า
“หลงฮ่าวหลาน..ข้าคิดไม่ถึงจริงๆ ในเมื่อเจ้าเองก็รู้ดีกอยู่แก่ใจว่าเฉินจิ้งเฉวียนแอบฝึกวิชามาร แต่ยังแสร้งทำเป็นหลับหูหลับตา ไม่เพียงไม่ยับยั้ง แต่เจ้ายังปล่อยให้เฉินจิ้งเฉวียนเข้าร่วมในหน่วยนภา อีกทั้งยังปล่อยให้ตระกูลเฉินขึ้นมาเป็นหนึ่งในตระกูลใหญ่ของประเทศนี้ได้ หนำซ้ำยังปล่อยให้ตระกูลเฉินควบคุมดูแลกระทรวงสำคัญๆ ของประเทศนี้มานานหลายปี..”
เย่ชิงซินกล้าตำหนิหลงฮ่าวหลานออกไปตรงๆเช่นนี้ย่อมเป็นการบ่งบอกว่านางไม่ได้หวาดกลัวผู้นำตระกูลหลงผู้นี้เลยแม้แต่น้อย!
“ทั่วทั้งสวรรค์และผืนโลกยังมีทั้งหยินและหยาง..ยุทธภพตั้งแต่อดีตมาก็มีทั้งฝ่ายธรรมะและอธรรม ไม่ว่าสวรรค์หรือผืนโลกก็ย่อมทีทั้งดีและเลว ยากนักที่จะควบคุมให้มีเพียงหนึ่งเดียวได้..”
หลงฮ่าวหลานจ้องหน้าเย่ชิงซินพร้อมกับถามขึ้นว่า“เรื่องที่เฉินจิ้งเฉวียนฝึกวิชามารนั้น แม้แต่พี่ชายของเจ้าเย่ชิงเฟิงก็รู้ดีไม่ใช่รึ”
จากนั้นหลงฮ่าวหลานจึงอธิบายต่อว่า“แม่นางเย่.. เจ้าใคร่ครวญดูให้ดี ในเมื่อมรดกตระกูลเฉินคือประคำโลหิต เช่นนี้แล้วมีหรือที่พวกเขาจะอดทนไม่ฝึกวิชามารที่เกี่ยวข้องกับประคำโลหิตนี้ได้!”
“แม่นางเย่..เจ้าเองฝึกวิชาอยู่ในป่าเขาตั้งแต่เล็ก ยังมีความลับอีกมากมายในประเทศนี้ที่เจ้าเองก็ยังไม่ล่วงรู้!”
“ข้าจะบอกอะไรให้..บรรพชนตระกูลเฉินนั้น แท้จริงคือยอดฝีมือจากฝ่ายมาร และล้วนแต่ฝึกฝนวิชามารทั้งสิ้น!”
“แต่เมื่อราวหนึ่งร้อยปีก่อน..โลกใบนี้เกิดความโกลาหลวุ่นวายขึ้น แม้แต่บรรพชนตระกูลเฉินก็ต้องพบกับโชคชะตากรรมที่โหดร้าย ทุกคนต่างก็ตายไปราวกับใบไม้ร่วง ตระกูลเฉินจึงแทบสูญสิ้น จนกระทั่งเมื่อสี่สิบปี่ก่อน.. ตระกูลเฉินได้ใช้ประคำโลหิตช่วยชีวิตของผู้คนไว้มากมาย จึงค่อยๆ ได้รับการยอมรับ และกลายมาเป็นหนึ่งในแปดตระกูลใหญ่ของประเทศนี้จนได้..”
“ประเทศจีนนั้นกว้างใหญ่ไพศาลยิ่งนัก..แม้ตระกูลหลงของข้าจะเป็นตระกูลอันดับหนึ่งมานานนับพันปี แต่ก็ใช่ว่าจะยืนหยัดมาได้โดยไม่มีผู้ใดยื่นมือเข้ามาช่วย..”
แน่นอนว่าความลับทีอยู่ในมือของหลงฮ่าวหลานนั้นย่อมเป็นความลับที่เกี่ยวพันถึงหลายฝ่าย และเขาไม่อาจเอ่ยออกไปได้ จึงได้แต่หวังว่าเย่ชิงซินจะเข้าใจความหมาย..
