Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร - บทที่ 1175 : ลงมือได้!
หลิงหยุนซึ่งอยู่ในขั้นซานฉางชี่นี้..หากมีคนแอบมองเขาในระยะสามกิโลเมตร ความรู้สึกก็จะคล้ายๆ กับคนธรรมดาทั่วไปที่จะรู้สึกได้ว่ามีคนแอบมองมาจากด้านหลัง และด้วยจิตหยั่งรู้ในขั้นนี้.. ภายในรัศมีสามกิโลเมตร จิตหยั่งรู้ของหลิงหยุนย่อมที่จะมองเห็นคนผู้นั้นได้..
แต่ครั้งนี้..ไม่ว่าหลิงหยุนจะพยายามสำรวจดูอย่างละเอียดเพียงใด เขาก็ไม่พบผู้ใดเลยแม้แต่คนเดียว บนท้องฟ้าเหนือศรีษะของเขานั้นมีเพียงทางช้างเผือก และดวงดาวที่พร่างพรายอยู่เต็มท้องฟ้าเท่านั้น..
และเวลานี้..ทั้งหลงฮ่าวหลานและเย่ชิงซินก็ไม่รู้ว่าจากไปตั้งแต่เมื่อใด และไปในทิศทางใด?
แม้ว่าหลิงหยุนจะสำรวจไม่พบอะไรแต่เขาก็มั่นใจว่ามีคนจ้องมองเขาอยู่ และคนผู้นั้นจะต้องมีกำลังภายในสูงส่ง จึงจะสามารถที่จะล่องลอยอยู่บนอากาศได้เนิ่นนานเช่นนั้น..
สำหรับยอดฝีมือในโลกนี้ที่ฝึกจนถึงขั้นมีพลังเหนือธรรมชาติจะสามารเหาะเหินเดินอากาศได้หรือไม่นั้น หลิงหยุนไม่อาจรู้ได้ แต่สำหรับผู้ฝึกบ่มเพาะพลังในแบบของเขานั้น อย่างน้อยก็ต้องเข้าสู่ด่านกลางของขั้นพลังชี่ คือตั้งแต่ขั้นซื่อเฉิงชี่ (ขั้นพลังชี่-4) ขึ้นไปแล้วเท่านั้น จึงจะสามารถทำเช่นนั้นได้..
“หรือจะเป็นตระกูลหลงหรือว่าจะเป็นตระกูลเย่? แต่ไม่น่าว่าอาจจะเป็นยอดฝีมือจากหน่วยนภาก็เป็นได้? น่าเสียดายที่ความแข็งแกร่ง และไพ่ในมือของข้า กลับถูกผู้อื่นล่วงรู้ไปมากทีเดียว..”
หลิงหยุนฉุกคิดขึ้นมาได้ก็ถึงกับพึมพำออกมาอย่างนึกเสียดาย..
หลังจากจัดการทำความสะอาดสนามประลองจนเรียบร้อยแล้วหลิงหยุนกับแวมไพร์ทั้งห้าจึงกลับออกไปจากหุบเขาทันที และหลังจากที่ได้ผ่านการประลองที่ดุเดือดไป เวลานี้ทุกคนต่างก็เหนื่อยล้าอย่างมากแล้ว.. ระหว่างทางที่บินกลับนั้น..พอลเป็นผู้ที่ทำหน้าที่อุ้มร่างของตี๋ยั่วถังบินกลับไปด้วย แต่ในระหว่างนั้นก็มีสมาชิกใหม่บินตามพวกเขากลับไปด้วยเช่นกัน
นั่นก็คือ..อีกาทองคำตัวนั้นนั่นเอง!
อีกาทองคำบินตามกลุ่มของหลิงหยุนไปห่างๆจนกระทั่งผ่านไปครู่หนึ่ง เมื่อมั่นใจว่าอีกฝ่ายไม่เป็นอันตรายต่อตัวเองแล้ว อีกาทองคำตัวนั้นจึงค่อยๆ บินเข้าไปใกล้หลิงหยุนมากขึ้นเรื่อยๆ
‘เจ้านี่ทั้งเฉลียวฉลาดแล้วก็ระมัดระวังตัวมากเลยทีเดียว!’
หลิงหยุนซึ่งยืนอยู่บนแผ่นหลังของเอ็ดเวิร์ดเห็นท่าทางของอีกาทองคำนั้น ก็แสร้งทำเป็นเมินหน้ามองไปทางอื่นไม่สนใจมัน แต่ในใจกลับนึกชื่นชม และพอใจไม่น้อย
หากจะว่าไปแล้ว..อีกาทองคำตัวนี้ดูเหมือนจะเป็นกำไรชิ้นโตที่หลิงหยุนได้รับจากการประลองในคืนนี้ เขาตื่นเต้นยิ่งกว่าได้เห็นมังกรโลหิตเสียอีก เพราะนั่นคือสมบัติของเขาอยู่แล้ว..
ถึงแม้หลิงหยุนจะดูพอใจกับอีกาทองคำมากแต่ดูเหมือนแวมไพร์ทั้งห้าจะไม่คิดเช่นนั้น พวกมันมองดูอีกาทองคำด้วยสีหน้าหวาดระแวงอยู่ตลอดเวลา นั่นเพราะทุกครั้งที่อีกาทองคำเข้าใกล้พวกมันทั้งห้า จะทำให้พวกมันรู้สึกหวาดกลัวจนสะดุ้ง และไม่สบายใจ พวกมันจึงพยายามที่จะบินหนีให้ห่างจากอีกาทองคำตัวนี้มากที่สุด..
“เจ้านายที่เคารพ..เหตุใดต้องให้อีกาสีดำตัวใหญ่นี้บินตามไปด้วย พวกเรารู้สึกไม่สบายเนื้อสบายตัวเลย!”
เจสเตอร์ที่บินอยู่บนท้องฟ้าไม่อาจอดรนทนต่อไปได้อีกจึงร้องถามหลิงหยุนขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อย..
“ไม่แปลกที่พวกเจ้าจะรู้สึกไม่สบายเนื้อไม่สบายตัวเช่นนั้นแต่อีกสองสามเดือนทุกอย่างจะดีขึ้นเอง!”
หลิงหยุนร้องบอกไปพร้อมกับยิ้มออกมาแต่ก็ไม่อธิบายอะไรมากไปกว่านั้น.. แวมไพร์นั้นจัดว่าเป็นเจ้าแห่งรัตติกาล..แต่สิ่งที่พวกมันเกลียดกลัวที่สุดก็คือแสงอาทิตย์ และอีกาทองคำ!
แต่แน่นอนว่า..อีกาตัวนี้ยังเป็นเพียงแค่อีกาลายทองที่ยังห่างไกลจากอีกทองคำจริงๆ หลายเท่านัก แต่หากอีกาลายทองตัวนี้โชคดี มันก็จะสามารถพัฒนาร่างเป็นอีกาทองคำจริงๆ ได้ในวันข้างหน้า..
คืนนี้..การที่อีกาลายทองปรากฏตัวให้เห็น ไม่ใช่เพราะซากศพกองมหึมานั่น แต่เป็นเพราะหยางบริสุทธิ์ที่หลิงหยุนปลดปล่อยออกมาในระหว่างที่สู้รบต่างหาก
อีกาลายทองตัวนี้จะเป็นประโยชน์กับหลิงหยุนในการฝึกวิชาหยางพิสุทธิ์อย่างมากในวันข้างหน้ามันจะทำให้หลิงหยุนสามารถฝึกฝนได้ก้าวหน้ารวดเร็วขึ้นกว่าเดิมถึงสองเท่าเลยทีเดียว อย่างน้อยก็ช่วยให้เขาสามารถเข้าสู่ขั้นที่สองของหยางพิสุทธิ์ได้ไม่ยากนัก
หลังจากที่สัมผัสได้ถึงแรงกดดันของอีกาลายทองตัวนี้แวมไพร์ทั้งห้าต่างก็รีบเร่งความเร็วบินหนีให้ห่างมันไปอย่างรวดเร็ว..
หลังจากที่แวมไพร์ทั้งห้าบินไปจนเกือบถึงถนนแล้วหลิงหยุนจึงสั่งว่า “เอาล่ะ.. พวกเราบินลงได้แล้ว บินไปไกลกว่านี้จะเป็นที่สังเกตเห็นของผู้คน!”
หลิงหยุนและเหล่าแวมไพร์ร่อนลงบนถนนเส้นหนึ่งและนั่นก็เป็นเวลาเกือบจะเที่ยงคืนแล้ว..
ทันทีที่ร่อนลงสู่พื้นดินหลิงหยุนก็จัดการเรียกชุดผ้าแพรไหมดำชุดใหม่ออกมาเปลี่ยน และใช้ยันต์ธาราทำความสะอาดเนื้อตัว..
“ช่างน่าเสียดายนัก..ชุดภูษาเกราะของข้าเสียหายหมดแล้ว!”
ถึงแม้เสื้อภูษาเกราะจะเป็นรูและฉีกขาดเสียหายแต่หลิงหยุนก็ยังไม่ยอมทิ้ง เพราะมันคือชุดที่เย่ซิงเฉินเป็นผู้ตัดเย็บให้เขาด้วยตัวเอง หลิงหยุนจึงล้างทำความสะอาด และเก็บกลับเข้าไปไว้ในแหวนจักรวาล.. และที่สำคัญ..ภูษาเกราะชุดนี้เป็นชุดที่หลิงหยุนใช้ใส่ในวันประลองกับตระกูลเฉินและตระกูลซัน มันจึงเปรียบเสมือนเครื่องหมายที่บอกว่า.. นับแต่คืนนี้ไปตระกูลหลิงจะกลับมาผงาด และยิ่งใหญ่ได้อีกครั้ง หลิงหยุนย่อมไม่ทิ้งมันไปอย่างแน่นอน!
หลิงหยุนเรียกรถสีดำคันยาวออกมาจากแหวนจักรวาลแล้วทุกคนรวมทั้งตี๋ยั่วถังต่างก็เข้าไปนั่งด้านใน..
“กลับไปที่คฤหาสน์ตระกูลหลิง!”
หลิงหยุนซึ่งนั่งอยู่ข้างคนขับร้องสั่งเจสเตอร์ที่ทำหน้าที่เป็นคนขับรถ..
ระหว่างที่เจสเตอร์ขับรถไปนั้น..หลิงหยุนก็เปิดจิตหยั่งรู้ของตนเองออกสำรวจดูอีกาทองคำ และพบว่ามันตกใจเสียงเครื่องยนต์ และเวลานี้ก็กำลังบินตามรถสีดำของหลิงหยุนไปในระยะห่างถึงห้าสิบเมตร
หลิงหยุนหลับตาลงพักสายตาครู่หนึ่งจึงเรียกเครื่องมือสื่อสารออกมากดหาคนเพียงสองคนเท่านั้นคือหลิงลี่กับเย่ซิงเฉิน.. “การประลองสิ้นสุดแล้วคนของตระกูลซันและตระกูลเฉินถูกข้าสังหารตายหมด! ส่วนตัวข้าไม่ได้รับบาดเจ็บอะไร ทุกอย่างเป็นไปตามแผนที่วางไว้..”
หลิงหยุนพูดสั้นๆเพียงเท่านี้..
……
ภายในคฤหาสน์ตระกูลหลิง..
หลิงลี่หลิงเสี่ยว หลิงเย่ว เหล่ากุ่ย หลิงหย่ง และเหล่าทายาทตระกูลหลิงรุ่นเล็กทั้งหมด ต่างก็สวมชุดดำรวมตัวกันอยู่ในห้องรับแขกที่สวนชั้นที่หนึ่ง..
และนอกเหนือจากสมาชิกตระกูลหลิงแล้วก็ยังมีฉินตงเฉี่วย เกาเฉินเฉิน จินเหยียว และโม่วู๋เตา!
ภายในห้องรับแขกของสวนชั้นที่หนึ่งนั้นเปิดไฟสว่างไสวสีหน้าของทุกคนต่างก็เคร่งเครียด และเต็มไปด้วยความกังวลใจ แทบไม่มีเสียงพูดคุยกันดังออกมาเลยแม้แต่น้อย เวลานี้ทุกคนต่างก็กำลังรอฟังผลการประลองอย่างใจจดใจจ่อ..