“ประเทศของเราเวลานี้ก็เจริญรุ่งเรืองยิ่งนักและนับวันก็จะยิ่งเจริญรุ่งเรืองขึ้นอีก ในอีกยี่สิบปีข้างหน้าหลายประเทศคงต้องร่วมฉลองแสดงความยินดีให้กับประเทศจีนอีกครั้ง..”
“ตอนนี้ดูเหมือนหลายฝ่ายก็ไม่อาจทนนิ่งเฉยอยู่ได้..ฝ่ายอธรรมหลายๆกลุ่มต่างก็เริ่มที่จะสร้างปัญหาขึ้นมา และหลายฝ่ายก็เริ่มพยายามที่จะสร้างคลื่นใต้น้ำให้เกิดขึ้น..”
“และหนึ่งในนั้นก็คือตระกูลเฉิน!”
“แต่ดูท่าตระกูลเฉินได้เดินมาถึงทางตันแล้วและคืนนี้คงจะเป็นจุดจบของพวกเขา!”
เย่ชิงซินหันไปมองหลงฮ่าวหลานที่พูดจาฉะฉานมั่นอกมั่นใจด้วยสีหน้าท่าทางที่นิ่งเฉยและก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรออกมา และพบว่าตนเองยังไม่เข้าใจหลงฮ่าวหลานดีนัก..
ไม่รู้ว่าแท้จริงหลงฮ่าวหลานเป็นคนดีหรือว่าเป็นคนเลวกันแน่!
“หึ..ทำตัวลึกลับไปได้!”
ในที่สุดเย่ชิงซินก็พึมพำออกมา..
“ฮ่า..ฮ่า.. ใช่ว่าข้าต้องการทำตัวลึกลับ เพียงแค่ฐานะ และจุดยืนที่แตกต่างกัน เรื่องประเทศชาติก็เรื่องหนึ่ง เรื่องของตระกูลก็เรื่องหนึ่ง แต่ทุกอย่างล้วนแล้วแต่วุ่นวายน่าปวดหัว..”
หลงฮ่าวหลานหัวเราะออกมาพร้อมกับตบท้ายด้วยคำพูดประโยคนี้แล้วก็ได้แต่เงียบไม่พูดอะไรอีก ก่อนจะหันไปมองการประลองด้านล่างอย่างสนอกสนใจต่อ..
“ฆ่ามัน!”
“แก้แค้นให้กับผู้นำตระกูลซัน!”
เมื่อเหล่านักรบตระกูลซันที่ยังมีชีวิตอยู่เห็นหลิงหยุนสังหารซันเจิ้นหวู่ตายทุกคนต่างก็ดวงตาแดงก่ำด้วยความเสียใจ และพุ่งเข้าจู่โจมใส่หลิงหยุนราวกับคนคลุ้มคลั่ง..
หลิงหยุนยังคงยืนนิ่งอยู่ที่เดิมแต่มือยังคงตวัดกระบี่ไปมา และในแต่ละครั้งที่กระบีในมือของหลิงหยุนตวัดออกไป ก็จะมีนักรบตระกูลซันตายพร้อมกันถึงครั้งละห้าหกคน..
เวลานี้สายตาของหลิงหยุนที่จ้องมองเหล่านักรบตระกูลซันนั้นเต็มไปด้วยความว่างเปล่าไร้ความรู้สึก แต่ก็แฝงไว้ด้วยความดุดันโหดเหี้ยม และสามารถฟาดฟันกระบี่ใส่ร่างของเหล่านักรบราวกับว่ากำลังฟันใส่ต้นไม้ใบหญ้า.. ด้านหน้าของหลิงหยุนเวลานี้..มีซากของแขนขากระเด็นเกลื่อนกลาด และศรีษะที่ร่วงหล่นกลิ้งไปกับพื้นเกลื่อนกลาดอยู่เต็มไปหมด ร่างไร้วิญญาณกองพะเนินราวกับเขาลูกใหญ่ เลือดสีแดงฉานเจิ่งนองไปทั่วทั้งบริเวณราวกับแม่น้ำสีเลือด..