ในการประลองครั้งนี้..หลิงหยุนมั่นใจว่าตนเองจะต้องเป็นฝ่ายได้รับชัยชนะ เขาจึงได้ขอให้เกาจิ้งสงตัดสัญญาณสื่อสารรอบๆเขาหยุนเหมิงทั้งหมด
ตามแผนที่หลิงหยุนวางไว้นั้น..ทุกคนในตระกูลหลิงต่างก็เตรียมพร้อมรับมือกับศัตรู หากคนของตระกูลซันกับตระกูลเฉินบุกเข้ามาถึงคฤหาสน์ตระกูลหลิง พวกเขาก็พร้อมที่จะต่อสู้ป้องกันตัว แต่หากไม่มีผู้ใดบุกมา พวกเขาก็เพียงแค่นั่งรอฟังผลการประลองอยู่เงียบๆ
แต่ถึงแม้จะรอแล้วรอเล่า..พวกเขาก็ยังไม่ได้รับข่าวคราวใดๆจากหลิงหยุน จนกระทั่งเวลาห้าทุ่มครึ่่ง ทุกคนต่างก็เริ่มกระวนกระวาย และร้อนใจอย่างมาก
“การประลองเริ่มตั้งแต่สองทุ่ม..ผ่านไปสามชั่วโมงครึ่งแล้ว การประลองที่เนิ่นนานเช่นนี้ หลิงหยุนตัวคนเดียวจะทานทนได้เชียวรึ” หลิงลี่ถึงกับนั่งไม่ติดและเริ่มเดินวนไปวนมารอบๆห้อง พร้อมกับรำพึงรำพันออกมาเบาๆ
“แต่ดูจากที่ตระกูลซันกับตระกูลเฉินยังคงนิ่งเงียบไม่เคลื่อนไหวย่อมหมายความว่าพวกมันก็ยังไม่รู้ผลแพ้ชนะของทั้งสองฝ่ายเช่นเดียวกัน.. หลิงหยุนจึงน่าจะยังปลอดภัยดี!”
หลิงเย่ววิเคราะห์ให้ทุกคนฟังด้วยท่าทีที่สงบนิ่งหลิงเย่วนั้นเปรียบเสมือนมันสมองของตระกูลหลิง และรู้ว่าหากยังไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ จากฝ่ายตรงข้าม ทุกคนก็ควรที่จะอยู่นิ่งๆไปก่อน
“ท่านปู่หลิง..อย่าได้กังวลใจไปนัก ทุกคนต่างก็รู้ดีว่าหลิงหยุนนั้นแข็งแกร่งมากเพียงใด อีกอย่าง.. หลิงหยุนก็ไม่ได้ไปคนเดียว เขายังมีแวมไพร์ทั้งห้าไปด้วย!” ไอลีนโนเวล
“หากทุกอย่างไม่เป็นไปตามแผนและตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ หลิงหยุนจะต้องให้แวมไพร์บินกลับมารายงานพวกเราก่อนล่วงหน้าแน่!” โม่วู่เตาซึ่งอยู่ในชุดนักพรตซึ่งเป็นเอกลักษณ์ประจำตัวของตนได้เอ่ยขึ้นเป็นการปลอบใจทุกๆคน แต่ในขณะเดียวกันก็แอบรำพึงรำพันอยู่ในใจว่า
‘หลิงหยุน..เจ้าจะเป็นอะไรไม่ได้นะ! เจ้าสัญญาว่าจะพาข้าไปสำรวจสุสานใต้ดินด้วยกัน..’
แต่ในระหว่างที่ทุกคนกำลังกระวนกระวายและร้อนใจอยู่นั้น เสียงเครื่องมือสื่อสารที่หลิงลี่ว่างไว้บนโต๊ะก็ดังขึ้น หลิงลี่รีบคว้าเครื่องมือสื่อสารนั้นขึ้นมากดรับทันที
ในระหว่างที่ห้องทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบและทุกคนต่างก็นั่งนิ่งราวกับหุ่นขี้ผึ้งนั้น เสียงหัวเราะของหลิงลี่ก็ดังขึ้น..
“ฮ่า..ฮ่า.. ฮ่า..”
หลิงลี่หัวเราะเสียงดังก้องไปทั่วทั้งห้องก่อนจะวางเครื่องมือสื่อสารลงไว้ที่โต๊ะดังเดิม และร้องตะโกนออกมาเสียงดัง
“การประลองสิ้นสุดแล้ว..หลิงหยุนไม่ได้รับบาดเจ็บแม้แต่น้อย ส่วนคนของตระกูลซันกับตระกูลเฉินถูกหลิงหยุนสังหารตายจนหมด ทุกอย่างเป็นไปตามแผนที่วางไว้!”
“ลงมือได้!”
ในเวลาเดียวกันนั้น..ภายในบ้านที่อยู่ห่างไปจากตัวเมืองปักกิ่งไม่ไกลนัก หญิงสาวในชุดกระโปรงสีดำ ก็ได้ร้องตะโกนสั่งด้วยน้ำเสียงเย็นชา..
“ลงมือได้!”
“บุกไปบ้านตระกูลซัน..จัดการทำลายให้สิ้นซาก!”
……
หลังจากที่ร้องตะโกนบอกผลการประลองให้กับทุกคนรู้แล้วเขาก็เริ่มสั่งงานทันที และเรียกให้นักรบตระกูลหลิงที่ยืนอยู่หน้าประตูเข้ามา..
“หลิงชี..เจ้านำพี่น้องสิบเจ็ดคนไปสมทบกับหลิงอี๋ที่บ้านตระกูลเฉิน หากพบว่ามีการเคลื่อนไหวให้ลงมือสังหารพวกมันได้ทันที!” “ขอรับนายผู้เฒ่า!”
“แต่จำไว้ว่า..ห้ามทำร้ายเด็ก สตรี และผู้ไร้วรยุทธทั้งหมด!”
“ขอรับนายผู้เฒ่า!”
หลังจากที่ได้รับคำสั่งจากหลิงลี่แล้วหลิงชีก็กลับออกไปปฏิบัติตามคำสั่งของเขาทันที!