หลงงจีนหลู่หมิงฉู่ลืมตาขึ้นมาพบกับภาพที่ไม่ต่างจากขุมนรกเช่นนี้ก็ได้แต่นึกสะท้อนใจ แล้วรีบจากไปทันทีโดยไม่สนใจแม้แต่คฑาซึ่งเป็นอาวุธประจำกายของตนเอง..
ชัวะ!
กระบี่ในมือของหลิงหยุนฟาดฟันออกไปอีกครั้งใส่นักรบตระกูลซันทั้งสามคนที่พุ่งเข้ามาทางด้านหน้าแล้วร่างไร้วิญญาณของพวกมันทั้งสามคนก็ลอยละลิ่วออกไปกองรวมกับซากศพด้านหน้าทันที
หลังจากที่ซันเจิ้นหวู่เสียชีวิต..เหล่านักรบตระกูลซันก็ถูกหลิงหยุนสังหารตายจนหมด และเวลานี้ก็เหลือเพียงแค่นักรบตระกูลเฉินบางส่วน และตัวเฉินจิ้งเฉวียนเท่านั้น.. ……
เวลานี้เฉินจิ้งเฉวียนยืนมองสนามประลองที่ได้กลายเป็นนรกบนดินด้วยดวงตาแดงก่ำแม้เฉินจิ้งเฉวียนจะเห็นหลิงหยุนกำลังไล่ล่าสังหารเหล่านักรบตระกูลเฉินร่วมสามสิบคนที่อยู่ตรงหน้า แต่เขากลับยืนนิ่งเฉยโดยไม่คิดที่จะหยุดยั้งหลิงหยุน และปล่อยให้หลิงหยุนใช้กระบี่โลหิตแดนใต้กับกระบี่พายุในมือฟาดฟันเข้าใส่ร่างของเหล่านักรบตระกูลเฉินอย่างเลือดเย็น..
และในเวลานี้..ดวงตาที่แดงก่ำของเฉินจิ้งเฉวียนก็ได้เปลี่ยนเป็นสีแดงเข้ม และร่างกายของเขาก็ค่อยๆ เปลี่ยนเป็นแดงไปทั่วทั้งร่างด้วยเช่นกัน
หลวงจีนจื้อกงเห็นเช่นนั้นจึงรีบกระโดดเข้าไปยืนข้างเฉินจิ้งเฉวียนเขาจ้องดูอาการของเฉินจิ้งเฉวียนอยู่ครู่หนึ่ง ก็สามารถคาดเดาได้ว่าเฉินจิ้งเฉวียนกำลังคิดที่จะทำอะไร จึงรีบร้องถามออกไปอย่างร้อนใจ..
“จิ้งเฉวียน..นี่เจ้า.. เจ้าคิดจะ..” “ตระกูลเฉินถึงเวลาล่มสลายแล้ว!ไต้ซือได้โปรดสังหารข้าด้วย..”
เฉินจิ้งเฉวียนกัดฟันกรอดก่อนจะเอ่ยคำพูดประโยคนี้ออกมาด้วยน้ำเสียงที่เรียบเฉย..
“อามิตตาพุทธ..”
หลวงจีนจื้อกงพึมพำออกมาแต่ในที่สุดก็ยกคฑาทองคำในมือของตนขึ้น พร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงมั่นคงคล้ายคนที่ตัดสินใจแน่วแน่แล้ว..
“ใหนๆคืนนี้เจ้ากับข้าก็คงไม่สามารถหลีกพ้นความตายได้ถ้าเช่นนั้น.. ข้าจะเป็นฝ่ายไปก่อนเจ้า และจะช่วยให้เจ้าได้กลายร่างเป็นปีศาจอย่างที่ต้องการ!”
หลังจากที่หลวงจีนจื้อกงพูดจบ..เขาก็แนบฝ่ามือไปที่แผ่นหลังของเฉินจิ้งเฉวียน พร้อมกับถ่ายเทพลังปราณที่ตนเฝ้าฝึกฝนมานานหลายสิบปีลงไปในร่างของเฉินจิ้งเฉวียนอย่างไม่นึกเสียดาย!