จากนั้น..หลิงลี่ที่ยังคงอยู่ในอาการตื่นเต้นดีใจนั้น ก็หันไปสั่งหลิงเย่วว่า “ลูกสอง.. นับจากคืนนี้ไปตระกูลหลิงของเราจะผงาดขึ้นมาอีกครั้งแล้ว เจ้าอยู่ที่นี่คอยต้อนรับแขกเหรื่อที่จะมาเยี่ยมเยียน..”
หลิงเย่วพยักหน้าพร้อมกับยิ้มออกมาด้วยความตื่นเต้นดีใจไม่แพ้กัน“ลูกน้อมรับคำสั่งท่านพ่อ..”
“ทายาทตระกูลหลิงรุ่นเล็กทั้งหมดจงฟัง..”
หลิงลี่หันไปมองหลิงหย่งหลิงเฟิง หลิงเลี่วย หลิงซิ่ว และคนอื่นๆ พร้อมกับสั่งว่า “หลิงซิ่ว หลิงเฟิง หลิงเลี่วย.. พวกเจ้าทั้งสามอยู่ที่บ้านคอยช่วยท่านพ่อของเจ้าต้อนรับแขกเหรื่อ เพราะท่านพ่อของเจ้าคงจะต้องยุ่งมากทีเดียว..”
“หลิงซี่ว..คืนนี้เจ้าก็อยู่ที่บ้านด้วย!”
“ส่วนหลิงหย่ง..คืนนี้เจ้าติดตามข้าไปบ้านตระกูลเฉิน จะได้ฝึกการต่อสู้ในสนามรบจริง!”
“ครับท่านปู่..”
หลิงหย่งตื่นเต้นดีใจอย่างมากที่หลิงลี่อนุญาตให้ตนเองติดตามไปด้วยในคืนนี้..
“แม่นางฉิน!ตระกูลซันกับตระกูลเฉินล้วนมีความแค้นต่อกัน ตระกูลเฉินได้สังหารนักรบตระกูลหลิงไปมากมาย คืนนี้ข้าจะพาพี่น้องไปล้างแค้นพวกมัน จึงไม่ต้องการให้ตระกูลฉินเข้ามาข้องเกี่ยวกับเรื่องนี้ เจ้าก็รอหลิงหยุนอยู่ที่นี่ก็แล้วกัน ไม่ทราบเจ้าคิดเห็นเช่นใด
“เรื่องนี้แล้วแต่อาวุโสหลิงเห็นสมควร!”
หลิงหยุนไม่ยินยอมให้ฉินตงเฉี่วยเข้าร่วมประลองในครั้งนี้อีกทั้งยังไม่ยอมให้นางติดตามเขาไปที่สนามประลองด้วย นางเองก็รู้ว่าหากดื้อรั้นไป ก็คงจะต้องกลายเป็นภาระของหลิงหยุน จึงตกลงที่จะรออยู่ที่บ้านตระกูลหลิง แต่จิตใจของนางนั้นล่องลอยไปอยู่ที่เขาหยุนเหมิงตลอดทั้งคืนแล้ว..
แต่เมื่อรู้ว่าหลิงหยุนเป็นฝ่ายได้รับชัยชนะอีกทั้งยังไม่ได้รับอันตรายใดๆ นางจึงรู้สึกโล่งอก และมีความสุขอย่างมาก!
“แม่นางจินเหยียว..เวลานี้เจ้าเองก็เป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุด ข้าต้องขอรบกวนให้เจ้าอยู่ที่นี่เพื่อดูแลความปลอดภัยให้ด้วย”
หลิงลี่ไม่ยอมให้จินเหยียวไปกับตนด้วยเช่นกันเพราะจินเหยียวนั้นเป็นคนของพรรคมาร หากไปปรากฏตัวต่อหน้าเหล่าชาวยุทธ ก็อาจจะสร้างปัญหาให้กับตนและตระกูลหลิงได้..
และนี่เป็นเรื่องที่หลิงหยุนได้บอกกับจินเหยียวก่อนที่จะเดินทางไปสนามประลองแล้วนางจึงรีบตอบตกลงทันที! “เฉินเฉิน..หลิงหยุนกำลังเดินทางกลับมาที่บ้าน เจ้าก็รอเขาอยู่ที่นี่ก็แล้วกัน อย่าลืมบอกข่าวดีนี้ให้ปู่ของเจ้ารู้ด้วยล่ะ!”
“ค่ะท่านปู่..”
เกาเฉินเฉินรู้ว่าหลิงหยุนปลอดภัยดีก็รู้สึกราวกับได้ยกภูเขาออกจากอก..
“โม่วู่เตา..เจ้าเองก็อยู่ที่บ้านนะ! หากตระกูลหลงบุกเข้ามาจริงๆ เจ้าจะได้ช่วยทุกคนได้!”
ก่อนที่หลิงลี่จะออกไปนั้นเขาก็อดกังวลไม่ได้ว่าตระกูลหลงจะส่งคนบุกเข้ามาจัดการกับตระกูลหลิง..
โม่วู๋เตายิ้มกว้างพร้อมกับตอบไปว่า“ท่านปู่หลิง! ข้าได้เตรียมการตามที่หลิงหยุนสั่งไว้แล้ว หากคนของตระกูลหลงบุกเข้ามาจริง ข้าจะจัดการเผาพวกมันให้หมดไม่ให้เหลือ!”
“ดีมาก!ฮ่า.. ฮ่า..”
หลิงลี่นึกถึงแผนที่หลิงหยุนจะใช้จัดการกับตระกูลหลงขึ้นมาก็ถึงกับหัวเราะออกมาเสียงดัง จากนั้นจึงหันไปพูดกับทุกคนว่า
“เอาล่ะ..ลูกสาม หลิงหย่ง เหล่ากุ่ย.. พวกเจ้าสามคนไปตระกูลเฉินพร้อมกับข้า แก้แค้นให้กับนักรบตระกูลหลิงที่ตายไป!”
จากนั้น..หลิงลี่ หลิงเสี่ยว หลิงหย่ง และเหล่ากุ่ย ทั้งสี่คนก็นั่งรถมุ่งหน้าไปยังคฤหาสนต์ตระกูลเฉินที่ชานเมืองด้านใต้ทันที!