ตูม! ภายในเวลาเพียงแค่ชั่วพริบตา..จู่ๆร่างของเฉินจิ้งเฉวียนก็สูงขึ้น และลำตัวก็ขยายพองขึ้น เวลานี้ร่างกายของเฉินจิ้งเฉวียนดูราวกับลูกโป่งที่กำลังถูกสูบลมเข้าไป และเป็นลูกโป่งที่มีสีแดง..
หัวใจของเฉินจิ้งเฉวียนเริ่มเต้นแรงขึ้นเลือดในกายเริ่มสูบฉีด และหมุนเวียนได้รวดเร็วจากเดินมากขึ้นถึงสิบเท่า ใบหน้าที่เป็นสีแดงเข้ม ก็เริ่มเปลี่ยนเป็นสีม่วง และทั่วทั้งร่างกายก็ได้กลายเป็นสีแดงราวกับเลือด
ทันทีที่เฉินจิ้งเฉวียนสัมผัสได้ว่าร่างกายของตนนั้นได้ขยายออกและแข็งแกร่งจนถึงขีดสุดแล้ว เขาก็ได้ยกขวดที่ภายในบรรจุโอสถสีแดงขึ้น และจัดการเทโอสถสีแดงทั้งหมดนั้นเข้าไปในปากทันที..
และนี่ลมปราณที่หมุนกลับด้านซึ่งจะนำคนผู้นั้นให้กลายเป็นมารในที่สุด!
เฉินจิ้งเฉวียนใช้พลังวิเศษของตนทำการหมุนลมปราณภายในร่างกายให้เดินกลับด้านเพื่อที่ตนเองจะได้กลายเป็นปีศาจเต็มตัวนั่นเอง!
แต่การกระทำเช่นนี้..จะต้องแลกมาด้วยความเจ็บปวดอย่างที่สุด!
“อ๊าก..”
ภายใต้ความเจ็บปวดอย่างแสนสาหัสนั้น..เฉินจิ้งเฉวียนค่อยๆ กลายร่างเป็นปีศาจ ดวงตาของเขาได้กลายเป็นสีแดงเข้มมากขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งเวลานี้ลูกนัยน์ตาของเฉินจิ้งเฉวียนได้กลายเป็นสีแดงสว่างสุกใสราวกับลูกไฟ..
ในขณะที่เฉินจิ้งเฉวียนค่อยๆกลายร่างเป็นปีศาจดั่งที่ใจต้องการ หลวงจีนจื้อกงก็ได้มรณภาพอยู่ด้านหลังของเฉินจิ้งเฉวียนในท่ายืน..
เฉินจิ้งเฉวียนได้ใช้พลังเหนือธรรมชาติของตนผนวกกับพลังปราณทั้งหมดที่หลวงจีนจื้อกงถ่ายเทให้ ทำให้เขาสามารถเข้าสู่ระดับสูงสุดขั้นพลังเหนือธรรมชาติระดับสามได้ในทันที! เฉินจิ้งเฉวียนคำรามอยู่ในลำคอ..
…….
ในขณะที่แกรนด์ดยุคเอ็ดเวิร์ดซึ่งอยู่ในสนามประลองและกำลังสังหารนักรบเดนตายอีกราวสองสามคนที่ถูกกักขังไว้ในกรงโลหิตนั้น มันก็สัมผัสได้ถึงความผิดปกติบางอย่างที่กำลังเกิดขึ้น..
เอ็ดเวิร์ดสัมผัสได้ว่าเวลานี้บริเวณท้องน้อยของตนเริ่มสั่นอย่างรุนแรงนั่นเพราะประคำโลหิตที่อยู่ด้านในเริ่มขยับไปมา คล้ายกับว่ากำลังจะพุ่งทะลุออกไปจากร่างของมันไป..
เอ็ดเวิร์ดรีบร่ายมนต์แวมไพร์สะกดไว้ทันทีและพยายามที่จะควบคุมประคำโลหิตไว้ แต่ครั้งนี้ประคำโลหิตกลับไม่อยู่ภายใต้การควบคุมของมัน..
และในที่สุดประคำโลหิตก็พุ่งทะลุออกจากท้องของเอ็ดเวิร์ดไปแล้วลอยไปหาเฉินจิ้งเฉวียนที่เวลานี้ได้กลายเป็นปีศาจเต็มตัวแล้ว! นี่คือมรดกตกทอดของตระกูลเฉินเฉินจิ้งเฉวียนไม่เพียงต้องการนำประคำโลหิตกลับคืนให้ตระกูลเฉิน แต่เขายังต้องการที่จะใช้มันต่อสู้กับหลิงหยุนในยกสุดท้ายนี้ด้วย!
“แย่แล้ว!”
ในเวลานั้นหลิงหยุนซึ่งกำลังสังหารเหล่านักรบตระกูลเฉินที่เหลืออยู่ก็สัมผัสได้ถึงความผิดปกติในครั้งนี้ แต่เมื่อหลิงหยุนหันกลับไปมอง ก็พบว่าเฉินจิ้งเฉวียนกำลังพยายามที่จะนำประคำโลหิตกลับไป หลิงหยุนจึงพยายามที่แย่งชิงกลับคืนมา..
แต่หลิงหยุนก็ต้องพบว่ามันไร้ประโยชน์ที่จะทำเช่นนั้นแม้เขาจะใช้พลังจิตควบคุมประคำโลหิตได้ แต่เฉินจิ้งเฉวียนนั้นเป็นสายเลือดตระกูลเฉินโดยตรง จึงย่อมมีพลังอำนาจในการควบคุมประคำโลหิตซึ่งเป็นมรดกตกทอดของตระกูลได้ดีกว่าตน..
ประคำโลหิตลอยนิ่งอยู่กลางอากาศครู่หนึ่งแต่ในที่สุดมันก็พุ่งตรงเข้าไปในปากของเฉินจิ้งเฉวียน และกลืนลงท้องไป.. สาเหตุที่เฉินจิ้งเฉวียนไม่ยอมเข้าร่วมการต่อสู้มาจนถึงเวลานี้ก็เพราะกำลังใช้พลังจิตสื่อสารกับประคำโลหิตอยู่นั่นเอง
ทันทีที่เฉินจิ้งเฉวียนกลืนประคำโลหิตเข้าไปในท้องแล้วมันก็กระโดดหมุนตัวขึ้นกลางอากาศ และซัดฝ่ามือออกไปด้านหน้าทันที
ตูม!
สิ้นเสียงดังสนั่นหวั่นไหวนั้น..ทั่วทั้งสนามประลองก็มีหมอกสีเลือดปกคลุมขึ้นทันที และมันก็คือละอองโลหิต มาถึงตอนนี้อย่าว่าแต่เหล่าแวมไพร์ทั้งห้าจะไม่สามารถควบคุมเลือดในตัวได้ แม้แต่หลิงหยุนรับรู้ได้ถึงเลือดในกายที่กำลังพลุ่งพล่านรุนแรง..
“มารดูดโลหิต!”
สิ้นเสียงร้องตะโกนของเฉินจิ้งเฉวียนหมอกสีเลือดเหล่านั้นก็ได้พุ่งเข้าไปในร่างของเฉินจิ้งเฉวียน และหลังจากที่ดูดเอาหมอกโลหิตทั้งหมดเข้าไปในร่างแล้ว ความแข็งแกร่ง และพละกำลังของเฉินจิ้งเฉวียนก็เพิ่มขึ้นถึงขีดสุดอีกครั้ง
ดวงตาสีแดงของเฉินจิ้งเฉวียนที่จ้องมองหลิงหยุนนั้นไม่ต่างจากอสรพิษที่กำลังจ้องจะฉกเหยื่ออยู่นั่นเอง!
……
“นี่มันอะไรกัน!เหตุใดเฉินจิ้งเฉวียนจึงสามารถกลายร่างเป็นปีศาจเช่นนี้ได้?!”
เย่ชิงซินซึ่งเห็นเหตุการณ์ด้านล่างทั้งหมดถึงกับร้องอุทานออกมาด้วยความตกใจ นางยกมือที่เรียวงามขึ้น และกำลังจะควบคุมกระบี่เหินที่นางยืนอยู่นั้น ให้ร่อนลงไปที่พื้นด้านล่างในทันที..