ทั้งหมดไปด้วยมือเปล่าและไม่จำเป็นต้องแบกอาวุธไปด้วย เพราะทั้งหมดล้วนแล้วแต่มีแหวนพื้นที่ด้วยกันทุกคน!
แต่ครั้งนี้..ไม่ว่าหลิงหยุนจะพยายามสำรวจดูอย่างละเอียดเพียงใด เขาก็ไม่พบผู้ใดเลยแม้แต่คนเดียว บนท้องฟ้าเหนือศรีษะของเขานั้นมีเพียงทางช้างเผือก และดวงดาวที่พร่างพรายอยู่เต็มท้องฟ้าเท่านั้น..
และเวลานี้..ทั้งหลงฮ่าวหลานและเย่ชิงซินก็ไม่รู้ว่าจากไปตั้งแต่เมื่อใด และไปในทิศทางใด?
แม้ว่าหลิงหยุนจะสำรวจไม่พบอะไรแต่เขาก็มั่นใจว่ามีคนจ้องมองเขาอยู่ และคนผู้นั้นจะต้องมีกำลังภายในสูงส่ง จึงจะสามารถที่จะล่องลอยอยู่บนอากาศได้เนิ่นนานเช่นนั้น..
สำหรับยอดฝีมือในโลกนี้ที่ฝึกจนถึงขั้นมีพลังเหนือธรรมชาติจะสามารเหาะเหินเดินอากาศได้หรือไม่นั้น หลิงหยุนไม่อาจรู้ได้ แต่สำหรับผู้ฝึกบ่มเพาะพลังในแบบของเขานั้น อย่างน้อยก็ต้องเข้าสู่ด่านกลางของขั้นพลังชี่ คือตั้งแต่ขั้นซื่อเฉิงชี่ (ขั้นพลังชี่-4) ขึ้นไปแล้วเท่านั้น จึงจะสามารถทำเช่นนั้นได้..
“หรือจะเป็นตระกูลหลงหรือว่าจะเป็นตระกูลเย่? แต่ไม่น่าว่าอาจจะเป็นยอดฝีมือจากหน่วยนภาก็เป็นได้? น่าเสียดายที่ความแข็งแกร่ง และไพ่ในมือของข้า กลับถูกผู้อื่นล่วงรู้ไปมากทีเดียว..”
หลิงหยุนฉุกคิดขึ้นมาได้ก็ถึงกับพึมพำออกมาอย่างนึกเสียดาย..
หลังจากจัดการทำความสะอาดสนามประลองจนเรียบร้อยแล้วหลิงหยุนกับแวมไพร์ทั้งห้าจึงกลับออกไปจากหุบเขาทันที และหลังจากที่ได้ผ่านการประลองที่ดุเดือดไป เวลานี้ทุกคนต่างก็เหนื่อยล้าอย่างมากแล้ว.. ระหว่างทางที่บินกลับนั้น..พอลเป็นผู้ที่ทำหน้าที่อุ้มร่างของตี๋ยั่วถังบินกลับไปด้วย แต่ในระหว่างนั้นก็มีสมาชิกใหม่บินตามพวกเขากลับไปด้วยเช่นกัน
นั่นก็คือ..อีกาทองคำตัวนั้นนั่นเอง!
อีกาทองคำบินตามกลุ่มของหลิงหยุนไปห่างๆจนกระทั่งผ่านไปครู่หนึ่ง เมื่อมั่นใจว่าอีกฝ่ายไม่เป็นอันตรายต่อตัวเองแล้ว อีกาทองคำตัวนั้นจึงค่อยๆ บินเข้าไปใกล้หลิงหยุนมากขึ้นเรื่อยๆ
‘เจ้านี่ทั้งเฉลียวฉลาดแล้วก็ระมัดระวังตัวมากเลยทีเดียว!’
หลิงหยุนซึ่งยืนอยู่บนแผ่นหลังของเอ็ดเวิร์ดเห็นท่าทางของอีกาทองคำนั้น ก็แสร้งทำเป็นเมินหน้ามองไปทางอื่นไม่สนใจมัน แต่ในใจกลับนึกชื่นชม และพอใจไม่น้อย
หากจะว่าไปแล้ว..อีกาทองคำตัวนี้ดูเหมือนจะเป็นกำไรชิ้นโตที่หลิงหยุนได้รับจากการประลองในคืนนี้ เขาตื่นเต้นยิ่งกว่าได้เห็นมังกรโลหิตเสียอีก เพราะนั่นคือสมบัติของเขาอยู่แล้ว..
ถึงแม้หลิงหยุนจะดูพอใจกับอีกาทองคำมากแต่ดูเหมือนแวมไพร์ทั้งห้าจะไม่คิดเช่นนั้น พวกมันมองดูอีกาทองคำด้วยสีหน้าหวาดระแวงอยู่ตลอดเวลา นั่นเพราะทุกครั้งที่อีกาทองคำเข้าใกล้พวกมันทั้งห้า จะทำให้พวกมันรู้สึกหวาดกลัวจนสะดุ้ง และไม่สบายใจ พวกมันจึงพยายามที่จะบินหนีให้ห่างจากอีกาทองคำตัวนี้มากที่สุด..
“เจ้านายที่เคารพ..เหตุใดต้องให้อีกาสีดำตัวใหญ่นี้บินตามไปด้วย พวกเรารู้สึกไม่สบายเนื้อสบายตัวเลย!”
เจสเตอร์ที่บินอยู่บนท้องฟ้าไม่อาจอดรนทนต่อไปได้อีกจึงร้องถามหลิงหยุนขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อย..
“ไม่แปลกที่พวกเจ้าจะรู้สึกไม่สบายเนื้อไม่สบายตัวเช่นนั้นแต่อีกสองสามเดือนทุกอย่างจะดีขึ้นเอง!”
หลิงหยุนร้องบอกไปพร้อมกับยิ้มออกมาแต่ก็ไม่อธิบายอะไรมากไปกว่านั้น.. แวมไพร์นั้นจัดว่าเป็นเจ้าแห่งรัตติกาล..แต่สิ่งที่พวกมันเกลียดกลัวที่สุดก็คือแสงอาทิตย์ และอีกาทองคำ!