แต่กลับถูกหลงฮ่าวหลานห้ามไว้“แม่นางเย่.. ไม่ต้องรีบร้อนสังหารปีศาจเพื่อผดุงยุทธภพนัก!”
“พวกเขายังไม่ได้ต่อสู้กัน..เจ้าไม่ต้องร้อนใจไป!”
หลงฮ่าวหลานมองไปที่สนามประลองด้านล่างพร้อมกับพูดต่อว่า“เด็กหลิงหยุนนั่นยะโสโอหังยิ่งนัก! แม้แต่ตระกูลหลงของข้า และหน่วยนภายังไม่อยู่ในสายตาของเขา ปล่อยให้เขาได้รับบทเรียนหนักหนาบ้างก็ดี!”
“อีกอย่าง..”
หลงฮ่าวหลานเชิดหน้าขึ้นพร้อมกับพูดยิ้มๆ“เจ้าดูท่าทางของเด็กคนนั้นสิ.. เขายังดูสงบนิ่งอยู่ได้เช่นนั้น เขาย่อมต้องมีวิธีที่จะรับมือกับเฉินจิ้งเฉวียนอย่างแน่นอน! พวกเราอาศัยโอกาสนี้บีบให้เด็กนั่นเผยไพ่ในมือออกมาให้มากกว่านี้จะดีกว่า..”
“หึ..”
เย่ชิงซินทำเสียงขึ้นจมูกอย่างไม่พอใจนักและหันไปจ้องหน้าหลงฮ่าวหลานพร้อมกับตำหนิไปว่า
“หลงฮ่าวหลาน..ข้าคิดไม่ถึงจริงๆ ในเมื่อเจ้าเองก็รู้ดีกอยู่แก่ใจว่าเฉินจิ้งเฉวียนแอบฝึกวิชามาร แต่ยังแสร้งทำเป็นหลับหูหลับตา ไม่เพียงไม่ยับยั้ง แต่เจ้ายังปล่อยให้เฉินจิ้งเฉวียนเข้าร่วมในหน่วยนภา อีกทั้งยังปล่อยให้ตระกูลเฉินขึ้นมาเป็นหนึ่งในตระกูลใหญ่ของประเทศนี้ได้ หนำซ้ำยังปล่อยให้ตระกูลเฉินควบคุมดูแลกระทรวงสำคัญๆ ของประเทศนี้มานานหลายปี..”
เย่ชิงซินกล้าตำหนิหลงฮ่าวหลานออกไปตรงๆเช่นนี้ย่อมเป็นการบ่งบอกว่านางไม่ได้หวาดกลัวผู้นำตระกูลหลงผู้นี้เลยแม้แต่น้อย!
“ทั่วทั้งสวรรค์และผืนโลกยังมีทั้งหยินและหยาง..ยุทธภพตั้งแต่อดีตมาก็มีทั้งฝ่ายธรรมะและอธรรม ไม่ว่าสวรรค์หรือผืนโลกก็ย่อมทีทั้งดีและเลว ยากนักที่จะควบคุมให้มีเพียงหนึ่งเดียวได้..”
หลงฮ่าวหลานจ้องหน้าเย่ชิงซินพร้อมกับถามขึ้นว่า“เรื่องที่เฉินจิ้งเฉวียนฝึกวิชามารนั้น แม้แต่พี่ชายของเจ้าเย่ชิงเฟิงก็รู้ดีไม่ใช่รึ”
จากนั้นหลงฮ่าวหลานจึงอธิบายต่อว่า“แม่นางเย่.. เจ้าใคร่ครวญดูให้ดี ในเมื่อมรดกตระกูลเฉินคือประคำโลหิต เช่นนี้แล้วมีหรือที่พวกเขาจะอดทนไม่ฝึกวิชามารที่เกี่ยวข้องกับประคำโลหิตนี้ได้!”
“แม่นางเย่..เจ้าเองฝึกวิชาอยู่ในป่าเขาตั้งแต่เล็ก ยังมีความลับอีกมากมายในประเทศนี้ที่เจ้าเองก็ยังไม่ล่วงรู้!”