แต่แน่นอนว่า..อีกาตัวนี้ยังเป็นเพียงแค่อีกาลายทองที่ยังห่างไกลจากอีกทองคำจริงๆ หลายเท่านัก แต่หากอีกาลายทองตัวนี้โชคดี มันก็จะสามารถพัฒนาร่างเป็นอีกาทองคำจริงๆ ได้ในวันข้างหน้า..
คืนนี้..การที่อีกาลายทองปรากฏตัวให้เห็น ไม่ใช่เพราะซากศพกองมหึมานั่น แต่เป็นเพราะหยางบริสุทธิ์ที่หลิงหยุนปลดปล่อยออกมาในระหว่างที่สู้รบต่างหาก
อีกาลายทองตัวนี้จะเป็นประโยชน์กับหลิงหยุนในการฝึกวิชาหยางพิสุทธิ์อย่างมากในวันข้างหน้ามันจะทำให้หลิงหยุนสามารถฝึกฝนได้ก้าวหน้ารวดเร็วขึ้นกว่าเดิมถึงสองเท่าเลยทีเดียว อย่างน้อยก็ช่วยให้เขาสามารถเข้าสู่ขั้นที่สองของหยางพิสุทธิ์ได้ไม่ยากนัก
หลังจากที่สัมผัสได้ถึงแรงกดดันของอีกาลายทองตัวนี้แวมไพร์ทั้งห้าต่างก็รีบเร่งความเร็วบินหนีให้ห่างมันไปอย่างรวดเร็ว..
หลังจากที่แวมไพร์ทั้งห้าบินไปจนเกือบถึงถนนแล้วหลิงหยุนจึงสั่งว่า “เอาล่ะ.. พวกเราบินลงได้แล้ว บินไปไกลกว่านี้จะเป็นที่สังเกตเห็นของผู้คน!”
หลิงหยุนและเหล่าแวมไพร์ร่อนลงบนถนนเส้นหนึ่งและนั่นก็เป็นเวลาเกือบจะเที่ยงคืนแล้ว..
ทันทีที่ร่อนลงสู่พื้นดินหลิงหยุนก็จัดการเรียกชุดผ้าแพรไหมดำชุดใหม่ออกมาเปลี่ยน และใช้ยันต์ธาราทำความสะอาดเนื้อตัว..
“ช่างน่าเสียดายนัก..ชุดภูษาเกราะของข้าเสียหายหมดแล้ว!”
ถึงแม้เสื้อภูษาเกราะจะเป็นรูและฉีกขาดเสียหายแต่หลิงหยุนก็ยังไม่ยอมทิ้ง เพราะมันคือชุดที่เย่ซิงเฉินเป็นผู้ตัดเย็บให้เขาด้วยตัวเอง หลิงหยุนจึงล้างทำความสะอาด และเก็บกลับเข้าไปไว้ในแหวนจักรวาล.. และที่สำคัญ..ภูษาเกราะชุดนี้เป็นชุดที่หลิงหยุนใช้ใส่ในวันประลองกับตระกูลเฉินและตระกูลซัน มันจึงเปรียบเสมือนเครื่องหมายที่บอกว่า.. นับแต่คืนนี้ไปตระกูลหลิงจะกลับมาผงาด และยิ่งใหญ่ได้อีกครั้ง หลิงหยุนย่อมไม่ทิ้งมันไปอย่างแน่นอน!
หลิงหยุนเรียกรถสีดำคันยาวออกมาจากแหวนจักรวาลแล้วทุกคนรวมทั้งตี๋ยั่วถังต่างก็เข้าไปนั่งด้านใน..
“กลับไปที่คฤหาสน์ตระกูลหลิง!”
หลิงหยุนซึ่งนั่งอยู่ข้างคนขับร้องสั่งเจสเตอร์ที่ทำหน้าที่เป็นคนขับรถ..
ระหว่างที่เจสเตอร์ขับรถไปนั้น..หลิงหยุนก็เปิดจิตหยั่งรู้ของตนเองออกสำรวจดูอีกาทองคำ และพบว่ามันตกใจเสียงเครื่องยนต์ และเวลานี้ก็กำลังบินตามรถสีดำของหลิงหยุนไปในระยะห่างถึงห้าสิบเมตร
หลิงหยุนหลับตาลงพักสายตาครู่หนึ่งจึงเรียกเครื่องมือสื่อสารออกมากดหาคนเพียงสองคนเท่านั้นคือหลิงลี่กับเย่ซิงเฉิน.. “การประลองสิ้นสุดแล้วคนของตระกูลซันและตระกูลเฉินถูกข้าสังหารตายหมด! ส่วนตัวข้าไม่ได้รับบาดเจ็บอะไร ทุกอย่างเป็นไปตามแผนที่วางไว้..”
หลิงหยุนพูดสั้นๆเพียงเท่านี้..
……
ภายในคฤหาสน์ตระกูลหลิง..
หลิงลี่หลิงเสี่ยว หลิงเย่ว เหล่ากุ่ย หลิงหย่ง และเหล่าทายาทตระกูลหลิงรุ่นเล็กทั้งหมด ต่างก็สวมชุดดำรวมตัวกันอยู่ในห้องรับแขกที่สวนชั้นที่หนึ่ง..
และนอกเหนือจากสมาชิกตระกูลหลิงแล้วก็ยังมีฉินตงเฉี่วย เกาเฉินเฉิน จินเหยียว และโม่วู๋เตา!
ภายในห้องรับแขกของสวนชั้นที่หนึ่งนั้นเปิดไฟสว่างไสวสีหน้าของทุกคนต่างก็เคร่งเครียด และเต็มไปด้วยความกังวลใจ แทบไม่มีเสียงพูดคุยกันดังออกมาเลยแม้แต่น้อย เวลานี้ทุกคนต่างก็กำลังรอฟังผลการประลองอย่างใจจดใจจ่อ..
ในการประลองครั้งนี้..หลิงหยุนมั่นใจว่าตนเองจะต้องเป็นฝ่ายได้รับชัยชนะ เขาจึงได้ขอให้เกาจิ้งสงตัดสัญญาณสื่อสารรอบๆเขาหยุนเหมิงทั้งหมด
ตามแผนที่หลิงหยุนวางไว้นั้น..ทุกคนในตระกูลหลิงต่างก็เตรียมพร้อมรับมือกับศัตรู หากคนของตระกูลซันกับตระกูลเฉินบุกเข้ามาถึงคฤหาสน์ตระกูลหลิง พวกเขาก็พร้อมที่จะต่อสู้ป้องกันตัว แต่หากไม่มีผู้ใดบุกมา พวกเขาก็เพียงแค่นั่งรอฟังผลการประลองอยู่เงียบๆ
แต่ถึงแม้จะรอแล้วรอเล่า..พวกเขาก็ยังไม่ได้รับข่าวคราวใดๆจากหลิงหยุน จนกระทั่งเวลาห้าทุ่มครึ่่ง ทุกคนต่างก็เริ่มกระวนกระวาย และร้อนใจอย่างมาก
“การประลองเริ่มตั้งแต่สองทุ่ม..ผ่านไปสามชั่วโมงครึ่งแล้ว การประลองที่เนิ่นนานเช่นนี้ หลิงหยุนตัวคนเดียวจะทานทนได้เชียวรึ” หลิงลี่ถึงกับนั่งไม่ติดและเริ่มเดินวนไปวนมารอบๆห้อง พร้อมกับรำพึงรำพันออกมาเบาๆ
“แต่ดูจากที่ตระกูลซันกับตระกูลเฉินยังคงนิ่งเงียบไม่เคลื่อนไหวย่อมหมายความว่าพวกมันก็ยังไม่รู้ผลแพ้ชนะของทั้งสองฝ่ายเช่นเดียวกัน.. หลิงหยุนจึงน่าจะยังปลอดภัยดี!”
หลิงเย่ววิเคราะห์ให้ทุกคนฟังด้วยท่าทีที่สงบนิ่งหลิงเย่วนั้นเปรียบเสมือนมันสมองของตระกูลหลิง และรู้ว่าหากยังไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ จากฝ่ายตรงข้าม ทุกคนก็ควรที่จะอยู่นิ่งๆไปก่อน
“ท่านปู่หลิง..อย่าได้กังวลใจไปนัก ทุกคนต่างก็รู้ดีว่าหลิงหยุนนั้นแข็งแกร่งมากเพียงใด อีกอย่าง.. หลิงหยุนก็ไม่ได้ไปคนเดียว เขายังมีแวมไพร์ทั้งห้าไปด้วย!” ไอลีนโนเวล
“หากทุกอย่างไม่เป็นไปตามแผนและตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ หลิงหยุนจะต้องให้แวมไพร์บินกลับมารายงานพวกเราก่อนล่วงหน้าแน่!” โม่วู่เตาซึ่งอยู่ในชุดนักพรตซึ่งเป็นเอกลักษณ์ประจำตัวของตนได้เอ่ยขึ้นเป็นการปลอบใจทุกๆคน แต่ในขณะเดียวกันก็แอบรำพึงรำพันอยู่ในใจว่า
‘หลิงหยุน..เจ้าจะเป็นอะไรไม่ได้นะ! เจ้าสัญญาว่าจะพาข้าไปสำรวจสุสานใต้ดินด้วยกัน..’
แต่ในระหว่างที่ทุกคนกำลังกระวนกระวายและร้อนใจอยู่นั้น เสียงเครื่องมือสื่อสารที่หลิงลี่ว่างไว้บนโต๊ะก็ดังขึ้น หลิงลี่รีบคว้าเครื่องมือสื่อสารนั้นขึ้นมากดรับทันที
ในระหว่างที่ห้องทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบและทุกคนต่างก็นั่งนิ่งราวกับหุ่นขี้ผึ้งนั้น เสียงหัวเราะของหลิงลี่ก็ดังขึ้น..
“ฮ่า..ฮ่า.. ฮ่า..”
หลิงลี่หัวเราะเสียงดังก้องไปทั่วทั้งห้องก่อนจะวางเครื่องมือสื่อสารลงไว้ที่โต๊ะดังเดิม และร้องตะโกนออกมาเสียงดัง
“การประลองสิ้นสุดแล้ว..หลิงหยุนไม่ได้รับบาดเจ็บแม้แต่น้อย ส่วนคนของตระกูลซันกับตระกูลเฉินถูกหลิงหยุนสังหารตายจนหมด ทุกอย่างเป็นไปตามแผนที่วางไว้!”
“ลงมือได้!”
ในเวลาเดียวกันนั้น..ภายในบ้านที่อยู่ห่างไปจากตัวเมืองปักกิ่งไม่ไกลนัก หญิงสาวในชุดกระโปรงสีดำ ก็ได้ร้องตะโกนสั่งด้วยน้ำเสียงเย็นชา..
“ลงมือได้!”
“บุกไปบ้านตระกูลซัน..จัดการทำลายให้สิ้นซาก!”
……
หลังจากที่ร้องตะโกนบอกผลการประลองให้กับทุกคนรู้แล้วเขาก็เริ่มสั่งงานทันที และเรียกให้นักรบตระกูลหลิงที่ยืนอยู่หน้าประตูเข้ามา..
“หลิงชี..เจ้านำพี่น้องสิบเจ็ดคนไปสมทบกับหลิงอี๋ที่บ้านตระกูลเฉิน หากพบว่ามีการเคลื่อนไหวให้ลงมือสังหารพวกมันได้ทันที!” “ขอรับนายผู้เฒ่า!”
“แต่จำไว้ว่า..ห้ามทำร้ายเด็ก สตรี และผู้ไร้วรยุทธทั้งหมด!”
“ขอรับนายผู้เฒ่า!”
หลังจากที่ได้รับคำสั่งจากหลิงลี่แล้วหลิงชีก็กลับออกไปปฏิบัติตามคำสั่งของเขาทันที!
จากนั้น..หลิงลี่ที่ยังคงอยู่ในอาการตื่นเต้นดีใจนั้น ก็หันไปสั่งหลิงเย่วว่า “ลูกสอง.. นับจากคืนนี้ไปตระกูลหลิงของเราจะผงาดขึ้นมาอีกครั้งแล้ว เจ้าอยู่ที่นี่คอยต้อนรับแขกเหรื่อที่จะมาเยี่ยมเยียน..”