“ข้าจะบอกอะไรให้..บรรพชนตระกูลเฉินนั้น แท้จริงคือยอดฝีมือจากฝ่ายมาร และล้วนแต่ฝึกฝนวิชามารทั้งสิ้น!”
“แต่เมื่อราวหนึ่งร้อยปีก่อน..โลกใบนี้เกิดความโกลาหลวุ่นวายขึ้น แม้แต่บรรพชนตระกูลเฉินก็ต้องพบกับโชคชะตากรรมที่โหดร้าย ทุกคนต่างก็ตายไปราวกับใบไม้ร่วง ตระกูลเฉินจึงแทบสูญสิ้น จนกระทั่งเมื่อสี่สิบปี่ก่อน.. ตระกูลเฉินได้ใช้ประคำโลหิตช่วยชีวิตของผู้คนไว้มากมาย จึงค่อยๆ ได้รับการยอมรับ และกลายมาเป็นหนึ่งในแปดตระกูลใหญ่ของประเทศนี้จนได้..”
“ประเทศจีนนั้นกว้างใหญ่ไพศาลยิ่งนัก..แม้ตระกูลหลงของข้าจะเป็นตระกูลอันดับหนึ่งมานานนับพันปี แต่ก็ใช่ว่าจะยืนหยัดมาได้โดยไม่มีผู้ใดยื่นมือเข้ามาช่วย..”
แน่นอนว่าความลับทีอยู่ในมือของหลงฮ่าวหลานนั้นย่อมเป็นความลับที่เกี่ยวพันถึงหลายฝ่าย และเขาไม่อาจเอ่ยออกไปได้ จึงได้แต่หวังว่าเย่ชิงซินจะเข้าใจความหมาย..
“ประเทศของเราเวลานี้ก็เจริญรุ่งเรืองยิ่งนักและนับวันก็จะยิ่งเจริญรุ่งเรืองขึ้นอีก ในอีกยี่สิบปีข้างหน้าหลายประเทศคงต้องร่วมฉลองแสดงความยินดีให้กับประเทศจีนอีกครั้ง..”
“ตอนนี้ดูเหมือนหลายฝ่ายก็ไม่อาจทนนิ่งเฉยอยู่ได้..ฝ่ายอธรรมหลายๆกลุ่มต่างก็เริ่มที่จะสร้างปัญหาขึ้นมา และหลายฝ่ายก็เริ่มพยายามที่จะสร้างคลื่นใต้น้ำให้เกิดขึ้น..”
“และหนึ่งในนั้นก็คือตระกูลเฉิน!”
“แต่ดูท่าตระกูลเฉินได้เดินมาถึงทางตันแล้วและคืนนี้คงจะเป็นจุดจบของพวกเขา!”
เย่ชิงซินหันไปมองหลงฮ่าวหลานที่พูดจาฉะฉานมั่นอกมั่นใจด้วยสีหน้าท่าทางที่นิ่งเฉยและก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรออกมา และพบว่าตนเองยังไม่เข้าใจหลงฮ่าวหลานดีนัก..
ไม่รู้ว่าแท้จริงหลงฮ่าวหลานเป็นคนดีหรือว่าเป็นคนเลวกันแน่!
“หึ..ทำตัวลึกลับไปได้!”
ในที่สุดเย่ชิงซินก็พึมพำออกมา..
“ฮ่า..ฮ่า.. ใช่ว่าข้าต้องการทำตัวลึกลับ เพียงแค่ฐานะ และจุดยืนที่แตกต่างกัน เรื่องประเทศชาติก็เรื่องหนึ่ง เรื่องของตระกูลก็เรื่องหนึ่ง แต่ทุกอย่างล้วนแล้วแต่วุ่นวายน่าปวดหัว..”
หลงฮ่าวหลานหัวเราะออกมาพร้อมกับตบท้ายด้วยคำพูดประโยคนี้แล้วก็ได้แต่เงียบไม่พูดอะไรอีก ก่อนจะหันไปมองการประลองด้านล่างอย่างสนอกสนใจต่อ..