หลิงเย่วพยักหน้าพร้อมกับยิ้มออกมาด้วยความตื่นเต้นดีใจไม่แพ้กัน“ลูกน้อมรับคำสั่งท่านพ่อ..”
“ทายาทตระกูลหลิงรุ่นเล็กทั้งหมดจงฟัง..”
หลิงลี่หันไปมองหลิงหย่งหลิงเฟิง หลิงเลี่วย หลิงซิ่ว และคนอื่นๆ พร้อมกับสั่งว่า “หลิงซิ่ว หลิงเฟิง หลิงเลี่วย.. พวกเจ้าทั้งสามอยู่ที่บ้านคอยช่วยท่านพ่อของเจ้าต้อนรับแขกเหรื่อ เพราะท่านพ่อของเจ้าคงจะต้องยุ่งมากทีเดียว..”
“หลิงซี่ว..คืนนี้เจ้าก็อยู่ที่บ้านด้วย!”
“ส่วนหลิงหย่ง..คืนนี้เจ้าติดตามข้าไปบ้านตระกูลเฉิน จะได้ฝึกการต่อสู้ในสนามรบจริง!”
“ครับท่านปู่..”
หลิงหย่งตื่นเต้นดีใจอย่างมากที่หลิงลี่อนุญาตให้ตนเองติดตามไปด้วยในคืนนี้..
“แม่นางฉิน!ตระกูลซันกับตระกูลเฉินล้วนมีความแค้นต่อกัน ตระกูลเฉินได้สังหารนักรบตระกูลหลิงไปมากมาย คืนนี้ข้าจะพาพี่น้องไปล้างแค้นพวกมัน จึงไม่ต้องการให้ตระกูลฉินเข้ามาข้องเกี่ยวกับเรื่องนี้ เจ้าก็รอหลิงหยุนอยู่ที่นี่ก็แล้วกัน ไม่ทราบเจ้าคิดเห็นเช่นใด
“เรื่องนี้แล้วแต่อาวุโสหลิงเห็นสมควร!”
หลิงหยุนไม่ยินยอมให้ฉินตงเฉี่วยเข้าร่วมประลองในครั้งนี้อีกทั้งยังไม่ยอมให้นางติดตามเขาไปที่สนามประลองด้วย นางเองก็รู้ว่าหากดื้อรั้นไป ก็คงจะต้องกลายเป็นภาระของหลิงหยุน จึงตกลงที่จะรออยู่ที่บ้านตระกูลหลิง แต่จิตใจของนางนั้นล่องลอยไปอยู่ที่เขาหยุนเหมิงตลอดทั้งคืนแล้ว..
แต่เมื่อรู้ว่าหลิงหยุนเป็นฝ่ายได้รับชัยชนะอีกทั้งยังไม่ได้รับอันตรายใดๆ นางจึงรู้สึกโล่งอก และมีความสุขอย่างมาก!
“แม่นางจินเหยียว..เวลานี้เจ้าเองก็เป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุด ข้าต้องขอรบกวนให้เจ้าอยู่ที่นี่เพื่อดูแลความปลอดภัยให้ด้วย”
หลิงลี่ไม่ยอมให้จินเหยียวไปกับตนด้วยเช่นกันเพราะจินเหยียวนั้นเป็นคนของพรรคมาร หากไปปรากฏตัวต่อหน้าเหล่าชาวยุทธ ก็อาจจะสร้างปัญหาให้กับตนและตระกูลหลิงได้..
และนี่เป็นเรื่องที่หลิงหยุนได้บอกกับจินเหยียวก่อนที่จะเดินทางไปสนามประลองแล้วนางจึงรีบตอบตกลงทันที! “เฉินเฉิน..หลิงหยุนกำลังเดินทางกลับมาที่บ้าน เจ้าก็รอเขาอยู่ที่นี่ก็แล้วกัน อย่าลืมบอกข่าวดีนี้ให้ปู่ของเจ้ารู้ด้วยล่ะ!”
“ค่ะท่านปู่..”
เกาเฉินเฉินรู้ว่าหลิงหยุนปลอดภัยดีก็รู้สึกราวกับได้ยกภูเขาออกจากอก..
“โม่วู่เตา..เจ้าเองก็อยู่ที่บ้านนะ! หากตระกูลหลงบุกเข้ามาจริงๆ เจ้าจะได้ช่วยทุกคนได้!”
ก่อนที่หลิงลี่จะออกไปนั้นเขาก็อดกังวลไม่ได้ว่าตระกูลหลงจะส่งคนบุกเข้ามาจัดการกับตระกูลหลิง..
โม่วู๋เตายิ้มกว้างพร้อมกับตอบไปว่า“ท่านปู่หลิง! ข้าได้เตรียมการตามที่หลิงหยุนสั่งไว้แล้ว หากคนของตระกูลหลงบุกเข้ามาจริง ข้าจะจัดการเผาพวกมันให้หมดไม่ให้เหลือ!”
“ดีมาก!ฮ่า.. ฮ่า..”
หลิงลี่นึกถึงแผนที่หลิงหยุนจะใช้จัดการกับตระกูลหลงขึ้นมาก็ถึงกับหัวเราะออกมาเสียงดัง จากนั้นจึงหันไปพูดกับทุกคนว่า
“เอาล่ะ..ลูกสาม หลิงหย่ง เหล่ากุ่ย.. พวกเจ้าสามคนไปตระกูลเฉินพร้อมกับข้า แก้แค้นให้กับนักรบตระกูลหลิงที่ตายไป!”
จากนั้น..หลิงลี่ หลิงเสี่ยว หลิงหย่ง และเหล่ากุ่ย ทั้งสี่คนก็นั่งรถมุ่งหน้าไปยังคฤหาสนต์ตระกูลเฉินที่ชานเมืองด้านใต้ทันที!
ทั้งหมดไปด้วยมือเปล่าและไม่จำเป็นต้องแบกอาวุธไปด้วย เพราะทั้งหมดล้วนแล้วแต่มีแหวนพื้นที่ด้วยกันทุกคน!